คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : >>> 3
Revenge, The
“พี่แจจุง! พี่ยูชอน! เร็วๆหน่อยสิครับ” เสียงใสจากน้องเล็กขององค์กรตะโกนเรียกผู้ที่ตามมาทีหลังให้รีบมารวมกับกลุ่มซึ่งทุกคนกำลังรอพวกเขาอยู่
“ยินดีต้อนรับกลับมานะ ยูชอน...” เสียงและรอยยิ้มหวานๆ จากร่างบางบนเก้าอี้สีครีมขาวของโรงแรม เรียกให้ชายหนุ่มเข้าไปกอดทักทาย
“ขอบคุณครับ พี่จองซู คิดถึงพี่จังเลย...” ยูชอนเอ่ยตอบเจ้าของนัยน์ตากลมโตคู่สวย เส้นผมสีน้ำตาลทองสั้นประบ่า ริมฝีปากเรียวบางสีเนื้ออ่อน ไม่ว่าใครเพียงแค่มองก็ต้องบอกว่าน่ารัก...น่าหลงใหล อ่อนหวานราวกับนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ หากแต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วนางฟ้าไร้ปีกตรงหน้านี่แหละ คือหัวหน้าองค์กร DL ชื่อองค์กรนักฆ่าที่เพียงแค่เอ่ยขึ้นมาก็ไม่มีใครไม่รู้จัก แม้แต่พวกตำรวจเองยังไม่กล้ายุ่ง
“ปากหวานจริงเลยนะเราน่ะ ไปหาคนที่นายคิดถึงที่สุดดีกว่านะ เขารอนานแล้วรู้รึเปล่า?” นิ้วเรียวชี้ไปทางร่างเล็กอีกคนที่ยืนอยู่ข้างซองมิน ยูชอนเพียงแค่ยิ้มบางๆ ตอบรับคำพูดของจองซู ก่อนร่างเล็กที่ถูกพูดถึงนั้นจะเป็นฝ่ายกระโดดกอดชายหนุ่มซะเอง
“ยูชอน!!”
“ว่าไงครับ เจ้าหญิงของผม...” มือใหญ่โอบกอดคนรักไว้อย่างอ่อนโยน แก้มขาวกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ ก่อนเสียงหวานใสจะเอ่ยข้างใบหูชายหนุ่มอย่างร่าเริง
“ยูชอน!!! คิดถึงนายจัง!”
“ฉันก็เหมือนกัน...จุนซู คิดถึงนายที่สุดเลย นอนแกร่วอยู่คนเดียวตั้งหลายวันไม่มีคนน่ารักให้กอดเลย” ร่างเล็กแย้มริมฝีปากสีเนื้อบนดวงหน้าเมื่อได้ยินคำอ้อน หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ออกจะเจ้าเล่ห์อยู่สักหน่อย เสียงเล็กเอ่ยถ้อยคำที่ฟังดูประชดนิดๆ จนทำให้ชายหนุ่มแก้ต่างให้ตัวเองแทบไม่ทัน
“ตกลงนายเห็นฉันเป็นหมอนข้างจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? ห่ะ?!”
“โธ๋! จุนซูก็ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อยนี่นา”
“แล้วหมายความว่าไงล่ะ?”
“ก็...หมายความว่าฉันจะนอนอยู่คนเดียวโดยไม่มีนายไม่ได้ยังไงล่ะ” คำตอบของชายหนุ่มที่พูดออกมาอย่างไม่อายเพื่อนร่วมองค์กรที่ยืนอยู่ด้วยสักนิดทำให้ร่างเล็กเกิดอาการเก้อเขินมือเรียวเกี่ยวกันบิดไปมา ทั้งที่ตั้งใจจะแกล้งคนรักเสียหน่อยกลายเป็นว่าโดนชายหนุ่มแกล้งกลับเสียจนได้ และเหตุการณ์ขณะนี้กำลังสร้างความหมั่นไส้ให้กับผู้ได้ชื่อว่า ‘Queen’ แห่ง DL เป็นอย่างยิ่ง ที่ว่าหมั่นไส้น่ะ ไม่ใช่จุนซูหรอกนะ แต่เป็นไอ้ ‘King’ หน้าไก่นี่ต่างหากล่ะ ยิ้มระรื่นหน้าบานจนอยากถีบขึ้นมาตงิดๆ
“พี่จองซูฮะ! ไปกันเถอะ ผมจะเลี่ยนตายเพราะลิ้นไก่ชุบน้ำตาลนี่อยู่แล้ว!” แจจุงเอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยให้คู่รักคู่หวานประจำองค์กรอย่าง ’Princess’ (จุนซู) และ ‘King’ (ยูชอน) ได้คุยกันหลังไม่เจอกันถึงหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะงานที่ชายหนุ่มและซีวอนต้องจัดการให้เสร็จ
“ถ้างั้น...เราไปกันเลยดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา”
“ไป? ไปไหนฮะ?” เด็กหนุ่มแก้มป่องอัจฉริยะประจำองค์กร ถามขึ้นหลังจากเงียบมานาน ความจริงเขาก็รู้อยู่หรอกว่าจะไปฉลองที่พี่ยูชอนกับซีวอนกลับมา แต่ไม่เห็นได้บอกไว้นี่ว่าจะเลี้ยงกันที่อื่นนึกว่าจะเป็นที่นี่ซะอีก คิบอมคิดอยู่ในใจดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปเสียสนิทเลยว่าวันนี้เป็นวันอะไร ในขณะที่คนอื่นได้แต่อมยิ้มในใจ นานๆ ทีจะมีเรื่องที่อัจฉริยะคนเก่งแห่ง DL ไม่รู้ เพราะปกติแล้วรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง ถึงได้ชื่อว่าอัจฉริยะไง
“เดี๋ยวไปถึงที่นายก็รู้เองแหละ” จองซูยิ้มตอบก่อนจะเป็นฝ่ายนำหน้าทุกคนไปที่ห้องอาหารขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรม
“อ่า...พี่จองซูผมลืมของสำคัญไว้ที่รถฮะ ทำไงดี?!!” ระหว่างทางที่เดินไปซองมินพึ่งนึกออกว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่างเอาไว้ ท่าทางลนลานที่ทำให้จองซูได้แต่ยิ้มกับความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องเล็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นเหยี่ยวข่าวตาไวประจำองค์กร
“ไม่เป็นไรหรอก จริงสิ...คิบอมช่วยไปเอา ’ของสำคัญ’ ที่ว่าขึ้นมาหน่อยได้ไหม?”
