คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER NINE : Please Trust Me
CHAPTER NINE : Please Trust Me
ณ ห้องนั่งเล่น
เมื่อลีทึกเดินมาถึงห้องนั่งเล่นก็เจอเข้ากับพวกฝูงลิงที่นั่งรอลุ้นผลอย่างใจจดใจจ่อ...โดยที่ไม่รู้เลยว่าเค้าเดินมาแล้ว เมื่อเห็นกำลังพูดถึงเขาอยู่พอดีเลยยืนแอบฟังอยู่มุมผนัง (...ซะงั้นเลยท่านหัวหน้า^^
)
“นี่...ลีทึกยังไม่ออกมาอีกเหรอ? ทำไมช้าจังนะ แล้วคังอินล่ะ ได้เรื่องสักคนมั้ยเนี่ย...” เจ้าหญิงคนสวยผู้ซึ่งพึ่งเดินออกจากห้องหลังจากไปแต่งตัวมา รีบถามหาคนที่ถูกขอร้อง(ใช้)ไปเคลียร์ปัญหา และคู่กรณีอีกคน
“พี่ลีทึกยังไม่มาฮะ ส่วนพี่คังอินไปเข้าห้องน้ำฮะ“ ดงแฮที่นั่งเล่นเกมกับซีวอนอยู่ตอบ โดยไม่หันมามองคนสวยเลยแม้แต่น้อยเพราะสายตานั้นกำลังจับจ้องไปยังหน้าจอโทรทัศน์
“เหรอ?” เสียงคนสวยตอบรับก่อนเดินไปนั่งบนโซฟาข้างฮันกยองกับเยซอง
“นี่อึนฮยอก...นายว่าพี่ลีทึกจะทำสำเร็จมั้ยอ่ะ...” เสียงใสของซองมินที่นั่งกอดคออึนฮยอกอยู่กับพื้นข้างโซฟาดังขึ้นมา
“มั้ง...ไม่รู้สิความคิดนายไม่ใช่เหรอ...มั่นใจหน่อยสิ...” อึนฮยอกพูดพลางหันมาขยี้ผมซองมินเบาๆ แล้วดูเหมือนจะนึกอะไรได้ขึ้นมาจึงพูดต่อ
“ว่าแต่นั่งรอลุ้นอย่างเดียวไม่สนุกเลยอ่ะ... เอางี้มั้ยมาพนันกันดีกว่า ฉันว่าสำเร็จ ห้าพันวอนพวกนายว่าไง...” ถามก่อนหันไปขอความเห็นจากทุกคนรวมทั้งซีวอนกับดงแฮที่เลิกเล่นเกมชั่วคราวแล้วหันมาฟังด้วย พร้อมมือที่ควานหากระดาษกับปากกามาจดยอด
“พวกนายเนี่ยนะ เอาชีวิตคนอื่นมาเป็นของเล่นกันอีกแล้ว “ ฮีชอลพร้อมส่ายหน้าอย่างระอาใจบ่นเมื่อได้ยินความคิดของอึนฮยอก
“ว่าแต่พี่เถอะครับ เล่นมั้ยล่ะ?”ดงแฮได้ยินดังนั้นเลยหันมาถาม ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้คำตอบดี...
“ไม่สำเร็จ หกพัน“
“ไหนว่าไม่เล่นไง...” ฮันกยองที่นั่งอยู่ข้างๆถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ก็พึ่งจะบ่นพวกอึนฮยอกไปเมื่อกี้ไหงทำเองซะล่ะ...แม่เจ้าหญิงคนสวย
“ก็ยังไม่ได้พูดว่าจะไม่เล่นสักหน่อยนี่นา...อีกอย่างเรื่องแบบนี้พลาดได้เหรอ” ฟังคำตอบแล้วฮันกยองก็อยากเอามือตบหน้าผากตัวเองสักที
~นี่เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าคนอย่างคิมฮีชอลไม่เคยพลาดอยู่แล้วเรื่องยุ่งกับชีวิตคนอื่นแบบนี้เนี่ย...~
“แล้วนายล่ะว่าไง...” ฮีชอลเองก็หันกลับมาถามฮันกยองบ้าง...ใช่เค้าคนเดียวซะที่ไหนล่ะที่ชอบเล่นแบบนี้...
“อย่างนั้นไม่น่าพลาดนะ เจ็ดพัน เลยเอา...” พ่อมังกรกระเป๋าหนัก...ลงซะเยอะเลยนะ
“โห!! เดี๋ยวนี้รวยนะ แต่ระวังจะจนไม่รู้ตัว....” ฮีชอลอดแขวะฮันกยองไม่ได้...จะมั่นใจอะไรนักหนา
ส่วนอึนฮยอกก็รีบจดลงกระดาษอย่างรวดเร็ว...
“ห้ามเปลี่ยนใจนะ...” ยังอุตส่าห์มีมาบอกกันอีกต่างหาก...ก็อยู่ข้างเดียวกันไม่ใช่เหรอไงเล่า...ไอ้ไก่บ้านี่!!
“เยซองนายว่าไง...” ฮีชอลหันมาถามคนนั่งข้างซ้ายของตน..
