ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มีอะไรก็โยนใส่ ห้องเก็บของ

    ลำดับตอนที่ #1 : กระต่าย

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 61


     

    กระต่าย

     

     

     

    เป็นสัญลักษณ์ให้มีอำนาจ ความสามารถ ความกล้าหาญ และยุติธรรม ตาม ความเชื่อของชาวจีนสมัยโบราณเชื่อว่า ฝูงกระต่ายสีขาวบนดวงจันทร์ มีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะจึง วาดลวดลายมงคลเป็นกระต่าย ๓ ตัววิ่งไล่กันเป็นวงกลม โดยให้หูข้างเดียวของกระต่ายแต่ละตัวอยู่ตรงกลางเป็นสามเหลี่ยม เมื่อดูทีละตัวจึงจะเห็นกระต่ายแต่ละตัวมีหูสองข้าง ใช้แสดงมงคลถึงการให้มีอำนาจ กล้าหาญ และยุติธรรม หากใช้สัญลักษณ์ "กระต่ายป่า" จะหมายถึงความมีอายุยืนเหมือนกวาง

     

     

     

    โชคลางเกี่ยวกับกระต่าย

     

     

     

    ชาวล้านนาเชื่อกันว่าเมื่อเดินทางออกจากบ้านได้พบเจอกระต่ายก็ดี หรือเห็นกระต่ายวิ่งผ่านหน้าไปก็ดี เชื่อว่า เมื่อเดินทางออกจากบ้าน ได้พบเจอกระต่ายก็ดี หรือเห็นกระต่ายวิ่งผ่านหน้าไปก็ดี เชื่อว่าเป็นลางร้าย ไม่ควรเดินทางต่อไปเพราะอาจได้รับอุบัติเหตุ

     

     

     

    ความเชื่ออื่นๆ

     

     

     

    คนจะเฝ้าดูวิธีวิ่งของกระต่าย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมัน และเขาก็สังเกตได้ว่าขาหลังของกระต่ายแตะพื้นก่อนขาหน้า และเพราะเหตุนี้ที่เท้าปุกปุยของกลายมาเป็นสิ่งนำโชคและเป็นเครื่องรางกันวิญญาณชั่วร้าย

     

     

     

    เชื่อกันว่ากระต่ายจะช่วยขับไล่เคราะห์ร้ายและนำโชคดีมาให้ การจะได้มาต้องล่ากระต่ายในคืนพระจันทร์เต็มดวง ยิงมันด้วยกระสุนเงิน จากนั้นตัดขาหลังข้างซ้ายของมันแล้วจุ่มนำฝนที่ขังในตอไม้ ให้พกขากระต่ายไว้ในกระเป๋าหลังข้างซ้ายหรือแขวนคอไว้จนมันแห้งและเก่า ซึ่งตอนนั้นมันจะขลังมาก

     

     

     

    ประเทศในแถบยุโรปไปจนถึงอเมริกา เชื่อว่ากระต่ายปาสกา เป็นผู้ที่ออกไข่ปาสกาไว้ในสวนหรือบ้าน แต่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เชื่อว่านก cuckoo เป็นผู้ที่นำไข่ปาสกามาให้เด็กๆในฝรั่งเศส นอกเหนือจากประเทศดังกล่าว ในประเทศที่นับถือคาทอลิก เด็กๆได้รับการบอกเล่าว่าระหว่างวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ และวันปาสกาเสียงระฆังจะเงียบหายไป เนื่องเพราะระฆังเหล่านั้น กำลังเดินทางไปเฝ้าพระสันตะปาปาที่กรุงโรม พร้อมไข่ปาสกา

     

     

     

    กระต่ายกับจักรราษี - ปีเถาะ

     

     

     

    เถาะ เป็นชื่อปีที่ 4 ของรอบปีนักษัตร มีสัญลักษณ์เป็นกระต่าย พุทธศักราชที่ตรงกับปีเถาะ เช่น พ.ศ. 2506 พ.ศ. 2518 พ.ศ. 2530 พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2554 พ.ศ. 2566 พ.ศ. 2578 และ พ.ศ. 2590 เป็นต้น โดยวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดรอบปีนักษัตรไม่แน่นอนเมื่อเทียบกับปฏิทินสากล และนับต่างกันระหว่างแบบจีนกับแบบไทย โดยมีพระธาตุประจำปีเกิดตามความเชื่อล้านนา คือ พระธาตุแช่แห้ง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน มีสีประจำปีคือสีเทา เป็นปีธาตุไม้ และมีทิศประจำปีคือทิศตะวันออก




    กระต่าย (: Hare, Rabbit) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับกระต่าย (Lagomorpha) ในวงศ์ Leporidae

     

    กระต่ายแม้จะมีฟันแทะเหมือนกับสัตว์ฟันแทะ (Rodentia) แต่ถูกจัดออกมาเป็นอันดับต่างหาก เนื่องมีจำนวนฟันที่ไม่เท่ากัน เพราะกระต่ายมีฟันแทะที่ขากรรไกรบน 2 แถว เรียงซ้อนกันแถวละ 2 ซี่ ฟันกรามบนข้างละ 6 ซี่ และฟันกรามล่างข้างละ 5 ซี่ เมื่อเวลาเคี้ยวอาหาร กระต่ายจะใช้ฟันทั้ง 2 ด้านเคี้ยวสลับกันไป ต่างจากสัตว์ฟันแทะโดยทั่วไปที่เคี้ยวเคลื่อนหน้าเคลื่อนหลัง