“ง่า...ผมเหรอ ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงอ่อยๆ ขณะหันหลังกลับเดินไปที่จอดรถ อดคิดในใจไม่ได้ว่าซองมินเป็นคนลืม ทำไมต้องให้เขาลงไปเอาให้ล่ะเนี่ย ถ้าไม่ใช่คำขอของพี่จองซูล่ะก็เขาไม่มีทางทำเด็ดขาดเลย สำหรับสมาชิกทุกคนแล้วต่างรู้กันดีว่าอัจฉริยะและเหยี่ยวข่าวของพวกเขาเป็นคู่กัดกันขนาดไหน คุยกันดีๆ ไม่เคยเกิน 5 นาที ถ้าไม่รวมเวลาทำงานที่เข้าขากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้วละก็ จะญาติดีกันนั้นคงไม่มีทาง
“ฮึ...เล่นได้เนียนมากเลยนะ...ซองมิน ป่านนี้หมอนั่นคงกำลังแอบด่านายอยู่ในใจแน่ๆเลย ฮ่ะๆ” เสียงหวานเอ่ยชมเมื่อใบหน้าที่พึ่งจะมีอาการกระวนกระวายเมื่อกี้กลายมาเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างน่ารักน่าหยิก ซองมินส่ายหน้าพลางถอนหายใจตอบจุนซู
“เฮ้อ~ ผมก็ได้หวังว่าหมอนั่นจะไม่ทำของข้างในเละซะก่อนนะฮะ”
“เละไม่เละเดี๋ยวก็รู้ เข้าไปข้างในกันเถอะ...” ยูชอนเป็นฝ่ายเรียกให้ทุกคนเข้าไปในห้องอาหาร ซึ่งมีผู้ใช้บริการอยู่จำนวนไม่มาก เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นดีนัก พนักงานต้อนรับพาพวกเขาเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านในสุด
.
.
.
ไม่นานหลังจากที่คิบอมไปเอาของที่รถ ซึ่งเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ’ของสำคัญ’ ที่นอกจากความใหญ่จนเทอะทะในการถือแล้ว อัจฉริยะหนุ่มก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันสำคัญตรงไหน แต่ก็ยอมแบกมันอย่างทุลักทุเลท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เผลอมองเจ้ากล่องใบโตนี้อย่างไม่ตั้งใจด้วยความสงสัยมาตลอดทางที่เขาเดิน และในตอนนี้คิบอมก็มาถึงหน้าห้องอาหารแล้วบริกรสาวที่ยืนอยู่ส่งยิ้มให้เขา
“คุณคิบอมใช่ไหมค่ะ? เชิญทางนี้เลยค่ะ...” บริกรสาวเอ่ยอย่างอ่อนหวาน พอเด็กหนุ่มตอบรับแล้วเธอก็เดินนำทางเด็กหนุ่มไปส่งที่หมายหลังจากนั้นเธอเองก็ปลีกตัวไปทำงาน คิบอมเปิดประตูเข้าไปข้างในก่อนจะพบกับความมืด และเพียงเสี้ยววินาที เด็กหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อไฟทั้งห้องก็สว่างพรึบขึ้นมา สิ่งแรกที่เขามองเห็นคือป้ายสีขาวที่มีตัวอักษรสีสันสวยงามเขียนอยู่ให้เขารู้ตัวว่านี่เป็นวันเกิดของเขาเอง...
‘นี่!! เขาลืมไปได้ยังไงวันนี้...วันเกิดเขานี่นา... มิน่าทุกคนถึงได้ทำลับๆล่อๆนัก... แล้วไอ้ที่ถืออยู่นี่...กล่องเค้กสินะ...’