“สำเร็จ... ห้าพัน” คำเดียวสั้นๆ ได้ใจความ...
“แล้วพวกนายล่ะ...” อึนฮยอกวกกลับมาถามซีวอนกับดงแฮที่ยังนั่งหน้าเจ๋อกันอยู่ทั้งคู่...
“ฉันว่าน่าจะสำเร็จนะ... หกพันล่ะกัน” ซีวอนมองหน้าดงแฮก่อนตอบอึนฮยอกยกพร้อมกับมือลูบคางตัวเองไปมา
“แต่ฉันว่าไม่ ห้าพันวอน” ดงแฮยังยึดเอาตามความคิดฮีชอล...
“ซองมิน...นายล่ะ...”
“ไม่เอาอ่ะ...” ถึงจะปฏิเสธไปอย่างนั้น...แต่ใจจริงแล้วก็อยากเล่นด้วยอยู่หรอก แต่ดันหมดเงินกับการไปเที่ยววันนี้แล้วนี่นา...
“เรียววุค...” อึนฮยอกเรียกชื่อเป็นเชิงถาม แต่เจ้าตัวส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
“ผมไม่เล่นดีกว่าฮะ...” เค้าเห็นพวกพี่ๆเล่นกันจนเป็นเรื่องปกติของบ้านนี้แล้วล่ะ แต่เวลาเล่นก็ต้องคอยหลบพี่ลีทึกหน่อย ไม่อย่างนั้นโดนบ่นเป็นชุดแน่ๆ ทั้งที่บางทีก็ตัวเองนั่นแหละเป็นตัวตั้งตัวตีเริ่มเล่นเลย...
ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมครั้งนี้ผมไม่เล่น...ขืนเล่นก็แย่นะสิครับก็ผมเห็นพี่ลีทึกยืนแอบอยู่ข้างฝาแล้ว แต่ดูเหมือนพี่เค้าจะยังไม่รู้ว่าผมเห็นพี่เขาแล้ว...
ก็จะไม่รู้ได้ไงฮะในเมื่อใส่เสื้อสีแดงแสบตาสะท้อนฝาผนังซะขนาดนั้น... แต่จะให้บอกพวกที่กำลังเล่นอยู่นี่ดูท่าจะไม่ไหวแฮะ... จะเป็นยังไงก็เลยตามเลยล่ะกันนะครับคุณพี่ทั้งหลาย...ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง...
“ชินดงแล้วนายล่ะว่าไง...” ฮันกยองถามหนุ่มร่างท้วมที่ยังนั่งกินขนมเค้กที่ซองมินซื้อมาฝากอยู่
“ไม่อ่ะ ...ไม่มีตังค์” ว่าก่อนจะกลับมาจัดการเค้กตรงหน้าต่อ...
“เฮ้!!!...พี่ชินดง พี่ห้ามกินหมดเด็ดขาดเลยนะ...” อึนฮยอกรีบร้องห้ามก่อนที่ชินดงจะเขมือบเค้กหมดก่อนที่เค้าจะได้กิน
“เหรอ แต่ฉันมีข่าวร้ายบอกนายล่ะ...นี่ชิ้นสุดท้ายแล้ว” ชินดงตอบยิ้มๆ ก่อนจะจัดการเค้กชิ้นที่ว่าโดยสนใจไก่บ้าที่โวยวายเขาอยู่...จะอะไรนักหนากับเค้กที่ซองมินซื้อมาให้...ทำเป็นหวง...ขอแกล้งสักทีเถอะ...
“ไม่เอาน่า...ไว้วันหลังฉันซื้อมาให้ใหม่ก็ได้...” ซองมินปลอบอึนฮยอก...
“จริงนะ...” อึนฮยอกถามขอความแน่ใจ...
“อือ” ซองมินพยักหน้าเป็นการตอบรับ แค่นั้นแหละ จากโวยวายๆอยู่เมื่อกี้ก็มานั่งยิ้มแป้นชวนให้หลายๆคนหมั่นไส้...
และเมื่อสรุปยอดรวมแล้วจึงได้ผลรวมดังนี้
คนที่คิดว่าสำเร็จ : อึนฮยอก,เยซอง,ซีวอน,ฮันกยอง
คนที่คิดว่าไม่สำเร็จ : ฮีชอล,ดงแฮ
ไม่ออกความเห็น : ซองมิน,เรียววุค,ชินดง
“นี่สรุปให้ฟังหน่อยสิ ว่าใครเลือกฝั่งไหนมั่งเหรอ...” เสียงปริศนาจากที่ไหนก็ไม่รู้ลอยเข้าหูอึนฮยอกซึ่งเจ้าตัวเองก็กำลังจะตอบไปโดยไม่ได้ฉุกใจคิดอะไรเลยสักนิด...ในขณะที่คนอื่นต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก ก็พวกเค้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ...แล้วเมื่อกี้ใครพูดกันล่ะ...(ยกเว้นท่านน้องเรียววุคนะเจ้าค่ะ^^)
“ก็ที่ว่าสำเร็จก็มีฉัน,ซีวอนแล้วก็...เฮ้ย!!!!!!!~...” เสียงอึนฮยอกร้องอย่างตกใจสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับคนอื่นที่หันไปมองตามที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียง...ก็เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้มันเหมือนเสียงท่านหัวหน้าวงเลยนี่นา...ซวยแล้วววววไง...อึนฮยอกเอ๋ย...
