ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *~Timeless Love~* [Fic TVXQ]

    ลำดับตอนที่ #11 : >>> 11

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 50


    * คำแนะนำ ::: ถ้าจะให้ดีเปิดเพลง Unforgettable ด้วยล่ะจะเข้ากับบรรยากาศมากๆ

    *~Timeless Love~*


    ...Unforgettable...


    ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิท เวลาพลบค่ำของเมืองที่เต็มไปด้วงแสงสี,ความรื่นรมย์และความงดงาม กลับตรงกันข้ามกับจิตใจของชายหนุ่มเสียเหลือเกิน จิตใจที่มีเพียงความมืดมน,ความเจ็บปวด และความทุกทรมาน  ในใจชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนมากมายจนแยกไม่ออกไม่รู้ตัวว่าควรเลือกหนทางใดในเมื่อ



     

    โกหก ทุกๆสิ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่โกหกทั้งนั้น คำกล่าวที่ว่า เวลาจะทำให้ผมลืมคุณได้


    ...ขอโทษที่ฉันโกหกนายแจจุง  ฉันไม่เคยลืมนายเลยแม้แต่วินาทีเดียว ถึงจะมีจุนซูอยู่เคียงข้างฉันก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป...


    ความเจ็บปวดหลังจากการจากลาทำให้หัวใจรู้สึกชาเล็กน้อย แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณก็ยังคงเหมือนเดิม



    ...ช่วงเวลาที่ฉันตัดสินใจจะลืมนาย ฉันเจ็บปวดทรมาน เพราะทำยังไงฉันก็ลืมไม่ได้ ยิ่งลืมเหมือนยิ่งตอกย้ำให้จำฝังใจ...


    ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยคิดว่ามันจะทำได้ง่ายๆ



    แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะทำไม่ได้...


    จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปนานแสนนาน



    ...ฉันปิดบังความรู้สึกที่มีต่อนาย เพื่อให้จุนซูไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวด...




    เวลาที่ผ่านไปเริ่มทำให้...นาย...ที่อยู่ในความทรงจำของฉันเริ่มเลือนราง กลายเป็นจุนซูที่เข้ามาแทนที่ ฉันคิดว่าฉันกำลังจะลืมนายได้จนหมดหัวใจ วันก่อนที่จะพบนายฉันคิดว่าฉันจะทิ้งสร้อยเส้นนี้ไป เพราะถ้ายังเก็บไว้ฉันกลัวจุนซูเห็นแล้วจะต้องร้องไห้...



    แต่วันนั้น...นายกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีกครั้ง



    นายยังเหมือนเดิมทุกอย่างมีเพียงเส้นผมที่ยาวขึ้นและใบหน้าที่ดูเรียวสวยขึ้นที่ต่างไปจากเดิม


    ความจริงฉันดีใจมากที่ได้พบนายอีกครั้ง



    แต่รอยที่คอนายมันทำให้ฉันรู้สึกโกรธที่นายกลายเป็นของคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน



    ฉันถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกไป...และพยายามลบภาพนายออกไปจากความทรงจำของฉันอีกครั้ง...




     แม้ว่าผมจะพยายามกำจัดมันออกไปจากใจของผม แต่นั่นผมก็ทำพลาดไป  

    ผมยังคงรักคุณ ผมยังคงต้องการคุณ ไม่มีคุณ ผมไม่สามารถอยู่อย่างปกติได้
    ถึงแม้ว่า ผมอาจจะเป็นเหมือนคน ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ผมคิดถึงคุณ

    ผมไม่เคยหยุดรักคุณ และความรักที่ผมมีต่อคุณก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง


    ...ฉันรู้แล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อนายนั้นคืออะไร มันคือความรักอย่างไม่ต้องสงสัย เวลาไม่เคยทำให้ฉันลืมนายได้ มันทำให้ฉันรักนายมากขึ้น ยิ่งนายกลับมาพร้อมกับสร้อยเส้นนั้น กลับมาพร้อมกับสัญญาของเรา สัญญาที่ว่า...เราสองคนจะรักกันตลอดไป...



    ขอโทษนะแจจุง ตอนนี้ฉันกลับไปรักนายไม่ได้อีกแล้ว...

    เพราะฉันมีจุนซูอยู่เคียงข้างแล้ว...

    ฉันปล่อยให้จุนซูอยู่เพียงลำพังไม่ได้...

    ฉันไม่อยากให้เขาต้องเสียใจหรือเจ็บปวด ...

    ฉันไม่อยากเห็นเขาต้องร้องไห้...

    ฉันทำไม่ได้จริงๆแจจุง  

    ฉันสัญญากับจุนซูแล้วว่าฉันจะไม่มีวันทิ้งเขาไป...

    ...ดังนั้น...

    สัญญาของฉันกับนายมันต้องจบลงจริงๆแล้วล่ะ

    นายจะมาโทษฉันไม่ได้หรอกนะ

    ในเมื่อนายเป็นฝ่ายทิ้งฉันไปเอง

    คงไม่ผิดใช่มั้ยที่ฉันจะผิดสัญญากับนาย

    ในเมื่อคนที่ผิดสัญญานั้นก่อนก็คือนายน่ะ

    ...ขอโทษนะ...



    ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิทอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าใดที่เขายืนอยู่ตรงนี้  แต่ก็คงเป็นเวลานานมากเพราะแสงไฟของสถานที่ต่างในเมืองที่เขาอาศัยอยู่นั้นเริ่มมืดลงทีละที่จนเหลือเพียง
      3 – 4 แห่งเท่านั้น



    บัดนี้ชายหนุ่มได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะตัดสินใจกับหัวใจที่สับสนของตัวเอง...อย่างไร




    จุนซูสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะลมหนาวที่พัดมาจากหน้าต่าง ร่างเล็กลุกขึ้นพลางมองที่มาของลมซึ่งเป็นหน้าต่างระเบียงที่ถูกเปิดไว้ด้านนอกมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ร่างเล็กรักสุดหัวใจกำลังยืนมองไปยังท้องฟ้าสีมืดสนิท



    ...ยุนโฮ  ทำไมแผ่นหลังนายถึงดูเศร้านักนะ...

    ...เพราะฉันใช่มั้ยนายถึงเป็นอย่างนี้...

    ...ฉันใช่มั้ยที่ทำให้นายเจ็บปวด...

    ...ถ้าความรักของฉันมันทำให้นายเจ็บปวดนัก...

    ...ฉันจะปล่อยนายไปก็ได้...



    "
    ยุนโฮ..." เสียงหวานจากด้านหลังของชายหนุ่มดังขึ้น เรียกให้ยุนโฮเดินกลับไปนั่งลงข้างๆร่างเล็กบนเตียง

    "
    ยุนโฮฉันขอโทษนะ นายจะกลับไปหาแจจุงก็ได้นะ นายยังรักเขาอยู่ใช่มั้ย? ไปเถอะฉันจะไม่ว่าอะไรนายแม้แต่คำเดียว.... ฉันไม่อยากเห็นนายต้องอดทนอยู่กับฉันหรอก เพียงเพราะคำสัญญาของยูชอน หรือของฉันหรอกนะ " ร่างเล็กยอมเอ่ยออกมาทั้งที่ตัวเองนั้นก็เจ็บไม่แพ้กันที่ต้องปล่อยชายหนุ่มไป แต่ถ้ามันเป็นความสุขของยุนโฮเขาก็จะทำ เอาเถอะแค่เจ็บปวดอีกครั้งจะเป็นไรไป เพื่อความสุขของยุนโฮ...



    "
    ไม่!!!~ จุนซู ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น... ฉันรักนาย... รักนายคนเดียวเท่านั้นจุนซู นายจะทิ้งฉันไปเหรอ?" คำปฏิเสธเสียงแข็งของชายหนุ่มที่เรียกน้ำใสให้ไหลรินลงมาอีกครั้ง



    "
    อย่าโกหกตัวเองเลยยุนโฮ  นายยังรักเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นนายจะเก็บมันไว้ทำไม?" ร่างเล็กหมายถึงโลหะสีเงินที่บัดนี้วางอยู่ตรงหัวเตียง



    "
    จุนซู...ฉันขอโทษ ความจริงฉันตั้งใจจะทิ้งมันไปตั้งนานแล้ว  ถ้าสร้อยเส้นนี้มันทำให้นายเจ็บปวดนักฉันจะทิ้งมันไปจะได้ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความรู้สึกของเราสองคนอีก จุนซูตลอด 2 ปีที่ผ่านมาฉันอยากให้นายรู้ไว้ทุกการกระทำของฉันมันเป็นความจริงไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่ความรู้สึกหลอกลวง วันนั้นฉันรักนาย... วันนี้ฉันก็ยังรักนายอยู่... แต่ถ้านายไม่รักฉัน นายจะไปจากฉันจริงๆ  ฉันก็..." ชายหนุ่มเงียบไปในขณะที่ร่างเล็กหันมาโอบคอยุนโฮไว้...



    "
    ไม่ยุนนี่... ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรักนาย...ฉันรักนาย...อย่าทิ้งฉันไปนะ..." สุดท้ายเพราะความอ่อนแอร่างเล็กก็ตัดใจปล่อยชายหนุ่มไปไม่ได้อยู่ดี



    "
    แน่นอนครับ จุงยุนโฮคนนี้จะรักคิมจุนซูตลอดไปนะครับ..." เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาข้างหู คำบอกรัก แต่สำหรับจุนซู ขอแค่เป็นยุนโฮ...อะไรเขาก็ยอมได้ทั้งนั้น...









    รถเบนซ์คันหรูแล่นอยู่บนท้องถนนด้วยความเร็วสูง ตามความร้อนใจของผู้ขับ สถานที่ที่มุ่งหน้าไปคือคฤหาสน์อันสูงใหญ่แต่เงียบเหงาของตระกูลคิม  ชายหนุ่มไม่เคยกลับมาที่นี่เลยนับตั้งแต่สองปีก่อนจะจากไปอเมริกา เสียงเครื่องยนต์ค่อยดับลงเมื่ออยู่หน้าจุดหมาย ยูชอนตรงเข้าไปในบ้าน ก่อนจะพบกับแม่บ้านซอฮุนที่ออกมาต้อนรับ...




    "
    สวัสดีค่ะ คุณยูชอนไม่ได้เจอกันนานนะค่ะ คุณหนูรออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ" แม่บ้านประจำตระกูลเอ่ยทักทายชายหนุ่มเพื่อนคุณหนูของเธอที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาถึงสองปี...



    "
    รอ? แจจุงรอผมอยู่เหรอครับ?" ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ ในเมื่อเขาไม่ได้บอกแจจุงว่าจะมาหาสักหน่อย



    "
    ค่ะ เห็นคุณหนูบอกว่า บางทีวันนี้คุณอาจจะมาหาเลยให้ดิฉันรอนะค่ะ..."



