ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Flaw Flower [Fic TVXQ : Soulmate]

    ลำดับตอนที่ #10 : [Sp] : DREAM

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 55


     

    Special Chapter : DREAM


    อาณาบริเวณที่แสนกว้างขวางของคฤหาสน์ตระกูลชองสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วน ส่วนแรกที่สำคัญที่สุดคือ เรือนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเป็นที่พำนักของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เรือนด้านหน้ามีไว้สำหรับรับรองแขก เรือนทิศตะวันตกของคฤหาสน์ใช้สำหรับพิธีการและการประชุมต่างๆร่วมถึงเป็นที่พักสำหรับแขก ในขณะที่เรือนทางทิศตะวันออกเป็นส่วนของคนรับใช้ และเรือนทางด้านทิศใต้เป็นพื้นที่เปิดโล่งอยู่ใกล้หน้าผา เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ลึกลับที่สุดของคฤหาสน์นี้ก็ว่าได้ จากโครงสร้างที่แยกตัวออกมาจากส่วนอื่นๆอย่างชัดเจน คนนอกจึงมักไม่รู้จัก ทั้งที่เป็นจุดสำคัญ เพราะที่นี่คือสถานที่ฝึกความสามารถทางด้านการต่อสู้สำหรับคนของตระกูลชอง
     

    เรือนทิศใต้อยู่ภายใต้การดูแลของ ครูฝึกฮันกยอง ชายวัยกลางคนอดีตหัวหน้าการ์ดของผู้นำตระกูลชองคนก่อน หลังจากบิดาของยุนโฮเสียไป เขาก็ล้างมือมาอยู่เบื้องหลังคอยฝึกคนมีฝีมือป้อนให้ตระกูล โดยซื้อคนมาจากแหล่งค้าขายสำคัญอย่างชอนมุนแดบ้าง หรือไม่ก็พาตัวมาจากลูกหนี้ที่ติดค้างชำระของตระกูลชองซึ่งก็นับว่ามีจำนวนไม่น้อย หากการส่งลูกหลานสักคนแล้วใช้หนี้ได้ทั้งยังได้ทำงานกับนายใหญ่แห่งเขตใต้คงเป็นเรื่องดี แต่การรอดชีวิตจากการฝึกฝนที่เต็มไปด้วยอันตรายและโหดร้ายทารุณของฮันกยองได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากผ่านบททดสอบเหล่านั้นมาได้ ฮันกยองก็จะส่งไปทำงาน อาจจะเป็นทั้งสายลับ เด็กส่งของ และงานคุ้มครองต่างๆ

     

    “ฮันกยอง ฉันบอกไปแล้วนี่ว่ามันไม่จำเป็น”  เจ้านายหนุ่มนั่งรอด้วยสีหน้าเบื่อสุดชีวิต เขาเคยบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการบอดี้การ์ดประจำตัวให้วุ่นวาย คนอย่างชองยุนโฮดูแลตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาคอยช่วย แต่คังอินก็ยังยืนยันว่าจำเป็น แม้แต่ฮันกยองก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย

     

    “แล้วถ้าเกิดเรื่องอย่างเมื่อวานก่อนอีกจะทำยังไงครับ” สาเหตุที่ทำให้คนเป็นนายได้แต่นั่งเงียบหน้าบึ้งต่อไป เพราะการโจมตีจากฝั่งตระกูลปาร์คที่เริ่มหนักข้อขึ้นทุกวัน การรับมือกับอัจฉริยะจอมวางแผนอย่างชางมินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

     

    “เอาไว้ถ้านายใหญ่ไม่ชอบใจจริงๆ ค่อยส่งกลับมาแล้วกันครับ” ผู้สูงวัยกว่ากล่าวด้วยรอยยิ้มแบบที่ทำให้ยุนโฮปฏิเสธไม่ออกได้แต่ยอมรับสภาพ มองประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับร่างเด็กหนุ่มสองคนที่ก้าวเข้ามา ลักษณะที่โดดเด่นของทั้งคู่ทำให้นัยน์ตาคมมองอย่างไม่ละสายตา

    คนแรก...เป็นเด็กหนุ่มร่างเล็ก แม้จะไม่สูงนักแต่ก็ดูแข็งแรงทะมัดทะแมงดี ท่าทีที่โค้งตัวลงอย่างนอบน้อมดูขัดกับใบหน้าเฉยชาเรียบนิ่งไร้อารมณ์คล้ายไม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมใดๆเสียเหลือเกิน หากเส้นผมสีน้ำตาลฮาเซลนัทของเจ้าตัวก็ทำให้ดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง

    นัยน์ตาคมเลื่อนมองไปที่อีกคน ร่างผอมบางที่แลดูสูงกว่าเล็กน้อย แม้ท่อนแขนจะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้าง แต่ก็ยังเรียกได้ว่าน้อยกว่าผู้ชายทั่วไปอยู่ดี โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นใบหน้าสวยหวานราวรูปสลักที่พยายามซ่อนความประหม่ายามถูกสายตาของเขาจ้องมอง ผิวขาวตัดกับเส้นผมดำเป็นเงา ถ้าแค่ประเมินจากสายตาดูแล้วไม่น่าจะมีพิษสงอะไร แต่เมื่อเป็นคนที่ฮันกยองเลือกมาแล้ว ยุนโฮก็บอกได้เลยว่า...ไม่ธรรมดา

    “นั่น...จุนซู แล้วก็แจจุงครับ” ฮันกยองแนะนำให้ผู้เป็นนายตามลำดับ การคุ้มครองยุนโฮเป็นหน้าที่ที่สำคัญ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนภายนอกจะดูไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร แต่ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามที่หลอกตากลับซ่อนพิษร้ายไว้มากเกินกว่าที่ใครๆจะคาดคิด

    “งานของนายสองคนขึ้นตรงกับหัวหน้าคังอินก็จริง แต่หน้าที่หลักคือคุ้มครองนายใหญ่ เรื่องอื่นๆฉันบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว คงไม่มีคำถามนะ” ฮันกยองพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อสังเกตคนอื่นๆที่แสดงสีหน้าแตกต่างกัน มีเพียงคังอิน...หัวหน้าการ์ดคนปัจจุบันที่แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ถึงแม้เขาจะเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องที่นายใหญ่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดประจำตัวก็จริง แต่ไม่ทันคิดว่าฮันกยองจะเรียกคนของตัวเองมารับหน้าที่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขายังไม่ได้เริ่มหาเลยด้วยซ้ำ แถมนายใหญ่ก็ดูจะถูกใจเด็กหนุ่มทั้งสองคนอยู่ไม่น้อยทีเดียว

    “เข้าใจแล้วครับ” สองเสียงหวานนุ่มขานรับตอบพร้อมกัน บรรยากาศภายในห้องเงียบลงคล้ายกับเป็นการยอมรับสถานะใหม่ของเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนหยัดต่อหน้านายใหญ่แห่งเขตใต้

    “นายใหญ่จะไม่ลองทดสอบดูก่อนเหรอครับ” เสียงคัดค้านมาจากหัวหน้าการ์ดคังอิน น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจที่ถูกฮันกยองแย่งเอาความดีความชอบไปอย่างชัดเจน

    “ก็น่าสนุกดีนี่” ยุนโฮเองก็อยากเห็นฝีมือของเด็กใหม่ทั้งสองอยู่แล้ว จึงรีบตอบรับแทบจะในทันที ทั้งที่รู้ว่าคังอินแค่อยากจะหักหน้าฮันกยองเท่านั้น

    พอได้รับอนุญาตจากนายใหญ่ คังอินก็มองคนของตัวเองที่ยืนอยู่ไม่ไกล และเลือกคนที่เขาเชื่อมั่นในฝีมือมากที่สุดอย่างไม่ลังเล

    “ซองมิน” คนที่ถูกเรียกออกมาทำให้ยุนโฮเผลอลูบคางตัวเองอย่างพอใจ เขาเคยเห็นฝีไม้ลายมือของเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อมาบ้าง เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ในขณะที่แจจุงกับจุนซูมองหน้ากันราวกับจะตัดสินใจว่าใครจะไป

    “จะเข้ามาพร้อมกันสองคนเลยก็ได้นะ” เจ้าของเสียงที่ท้าทายทำให้จุนซูตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่แจจุงยิ้มกลับยิ้มรับ มือเรียวตบบ่าเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับซองมิน

    “ฉันคนเดียวก็พอแล้ว” ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบแย้มรอยยิ้มสวยหวานที่แทบจะทำให้คนมองราวกับต้องมนตร์สะกด สองแขนเรียวตั้งท่าเตรียมพร้อมไม่หวาดหวั่น ยั่วอารมณ์ฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ยาก ซองมินก็พุ่งเข้าหาแทบจะในทันที และแล้วการต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียวด้วยชัยชนะของแจจุง เด็กหนุ่มเดินกลับไปยืนอยู่ข้างจุนซูอย่างสบายใจ ในขณะที่ทั้งห้องเงียบสนิท ฝีมือที่เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัดทำให้ยุนโฮพอใจมากทีเดียว ผิดกับคังอินที่ได้แต่โกรธจนตัวสั่นทั้งโมโห ทั้งเจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ

     

    จากวันนั้นเป็นต้นมา... ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ยุนโฮจะได้รับบาดเจ็บ แม้จะเสียท่าให้ฝ่ายยูชอนอยู่หลายครั้ง แต่ก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้ทุกครั้งด้วยฝีมือของแจจุงและจุนซู ...ชายหนุ่มพึงพอใจแค่ไหนดูได้จากสิทธิพิเศษที่มอบให้ทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อจริง การย้ายเข้ามาพักในเรือนใหญ่ และสิทธิในการเข้าถึงห้องนอนของเขา เพียงแค่นี้ก็มากพอจะทำให้ลูกน้องคนอื่นๆต้องอิจฉาแล้ว แต่ยุนโฮยังอยากให้มากกว่านั้น...