“ว่าไง...ไม่เล่นกันแล้วเหรอ...” ลีทึกถามหน้ายิ้มๆก่อนเดินไปนั่งที่แขนโซฟาข้างฮันกยอง... แต่คนอื่นน่ะ เริ่มสยองกับรอยยิ้มท่านหัวหน้าซะแล้วล่ะ...ก็ยิ้มแบบนี้มันน่ากลัวน้าาา...
“เปล่าคร้าบ...เล่นอะไรไม่เห็นได้เล่นอะไรกันเลยนี่เนอะ...ใช่ป่ะ...ดงแฮ...” อึนฮยอกผู้เป็นคนเริ่มรีบปฏิเสธก่อนจะโยนไปให้คนที่นั่งเอ๋ออยู่ข้างๆกัน
เมื่อลีทึกหันมาเป็นเชิงถาม ดงแฮเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง อยู่ๆโยนมาให้ก็ขอโยนให้คนอื่นบ้างก็แล้วกัน
“ใช่ๆ ไม่ได้เล่นอะไรสักหน่อย ผมกำลังเล่นเกมกันอยู่ต่างหากเนอะๆ ซีวอนเนอะ...” ดงแฮมองหน้าซีวอนยิ้มๆ แต่ซีวอนนี่สิมัวแต่ทำหน้างงอยู่ได้ ดงแฮเลยแอบหยิกเอวซีวอนไปทีหนึ่งพร้อมส่งสายตาให้ประมาณว่ารีบพูดๆอะไรไปก็ได้เอาให้ไกลตัวที่สุดก็พอ...
“โอ้ย!! ดงแฮ...เอ่อ..ใช่ๆ จริงๆนะไม่เชื่อก็ถามฮีชอลดูซิ...” ซีวอนคิดไม่ออกว่าจะทำไงก็เลยต้องพูดไปเลยตามเลย...อย่าว่ากันเลยนะคร้าบบบ...ที่รัก... พูดจบก็ต้องรีบหุบปากหลบสายตาเจ้าหญิงคนสวยที่จ้องเขม็งมาสื่อให้รู้ว่า...นายจะโยนมาให้ฉันทำไม...ไอ้สิงโตบ้า
“ฉันยัง....” ฮีชอลกำลังจะแก้ตัวต่อแต่ก็โดนท่านหัวหน้าวงขัดไว้ซะก่อน”””
“เอ่อๆๆ...รู้แล้วๆไม่เล่นก็ไม่เล่น...พวกนายเนี่ยน้าาา...แล้วนี่คังอินล่ะไปไหนเรื่องของตัวเองแท้ๆ ดันหายตัวเฉยเลย...” ลีทึกบ่นพลางคิดในใจ
เจ้าลูกลิงพวกนี้คิดว่าจะหลอกเขาได้รึไงกันนะ...หารู้ไม่ซะแล้วว่าเขาน่ะยืนฟังมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วด้วยซ้ำ...ฉันล่ะปวดหัวกับพวกนายจริงๆ...
“อยู่นี่แล้วแค่แวะไปห้องน้ำแผล็บเดียวเอง...ทำเป็นบ่นไปได้” คังอินที่เพิ่งเดินมาจากห้องน้ำพูดไปก่อนจะเดินไปนั่งบนแขนโซฟาข้างเยซอง...
“ฮะๆๆๆ ตาแก่~~” ฮีชอลลากเสียงยาวล้อเลียนท่านหัวหน้าวง ผู้บ่นไม่ยอมเลิกรา...คนโดนล้อก็เลยเงียบไปเพราะไม่รู้จะหาอะไรมาพูดกับเจ้าหญิงผู้ไม่เคยยอมแพ้อย่างฮีชอลนี่ดี...
“ฮีชอล...นายยังอยากจะฟังผลอยู่มั้ย...” พอได้ยินที่ท่านหัวหน้าวงว่าเท่านั้นแหละ ฮีชอลเลยรีบหยุดล้อก่อนจะพยักหน้าให้ลีทึกพูด...
“จะเริ่มจากไหนก่อนดีนะ...เอาเป็นว่าที่เจ้าหนูนั่นโกรธนะไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อวานหรอก...” แค่ได้ยินประโยคแรก คังอินทำหน้าแหย่ซะแล้ว นี่เขาไปทำอะไรไว้อีกล่ะเนี่ย....แค่เรื่องเมื่อวานก็จะแย่แล้วนะ... และใบหน้าเหยเกของคังอินก็ไม่พ้นสายตาลีทึกไปได้หรอก...
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอกนะ ไม่ใช่นายหรอก แต่เป็นคนบ้างคนแถวนี้ต่างหาก นี่! ฮีชอลอยากรู้มั้ยว่าต้นเรื่องมันมาจากใคร...” อยู่ๆลีทึกก็ถามขึ้นมาทั้งที่ยังมองหน้าคังอินเลื่อนมาเป็นเยซองจนถึงฮีชอล ก่อนจะเบนสายตามองไปทางอึนฮยอก...