    "
    ขอบคุณมากนะครับป้า งั้นผมขึ้นไปหาแจจุงก่อนนะครับ..." ชายหนุ่มบอกหญิงสาวก่อนจะเดินลิ่วๆไปที่ห้องรับแขกที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันอยู่ส่วนไหนของบ้าน  ประตูเนื้อไม้ชั้นถูกเปิดออกด้วยแรงผลักเพียงเบาๆของชายหนุ่ม ร่างบางกำลังนั่งอ่านหนังสือ (ที่ยูชอนเห็นตัวอักษรเขียนอยู่ที่หน้าปกไว้ว่า โรคไม่ติดต่อต่างๆที่ควรรู้ ) เด็กหนุ่มหันมองผู้มาเยือนเล็กน้อยก่อนจะปิดหนังสือโดยที่ยังใช้นิ้วคั่นหนังสือไว้อยู่



    "
    จะยืนอยู่แบบนั้นอีกนานมั้ย?" เสียงหวานเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น



    "
    นายเป็นคนบอกจุนซูใช่มั้ย?"



    "
    นายก็รู้ดีนี่... แล้วจะมาถามฉันทำไม...?" ใบหน้าสวยที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆยิ่งทำให้ยูชอนอารมณ์เสีย แต่ชายหนุ่มก็เลือกจะไม่แสดงมันออกมา เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าต้องการทำให้เขาโกรธ ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ



    "
    แจจุง!!~ ฉันไม่ได้มาเพื่อฟังนายประชดฉันหรอกนะ ทำไมแจจุง...ทำไมนายต้องบอกจุนซูด้วย..."



    "
    จะเป็นไรไปเล่าในเมื่อมันก็คือความจริงที่จุนซูไม่ยอมรับรู้มันก็แค่นั้น " ร่างบางว่าอย่างไม่ยี่หระ  พลางเปิดหนังสือเล่มเดิมต่อไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ตอนนี้โกรธจนแทบควันออกหูอยู่แล้ว



    "
    ฉันคิดว่านายมีเหตุผลมากกว่านี้ซะอีกนะแจจุง..." ยูชอนถอนหายใจพลางมองคนสวยที่ดูแล้วคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆเป็นแน่ เขาก็คงได้แต่ทำใจ หรือ ไม่ก็ทำทุกทางที่จะขัดขวางคนๆนี้ แต่ทำได้เหรอ? นายพึ่งสัญญากับเขาไปว่าจะไม่ยุ่งนะ อย่าลืม...สิ ปาร์คยูชอน!!!



    ชายหนุ่มถอดใจพลางหันหลังจะกลับไป เพราะดูแล้วแจจุงคงไม่คิดจะบอกอะไรเขาง่ายๆหรอก ความจริงที่เขามาก็แค่อยากแน่ใจว่าแจจุงเป็นคนบอกจริงๆเท่านั้น  เขาไม่อยากโทษร่างบางไปเลยทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่จะบอกจุนซูก็มีอยู่คนเดียว...  อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาโกรธร่างบางนี่ไปเพื่ออะไร ในเมื่อเรื่องที่เด็กหนุ่มพูดก็เป็นเรื่องจริงมันก็คงไม่เสียหายที่พูดไป... ไม่เสียหาย แต่เจ็บปวด... มันก็แค่นั้น



    "ว่าแต่นายเถอะยูชอน... ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง... เอาแต่มองอยู่อย่างนั้นน่ะ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?" และแล้วเสียงหวานก็เรียกให้เขากลับมามองด้วยแววตาวูบไหว ชายหนุ่มเงยหน้ามองเพดานห้องรับแขกที่ไม่มีอะไรนอกจากแชนเดอเลียตัวใหญ่ส่องประการระยิบระยับ เพื่อหลงสายตาทิ่มแทงของร่างบาง



    "เหนื่อยเหรอ? ไม่รู้สิ บางทีร่างกายฉันคงด้านชาไปแล้วล่ะมั้ง... แล้วก็นะแจจุงบางครั้งการยอมทนอยู่กับความเจ็บปวด ก็ยังดีกว่าที่จะต้องสูญเสียความรักนั้นไปไม่ใช่เหรอ?" ชายหนุ่มหันมามองหน้าแจจุงที่รอคำตอบอยู่ ก่อนจะเป็นฝ่ายทิ้งคำถามให้ร่างบางเก็บไว้คิดแล้วจากไป



    "ตอนนี้นายเองก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ... แจจุง?"




    ชายหนุ่มจากไปแล้ว แต่ทิ้งคำถามคาใจไว้ให้เด็กหนุ่มคิดหนัก ห้องทั้งห้องเงียบลงเมื่อชายหนุ่มจากไปแล้ว ร่างบางมองตัวหนังสือตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอยก่อนมือเรียวจะวางหนังสือลงอีกครั้ง



    "ฮันกยองออกมาได้แล้วล่ะ" เสียงหวานเอ่ยเรียกคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่านมาตลอดการพบกันของเขาสองคน



    "คุณหนูครับ...ขอโทษนะครับคือผม...ไม่ไว้ใจเขา..." ชายหนุ่มผมทองบอกข้อแก้ตัวที่แอบมาฟังบทสนทนาของผู้เป็นนาย... แต่ดูเหมือนแจจุงจะไม่ใส่ใจอะไร เพราะเขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าฮันกยองคอยดูแลเขาตลอดเวลาและชายหนุ่มจะกลับไปพักผ่อนก็ต่อเมื่อ แจจุงเข้านอนแล้วเท่านั้น...



