ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ :: การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเมริช
ปี  ค.ศ. 1780 บนโลกมนุษย์ ****************************************************************************
หิมะอันสวยสดปกคลุมเทือเขาริเวนเดล นกร้องเพลงประสานเสียงกันในยามเย็น พร้อมกับสายลมหนาวพัดโพยมาถึงมอนทาน่า ดินแดนอันสงบ ที่มีภูเขาล้อมรอบและมีแม่น้ำไหลผ่านตรงกลางเมือง  อาคารประภาคารที่อยู่กลางเมืองรวมทั้งอาคารสีขาวทำให้มอนทาน่าเป็นดินแดนที่หลายคนปราถนา
\"เมริชมากินข้าวได้แล้วลูก\" นางเวเทอร์เรียกลูกชายวัย  16 ปีที่กำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนตามประสาเด็กผู้ชาย
เมริชเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อพอสมควร  ผมสีทองบลอนซ์  ผิวขาว นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนยิ่งทำให้เขาเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวๆมอนทาน่า
\"ครับแม่\" เมริชตอบรับแม่พร้อมโยนลูกบอลกลับไปให้เพื่อนที่อยู่ข้างหลังจากนั้นเมริชจึงเดินบ่ายหน้าเข้าบ้านที่เป็นกระท่อมโทรมๆ 2 ชั้นที่ดูดีขึ้นได้เพราะมีพืชหลากพรรณหลากสีสันประดับประดาอย่างสวยงาม 
\"วันนี้มีอะไรทานบ้างครับแม่\" เมริชเอ่ยถามด้วยท่าทางที่หิวโซ
\"ก็มีซุปเสนาท์(ส่วมจมูกของหมู)แล้วก็พาสต้าโรบินเบริ์ดจ๊ะ\"
นางเวเทอร์ตอบลูกชายด้วยสีหน้าที่เอ็นดู  \"ว้าวของโปรดของผมเลย  แม่นี่ช่างรู้ใจผมจริงๆ\" เมริชยิ้ม  นางเวเทอร์มองดูลูกชายด้วยความเอ็นดู
แล้วเขาก็เริ่มลงมือทานอาหารจนหมด \"อิ่มจัง\" เมริชพูดพลางลูบท้องตัวเองที่ตอนนี้มันพูนขึ้นมาอย่างมากเนื่องจากพึ่งทานอาหารแสนอร่อยฝีมือแม่ของตน
“แม่น่าจะทำให้ทานบ่อยๆน่ะครับ”เมริชพูดขึ้นแล้วสองแม่ลูกก็หัวเราะกันยกใหญ่
กึก กึก
เสียงฝีเท้าหนึ่งมุ่งตรงมาที่บ้านของเมริช  “เสียงอะไร” เมริชเอ่ยพลางเงี่ยหูฟัง
เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของสองแม่ลูก
เมริชเอาตัวมาบังแม่ไว้เผื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
แอ๊ด......
ประตูเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างจ้าสาดเข้ามาทั่วทั้งกระท่อม ทำให้กระท่อมหลังเก่าๆดูใหม่ขึ้นทันตา แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด
ก็เถอะ 
“สวัสดีต้องขอโทษที่มารบกวนตอนเย็นแบบนี้” เสียงชายแก่เล็ดลอดมาจากแสงสว่าง 
“ใครน่ะ”เมริชถาม  “ฉันเองเฟเบิล” ชายแก่ตอบกลับมาพร้อมเดินออกมาจากแสงสว่างเผยให้เห็นถึงชายแก่ร่างสูงที่มีเคราสีขาวยาวถึงเอว 
ผมสีขาวโพลนเป็นประกายทำให้เขาดูมีสง่าราศีมาก 
“โอ้ว  เฟเบิล ทำไมคุณไม่บอกก่อนว่าจะมา แหมก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณจะมาที่นี่อีกทีก็เมื่อถึงเวลาแล้ว”นางเวเทอร์พูดไปยิ้มไป 
