คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : >>> 1
Revenge, The
แสงอรุณยามเช้าส่องสว่างให้ความอบอุ่นแก่พื้นพสุธา แสงที่เป็นดั่งการจุดประกายของการเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ สายลมอันอบอุ่นท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิที่แสนสดใส ใครหลายต่อหลายคนคงจะมีความสุขกับการได้เฝ้ามองใบไม้ผลิยอดออกดอก ความเขียวชอุ่มเริ่มเข้ามาแทนที่หลังจากฤดูหนาวอันแสนเหน็บหนาวและโหดร้ายได้ผ่านพ้นไป แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขและอบอุ่นเช่นนี้ กลับมีใครคนหนึ่งที่ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด...น้ำตา...และหัวใจที่เคียดแค้น...
ไกลออกไปจากตัวเมือง ยังมีบ้านทรงโบราณหลังหนึ่ง ตัวบ้านทำด้วยไม้เนื้อดีสีน้ำตาลอ่อนตามฐานะของผู้อยู่อาศัย หน้าต่างที่อยู่ปีกซ้ายของบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ ผ้าม่านสีครีมขาวพลิ้วไสวตามสายลมที่พัดเข้ามาในห้อง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งมองทุ่งดอกไม้สีขาวในสวนบ้านของตนด้วยจิตใจเหม่อลอย นัยน์ตาสีนิลว่างเปล่าไม่รับรู้โลกภายนอก เยือกเย็นและเรียบนิ่งจนไม่สะท้อนซึ่งความรู้สึกใดๆ ร่างกายคล้ายไร้เรี่ยวแรงจะเคลื่อนไหว ขังตัวเองไว้ในจิตใจที่มืดมนกับภาพความทรงจำที่โหดร้าย... กลิ่นคาวเลือดยังติดจมูก ความเจ็บปวดยังคงแทรกซึมอยู่ทุกอณูของร่างกาย...
เสียงเครื่องยนต์ที่ใกล้เข้ามาพอจะเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มได้บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น... ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือมีดสีเงินบางเฉียบที่อยู่ตรงหน้า มือเรียวหยิบมันขึ้นและกรีดไปที่ข้อมือขาวอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง ใบหน้านั้นยังเรียบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาปล่อยให้เลือดไหลไปเรื่อยๆ พร้อมกับความคิดที่ล่องลอย...
พี่ครับ...ผมขอโทษ
แต่...
ผมไม่อยากหายใจบนโลกสกปรกๆนี้อีกแล้ว
คุณพ่อ...คุณแม่...พี่...รับผมไปอยู่ด้วยเถอะนะครับ...
รถยุโรปสีดำคันงามดูน่าเกรงขามแล่นมาจอดลงหน้าบ้านทรงโบราณหลังนี้ ชายหนุ่มผู้รับหน้าที่คนขับเดินอ้อมรถมาเปิดประตูหลังให้คนข้างใน เรียวขาสวยก้าวลงมาพร้อมยืนหยัดตรงด้วยร่างบางปกปิดใบหน้าด้วยหมวกปีกกว้างเดินอย่างสง่างามไปในบ้านหลังนั้น ชายคนเดียวกันนั้นวิ่งไปอย่างรู้หน้าที่ เสียงกริ่งดังขึ้นตามมารยาทที่ผู้มาเยือนพึ่งมี แต่เด็กหนุ่มนั้นกลับไม่รู้สึกรู้สา ไม่รับรู้การมาของแขกผู้มาเยือนเลยสักนิด
“พี่จองซู...?” ชายคนนั้นหันกลับมาถามคนที่กำลังมองบ้านตรงหน้าอย่างใช้ความคิด
“ฉันว่าประตูคงไม่ได้ล๊อกหรอกนะ...ซีวอน” คนถูกเรียกเปิดหมวกออกพร้อมกับใบหน้าเรียวหวานยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนๆ แต่แผ่นอกที่บางราบเรียบนั้นย่อมบอกได้ดีว่าร่างนี้หาใช่หญิงสาวอย่างที่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นปรากฏไม่ หากแต่ความน่าเกรงขามแฝงด้วยอำนาจนั้นกลับมีมากไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว
พอได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็ลองเปิดประตูซึ่งไม่ได้ล๊อกเอาไว้อย่างที่ร่างบางว่าจริงๆ ชายหนุ่มเปิดประตูให้กว้างก่อนร่างเพรียวจะเดินเข้าไป ซีวอนเองก็กำลังจะตามไปด้วยถ้าไม่ถูกเสียงหวานนั้นห้ามไว้ซะก่อน
“อย่าตามมา... ไปรอที่รถ...”
“ครับ...”