    "นี่ฮันกยอง... ฉันมันเลวมากขนานนั้นเลยเหรอ? ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ตัวนะว่ากำลังทำอะไรอยู่  ฉันรู้ว่ามันผิด แต่ฉันก็... เฮ้อ~ ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีแล้วฮันกยอง...นายเกลียดฉันที่เป็นแบบนี้หรือเปล่า? " เสียงถอนหายใจที่แม้จะทำยังยากลำบากเหลือเกินสำหรับร่างบางในเวลานี้ ชายหนุ่มเดินตรงมาแล้วคุกเข่าต่อหน้าแจจุงที่นั่งอยู่บนโซฟา 


    มือหนาจับมือเรียวของผู้เป็นนายมาประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ เพื่อปลอบโยนอย่างที่เขาเคยทำเสมอๆคนอย่างเขาสามารถทำได้แค่นี้ แม้มันจะไม่ช่วยให้คุณหนูของเขารู้สึกดีขึ้นเลยก็ตาม...



    "คุณหนูอย่ากังวลไปเลยครับ... ถึงยังไงคุณหนูก็ยังเป็นคุณหนูของผมเสมอ  อย่าเศร้าเสียใจไปเลยนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะอยู่เคียงข้างและปกป้องคุณหนูตลอดไป..." เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความจริงใจและห่วงใยในถ้อยคำเหล่านั้น... เพราะแววตาแบบนั้นของร่างบางที่ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ไม่รอช้าวงแขนแกร่งโอบคนตรงหน้าไว้ในอ้อมกอด แม้จะรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ



    "คุณหนู... ขออภัยที่เสียมารยาท..." ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อยวงแขนที่โอบเด็กหนุ่มนั้นออกเลย ทั่งที่รู้ดีว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น ความรักกับหน้าที่มันต้องแยกจากกันเสมอ แต่จะผิดอะไร ถ้าเขาจะทำหน้าที่นั้น เพราะ....รัก



    "ฮันกยอง~" สัมผัสอบอุ่นที่เรียกน้ำอุ่นๆจากนัยน์ตาคู่สวย มือเรียวเล็กกอดตอบคนตรงหน้า ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคนๆนี้คิดอย่างไรกับเขา  แต่ความรู้สึกที่ไม่เหลือใครมันเรียกร้องให้ต้องการความรักจากใครสักคนที่เชื่อใจได้...ฮันกยองก็เป็นหนึ่งในนั้น



    "ขอโทษนะฮันกยอง ขอฉันอยู่แบบนี้สักพักได้มั้ย?" คำขอที่ไม่ต้องฟังคำตอบก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ฮันกยองไม่เคยปฏิเสธคำขอของแจจุงหรอกไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว... ชายหนุ่มยอมทำตามคำขอของร่างบางโดยการกอดอยู่อย่างนั้นจนร่างบางเผลอหลับไป



    "คุณหนูครับ...คุณหนู..." เสียงทุ้มเรียกคนในอ้อมกอดเบา เมื่อรู้ว่าร่าบางนั้นหลับไปแล้วก็ค่อยๆช้อนตัวร่างบางขึ้นมาอุ้มไวเบาๆกลัวว่าเจ้าของนัยน์ตาคู่สวยนั้นจะตื่น แล้วเดินไปที่ประตูก็ต้องเจอปัญหาใหญ่ ชายหนุ่มกำลังคิดหาวิธีเปิดประตูโดยไม่ให้กระเทือนถึงเจ้านายคนสวยที่อยู่ในอ้อมกอด แต่เหมือนสวรรค์โปรดเมื่อป้าซอฮุนเปิดประตูเข้ามาพอดี...



    "อ้าว... คุณหนูหลับไปแล้วรึ?"



    "ครับขอบคุณป้ามากเลยนะครับ ผมกำลังคิดหาวิธีเปิดประตูอยู่พอดี..."หญิงสาวยิ้มให้กับคำตอบของชายหนุ่ม ก่อนจะมองแจจุงในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่ม



    "พาไปนอนที่ห้องเถอะ" แล้วหญิงสาวก็เดินนำชายหนุ่มผมทองไปที่ห้องของแจจุง ชายหนุ่มจัดวางหมอนให้ได้ระดับแล้ววางร่างบางนั้นลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าร่างนั้นจะรู้สึกตัว ก่อนจะดึงผ้าห่มที่ปลายเตียงมาห่มให้ร่างบางก่อนจะมองความเรียบร้อยต่างๆแล้วปล่อยให้ร่างบางหลับใหลอยู่ในห้องนิทราที่ชายหนุ่มหวังว่ามันจะทำให้เด็กหนุ่มคลายความเศร้าจากความจริงที่โหดร้ายลงได้บ้าง...





    [เช้าวันต่อมา]




    วันนี้เป็นวันถ่ายทำโฆษณาตัวจริง จึงต้องย้ายสถานที่จากในสตูดิโอมาเป็นรีสอร์ทสวยหรูซึ่งไกลจากกรุ่งโซลไม่มากนัก  รถยนต์สีบรอนซ์เงินแล่นเข้ามาตามทางทีถูกกั้นด้วยรั้วสีน้ำตาล ป้ายไม้สีอ่อนหน้าทางเข้าบอกให้รู้ถึงชื่อของสถานที่แห่งนี้
     Angel's Garden


    ครั้งแรก... แจจุงออกจะคิดว่ามันจะตั้งชื่อเกินจริงไปหน่อยเสียละมั้ง...?  แต่พอได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศข้างในที่แท้จริงแล้วร่างบางถึงได้รู้ว่ามันยอดเยี่ยมกว่าชื่อที่ตั้งไว้มากมายนัก... 