“สุขสันต์วันเกิดนะคิบอม อายุครบ 17 แล้วนะ เป็นหนุ่มเต็มตัวซะแล้วสิ มีความสุขมากๆ นะเจ้าแก้มป่องของพี่ ไหนมาให้พี่กอดรับเจ้าของวันเกิดหน่อยเร็ว...” เสียงหวานของเจ้าของนัยน์คู่สวยเรียกให้เด็กหนุ่มที่มัวแต่ยืนอึ้งวางกล่องที่ถือมาลงก่อนจะวิ่งเขาไปหาซะเต็มรัก ความปลื้มปิติยินดีและความเศร้าที่มีอยู่ข้างในถูกถ่ายทอดออกมาผ่านหยาดน้ำใสที่ไหลอาบแก้มโดยไม่ได้ตั้งใจ คิบอมรู้ดีว่านี่อาจจะเป็นวันเกิดครั้งสุดท้ายก็ได้ที่จะมีโอกาสได้รับอ้อมกอดจากจองซูแบบนี้ ในเมื่อเวลาของเจ้าของดวงตาคู่สวยนั้นเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว
“ไม่เอาน่า...คิบอม ร้องไห้เป็นเด็กเลยนะเราน่ะ” มือเรียวขยี้ผมเด็กหนุ่มเล่น คิบอมจะปาดน้ำตาออกเพื่อหันมาเลี้ยงฉลองกับทุกคน...พอดีกับที่กล่องของขวัญขนาดพอเหมาะสีขาวถูกยื่นมาให้ตรงหน้า...ของขวัญจากแจจุงนั่นเอง
“คราวนี้รู้รึยังว่าเมื่อคืนพี่ไปซื้ออะไร? อุตส่าห์ทำงานให้เสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้ไปซื้อให้นายเชียวนะ!” เจ้าของดวงหน้าสวยส่ง
เสียงมาประท้วงอย่างอดไม่ได้ ก็เมื่อคืนนี้เจ้าเด็กนี่ดันหาว่าเขาหนีไปเที่ยวซะได้ ไอ้ที่ไปน่ะมันก็จริง แต่ต้องไปเพราะใครกันเล่า!
”เอาน่า เจ๊ก็!...ผมขอโทษก็ได้คร๊าบบบ~ อย่าโมโหไปเลยน้า~” เด็กหนุ่มพยายามทำตัวแบ๊วเต็มที่เผื่อว่าแม่ ’Queen’ คนงามจะเห็นใจ แต่แล้วสิ่งที่เขาคิดดูเหมือนจะผิดไปเมื่อเห็นประกายแวววับจากมีดสั้นที่อยู่ในมือเรียว พร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาจากริมฝีปากสีกลีบกุหลาบนั้น
“คิบอม!!! เลือกเอา! สมอง,ลิ้น,หัวใจเอาอะไรก่อนดี”
“โธ่...เจ๊ก็ ยอมแล้วคร๊าบบ~ ไม่เรียกเจ๊แล้วก็ได้... พี่อ่ะ โหดร้าย~” เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวไปหลบหลังจองซูพร้อมกับทำท่าออดอ้อนแจจุงสุดฤทธิ์
“ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดละก็นะ เฮ้อ~ แล้วนี่จะทิ้งเค้กไว้ตรงนี้อีกนานไหม? รีบๆ มาจัดการได้แล้ว!” ร่างบางหมายถึงเจ้าเค้กช็อกโกแลตก้อนโตที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับเทียนที่ปักอยู่บนหน้าเค้กตามจำนวนอายุ เปลวไฟจากเทียนที่ถูกจุดไว้กำลังพลิ้วตามแรงลม เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดของทุกคนที่มอบให้ทำให้เด็กหนุ่มปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก ความสุขที่คงหาไม่ได้ หากวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจก้าวออกจากบาดแผลแห่งความเจ็บปวดนั้นล่ะก็...คงไม่อาจมีความสุขเหมือนตอนนี้ได้อย่างแน่นอน
‘ไม่เห็นต้องทำให้ผมมีความสุขจนล้นขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ เพียงแค่มีผม...พวกพี่...เพียงแค่เราทุกคนได้อยู่ด้วยกัน เท่านี้ผมก็เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว และผมก็ไม่ปรารถนาสิ่งใดไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะครับ’
หลังจากงานเลี้ยงจบลงทุกคนก็กลับไปยังบ้าน ที่ความจริงคงต้องเรียกว่าคฤหาสน์เสียมากกว่าเพราะขนาดที่ใหญ่โตจนกินเนื้อที่ไปหลายสิบไร่ ซึ่งเจ้าคฤหาสน์หลังนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...บ้านของยูชอนนั่นเอง ชายหนุ่มมอง ‘บ้าน’ ที่ไม่ได้กลับมาถึง 7 ปี นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมีแวววูบไหว เมื่อได้กลับมายังบ้านซึ่งเต็มไปด้วยอดีตอันฝังใจ สิ่งสุดท้ายที่พ่อและแม่เหลือทิ้งไว้ให้เขา...
“จุนซู...” มือใหญ่สะกิดร่างเล็กให้หันมาฟังเขา ”เดี๋ยวฉันมาแป๊ปนึงน่ะ นายเข้าไปก่อนก็แล้วกัน...”