“หา!!ฉันเหรอ?อะไรๆฉันไปทำอะไรตอนไหน...” อึนฮยอกรู้สึกได้ทันทีว่าเป็นตัวเอง...ก็จะไม่ให้รู้ได้ไงล่ะ ในเมื่อสายตาของทุกคนมองตามลีทึกมาที่เค้าเป็นทางเดียวกันนี่...
“เหรอ แล้วใครกันน้า... พูดเรื่องที่ฉันอุตส่าห์ทั้งย้ำทั้งกำชับไม่ให้พูด แต่ดันไปบอกกับเจ้าตัวเขาเฉยเลย...” ลีทึกว่าน้ำเสียงประชด...
ตอนที่คยูฮยอนกับคังอินจะคบกันเค้าอุตส่าห์ย้ำเรื่องนี้กับทุกคนไว้นักหนาว่า อย่าได้มีใครพูดหรือกล่าวถึงเป็นอันขาด ถ้าจะให้ดีลืมไปเลยดีกว่าว่าเคยเกิดขึ้น...
เพราะเค้าไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กน่ะคิดมาก เห็บแบบนั้นก็เถอะ ความจริงนะชอบเก็บเอาอะไรต่อมิอะไรไปคิดเองคนเดียวอยู่เรื่อย...
จะว่าไปนิสัยก็คล้ายๆใครบางคนแถวนี้นะ...อ่ะ...ไม่สิ 2 - 3 คนด้วยซ้ำ...
“เฮ้ย!! อะไรๆฉันเปล่านะ ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย...ไม่เคย...ไม่เคยเลยจริงๆ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ...” น้ำเสียงที่ลุกลี้ลุกลนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นน้อยใจ ก็ซองมินกับคนอื่นมองอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นี่นา แต่ผมไม่ได้พูดนะ ไม่ได้พูดจริงๆด้วย
“ถ้านายไม่ได้พูดแล้วคยูฮยอนจะรู้ได้ไงล่ะ...” ฮีชอลว่าบ้าง เขาก็รู้อยู่หรอกว่าเจ้าไก่นี่นิสัยเป็นไง...เรื่องความพูดมากเรียกว่าเป็นรองแค่ลีทึกกับ คังอินเท่านั้นแหละ...แล้วถ้าลีทึกบอกว่าหลุดมาจากอึนฮยอกละก็...มีความเป็นไปได้สูงมากๆ...
“โธ่...พี่ครับ เชื่อผมหน่อยเถอะ ก็ไม่ได้พูดจริงๆนี่นา” อึนฮยอกพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปหาทุกๆคน
“แต่ฉันว่านายคงไม่ได้เล่าให้เค้าฟังตรงๆหรอก แต่คงเป็นพูดกับคนอื่นแล้วเจ้าหนูนั่นมาได้ยินมากกว่ามั้ง...” เยซองออกความเห็นช่วยอึนฮยอก...ก็ทนสายตามองขอความช่วยเหลือจากเจ้าไก่บ้านี่ไม่ไหวนี่นา...
เมื่อมีคนช่วยแก้ต่างให้อึนฮยอกเลยยิ้มเป็นลิงโลดอย่างดีใจ ในที่สุดก็มีคนเชื่อเขาแล้วววว....
“พี่เยซองครับ...ผมรักพี่ที่สุดเลย...” พูดแล้วก็กระโดดกอดเยซองที่นั่งอยู่บนโซฟาซะเต็มแรง...
“เอ่อ...รู้แล้วน่า...ไม่ต้องมากอดเลย...” เยซองพยายามผลักเจ้าไก่ไม่รู้จักโตนี้ออก แต่มือของเจ้าไก่บ้านี่ไม่รู้ทำด้วยอะไรเหนียวชะมัดแกะยังไงก็ไม่ออก เลยต้องยอมปล่อยให้กอดต่อไป...แต่สายตาก็อดมองไปยังคนที่นั่งอยู่ระหว่างชินดงกับซีวอนไมได้...เรียววุค...
แต่คนถูกมองเมื่อรู้ตัว...ก็หลบสายตาที่มองมายังตนแล้วหันมองไปทางอื่นแทน...อาการแบบนั้นทำเอาเยซองถอนหายใจออกมาเบาๆโดยไม่มีใครสังเกตเห็นยกเว้นท่านหัวหน้าวงไว้สักคนล่ะกันที่ดูอยู่ตลอดเหตุการณ์เลย...
ฮีชอลที่นั่งข้างๆเลยตบหัวอึนฮยอกไปทีด้วยความหมั่นไส้เต็มทน...