    เด็กหนุ่มก้าวลงจากรถพลางมองดูซุ้มเถาวัลย์สีเขียวและกำแพงดอกไม้ที่ถูกจัดแบบมีศิลป์ดูเป็นธรรมชาติ  ร่างบางก้าวไปตามทางเดินในอุโมงค์ที่ร่ายล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดเลื้อยพักเกี่ยวกันไปมาอย่างไม่เป็นแถวเป็นแนว  แสงสว่างจากปลายอุโมงค์เรียกให้ร่างบางเร่งฝีเท้าเร็วยิ่งขึ้นเสียจนคนเดินตามหลังนั้นก้าวตามแทบไม่ทัน...
      แต่แล้วภาพที่ปรากฏต่อสายตาทำให้เรียวขาบางที่กำลังจะก้าวต่อต้องหยุดชะงักลง นัยน์ตาคูสวยมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง...



    ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ บนพื้นหญ้าสีเขียวอ่อน มีดอกไม้หลากสีสันนานาพันธุ์กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมอ่อนอบอวลไปทั่วบริเวณ บางแห่งมีตอไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สีขาวที่เด็กหนุ่มไม่รู้จักชื่อ... แต่มันสวยงามราวกับเป็นเก้าอี้นั่งของเหล่านางฟ้า  ผีเสื้อตัวน้อยบินตอมเกสรของดอกไม้ที่แย้มยิ้มรอรับ แสงแดดอ่อนๆส่องลงมาจากท้องฟ้าสีครามที่ยังคงปกคลุมไปด้วยเมฆจำนวนมาก


     


    น่าแปลกนักทั้งที่สวนแห่งนี้อยู่ใกล้จากกรุงโซลเมืองหลวงของประเทศออกมาไม่ถึง 30 กิโลเมตร แต่สภาพอากาศกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง... ที่โซลนั้น บัดนี้ยังคงมีละอองหิมะที่ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งก็ทำให้อุณหภูมิของอากาศนั้นลดต่ำลงไปด้วย  แต่มันไม่ใช่กลับที่แห่งนี้
    !!!~


    บรรยากาศอบอุ่นปลอดโปร่ง แม้จะยังมีเมฆอยู่มาก แต่ก็ให้ความรู้สึกดีกว่าในเมืองนัก พันธุ์ดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบานในอากาศอบอุ่นเหล่านี้ย่อมต้องสวยงามกว่าดอกไม้เมืองหนาวในโซลอยู่แล้ว... ลมเย็นและแรงพัดมาระลอกหนึ่ง กลีบดอกไม้หลากสีหลายพันธุ์ฟุ้งกระจายไปทั่ว คล้ายกับเหล่าผีเสื้อที่บินอยู่เหนือดอกไม้เหล่านั้น... เหมือนร่างบางจะจมอยู่กับความสวยงามตรงหน้าจนลืมชายหนุ่มที่เดินตามมาเสียสนิท...



    "คุณหนูครับ...คุณหนู..." เสียงทุ้มจากชายหนุ่มผมทองเรียกให้เจ้านายตัวน้อยหันมาสนใจตนอีกครั้ง  ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆเป็นเชิงขอโทษ...



    "ไปเถอะครับคุณหนู เดี๋ยวพวกทีมงานเขาจะรอนาน ไว้ถ้าคุณหนูอยากเดินเที่ยว ผมจะมาเป็นเพื่อนให้ก็ได้นะครับ?"



    "จริงนะ?"



    "จริงสิครับ แต่ตอนนี้เราต้องไปทางนั้นได้แล้วครับ..." ชายหนุ่มชี้ไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปด้านข้างซึ่งทีมงานบอกเขาไว้ว่าพอมาแล้วให้ไปเจอกันที่รูปปั้นเทพธิดา... ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผมถึงรู้จักที่แห่งนี้ดี ก็นี่ใช่ครั้งแรกซะที่ไหนล่ะที่เจ้าตัวมา ซีวอนเองก็ชอบมาที่นี่บ่อยๆด้วยบรรยากาศที่แสนอบอุ่นราวกลับสรวงสวรรค์แห่งนี้...




     
    คราวนี้เป็นชายหนุ่มที่เดินนำร่างบางไปจนเห็นรูปปั้นเทพธิดาสีขาวขนาดใหญ่กำลังนั่งดีดพิณอยู่กลางสระน้ำ ซึ่งรายล้อมไปด้วยเทพธิดาองค์น้อยๆ สี่องค์ซึ่งมีพานดอกไม้คล้ายกาบหอยขนาดใหญ่อยู่ในมือ  สายน้ำเย็นๆไหลจากพิณลงไปยังพาดดอกไม้เหล่านั้น  และไหลต่อกันเป็นชั้นๆ สะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายสีเงินระยิบระยับ กลีบดอกกุหลาบสีขาวและแดงไหลลอยละล่องอยู่ในสระน้ำและพานดอกไม้รูปกาบหอยดูงดงามอ่อนหวานเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้หมด... เพียงมองดูก็รู้สถานที่แห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่และมีความสุขมากเพียงใด



    เมื่อเหล่าทีมงานเห็นบอดี้การ์ดหน้าตี๋ผู้คุ้นตาและเจ้านายคนสวยของเขา  ก็เรียกทั้งสองมายังจุดที่ทีมงานเซตกล้องและพื้นที่ถ่ายทำไว้  โดยปล่อยให้ร่างบางไปแต่งหน้ากับสไตลิสต์คนเก่งประจำบริษัทอย่างเฮเคียว...  ร่างบางนั่งลงตรงเก้าอี้อย่างว่าง่าย  ชุดกระโปรงสีขาวยาวระพื้นยังคงทำให้เด็กหนุ่มขัดเขินทุกครั้งที่สวมใส่  แก้มขาวเริ่มแดงเรื่อจากอากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเล็กน้อย...