“จะไปไหนเหรอ...ยูชอน?” จุนซูเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจในเมื่อมาถึงบ้านแล้วยูชอนยังจะไปไหนอีก
“ไปหาแม่น่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยคำตอบที่ทำให้ร่างบางต้องถามกลับอย่างเป็นห่วง
“ให้ฉันไปด้วยไหม?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันมา...” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มบางและจุนซูเองก็ไม่ได้รบเร้าอะไรอีก เพราะร่างเล็กรู้ว่าชายหนุ่มอยากอยู่ตามลำพังเวลาไปพบกับแม่จึงไม่ได้รั้นที่จะตามไปด้วย
.
.
.
ยูชอนปลีกตัวออกจากทุกคนเพื่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง สุสานขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก ถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืนแล้วก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หวั่นกลัวสิ่งใดๆ เขาเดินผ่านประตูเหล็กดัดเข้าไปในสุสานอย่างไม่รีรออะไร ผ่านแผ่นหินนับร้อยที่จารึกชื่อของผู้ที่นอนหลับอย่างสงบ ณ ที่แห่งนั้น ร่างสูงฝ่าความมืดของทางเดินที่ไม่มีแสงไฟด้วยแสงจันทร์เสี้ยวอันน้อยนิด แต่ด้วยสายตาที่ถูกฝึกจนชินกับความมืด ทำให้เขามองทุกอย่างชัดกว่าตอนกลางวันด้วยซ้ำ จนกระทั่งมาหยุดลงอยู่หน้าแผ่นป้านหินอ่อนสีดำป้ายหนึ่ง ช่อดอกไม้ขนาดเล็กที่ติดมือมาถูกวางลงหน้าป้ายหลุมศพนั้น
“แม่ครับ... ผมกลับมาแล้ว ไม่ได้เจอกันตั้งนานแม่คิดถึงผมบ้างไหมครับ? แต่ผมคิดถึงแม่มากเลย...” ในสุสานเวลานี้มีเพียงความเงียบที่เข้าปกคลุมสลับกับเสียงใบไม้ที่กรีดหวีดร้องยามต้องแรงลมฟังดูน่ากลัวดังแว่วเข้าโสตประสาทการได้ยินราวกับเป็นการต้อนรับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมีหยาดน้ำมาคลออยู่ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ตอนนี้ผมกลายเป็นนักฆ่าซะแล้ว...ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่ได้เป็นนักร้องอย่างที่เคยบอกกับแม่ไว้ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะครับ ถึงยังไงผมก็มีความสุขดี...ทุกคนที่ผมอยู่ด้วย ไม่เคยทำให้คนขี้เหงาของแม่ต้องโดดเดี่ยวเลยสักนิด ทั้งจุนซูที่แสนน่ารักของผม, แจจุง, พี่จองซู, ซีวอน รวมทั้งเจ้าเด็กแสบสองคนนั้นด้วย แค่มีพวกเขาผมก็ไม่รู้สึกเหงาเลย... ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองรอยยิ้มแสนเหงาของท้องฟ้าที่ถ่ายทอดผ่านจันทร์ข้างแรม สายลมพัดแผ่วเบาราวกับเป็นการโอบกอด เขายืนนิ่งเพื่อรับความอ่อนโยนของสายลมและซึมซับความรู้สึกของตนอย่างช้าๆ
“ความจริงแม่อาจจะโกรธที่ผมกลายเป็นคนไม่ดีแบบนี้ก็ได้... ถ้าแม่โกรธมากจริงๆ ผมก็คงทำได้แค่ขอโทษเท่านั้น แต่ผมจะไม่มีวันเลิกอย่างแน่นอน เพราะนี่คือหนทางที่ผมเลือกเอง ผมจะแก้แค้นให้พ่อ...กับแม่... แต่ว่า...แม่อย่าเสียใจไปเลยนะครับที่ลูกของแม่กลายเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่ดีคือเพื่อนของพ่อคนนั้นต่างหาก เขาคนนั้น...ทำลายชีวิตที่เคยเต็มไปด้วยความสุขของครอบครัวเรา ผมจะไม่ยอมให้เขามีความสุขได้ไปตลอดหรอกครับ...” ยูชอนพูดอย่างหนักแน่นด้วยแววตาสีน้ำตาลเข้มที่แฝงไปด้วยเด็ดเดี่ยวและจริงจัง สายลมสงบลงแล้วเหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบและคำพูดประโยคสุดท้ายของชายหนุ่ม
“ผมไปก่อนนะครับแม่... ทุกคนกำลังรอผมอยู่ แล้วผมจะกลับมาหาแม่อีกครั้งในวันที่ผู้ชายคนนั้นไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้แล้ว ตอนนั้นผมจะพาจุนซูมาแนะนำให้แม่รู้จักด้วยนะครับ...” ร่างสูงหายไปกับความมืดราวกับ ณ ที่ตรงนั้นไม่เคยมีใครอยู่เลย
.
.
.