“โอ้ย!!! พี่ครับพี่ตีผมทำไมอ่ะ...” อึนฮยอกผละจากการกอดลงมานั่งพื้นข้างซองมินพลางลูบหัวไปมา...พี่ฮีชอลมือหนักจังแฮะ
“ไม่ต้องมาดีใจเลย ถึงไม่ได้พูดตรงๆแต่เค้าก็รู้จากนายอยู่ดีไม่ใช่รึไง...” ฮีชอลว่า
“คังอินทีนี้นายก็รู้แล้วใช่มั้ย...ว่าจะต้องทำยังไง...ที่เหลือไปจัดการเองก็แล้วกัน...ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ...” ลีทึกพูดเพื่อหวังให้เจ้าหมียักษ์นี่เข้าใจว่าควรต้องทำอย่างไรต่อไป...แต่ตัวคังอินเองก็ยังครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะพูดอย่างไร...เจ้าตัวเล็กของเขาจึงจะเข้าใจได้...
“เอ่อใช่...อึนฮยอกไม่ต้องดีใจหรอกนะว่ารอดตัวไปได้ เดือนนี้นายต้องล้างห้องน้ำทุกอาทิตย์เป็นการลงโทษ...ตกลงนะ อย่าลืมซะหล่ะ“ ลีทึกช่วยเตือนสติอึนฮยอกที่ดูเหมือนว่าจะลืมตัวไปว่าตอนนี้ตกเป็นจำเลยอยู่
“หา~!!! อะไรตั้ง 1 เดือนเชียวเหรอ ขอแค่ 2 อาทิตย์ได้ป่ะ...” อึนฮยอกส่งสายตออ้อนวอนเต็มที่...แต่ก็ไม่เป็นผล...เพราะประโยคที่ลีทึกตอบกลับมาคือ “หรือนายอยากจะทำตลอดปีล่ะ...”
“เอ่อ...ไม่ครับ หนึ่งเดือนครับ...หนึ่งเดือน” อึนฮยอกรีบปฏิเสธเป็นพัลวันท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
และเมื่อเห็นคยูฮยอนเดินออกมาจากห้องแล้ว...ลีทึกจึงบอกให้ทุกคนเตรียมออกไปทำงานก่อนจะหันมาเช็คความเรียบร้อยต่างๆภายในบ้าน
“เอาล่ะ! ใครเรียบร้อยแล้วไปที่รถได้เลยนะ...ซีวอน,ดงแฮ นาย 2 คนน่ะปิดทีวีให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไป...ชินดงเอาจานไปเก็บที่อ่างล้างจานด้วย อึนฮยอกไปปิดแอร์ด้วยล่ะ...คังอินนายอยู่ไปปิดไฟด้วยนะ แล้วอย่าลืมล็อกกุญแจด้วยล่ะ ...ว่าแต่ฮีชอลนายเอากุญแจมารึยังเนี่ย...แล้วฮันกยองมือถือนายล่ะเอาไปรึยัง...”
“เอามาแล้วขอรับ ท่านพ่อ...หืม...ไม่เหมาะแฮะ เอาเป็นแบบเดิมดีกว่า ตาแก่ๆ อืม...อันนี้แหละเหมาะที่สุดแล้วเนอะ...ทึกกี้ทึกกี้” ฮีชอลล้อเลียนพร้อมชูกุญแจในมือให้ดูก่อนเดินออกจากประตูไปร้องเพลงไปอย่างสบายอารมณ์...รวมทั้งฮันกยองที่ชี้กระเป๋าให้ดูก่อนเดินออกไปด้วย
~น่านเอาอีกแล้ว...เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมฮีชอลชอบตั้งชื่อเล่นแปลกๆให้แต่ละคนนักก็ไม่รู้ ยิ่งของเค้าฟังยังไงก็ตลกอยู่ดี...ตาแก่บ้างล่ะ ทึกกี้บ้างล่ะ เจ้าคุณปู่บ้างล่ะ ดักกี้บ้างล่ะ นี่ยังไม่รวมชื่อที่คุณเธอคิดมาแล้วยังไม่เข้าตาตัวเองอีกนะ...
ถ้ามีเวลาว่างมากๆ คุณเธอก็เอาเวลามานั่งคิดชื่อให้คนอื่นเฉยเลย... จนตอนนี้ในวงทุกคนล้วนถูกคุณเธอตั้งให้หมดแล้วล่ะ...
ถ้าหนักหน่อยคงจะเป็นซีวอน...รายนี้ล่อเข้าไปเกือบ10 ชื่อได้แล้วมั้ง แล้วแต่อารมณ์ว่าตอนไหนจะเรียกยังไง ซึ่งทุกชื่อที่ตั้งล้วนต้องมีคำว่าเจ้าชายนำหน้าตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าเต็มยศหน่อยก็เป็น เจ้าชายสิงโตหัวฟูติงต๊องแถมปัญญาอ่อน ซึ่งเป็นชื่อที่คุณเธอคอนเฟิร์มแล้วว่าเหมาะสมที่สุด แต่เรียกสั้นๆก็ซิมบ้าล่ะนะ ...