แต่เธอดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  “สวัสดีครับเฟเบิล”เมริชทักทาย “โอ้ว นี่เจ้าเรอะเมริช  โตขึ้นแล้วเจ้าดูดีแล้วก็หล่อเหลาเอาเสียจริงๆ”เฟเบิลชะมด้วยเสียงนุ่มนวล   
“ฮือ ฮือฮือฮือ” เสียงร้องไห้ทำให้ทั้งสองต้องหันมาดูด้วยความตกใจเมื่อพบนางเวเทอร์กำลัง
ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย    “แม่เป็นอะไรไป”เมริชถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกลูก” นางตอบแบบสะอึกสะอื้น “ถ้างั้นแม่ร้องไห้ทำไม” เมริชดูกังวลขึ้น  “ไม่มีอะไรลูกไม่มีจริงๆ” นางตอบแล้วหันหน้าไป
ทางเฟเบิล  “เฟเบิลตอบข้าที มันถึงเวลาแล้วหรือ”นางถามขณะที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก
ยิ่งเฟเบิลพยักหน้านางยิ่งกระหน่าร้องจนกระท่อมแทบพัง
จนเมริชต้องเอาน้ำมาให้ดื่ม( เผื่อจะเงียบเสียงได้บ้างละน่า ) เมริชจึงประคองตัวนางลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะ
“ฉันว่าฉันควรไปรอข้างนอก”เฟเบิลพูดแล้วเดินออกไป
  “ขอเวลาอีกสัก 5นาทีได้มั้ยนางพูดไปร้องไห้ไป” เฟเบิลไม่พูดได้แต่พยักหน้าแล้วเดินออกไปรอข้างนอก
“ฟังน่ะลูกตอนนี้ลูกออาจจะยังไม่เข้าใจอะไร  เอาไว้รอไปเรื่อยๆเจ้าก็จะรู้เอง  สิ่งแรกคือทำตามที่เฟเบิลบอกทุกอย่าง
จำไว้น่ะลูกจงเชื่อฟังเฟเบิลส่วนเรื่องอื่นๆเขาจะเล่าให้เจ้าฟัง” นางพยายามฝืนกลั้นความเสียใจไว้แต่มันไม่ได้ผล
  นางร้องอีกครั้ง  “ผมไม่เข้าใจ แล้วแม่พูดเหมือนกับเราต้องจากกัน” เมริชเริ่มน้ำตาคลอเบ้า
“ใช่” นางตอบแล้วก็โผเข้ากอดลูกชายตนเอง  “ไปเถอะ เฟเบิลรอเจ้าอยู่”
ไม่ทันที่เมริชจะตั้งตัวหรือทำอะไรได้ทันนางก็ส่งเมริชไปให้เฟเบิลแล้วเฟเบิลก็พาเขาเดินออกจากหมู่บ้านทันที   
“คุณจะพาผมไปไหน แล้วตกลงนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรอีกครับเฟเบิล แม่  แม่ผมอยู่บ้านเราต้องไปด้วยกันน่ะ แม่  แม่ครับ\"
เมริชถามด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องจากแม่ไป เขาคอยมองดุแม่ตลอดเส้นทาง
“เจ้าอย่าพึ่งรู้อะไรมาก  เดี๋ยวอีกไม่นานเจ้าจะรู้ว่าเจ้าคือใคร”เฟเบิลตอบ
“ผมก็เมริชไง” เมริชพูดไม่ทันขาดคำ ฟ้ามืดมอนทาน่าเมืองที่เขียวขจี ถูกเมฆสีดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ควับ
ลูกไฟขนาดมหึมาโผล่จากฟากฟ้าถล่มลงที่มอนทาน่า 
“นั่นมันอะไรกัน  แม่  แม่อยู่ที่นั่นผมต้องไปช่วยแม่”เมริชพูดด้วยเสียงคล้ายแม่ตอนที่นางเศร้าใจและตั้งท่าที่จะวิ่งกลับไปแต่เฟเบิลรั้งไว้ทัน
  “ปล่อยผมผมจะไปช่วยแม่ผมปล่อยผมสิ” เข้ารั้งสุดแรงแล้วร้องไห้อย่างหนัก 
เขามองเห็นลูกไฟนับล้านดวงถล่มลงที่ที่เขาเคยเกิด  เคยเล่น  เคยอยู่  เคยมีความสุขและมีแม่อยู่ด้วย  และแล้วเมริชก็หมดแรงฟุบลงไป
  รู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็ร้องไห้อย่างเสียใจสุดๆเพราะมอนทาน่ากลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว To be continue>>