ท่ามกลางความมืดภายใต้แสงจันทร์ที่ทอแสงลงมาเพียงน้อยนิด บนหลังคาของคฤหาสน์หลังใหญ่ เงาของกลุ่มคนที่อยู่บนนั้นทอดยาวลงมาตามลอนของหลังคาสีแดง สายตาของพวกเขาจ้องมองไปยังตึกสูงใหญ่และสถานที่ต่างๆ ในเมืองยามกลางคืนที่เต็มไปด้วยสีสันอันเปรียบเสมือนเปลือกป้องกันภายนอก ไม่ให้เห็นด้านในที่สกปรกโสมมซึ่งเจือปนไปด้วยความเห็นแก่ตัวและการแก่งแย่ง เงาดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วเพียงแวบเดี๋ยวก็มายืนปรากฏตัวอยู่ข้างบนพร้อมคนอื่นๆ พร้อมกับเสียงทักของอัจฉริยะประจำองค์กรที่ยังง่วนอยู่กับการเซตข้อมูลของโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ซึ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดจากจองซู
“กลับมาแล้วเหรอครับพี่ยูชอน...”
“อือ...” ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ จุนซู โดยมีซีวอนนอนราบอยู่ด้านข้าง
“ไม่ได้กลับมาตั้ง 7 ปี รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” เสียงหวานจากร่างบางผู้ยืนหยัดอย่างสง่างาม สายตาของเขายังคงทอดมองไปยังในเมือง...สถานที่ที่เต็มไปด้วยอดีตของความเจ็บปวดอันฝังรากลงลึกในจิตใจยากที่ใครจะหยั่งถึง
“ฮึ...สำหรับฉันเหรอ? มันก็น่ารังเกียจเหมือนเดิมนั่นแหละน่า...แจจุง นายก็รู้อยู่แล้ว ไม่น่าถามเลยนะ ว่างั้นไหมจุนซู?” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย พลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจให้ร่างบาง แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากคนที่ถาม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจึงหันมองคนรักที่เหม่อมองอยู่แต่ตึกสูงในเมืองโดยไม่ได้สนใจฟังที่เขากับแจจุงคุยกันอยู่เลย
“จุนซู...?”
“หือ?” ร่างเล็กหันมาตามเสียงทุ้มที่เรียก มือใหญ่ของชายหนุ่มลูบเส้นผมสีดำของจุนซูแผ่วเบาและอ่อนโยน นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มยามมองร่างเล็กแฝงไปด้วยความห่วงใยดังเช่นทุกครั้ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าหรอก ฉันก็แค่คิดว่า...เรากลับมาแล้วจริงๆ สินะ... เวลาเจ็ดปีเหมือนจะยาวนานจนลบเลือนทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากความทรงจำ แต่...ไม่เลย ฉันกลับยังจำมันได้ดี เหตุการณ์ในวันนั้น...วันที่ฉันพึ่งรู้จักกับความโหดร้ายของคนเป็นครั้งแรก ตอนที่ฉันรู้ว่าตัวเองสูญเสียทุกอย่างไป...ความรู้สึกมันว่างเปล่า ฉันรู้เลยว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงคืออะไร? แต่ว่า...ฉันในตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อนอีกแล้ว... ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ฉัน...“ น้ำเสียงของร่างเล็กฟังดูราบเรียบคล้ายกับไม่มีอะไร แต่คนที่ได้ยินต่างรู้กันดีว่าเจ้าของเสียงที่เปล่งออกมานั้นกำลังเศร้าใจขนาดไหน มือใหญ่เอื้อมจับเส้นผมสีดำนั้นเบาๆ ก่อนจะเอนศีรษะเล็กพิงกับไหล่ของตนเอง
“ใช่...จุนซู ถ้าเป็นตอนนี้นายทำได้...พวกเราทุกคนทำได้...”
“ยูชอน...” ร่างเล็กเอ่ยด้วยความรู้สึกขอบคุณ ก่อนน้ำเสียงทุ้มจากคนที่ใบหน้าอยู่หลังโน๊ตบุ๊คจะเรียกให้ร่างเล็กหันไปหา
“An evil man will suffer for the evil he dose,won’t he? (คนชั่วจะได้รับผลของการกระทำชั่วของเขาไม่ใช่เหรอครับ?)“
“คิบอม...”
“ปกติพี่ชอบพูดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอฮะ?”
“แก้แค้น...มันก็เป็นจุดประสงค์หนึ่งที่เรากลับมาอยู่แล้วนี่ครับ“ ซีวอนที่นอนอยู่ว่าพลางหันไปหาจุนซู ตามด้วยน้องเล็กขององค์กรที่เอ่ยพลางลูบเส้นผมสีทองสว่างของตนที่สะท้อนรับกับแสงจันทร์อย่างสวยงาม
”อย่ากังวลไปเลยฮะพี่จุนซู...ไม่มีใครขัดขวางการแก้แค้นของพวกเราได้หรอก”
“แล้วนายล่ะ...ว่าไง...แจจุง?”