นี่ยังไม่รวมอึนฮยอกที่เป็นได้ทั้งไก่ ทั้งม้า ในตัวเดียวกัน ซองมินที่บางวันก็เป็นกระต่าย บางวันก็ฟักทอง บางวันก็มินนี่ เค้าล่ะอยากจะรู้จริงๆเลยว่าฮีชอลคิดได้ยังไงตั้งมากมาย
และก็คังอินที่วันๆชีวิตมีแต่หมี ไม่ว่าจะเป็น หมีขาวบ้างล่ะ หมียักษ์บ้างล่ะ หมีตะกละบ้างล่ะ หมีน้อยบ้างล่ะ อารมณ์เสียหน่อยก็กลายเป็นหมีควาย... ฮันฮยอกก็เป็น มังกรบ้าง บางทีก็กลายเป็นงู แย่หน่อยก็กิ้งกือซะเลย... ชินดงที่ยังไงก็ยังเป็นหมูน้อยอยู่วันยังค่ำ บางทีก็เรียกเยซองแบบนี้เหมือนกัน แต่ส่วนมากจะเรียกแรคคูนซะมากกว่า...แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงเป็นแรคคูน
โอ้ย!!พอเถอะๆไม่อย่างนั้นต่อให้ร่ายยาวทั้งวันก็ไม่หมดเลย...ชื่อที่คุณเธอตั้งน่ะมีเป็นร้อย...
ส่วนตัวคุณเธอเองน่ะเหรอ...ก็มีอยู่แค่2 อย่างนั่นแหละ จะมีอะไร นอกจากเจ้าหญิงและ ซินเดอเรลล่า...
แต่มีอยู่อย่างนึงที่ฮีชอลไม่รู้พวกเขาเองก็แอบตั้งชื่อเล่นให้ฮีชอลเหมือนกัน
แต่ต้องอย่าเรียกให้ได้ยินเด็ดขาด ถ้าไม่อยากชะตาขาดก่อนวัยอันควร
ชื่อนั้นก็คือ
~
“นี่ตาแก่...มัวแต่ทำอะไรล่ะรีบไปได้แล้ว...” เสียงฮีชอลตะโกนมาจากหน้าประตู
“รู้แล้วล่ะน่า...ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ลีทึกตอบรับก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้เจ้าหมีคังอินรอปิดประตู
~ฟู่...เกือบแย่แน่ะ...ลืมไปเลยว่าฮีชอลอยู่แถวนี้...ว่าไงนะครับอยากรู้งั้นเหรอครับ อืม...ผมก็อยากบอกนะครับ แต่ตอนนี้คุณเธออยู่ใกล้ๆ ขืนพูดไปมีสิทธิ์เดี้ยง ไว้โอกาสหน้าไว้ชีวิตผมรอดปลอดภัยแล้วมาบอกล่ะกันนะคร้าบ~
วันนี้เมื่อมาถึงสถานที่แสดงแล้วทุกอย่างก็ผ่านราบรื่นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะยังคงไม่พูดกับคังอินเลยก็ตาม หลังการแสดง
และเมื่อมาถึงบ้านคยูฮยอนก็ทำให้คังอินและทุกคนต้องแปลกใจที่เจ้าตัวเดินไปยังห้องนอนของเขา ไม่ไปห้องของซองมินอย่างเมื่อคืนหรือตอนกลางวัน คังอินจึงยืนอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น พอคยูฮยอนหันมาเห็นก็เลยพูดว่า “เข้ามาสิ ยืนเอ๋ออะไรอยู่ล่ะ”
“เอ่อ...ครับๆ” คังอินยังคงตอบรับแบบงงๆไม่คิดว่าอยู่ๆจะได้พูดคุยกันเร็วขนาดนี้...
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” คยูฮยอนเดินไปนั่งลงที่เตียง
“เอ่อ...ฉัน...ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่านายโกรธฉันเรื่องอะไรบ้าง และฉันก็ไม่รู้ว่าทำยังไงนายถึงจะหายโกรธ” คังอินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดียิ่งให้พูดปุบปั๊บแบบนี้ยิ่งคิดอะไรไม่ออกพูดอะไรได้ก็พูดไปหมดเลย...แล้วยิ่งคยูฮยอนไม่พูดอะไรเลยยิ่งทำให้คังอินเริ่มใจเสีย...
บรรยากาศในห้องยังคงเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนสองคนเท่านั้น...จนในที่สุดคยูฮยอนก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นมา...
“คังอิน...นายคิดผิดรึเปล่าที่เลือกฉัน?” คำถามที่ยิงใส่ตรงๆทำเอาคังอินแทบสะอึก เกิดอาการนึกอะไรไม่ออกว่าทำไมคยูฮยอนถึงถามอะไรแบบนี้...
“ทำไมนายถึงถามฉันแบบนั้น...” เสียงทุ้มต่ำของคังอินเอ่ยอย่างมึนงง...