*****************************************************************************************
หิมะอันสวยสดปกคลุมเทือเขาริเวนเดล นกร้องเพลงประสานเสียงกันในยามเย็น พร้อมกับสายลมหนาวพัดโพยมาถึงมอนทาน่า ดินแดนอันสงบ ที่มีภูเขาล้อมรอบและมีแม่น้ำไหลผ่านตรงกลางเมือง  อาคารประภาคารที่อยู่กลางเมืองรวมทั้งอาคารสีขาวทำให้มอนทาน่าเป็นดินแดนที่หลายคนปราถนา
\"เมริชมากินข้าวได้แล้วลูก\" นางเวเทอร์เรียกลูกชายวัย  16 ปีที่กำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนตามประสาเด็กผู้ชาย
เมริชเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อพอสมควร  ผมสีทองบลอนซ์  ผิวขาว นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนยิ่งทำให้เขาเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวๆมอนทาน่า
\"ครับแม่\" เมริชตอบรับแม่พร้อมโยนลูกบอลกลับไปให้เพื่อนที่อยู่ข้างหลังจากนั้นเมริชจึงเดินบ่ายหน้าเข้าบ้านที่เป็นกระท่อมโทรมๆ 2 ชั้นที่ดูดีขึ้นได้เพราะมีพืชหลากพรรณหลากสีสันประดับประดาอย่างสวยงาม 
\"วันนี้มีอะไรทานบ้างครับแม่\" เมริชเอ่ยถามด้วยท่าทางที่หิวโซ
\"ก็มีซุปเสนาท์(ส่วมจมูกของหมู)แล้วก็พาสต้าโรบินเบริ์ดจ๊ะ\"
นางเวเทอร์ตอบลูกชายด้วยสีหน้าที่เอ็นดู  \"ว้าวของโปรดของผมเลย  แม่นี่ช่างรู้ใจผมจริงๆ\" เมริชยิ้ม  นางเวเทอร์มองดูลูกชายด้วยความเอ็นดู
แล้วเขาก็เริ่มลงมือทานอาหารจนหมด \"อิ่มจัง\" เมริชพูดพลางลูบท้องตัวเองที่ตอนนี้มันพูนขึ้นมาอย่างมากเนื่องจากพึ่งทานอาหารแสนอร่อยฝีมือแม่ของตน
“แม่น่าจะทำให้ทานบ่อยๆน่ะครับ”เมริชพูดขึ้นแล้วสองแม่ลูกก็หัวเราะกันยกใหญ่
กึก กึก
เสียงฝีเท้าหนึ่งมุ่งตรงมาที่บ้านของเมริช  “เสียงอะไร” เมริชเอ่ยพลางเงี่ยหูฟัง
เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของสองแม่ลูก
เมริชเอาตัวมาบังแม่ไว้เผื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
แอ๊ด......
ประตูเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างจ้าสาดเข้ามาทั่วทั้งกระท่อม ทำให้กระท่อมหลังเก่าๆดูใหม่ขึ้นทันตา แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด
ก็เถอะ 
“สวัสดีต้องขอโทษที่มารบกวนตอนเย็นแบบนี้” เสียงชายแก่เล็ดลอดมาจากแสงสว่าง 
“ใครน่ะ”เมริชถาม  “ฉันเองเฟเบิล” ชายแก่ตอบกลับมาพร้อมเดินออกมาจากแสงสว่างเผยให้เห็นถึงชายแก่ร่างสูงที่มีเคราสีขาวยาวถึงเอว 
ผมสีขาวโพลนเป็นประกายทำให้เขาดูมีสง่าราศีมาก 
“โอ้ว  เฟเบิล ทำไมคุณไม่บอกก่อนว่าจะมา แหมก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณจะมาที่นี่อีกทีก็เมื่อถึงเวลาแล้ว”นางเวเทอร์พูดไปยิ้มไป 
แต่เธอดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  “สวัสดีครับเฟเบิล”เมริชทักทาย “โอ้ว นี่เจ้าเรอะเมริช  โตขึ้นแล้วเจ้าดูดีแล้วก็หล่อเหลาเอาเสียจริงๆ”เฟเบิลชะมด้วยเสียงนุ่มนวล   