     

     

     

    กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็ก มีขนปุกปุยทั่วลำตัว มีหางกลมสั้น มีใบหูยาวเมื่อเทียบกับสัตว์อื่น ซึ่งวิวัฒนาการมาใช้สำหรับฟังเสียงได้เป็นอย่างดี และยังมีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่ดีมาก กระต่ายมีขาหน้าที่มี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว มีสะโพกที่ยาวและทรงพลัง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จึงสามารถกระโดดได้เป็นอย่างดี ใต้ฝ่าเท้ามีขนนุ่ม ๆ รองรับอยู่ เพื่อมิให้เกิดเสียงเมื่อเคลื่อนไหว เป็นสัตว์ที่ตื่นตกใจง่ายและมีความว่องไวปราดเปรียวมากในการระแวดระวังภัย

     

     

     

    กระต่ายเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารเท่านั้น ต่างจากสัตว์ฟันแทะที่กินได้ทั้งเนื้อและพืช อาหารของกระต่ายได้แก่ หญ้าและพืชผักชนิดต่าง ๆ อายุขัยโดยเฉลี่ยของกระต่ายจะอยู่ที่ 2-3 ปี นับเป็นสัตว์ที่สืบพันธุ์เร็วมาก โดยปีหนึ่ง ๆ กระต่ายสามารถออกลูกได้ถึง 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 ตัว กระต่ายในธรรมชาติ มักอาศัยอยู่ในที่ราบโล่งที่เป็นทุ่งหญ้ามากกว่าป่าทึบ โดยขุดโพรงใต้ดินเป็นรังและที่อยู่อาศัย ลูกกระต่ายป่าในธรรมชาติ เมื่อแรกเกิดจะลืมตา และในวันรุ่งขึ้นก็สามารถวิ่งและกระโดดได้เลย เมื่อกระต่ายตัวเมียจะคลอดลูก จะแยกออกจากรังเดิมไปขุดรังใหม่ เพื่อป้องกันลูกอ่อนจากกระต่ายตัวผู้ ซึ่งอาจฆ่าลูกกระต่ายเกิดใหม่ได้ โดยจะกัดขนตัวเองเพื่อปูรองรับลูกใหม่ที่จะเกิดขึ้นมา

     

     

     

    กระต่ายกระจายพันธุ์ไปในทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งเขตอาร์กติก ยกเว้นโอเชียเนียและทวีปออสเตรเลีย แบ่งออกได้เป็น 11 สกุล ได้แก่ Brachylagus ,Bunolagus , Caprolagus , Lepus , Nesolagus, Oryctolagus, Pentalagus, Poelagus, Pronolagus, Romerolagus, Sylvilagus ในประเทศไทยพบเพียงชนิดเดียว คือ กระต่ายป่า (Lepus peguensis)

     

     

     

    กระต่ายโดยธรรมชาติ เป็นสัตว์ที่อยู่สุดปลายของห่วงโซ่อาหาร ด้วยเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อชนิดต่าง ๆ เช่น หมาป่า, หมาจิ้งจอก, แมวป่า, เสือชนิดต่าง ๆ, หมาใน, ชะมดและอีเห็น รวมถึงงูขนาดใหญ่ด้วย เช่น งูหลามและงูเหลือม กระต่ายเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลานาน ด้วยการเป็นสัตว์ที่ถูกล่าเพื่อเป็นอาหารและเกมกีฬาโดยเฉพาะในแถบทวีปยุโรป ในเชิงวัฒนธรรมและความเชื่อ ชาวตะวันตกเชื่อว่า การพกขากระต่ายจะนำมาซึ่งโชคดี ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า กระต่ายเป็นเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ มีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ เป็นสัตว์เลี้ยงของฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ การมอบรูปลักษณ์ของกระต่ายจึงถือเป็นการมอบความปราถนาให้โชควาสนาให้แก่กัน

     

    ในปัจจุบัน กระต่ายได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ทั้งในแง่ของการเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม และสัตว์เศรษฐกิจเพื่อรับประทานเนื้อ โดยกระต่ายชนิดที่นำมาพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นสัตว์เลี้ยงนั้น โดยมากจะเป็นชนิด กระต่ายยุโรป (Oryctolagus cuniculus) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในทวีปยุโรป ซึ่งกระต่ายสายพันธุ์สวยงามนั้นก็มีด้วยกันหลากหลายมากมาย โดนยมีขนาดแตกต่างกันออกไปตามขนาดลำตัว อาทิ เนเธอร์แลนด์ดวอฟ, โปลิช แรทบิท, ฮอลแลนด์ลอป ซึ่งเป็นกระต่ายขนาดเล็ก และอิงลิชลอป ที่เป็นกระต่ายขนาดใหญ่ เป็นต้น

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×