“ฉันไม่แน่ใจ ตั้งแต่ได้ยินเรื่องนั้นมา...ฉันก็คิดมาตลอดว่าเป็นเพราะฉันรึเปล่า...พี่ลีทึกกับนายถึงได้เลิกกัน...แต่พี่ลีทึกบอกว่าที่เลิกกันก็เพราะตัวเขาไม่ดีเอง...ไม่ดีพอสำหรับนาย” คำตอบที่ออกมาจากปากคยูฮยอนทำให้คังอินถอนหายใจเบาๆ
~จนตอนนี้แล้วนายก็ยังไม่ยอมตอบคำถามนี้ตรงๆสินะ...ลีทึก จะโทษตัวเองไปถึงไหน...จะซ้ำเติมตัวเองไปถึงไหนกัน...ความผิดของนายงั้นเหรอ...จริงๆแล้วฉันต่างหากล่ะที่ผิด...~
“...ถ้าขนาดพี่เค้ายังดีไม่พอ ฉันก็คงไม่ได้ดีไปกว่าพี่เค้านักหรอก...ฉันรู้ว่านายยังรักพี่เขาอยู่...อย่าให้ฉันต้องรู้สึกผิด...ฉันไม่มีอะไรเลยที่คู่ควรกับนาย กลับไปหาพี่ลีทึกซะเถอะ” น้ำตาที่สู้อุตส่าห์อดทนไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นกลับไหลออกมาอย่างอั้นไม่อยู่...ความรู้สึกที่ออกมาพร้อมคำพูด คือสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมาตลอด...ถ้ามันเป็นเพราะฉันก็ไปเถอะ...กลับไปหาคนที่นายรัก...และเค้าก็รักนาย
“ก็ฉันไม่ได้รักลีทึกแล้วนี่...ทั้งๆที่ฉันรักนายมากขนาดนี้ นายก็ยังจะไล่ฉันไปงั้นเหรอ...คยูฮยอน...” น้ำเสียงจริงจังจากร่างสูง ฉุดให้คนตัวเล็กฉุกใจคิดขึ้นมา
“หมายความว่าไง...” คยูฮยอนทวนทวนคำอย่างไม่แน่ใจ คังอินไม่ได้แต่ตอบเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน และคยูฮยอนเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรด้วย...
“ฉันกับลีทึกเคยคบกันมันก็จริง แต่ที่พวกเราเลิกกันมันก็มีเหตุผล แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ลีทึกบอกนายแน่ เพียงแต่ว่าฉันยังบอกไม่ได้...” คังอินถอนหายใจออกมาเบา...เมื่อนายยังไม่อยากให้ใครรู้...ฉันก็จะไม่พูดล่ะกันนะ...ลีทึก
“แต่ฉันอยากให้นายรู้ไว้ว่า คนที่ฉันรักจะมีแค่นายคนเดียวเพียงเท่านั้น” คังอินผละตัวออกก่อนจะจับใบหน้าของเจ้าตัวเล็กมาให้มองหน้าเค้าและฟังที่เค้าพูดอย่างชัดๆ
“...” ไม่มีคำพูดใดๆหลุดมาจากริมฝีปากนั้น มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นที่ลอดมากับความเงียบเท่านั้นเอง...
“ทำไมนายถึงคิดว่าไม่คู่ควรกับฉันล่ะ”
“ก็...ก็....ก็ฉันไม่ดีอะไรเลยสักอย่างนี่ทั้งขี้งอน เอาแต่ใจ ไม่น่ารัก ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วก็...แล้วก็...”
“นี่...แล้วรู้รึเปล่าว่าฉันรักนายตรงไหน”
“จะรู้ได้ไงล่ะ” คยูฮยอนตอบอย่างอายๆ พร้อมใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ก็ทุกๆอย่างที่เป็นนายไง ทั้งนิสัยขี้งอน หรือเอาแต่ใจ ยังไงฉันก็รักทุกๆอย่างที่เป็นนายอยู่ดี ” คังอินพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา...แต่คนฟังประโยคนี้สิ...สีหน้าที่ว่าแดงแล้วตอนนี้กลับหน้าแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศซะอีก...เห็นอย่างนี้สำหรับคังอินที่รู้สึกอยากแกล้งคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
“จริงๆแล้วน่าทำโทษนะเนี่ย...เพราะนายไม่ยอมฟังฉัน ฉันเลยต้องนอนคนเดียวตั้งหนึ่งคืนเชียวนะ” คังอินพูดก่อนจะผลักคยูฮยอนลงไปบนเตียงอย่างเบามือ
“ใครว่าคนเดียวล่ะ ก็มีพี่อึนฮยอกมานอนด้วยไม่ใช่เหรอ” คยูฮยอนตอบยิ้มๆ....ก็เค้าเป็นคนขอให้ซองมินบอกอึนฮยอกให้มานอนเป็นเพื่อนคังอินเองนั่นแหละ... ก็รู้อยู่ว่าเจ้าหมีเนี่ยไม่ชอบนอนคนเดียว...(ขนาดโกรธกันอยู่นะเนี่ย...^^)
“มันก็ใช่...แต่ไม่มีนายฉันก็เหมือนอยู่คนเดียวนั่นแหละ...มาให้ทำโทษซะดีๆ...” คังอินว่าก่อนจะกอดคนตัวเล็กที่พยายามมุดผ้าห่มหนีแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี...
“หมีบ้า...ลามก...”