     



    หลังจากนั้นก็ได้เวลาที่ทุกคนรอคอยการถ่ายทำโฆษณาสินค้าตัวใหม่ของ
    Aneal กำลังจะเริ่มขึ้น...  ฉากแรกจะเริ่มจากการที่เจ้าชายหนุ่มยุนโฮหลงทางมาในสวนสวรรค์ของเหล่าภูตดอกไม้  แจจุงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าร่างสูงใหญ่ในชุดหรูหร่าของเจ้าชายนั้นมันน่าหลงใหลเพียงใด  แต่เด็กหนุ่มก็ต้องพยายามกลั้นใจตนเองไม่ให้มองจ้องไปที่ยุนโฮนานนัก เพราะข้างกายยุนโฮเองก็มีร่างเล็กที่มองยุนโฮด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากเขาเลยมองอยู่แล้ว...  




    ฉากต่อมาเป็นฉากที่เจ้าชายจะพบหญิงชราคนหนึ่งซึ่งที่จริงแล้วเป็นถึงนางพญาภูตดอกไม้เจ้าของสวนสวรรค์แห่งนี้ แล้วถูกต่อว่าแต่เจ้าชายก็ได้บอกเหตุผลที่ตนมาและขอโทษ นางพญาภูตดอกไม้จึงไม่โกรธและเห็นกับความซื่อสัตย์ของเจ้าชายจึงได้มอบรางวัลให้แด่ชายหนุ่ม...



    เมื่อทุกอย่างพร้อม การถ่ายทำก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เจ้าชายหนุ่ม หรือยุนโฮยังคงเดินเที่ยวไปในสวนเรื่อยๆจนพบกับหญิงชราคนหนึ่งผู้ซึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็วเสียจนเจ้าชายนั้นตกใจ
      ใบหน้าหญิงชราเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา อารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก...



    "ท่านเป็นใคร? เหตุใดจึงกล้าย่างก้าวเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้โดยมิได้รับอนุญาต?" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามอย่างห้วนๆ



    "โปรดใจเย็นก่อนเถิด เราคือเจ้าชายยูโน เราเพียงแค่หลงเข้ามาเท่านั้นมิได้มีเหตุผลอื่นใดเลย หากทำให้ท่านต้องเคืองใจเราต้องขออภัยด้วย..." เจ้าชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงนุ่ม พลางคุกเข่าลงให้ความเคารพแด่หญิงชราคนแปลกหน้า  คำตอบของชายหนุ่มเรียกให้อารมณ์ขุ่นมัวของหญิงชรากลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยถามต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าในประโยคแรกมากนัก...



    "ข้าคือภูตดอกไม้เจ้าของสวนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้... เจ้าชายหนุ่มอย่างท่านเดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อเหตุอันใดกันรึ?"



    "ข้ามาเพื่อตามหาคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของข้า... เป็นราชินีแห่งอาณาจักรข้า... ไม่ทราบว่าท่านพอจะให้คำแนะนำอันใดแก่ข้าได้บ้างหรือไม่..." คำตอบของเจ้าชายหนุ่มทำให้หญิงชราหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเอ่ยปากตอบ...



    "ท่านนี่ช่างเป็นเจ้าชายที่กล้าหาญเสียนี่กระไร... ข้าชักชอบท่านแล้วสิ  เอาเถอะเห็นแก่ที่ท่านมีความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ไม่โกหกข้า ข้าจะให้รางวัลแด่ท่าน..." หญิงชราเพียงปรบมือเบาๆเพียง 2 ครั้งก็ปรากฏร่างภูตดอกไม้หน้าจิ้มลิ้มในชุดสีขาวมายืนตรงหน้าเจ้าชายหนุ่มถึง 4 องค์ นัยน์ตาคมมองค้าง สาบานได้ว่าเขาไม่เคยเห็นใครที่ไหนงดงามอย่างนี้มาก่อน แม้กระทั่งสาวงามอันดับหนึ่งของอาณาจักรของเขาเองก็ตาม!!!~


     


    ชายหนุ่มมองร่างตรงหน้าคนแรก เด็กหนุ่มผมสีทองในชุดสีขาวย่อตัวลงเล็กน้อย นัยน์ตาจ้องมองเจ้าชายหนุ่ม ก่อนริมฝีปากบางสวยได้รูปเอ่ยแนะนำตัว... 


    "ข้าคือ  พัม ภูตดอกเดซี่ " เสียงใสดังขึ้น รอยยิ้มที่เรียกให้เจ้าชายหลงในความน่ารักสดใสของเจ้าตัว พร้อมกับเสียงพากย์สรรพคุณของดอกเดซี่ที่ดังตามมา [ ดอกเดซี่...สัญลักษณ์ของความไร้เดียงสา,ร่าเริงสดใส,สนุกสนาน... ]



    "ส่วนข้าคือ พี ภูตดอกลาเวนเดอร์ ยินดีที่ได้พบท่าน...เจ้าชาย..." เสียงหวานเอ่ยก่อนจะเดินวนรอบตัวเจ้าชาย มือเรียวแตะที่ไหล่ของชายหนุ่มเพียงแผ่วเบา กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ลอยไปในอากาศ กลิ่นที่ทำให้ชายหนุ่มทุกคนต้องหลงใหล... [ ดอกลาเวนเดอร์...สัญลักษณ์ของความลับ,น่าค้นหาและหลงใหล...]