     

    วันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง แจจุงกำลังช่วยยุนโฮอยู่ในห้องทำงาน มือเรียวสาละวนกับการหยิบแฟ้มข้อมูลต่างๆที่ปกติร่างบางก็ไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่เพราะฮีชอลต้องไปติดต่องานให้ยุนโฮอยู่บ่อยๆ ทำให้ทั้งเขาและจุนซูจึงต้องทำหน้าที่ของเลขาแทนไปด้วยโดยปริยาย

    “ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ” แจจุงส่งเสียงบอกเจ้านายหนุ่มที่กำลังเคร่งเครียดกับงาน สองมือที่หอบแฟ้มกองโตวางที่ด้านข้างของโต๊ะทำงาน ยุนโฮพยักหน้ารับรู้แต่ยังคงจดจ้องกับเอกสารตรงหน้า ร่างบางถอยออกมาเงียบๆไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิ

    นัยน์ตาสีรัตติกาลคู่งามลอบมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลา กลีบปากสวยอมยิ้มบางๆ แจจุงหลงรักช่วงเวลาที่ได้อยู่ตามลำพังกับยุนโฮ ไม่ต้องมีคำพูดอะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่ได้อยู่ข้างๆ อย่างที่เป็นอยู่นี้ เขาก็มีความสุขมากพอแล้ว

    “แจจุง”

    “คะ..ครับ?” เสียงหวานขานรับพลางเบนสายตาหลบในทันที หวังว่าเจ้านายหนุ่มคงไม่เห็นอาการของเขาเมื่อครู่ แจจุงปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วพลางก้าวไปหาร่างสูงใกล้ๆ แต่ตอนที่มองหน้าสบตากับยุนโฮก็กลั้นหายใจแทบไม่ทัน เมื่อริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กับเขา

    จริงอยู่นายใหญ่แห่งตระกูลชองไม่ใช่เสือยิ้มยาก แต่สำหรับแจจุงแล้ว รอยยิ้มของผู้เป็นนายช่างอันตรายต่อหัวใจเขาจริงๆ มันกำลังเต้นผิดจังหวะเหมือนเครื่องจักรที่กำลังรวน แจจุงบอกได้เลยว่า ชองยุนโฮเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์...ไม่ว่าจะกับเพศใดก็ตาม

    “นายจะมาอยู่เคียงข้างฉันได้ไหม?”

    “ผมก็อยู่กับคุณตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”

    “ไม่ใช่แค่ในฐานะบอดี้การ์ดอย่างที่เคยเป็นสิ...นายก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” ยุนโฮส่งมือให้ร่างบางที่เพิ่งจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของร่างสูงในนาทีนี้เอง ถ้าจะบอกว่าไม่ดีใจก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่จะบอกว่ายินดีก็ไม่เต็มร้อยนัก

    “จะดีเหรอครับ...คุณยุนโฮ?” เสียงหวานติดจะลังเลอยู่บ้าง หากคำถามที่ไม่มีวี่แววปฏิเสธเผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าหล่อคม ยุนโฮเอื้อมไปดึงมือบางมากุมไว้

    “อยู่ข้างๆฉันตลอดไปนะ”

    .

    .

    .
     

    ...อยู่ข้างๆฉันตลอดไปนะ...

     

    เสียงแว่วสะท้อนในความฝันดังก้องซ้ำไปซ้ำมา ความสุขท่วมท้นที่ได้รับในวินาทีนั้นมากมายเสียจนซึมซับลงไปในจิตใต้สำนึกอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ายุนโฮไม่ได้คิดจริงจังอย่างที่เขาคิด แต่ว่า...การเป็นที่ต้องการของใครสักคนคือสิ่งที่แจจุงปรารถนา ขอเพียงแค่ได้รัก จะเจ็บปวดไปบ้าง...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยยุนโฮก็ยอมให้เขาอยู่ข้างๆนี่นา

     

    ...แต่ตอนนี้ แม้แต่เรื่องง่ายๆแค่นั้น แจจุงก็ทำไม่ได้แล้ว



    To Be Con....


    Sakura's Talk : ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว และพร้อมจะลงตอนต่อไป ในเร็วๆนี้แล้วค่ะ ^^

     
    -b g--s b- + + ไม้กาง เขน B G
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×