ชายหนุ่มร่างสูงรับคำก่อนจะเดินออกไปรออยู่ที่รถในขณะที่สายตาก็สาดส่องมองไปยังรอบๆ อย่างระมัดระวัง
จองซูเดินไปตามทางเดินของบ้านที่ตนรู้จักดีแม้จะไม่ใช่บ้านของตัวเอง เขาเตรียมจะเดินขึ้นบันไดไปเพื่อพบกับเด็กหนุ่มแต่ก็ต้องสะดุดกับกรอบรูปหลากหลายอิริยาบถของคนคุ้นตาที่เกือบเรียกน้ำตาของเขาได้ง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับจองซูในการทำใจที่ต้องสูญเสียคนสำคัญที่สุดไป มือเรียวเอื้อมจับรูปนั้นก่อนจะคว่ำมันลง ไม่ใช่ด้วยความเกลียดแต่เป็นเพราะรู้สึกผิดกับคนในภาพ... คนที่เขารู้จักดียิ่งกว่าตัวเองซะอีก...
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น เรียกให้เด็กหนุ่มมองผู้มาใหม่ด้วยแววตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกก่อนจะหันหนีกลับไปมองดูทุ่งดอกไม้สีขาวดังเดิม แม้รู้สึกแปลกใจกับการมาของคนแปลกหน้านี้อยู่มาก ทว่าตอนนี้เด็กหนุ่มไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจอะไรทั้งนั้น นัยน์ตาสีนิลมองเห็นโลกทั้งใบเป็นเพียงสีเทา แต่จองซูเพรียวนั้นกลับไม่สนใจพลางเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มแล้วมองไปในทุ่งดอกไม้เช่นเดียวกับร่างบาง
สายลมพัดเอื่อยๆ ดอกไม้สีขาวก้านยาวลู่ลงตามแรงลมโบกพัดไปมาไร้แรงต้านทาน เหมือนเขาที่อ่อนแอจนต้องยอมคนพวกนั้นอย่างเสียไม่ได้... จนต้องสูญเสียทุกอย่าง...
“เธอคือแจจุงสินะ...“
“...”
“ฉันชื่อจองซู ปาร์คจองซู”
“...”
เด็กหนุ่มยังคงนิ่งเงียบราวกับก้อนหินที่ไม่มีชีวิต จองซูมองเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลที่ข้อมือซึ่งเด็กหนุ่มเป็นคนทำเองด้วยแววตาเจ็บปวดโดยที่แจจุงไม่รู้สึก เพราะแม้กระทั่งตอนนี้สายตาของเด็กหนุ่มยังคงจับจ้องอยู่ที่ทุ่งดอกไม้ด้านนอก
“อยากจะตายจริงๆนะเหรอ?”
“...”
“ไม่อยากแก้แค้นบ้างรึไง?” คำถามที่เรียกให้เด็กหนุ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ นัยน์ตาสีรัตติกาลหันมองคนแปลกหน้า ดวงหน้าที่หวานซะยิ่งกว่าผู้หญิง น้ำเสียงที่เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงอบอุ่นกำลังทำให้เขาคล้อยตามโดยง่าย...
“ไปกับฉันมั้ย?” มือเรียวที่ยื่นมาตรงหน้าเป็นดังแสงสว่างเดียวของคิมแจจุงผู้ไม่เหลืออะไร เด็กหนุ่มส่งมือให้ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินตามร่างเพรียวบางหากแต่งดงามและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน
และมือคู่นี้แหละ ที่จะทำให้ชีวิตของแจจุงเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม แจจุงไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกหรือผิด แต่สิ่งที่รู้ก็คือ เขาไม่เคยเสียใจที่ได้ตัดสินใจยื่นมือให้จองซูวันนั้น...
ในเมื่อไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกที่มีแต่แสงสว่างได้ หนทางสุดท้ายที่เหลือคือโลกแห่งความมืด สถานที่พึ่งพิงแห่งสุดท้ายของเหล่าผู้มีบาดแผล คนเหล่านั้นเจ็บปวดที่ต้องทนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เหยียดหยาม...ดูถูก...สบประมาท...และรังเกียจ ทั้งที่ไม่เคยกระทำความผิดอันใดเลยแม้แต่น้อย
หากแต่ความทุกทรมานกำลังกลายเป็นแรงผลักดันให้สามารถมีชีวิตอยู่ในในโลกอีกด้านหนึ่ง.... รัตติกาลที่มีเพียงความมืดอันเหน็บหนาว ทว่าสายสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นกลับอบอุ่นยิ่งกว่าโลกแห่งแสงสว่างที่ร้อนเสียจนแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างเสียอีก... บาดแผลเก่ากลับกลายเป็นอาวุธอันร้ายกาจและแข็งแกร่ง เพื่อที่วันใดวันหนึ่งข้างหน้าโอกาสนั้นจะมาถึง...วันเวลาแห่งการแก้แค้น
To Be Con...
Sakura's Talk : ขอโทษที่หายไปนานแต่ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ แล้วก็ขอเปลี่ยนแปลงตัวละครเล็กน้อย อย่าพึ่งแปลกใจ ขอแนะนำให้อ่านใหม่อีกครั้งจะดีกว่า
-b
g--s
b- +
+ ไม้กาง
เขน B
G
ความคิดเห็น