    "ไอ ภูตกุหลาบ" น้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยอ่อนโยน ท่าทางที่แสนสง่างาม ริมฝีปากสีเดียวกับกลีบกุหลาบที่เพียงมองก็หลงใหลอยากลิ้มลอง ถึงกับทำให้เจ้าชายหนุ่มเคลิ้มไปในทันใด [ ดอกกุหลาบ...สัญลักษณ์ของความรัก,ความงดงามและความหวัง]



    "ชื่อของข้าคือ ลูเซีย ภูตดอกลิลลี่ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าชาย..." น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มรื่นหูที่เปล่งออกมาเรียกให้เจ้าชายเบี่ยงเบนความสนใจจาก
    ภูตกุหลาบมาสนใจร่างบาง...  ใบหน้าเรียวหวานที่ยังคงงดงามแม้จะมีแววเศร้า ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส... [ดอกลิลลี่...สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์,อ่อนหวาน และนิรันดร์...]



    "
    ลูเซีย ชื่อเจ้าเพราะดีนะ…" ดวงตากลมใสจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวคมเจ้าของคำพูดเหมือนจะค้นหาความรู้สึกข้างใน



     
    "จริงเหรอ?"



    เสียงหวานเอ่ยถามสั้นๆตามบท แต่แววตาสีนิลที่เหมือนจ้องมองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง  ทำให้เจ้าของนัยน์ตาคมต้องหลบสายตายังดีว่าไม่มีใครสังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกติของชายหนุ่ม


    จนกระทั่งเสียงของหญิงชราดังขึ้นเป็นการขัดจังหวะเจ้าชายหนุ่ม
    "เจ้าชายได้เวลาที่ท่านจะต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งแล้วนะเจ้าชาย?" บทโฆษณาทั้งหมดจบลงเพียงแค่นี้ ทันทีที่เสียงบอกคัทของผู้กำกับดังขึ้นทุกคนก็โห่ร้องออกมาอย่างดีใจที่งานนี้สำเร็จลงด้วยดี...


    นักแสดงทุกคนหันมาโค้งขอบคุณให้ทีมงาน
      ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าที่พัก ชายหนุ่มผมทองเดินถือเสื้อโค้ทสีน้ำเงินดำตัวหนามาให้ร่างบางสวมใส่เพราะอากาศที่เริ่มเย็นลงอย่างรู้สึกได้... ในขณะที่ยุนโฮเองมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ


    ...ในเมื่อตัดใจแล้ว ยังจะมองอยู่ทำไม ไปเถอะอย่าสนใจ ไม่อย่างนั้นคนตรงหน้านายจะเสียใจนะ...




    ชายหนุ่มหันหน้าหนีแจจุงกับฮันกยองแล้วสนใจคนรักร่างเล็กแทน มือหนาเอื้อมหยิบเสื้อกันหนาวสีขาวที่วางอยู่มาคลุมให้ร่างบาง เสียงทุ้มเอ่ยถามร่างเล็กที่กำลังตัวสั่นด้วยความเป็นห่วง



    "
    จุนซูหนาวรึเปล่ากลับเข้าที่พักกันเถอะนะ...?" ชายหนุ่มหมายถึงบ้านพักในรีสอร์ทที่ซีวอนจองไว้ให้ทีมงานทุกคนเพียงแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ท่านประธานนั้นดันมีงานเลยมาไม่ได้รวมทั้งเลขาส่วนตัว(คนรัก)อย่างชางมินด้วย...



    "
    อืม...งั้นก็ไปกันเถอะ เอ่อ.........ยูชอน..." ร่างเล็กกำลังจูงมือร่างสูงจะกลับที่พัก แต่ภาพบุคคลที่มาปรากฏตัวตรงหน้าก็ทำให้ร่างเล็กชะงักไป.. จุนซูค่อยๆปล่อยมือออกจากยุนโฮก่อนจะเอ่ยกับร่างสูง...



    "
    ท่าทางพวกนายคงมีเรื่องคุยกัน งั้นฉันไปก่อนนะ..." ร่างเล็กยิ้มให้ยุนโฮ หากแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ส่งไปถึงใครอีกคนที่อยู่ใกล้กันนั้นเลย ร่างเล็กหันหลังเดินหลบเข้าไปในพุ่มไม้ ก่อนขาสองข้างจะสั่งให้ตัวเองหยุดและแอบมองยุนโฮกับยูชอนผ่านพุ่มไม้หนาที่ช่วยบังร่างของตนไว้...



    แม้ว่าจะอยู่ไกลจนไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มสองคนพูดคุยกัน แต่นัยน์ตากลมใสกลับเห็นได้ชัดว่ายุนโอกำลังส่งสร้อยสีเงินเส้นนั้นให้กับยูชอน  หากแต่ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองนั้นกลับทำให้จุนซูรู้สึกร้อนรุ่มในใจอย่างไม่มีสาเหตุ  เพราะใบหน้าของทั้งคู่ที่ดูเศร้าเสียเหลือเกินนั้นมันทำเอาร่างเล็กอยู่นิ่งไม่ได้
     



    ถึงจะไม่ได้ยินแต่จุนซูก็เดาได้ว่าเรื่องที่ชายหนุ่มทั้งสองคุยกันนั้นคงไม่พ้นเรื่องเขากับแจจุงเป็นแน่  ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาในหัวร่างเล็กก็ยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นดินแล้วปัดเศษหญ้าเล็กที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าออก ก่อนจะเดินไปหาแจจุงที่ยังคงเดินชมสวนอยู่ ส่วนฮันกยองนั้นกลับไปเอาของที่รถและกุญแจห้องพัก...