“นั่นสินะ...” ร่างบางตอบรับคำถามของยูชอนพร้อมหลับตาลงอย่างใช้ความคิด ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศเพียงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนนัยน์ตาสีรัตติกาลจะส่องประกายออกมาท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า น้ำเสียงอ่อนหวานแต่เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นในสายลมยามกลางคืนที่ทั้งสงบนิ่งและเยือกเย็น
"ในเมื่อพวกเรากลับมาเพื่อแก้แค้น ไม่ว่าใครหน้าไหนก็หยุดพวกเราไม่ได้ทั้งนั้น!!!! ไม่ว่าจะสูญเสียสักแค่ไหน แต่ว่าเราจะไปด้วยกันจนกว่าจะถึงจุดจบของพวกเรา...”
“เฮ้อ...ทำไมฉันต้องมาซื้อของกับนาย 2 คนด้วยเนี่ย?” เสียงทุ้มบ่นกระปอดกระแปดแกมน้อยใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะออกมาช๊อปปิ้งซื้อของกับแจจุงสักหน่อยนี่นา ความจริงชายหนุ่มจะชวนจุนซูให้มาด้วยกัน ถ้าไม่ติดว่าถูกร่างเล็กปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยด้วยความง่วงที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืน บอกแต่ว่าถ้าบ่ายสองเมื่อไหร่ให้โทรมาปลุกด้วย แล้วจะรีบไปหา ก่อนจะหลับต่อไปโดยไม่สนใจอะไรเขาอีกเลย
“ช่วยไม่ได้นี่นา คิดว่าฉันอยากมากับนายนักรึไง? จุนซูนะจุนซู!!” เสียงหวานแหลมแว้ดกลับ แน่ล่ะ...ก็วันนี้ตั้งใจว่าจะมาเดินเที่ยวกับจุนซูซะหน่อย แต่ร่างเล็กเองก็บอกกับเขาเหมือนที่พูดไปกับยูชอนเมื่อก่อนหน้านี้ ผลก็เลยกลายเป็นว่าคนถูกปฏิเสธทั้งสองคนต้องมาด้วยกันซะเอง ในเมื่อจะชวนคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะคิบอมกับซองมินออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับตำรวจที่ดูแล้วเริ่มจะมีการเคลื่อนไหว ส่วนซีวอนที่พึ่งกลับมาเมื่อวานนี้ก็ยังนอนสลบไม่ตื่นโดยมีพี่จองซูดูแลอยู่ข้างๆ ตามประสาคนรักกัน
“ง่า...ช่างมันเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ ไปดูเสื้อผ้ากันก่อนดีไหม หรือนายอยากไปร้านทำผมก่อน?” ยูชอนตกลงใจเป็นฝ่ายยุติการเถียงกันลง ก่อนจะเอ่ยถามความต้องการของร่างบาง
“ฉันว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันจะไปทำผม ส่วนนายก็ไปร้านขายซีดีเพลงก่อน เพราะยังไงเวลาที่ฉันทำผม กับเวลาที่นายใช้เลือกซีดีเพลงมันก็พอๆ กันนั้นแหละแล้ว ถ้านายเสร็จก่อน...ก็มาหาฉัน แต่ถ้าฉันเสร็จก่อน...ฉันก็ไปหานาย แล้วหลังจากนั้นค่อยไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ที่บ้าน กันตกลงไหม?” ร่างบางร่ายมาเสียยืดยาว แต่มันก็เป็นกำหนดการณ์ที่ดีที่สุดซึ่งยูชอนเห็นด้วยอย่างเต็มที่
“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกัน...” แล้วคนทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยง แจจุงที่ทำผมเสร็จก่อนไปหายูชอนที่ร้านขายแผ่นซีดีขนาดใหญ่ ซึ่งในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็เพิ่งเลือกเสร็จพอดี หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากร้านเดินเข้าไปในย่านร้านค้าที่ขายเสื้อผ้า ขาคู่เรียวก้าวพาร่างสูงโปร่งเดินแทรกไปตามช่องว่างระหว่างฝูงคนไปอย่างไม่รีบเร่ง สายตาที่ทอดมองไปเบื้องหน้ามองเสื้อผ้าหลายรูปแบบ หลากสีสันอย่างสนอกสนใจ
“แจจุง...คิดยังไงถึงเปลี่ยนเป็นสีดำฮึ?” ยูชอนติดใจสงสัยจนอดถามไม่ได้ ในระหว่างทางที่กำลังเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่
“ไม่รู้สิ...แค่รู้สึกว่ากลับมาที่นี่แล้ว อยากทำสีนี้ก็เท่านั้นเอง... ช่างมันเถอะน่า ว่าแต่เสื้อตัวนี้สวยดีนะ
” ดูผ่านๆ แล้วก็เหมือนแจจุงกำลังเพลิดเพลินไปกับความสดใสของสถานที่ช็อปปิ้ง
หากแต่สัญชาติญาณที่ได้ฝึกให้ซึมซับเข้าสายเลือด
ทำให้เขารู้ว่าท่ามกลางจำนวนผู้คนมากมายที่ล้อมรอบอยู่นั้น มีสายตาที่มองอย่างไม่เป็นมิตรอยู่หลายคู่ ร่างบางที่รู้สึกตัว แต่ก็ไม่ได้สนใจกลับหันไปหาชายหนุ่มคนข้างๆ ที่เดินไปมาอย่างสบายใจราวกับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย
“ยูชอน...”