“ฮือ ฮือฮือฮือ” เสียงร้องไห้ทำให้ทั้งสองต้องหันมาดูด้วยความตกใจเมื่อพบนางเวเทอร์กำลัง
ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย    “แม่เป็นอะไรไป”เมริชถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกลูก” นางตอบแบบสะอึกสะอื้น “ถ้างั้นแม่ร้องไห้ทำไม” เมริชดูกังวลขึ้น  “ไม่มีอะไรลูกไม่มีจริงๆ” นางตอบแล้วหันหน้าไป
ทางเฟเบิล  “เฟเบิลตอบข้าที มันถึงเวลาแล้วหรือ”นางถามขณะที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก
ยิ่งเฟเบิลพยักหน้านางยิ่งกระหน่าร้องจนกระท่อมแทบพัง
จนเมริชต้องเอาน้ำมาให้ดื่ม( เผื่อจะเงียบเสียงได้บ้างละน่า ) เมริชจึงประคองตัวนางลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะ
“ฉันว่าฉันควรไปรอข้างนอก”เฟเบิลพูดแล้วเดินออกไป
  “ขอเวลาอีกสัก 5นาทีได้มั้ยนางพูดไปร้องไห้ไป” เฟเบิลไม่พูดได้แต่พยักหน้าแล้วเดินออกไปรอข้างนอก
“ฟังน่ะลูกตอนนี้ลูกออาจจะยังไม่เข้าใจอะไร  เอาไว้รอไปเรื่อยๆเจ้าก็จะรู้เอง  สิ่งแรกคือทำตามที่เฟเบิลบอกทุกอย่าง
จำไว้น่ะลูกจงเชื่อฟังเฟเบิลส่วนเรื่องอื่นๆเขาจะเล่าให้เจ้าฟัง” นางพยายามฝืนกลั้นความเสียใจไว้แต่มันไม่ได้ผล
  นางร้องอีกครั้ง  “ผมไม่เข้าใจ แล้วแม่พูดเหมือนกับเราต้องจากกัน” เมริชเริ่มน้ำตาคลอเบ้า
“ใช่” นางตอบแล้วก็โผเข้ากอดลูกชายตนเอง  “ไปเถอะ เฟเบิลรอเจ้าอยู่”
ไม่ทันที่เมริชจะตั้งตัวหรือทำอะไรได้ทันนางก็ส่งเมริชไปให้เฟเบิลแล้วเฟเบิลก็พาเขาเดินออกจากหมู่บ้านทันที   
“คุณจะพาผมไปไหน แล้วตกลงนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรอีกครับเฟเบิล แม่  แม่ผมอยู่บ้านเราต้องไปด้วยกันน่ะ แม่  แม่ครับ\"
เมริชถามด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องจากแม่ไป เขาคอยมองดุแม่ตลอดเส้นทาง
“เจ้าอย่าพึ่งรู้อะไรมาก  เดี๋ยวอีกไม่นานเจ้าจะรู้ว่าเจ้าคือใคร”เฟเบิลตอบ
“ผมก็เมริชไง” เมริชพูดไม่ทันขาดคำ ฟ้ามืดมอนทาน่าเมืองที่เขียวขจี ถูกเมฆสีดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ควับ
ลูกไฟขนาดมหึมาโผล่จากฟากฟ้าถล่มลงที่มอนทาน่า 
“นั่นมันอะไรกัน  แม่  แม่อยู่ที่นั่นผมต้องไปช่วยแม่”เมริชพูดด้วยเสียงคล้ายแม่ตอนที่นางเศร้าใจและตั้งท่าที่จะวิ่งกลับไปแต่เฟเบิลรั้งไว้ทัน
  “ปล่อยผมผมจะไปช่วยแม่ผมปล่อยผมสิ” เข้ารั้งสุดแรงแล้วร้องไห้อย่างหนัก 
เขามองเห็นลูกไฟนับล้านดวงถล่มลงที่ที่เขาเคยเกิด  เคยเล่น  เคยอยู่  เคยมีความสุขและมีแม่อยู่ด้วย  และแล้วเมริชก็หมดแรงฟุบลงไป
  รู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็ร้องไห้อย่างเสียใจสุดๆเพราะมอนทาน่ากลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว To be continue>>
*****************************************************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น