    จุนซูเดินไปเดินมาไม่นานก็พบแจจุงนั่งเล่นอยู่ที่ขอบสระน้ำเพียงลำพัง  แสงสีเงินจากโลหะที่เรียวคอบางทำให้ร่างเล็กอารมณ์เสียโดยไม่มีสาเหตุ
      เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้ร่างบางเงยหน้ามองเพราะคิดว่าเป็นฮันกยอง...



    "
    ฮันกยอ...ง... จุนซู..." นัยน์ตาสีนิลมองอดีตเพื่อนสนิทตรงหน้า ไม่ได้มีแววตกใจอย่างใด แค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่ลางสังหรณ์บอกให้รู้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติไป...



    "
    แจจุง...พอใจมากใช่มั้ยที่ได้ปั่นหัวพวกเราแบบนี้...?"



    "
    ..."  ร่างบางเงียบไปไม่ตอบแต่กลับหันไปเล่นกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่ในสระน้ำ ราวกับร่างเล็กนั้นไม่มีตัวตน ท่าทางแบบนั้นของร่างเพรียวยิ่งทำให้จุนซูเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่...



    "
    ทำไม...นายต้องกลับมาด้วยแจจุง นายจะมาทำลายความรักของเราสองคนทำไม  ทั้งที่ตอนนี้พวกเราก็มีความสุขดีอยู่แล้วนายจะกลับมาแยกพวกเราทำไม!!!~ ถ้าไม่มีนายสักคน..."



    "
    ถ้าไม่มีฉัน...แล้วนายจะทำไมเหรอ? นายจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดที่แย่งเขาไปรึไง?" เสียงหวานแทรกขึ้นมาก่อนจุนซูจะพูดจบ และไม่ยอมให้ร่างเล็กได้พูดอะไรต่อ "เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างล่ะทะเลาะกันยังไงเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ แล้วจะเลิกกันเมื่อไหร่ก็บอกล่ะกันฉันจะได้กลับไปที่เดิมของฉัน...กลับไปทวงสัญญาของฉันเสียที..."



    "
    หึๆ แจจุง...นายลืมไปรึเปล่าว่าเคยทำอะไรไว้กับเขาบ้าง?" จุนซูแค่นหัวเราะ พลางจ้องตาเด็กหนุ่มไม่กระพริบ "ฉันจะเตือนไว้นะว่า 'เขา' คงไม่โง่พอจะกลับไปหาคนที่เกือบฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นหรอก!!" ร่างเล็กพูดจบก็ตรงเข้าไปกระชากสร้อยสีเงินออกจากเรียวคอขาวโดยที่เจ้าของยังไม่ทันตั้งตัว สายสร้อยเมื่อโดนแรงดึงก็ขาดออก แรงกระชากทำให้เกิดรอยข่วนเล็กๆเป็นทาง



    "
    นายคิดว่าของแค่นี้จะทำให้เขากลับไปหานายได้เหรอ? งี่เง่าสิ้นดี" จุนซูปล่อยสร้อยเส้นนั้นลงกับพื้นต่อหน้าแจจุง



    "
    อย่านะ!!~"  เด็กหนุ่มร้องห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นว่าอะไรกำลังจะเกิดกับสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวที่เขาเหลืออยู่  แต่ก็ยังช้าเกินไปนัก...



    "
    ถ้านี่เป็นตัวแทนความรักของนายกับเขาละก็!!~ ฉันจะทำลายมันซะ!!" จุนซูเหยียบสร้อยอันเปราะบางขยี้ไปมาจนขาดสะบั้นลง แล้วขว้างมันออกไปในสวนดอกไม้ที่แสนกว้างใหญ่นี้   



    เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บริเวณนั้นรู้สึกได้ถึงก้อนโลหะที่ตกลงมาปะทะกับศีรษะของชายหนุ่มตามแรงโน้มถ่วงของโลก  มือใช้อุดปากตัวเองก่อนเสียงร้องเพราะแรงกระแทกบนศีรษะจะดังขึ้น... ยูชอนที่ตั้งใจจะกลับไปที่ห้องพักแต่เมื่อเห็นทั่งคู่กำลังคุยกันอยู่ที่สระน้ำใกล้กับห้องพักของเขา ชายหนุ่มจึงมาแอบฟังอยู่เงียบๆ และโดนลูกหลงไปตามระเบียบ...



    ในขณะที่แจจุงได้แต่มองอย่างตกตะลึงปนตกใจจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว นัยน์ตาสีนิลมีแววเจ็บปวด โดยที่ไม่รู้ตัวแจจุงเผลอยกมือขึ้นมาเตรียมปะทะเจ้าของแก้มใสที่กำลังมองหน้าเขาอย่างเยาะเย้ย




     "จะทำอะไรน่ะ?"


    To Be Con...



    - - + +-b g-

    อ่า...ขอสารภาพผิดเล็กน้อย

    แต่งตอนนี้ไปแอบรักป๊าฮันไป
    ป๊าช่างเป็นคนดีเสียจริงๆเลย

    ร๊ากกก...ป๊าฮันจัง.... 55+
    นอกใจป๋ายุนซะงั้นเลยเรา

    ครบ 100 แล้วน้า~
    ( เปลี่ยนชื่อตอนอีกแล้ว อย่าเอาอะไรกับคนแต่งเลยเจ้าค่ะ แล้วแต่อารมณ์)

    น่า รัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×