“8 คน...ไม่สิ ทั้งหมด 10 คน...”
“ก็รู้นี่แล้วจะเอาไง...”
“พวกไหน?”
“ไม่รู้สิ... ทางที่ดี อย่ายุ่งเลยดีกว่า... ฉันไม่อยากเหนื่อย...”
“แต่ว่า...”
“ยูชอนอย่าลืมสิ คืนนี้เรามีงานนะ อีกอย่างเป็นพวกนักเลงธรรมดาๆ น่ะไม่เท่าไหร่ แต่เป็นพวกตำรวจนี่สิ...”
“เฮอะ!!~ เอางั้นก็ได้นึกว่าจะได้ทำอะไรๆ สนุกๆ สักหน่อย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า คืนนี้มีดของนายมันได้อาบเลือดอย่างที่นายต้องการแน่...”
“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น...แต่ดูท่าว่าเราคงต้องลงมือก่อนแล้วล่ะ” ร่างสูงพูดเมื่อเห็นประกายของกระบอกโลหะที่แลบออกมาจากชายเสื้อของคนที่ตามเขาอยู่ ดูๆ ไปแล้วหน้าตาของไปพวกนั้นมันคุ้นๆ น้า~
“อ๊า!!~ แจจุงฉันรู้แล้วว่าพวกไหน...ก็พวกที่ฉันจัดการไปเมื่อวานไง เห็นไอ้สามคนหัวสัญญาณไฟนั่นไหม? ท่าทางไม่เลิกร่าง่ายๆ จริงๆ นะ ฉันคนเดียวก็ได้นะ ถ้านายไม่อยากเหนื่อยล่ะก็...“ ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนความน้อยใจ ที่ใช้เกลี้ยกล่อมแจจุงได้อย่างอยู่หมัด ทั้งที่จริงร่างบางก็รู้ดีว่ายูชอนแค่แกล้งอ้อนเขาไปอย่างนั้นแหละ แค่พวกนักเลงกระจอกๆ 10 คน ทำไม ’King’ แห่ง DL จะจัดการไม่ได้ แต่ถึงยังไงเขาก็แพ้น้ำเสียงกับท่าทางแบบนี้อยู่ดี
“โอเคๆ เฮ้อ!! ทั้งที่ฉันตั้งใจจะมาหาซื้อเสื้อตัวใหม่สักหน่อย วันนี้คงอดแล้วแฮะ” ร่างบางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่เพราะข้อเสนอของยูชอนทำให้ดวงหน้าสวยมีรอยยิ้มขึ้นมา
“เอาน่า...รีบจัดการให้เสร็จๆ สิจะได้มาเดินต่อ เอาเท่าที่นายต้องการ แล้วฉันจะยอมเป็นเบ๊ถือของให้เลยก็ได้เอา!!!”
“ดีมาก!!! งั้นก็แยกกันไป ฉันจะไปทางซ้าย นายไปทางขวาก็แล้วกัน เจอกันที่สวนสาธารณะข้างหน้าตรงน้ำพุกลางสวนนะ...” ร่างบางเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนทั้งคู่จะแยกกันไป พวกนักเลงเองจึงจำเป็นต้องแบ่งออกเป็นสองทางเพื่อแยกกันไปจับ
.
.
.
ทางด้านแจจุงหลังจากแบ่งพวกนักเลงออกเป็น 2 พวกได้ก็วิ่งมาจนถึงตึกสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ร่างบางเห็นว่ามันเป็นที่ที่ลับตาคนพอที่เขาจะจัดการพวกนี้ได้ ขาเรียวพาเจ้าของเลี้ยวเข้าข้างตึกซึ่งเป็นซอยที่ไม่ลึกมากนักและยังเป็นทางตันอีกต่างหาก
“ฮ่ะๆ ไม่มีที่ให้หนีแล้วนะ น้องสาว...”
“ใครเป็นน้องสาวแกกันห่ะ?!! ไอ้หัวแดง” แจจุงเตรียมจะลงมือจัดการกับร่างอ้วนท้วมผมสีแดงที่บังอาจเห็นเขาเป็นผู้หญิง ถ้าไม่มีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นพร้อมกับลากเขาออกมาเสียก่อน
“เฮ้!!! ตำรวจมา!!” เสียงตะโกนที่ทำให้พวกนักเลงตกใจ จนมัวแต่มองซ้ายมองขวาหันรีหันขวาง ก่อนร่างบางจะรู้สึกถึงแรงฉุดกระฉากที่ข้อมือจากคนคนเดียวกับที่ตะโกนเมื่อกี้นี้
“รีบไปสิ ยืนนิ่งอยู่ทำไมเล่า!?”
“นี่! นาย!!~” ร่างบางพยายามทักท้วงคนแปลกหน้าที่ดูเหมือนว่า พยายามจะช่วยเขาหนีออกไปจากไอ้พวกนักเลงนี้
“เออน่า! อย่าพึ่งพูดอะไรเลย...” ชายหนุ่มแปลกหน้าตวาดกลับไม่ปล่อยให้แจจุงได้พูดอะไรอีก เขาพาแจจุงวิ่งมาเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะที่ร่างบางนัดกับยูชอนไว้ ยังไม่ทันที่แจจุงจะได้เอ่ยอะไรออกมา ชายตรงหน้าก็มาตะโกนใส่เขาอย่างไม่เกรงใจ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“นี่! เป็นผู้หญิงแท้ๆ ทำไมไม่รีบหนีเล่าจะปล่อยให้ไอ้พวกนั้นมันทำอะไรหรือไง!”