“นี่!ฉันบอกรักนายแล้วนะ แล้วนายล่ะรักฉันหรือเปล่า...” อยู่ๆคังอินก็ถามขึ้นมาอย่างไม่ทันให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดได้รู้ตัว
“...” คยูฮยอนไม่ยอมตอบพียงแต่พยักหน้าน้อยๆ
“พูดสิ...นายไม่พูดฉันก็ไม่รู้หรอกนะ...”
“ก็...ก็...”
“หือ..?”
“ฉัน...ฉันรักนาย...” กว่าจะยอมพูดมาได้...แต่ก็เบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
“อะไรเหรอ...ไม่เห็นได้ยินเลย“ คังอินตอบพร้อมใบหน้ากวนๆ จริงๆก็ได้ยินนั่นแหละ เพียงแต่อยากแกล้งนิดหน่อยเอง...
“...รักนะหมีบ้า รักมากๆเลยด้วย แค่นี้พอใจรึยัง...” ด้วยความอายหรือว่าอะไรก็ไม่ทราบแต่คำบอกรักที่แผ่วเบาเมื่อกี้กลับกลายเป็นเสียงตะโกน
“ได้ยินชัดแล้วครับผม...แต่ว่า...”
“มีอะไรเหรอ” คยูฮยอนงงกับท่าทางของคังอิน แต่คังอินกลับเอานิ้วปิดปากพลางส่งเสียงให้คยูฮยอนเงียบก่อนจะเปิดประตูไปพบกับสมาชิกทุกคนที่ต่างเงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อ...ยิ้มแหย่ๆให้ที่โดนจับได้...ทำไมเค้าจะไม่รู้นิสัยพวกเพื่อนๆเค้ากันล่ะ...
“ได้ยินชัดมั้ยครับ...” คนอื่นไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าหงึกๆ
“แล้วจะอยู่ตรงนี้กันอีกนานมั้ยครับ..??“ คังอินว่าพร้อมรอยยิ้มหวานๆ พร้อมกับคนอื่นๆที่ค่อยๆแว่บหายตัวไปทีละคนสองคน
“อ๋อใช่...พี่ฮีชอล...ดงแฮ...ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ต้องเสียเงินน่ะ” คังอินว่าเมื่อเห็นฮีชอลกับดงแฮกำลังเดินหนีไป...
“เออ...ไม่เป็นไร...เฮ้ย!! นี่นายรู้ได้ไง...” ฮีชอลถามอย่างตกใจ...ก็หมอนี่ไปเข้าห้องน้ำนี่นา...จะรู้ได้ไง...
“คิดว่าผมไม่รู้นิสัยพี่รึไง...” ฮีชอลเถียงอะไรกลับไม่ได้จึงรีบเดินหนีไปจากหน้าห้อง ปล่อยให้หมีคังอินยืนหัวเราะอย่างผู้ชนะ
“คยูฮยอน พรุ่งนี้ระวังลุกไม่ขึ้นนะ...” เสียงใสๆซองมินพูดก่อนจะวิ่งตามคนอื่นๆไป
“พี่ซองมินอ่า~~~...” คยูฮยอนตอบกลับมาแต่คนถูกว่าก็หายไปซะไกลลิบแล้ว...
หลังจากทุกคนไปหมดแล้ว...
“คยูฮยอนมานี่นะ มาให้กอดซะดีๆ”
“ไม่เอาหรอกฉันตัวเหม็นจะตายยังไม่ได้อาบน้ำเลย...นี่อย่ามากอดนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ฉันชอบนี่...”
“หมีขี้แกล้ง...” คยูฮยอนพูดขึ้นมาลอยๆ
“ถ้านายอยากรู้ว่า การแกล้งจริงๆเป็นยังไง ก็รอคืนนี้ดีๆแล้วกัน...” คังอินตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
คำพูดของคังอินทำเอาเจ้าตัวเล็ก หนาวๆร้อนๆ ท่าทางพรุ่งนี้เช้าเขาอาจจะลุกไม่ขึ้นอย่างที่ซองมินว่าไว้จริงๆซะแล้ว
To Be Con
เฮ้อกว่าจะจบ ยาวเว่อร์อีกแล้ว....
ไม่ได้เล่นเนท ตั้ง 2 วัน เลยไม่ได้มาต่อให้เลย...
วันนี้มีของฝากโทษฐานที่ช้าด้วยล่ะ
ไปตามนี้เลยจ้า = => http://www.youtube.com/watch?v=QfIYc3YCQ2M
ถ้าถามว่ามันคืออะไร ^O^ มันก็คือ Sweet Kangin X Kyuhyun นั่นเอง
ดูแล้วเป็นไงก็บอกกันมั่งนะ...ใครเคยดูแล้วก็โทษทีนะ...
รักคนเม้นต์จ้า...บาย..^^
ปล.อยากฝากให้ลองตั้งชื่อเล่นให้เจ้าหญิงคนสวยหน่อย จริงๆก็คิดไว้แล้วแหละ แต่ยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ใครมีความคิดดีๆก็เม้นต์ไว้ให้หน่อยนะ (แต่ต้องคิดว่าเป็นคนในวงตั้งให้นะจ้ะ...อย่าลืมซะหล่ะ...) ของคนอื่นด้วยก็ได้นะ
-
- +
+ R
z.
ความคิดเห็น