“ฮ้า!? ว่าไงนะ!? ฉันเป็นผู้ชายต่างหาก!!! แล้วก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่นายคิดด้วย!!!~” ร่างบางนั้นติดจะอารมณ์เสียอยู่มากทีเดียว เมื่อวันนี้ดันถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงถึงสองครั้งซ้อน
“หา!? ผู้ชายเนี่ยนะ!!?” ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปทันที สับสนจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ในหัวมันโล่งไปหมด ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าคนตรงหน้านี้เป็นผู้หญิง ทั้งดวงหน้าสวยที่รับกับจมูกรั้นและริมฝีปากสีสด เรือนผมสีเดียวกับนัยน์ตาสีนิลดำขลับดูลึกลับน่าค้นหา ผิวเนียนขาวที่เพียงแค่มองก็อยากสัมผัสอยากเป็นเจ้าของ ใบหน้าที่แม้จะเย็นชา แต่กลับอ่อนหวาน นุ่มนวลละมุนละไมราวกับรสชาติของมูสช๊อกโกแล็ต...ขมอมหวาน
“ถะ...ถึงอย่างนั้นก็เถอะคุณตัวเล็กแค่นี้แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับผู้ชายตัวโตๆ แบบนั้นเล่า...”
“ก็บอกแล้วไง!! ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น!! นายนี่!!” น้ำเสียงหวานออกจะฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าสำนึกผิดของชายหนุ่มล่ะก็ ร่างบางคงจะโวยวายยิ่งกว่านี้
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยนะที่ไปยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่...คุณน่ะสวยจริงๆนะ...”
“จะจีบฉันหรือไงห่ะ?”
“ปะ...เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...” ร่างสูงละล่ำละลักตอบอย่างติดๆ ขัด ก็ไม่ได้ตั้งใจจะจีบสักหน่อย ถึงคนตรงหน้าจะสวยยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ที่เขาเคยเจอมาก็เถอะ แต่ยังไงซะเขาก็เป็นผู้ชาย ทว่าไม่รู้ทำไมเขาถึงละสายตาจากดวงหน้าหวานนี้ไม่ได้เลย
“ฮ่าๆ นายนี่ตลกชะมัดเลย” อาจจะเป็นเพราะความซื่อจนเหมือนจะเซ่อ ตาบ๊องนี้ไม่รู้รึไง ว่าไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจหรอกน่ะที่ถูกชมว่าสวยน่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วกับคนที่เขาพึ่งจะตวาดเข้าให้เพราะดันเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงด้วยเนี่ยน่ะ แถมยังกล้าไปช่วยเขาทั้งที่ไม่ได้รู้จักอะไรกัน ให้ตายเหอะ! ยังมีคนประเภทนี้อยู่บนโลกอีกเหรอเนี่ย?
“เอาเป็นว่าฉันยกโทษให้ก็แล้วกัน ว่าแต่นายชื่ออะไร?”
“ยุนโฮ...จองยุนโฮครับ ยินดีที่ได้รู้จัก...”
“ยุนโฮเหรอ? ฟังดูเท่ดีนะ ฉันชื่อแจจุง...ขอบใจนะที่ช่วยฉัน แต่ฉันต้องไปแล้วล่ะ เพื่อนฉันมาแล้ว...” เสียงหวานเอ่ยเมื่อมองเห็นร่างยูชอนที่เดินมาจากทางสวนอีกด้านหนึ่งอย่างสบายๆ ดูท่าว่าฝั่ง ‘King’ แห่ง DL แล้วเรื่องแค่นี้ไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ
“แล้ว...เราจะได้พบกันอีกไหมครับ?” ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ยุนโฮถามร่างบางที่กำลังจะไปหายูชอน แต่เขาก็ถามไปแล้ว...แบบที่ไม่ตัวเองไม่รู้ตัวเสียด้วย ในขณะที่แจจุงยิ้มให้ ก่อนตอบคำถามและวิ่งไปโดยไม่หันมามองอีกเลย...
“ไม่รู้สิ... แต่ถ้าพบกันคราวหน้า ห้ามพูดสุภาพกับฉันแบบนี้เข้าใจนะ”
โชคชะตาดลบันดาลให้คนทั้งคู่ได้มาเจอกัน
การพบกันตามลิขิตของฟ้าที่ไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้
หากแต่การพบกันครั้งนี้
จะเป็นการนำพาสู่โศกนาฏกรรมแห่งการแก้แค้น...
ความเจ็บปวด...
ความรัก...
และความตาย...
To Be Con...
มาต่อตอนที่สองแล้วนะค่ะ ขออภัยหากมันจะช้าไปไหน่อย 55+
See you next Chapter...
-b g--s b- + + ไม้กาง เขน B G
ความคิดเห็น