คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เพราะความสงสาร หรือ จากใจจริง
ด้วยความที่ผมอยู่กับพ่อแค่สองในครอบครัวหรือในบ้าน เพราะแม่ก็เสียไปตั้งแต่ตอนผมอายุ8ขวบ ด้วยอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ชน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพ่อก็เหมือนคนไม่สมประกอบ แต่ก่อนแม่จะตายก้ได้เหลือเงินประกันไว้มากอีกตั้งบำนาญตกทอกของตา ผมเองก็เลย..ยังได้เรียนหนังสืออยู่เพราะว่าพ่อพึ่งเกษียณก่อนเวลาจากการเป็นครูเมื่อไม่นานมานี้ ก็เลยยังพอมีเงินใช้อยู่บ้าง แต่พอ..พ่อกลายมาเป็นแบบนี้แล้วก็เลย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป นอกจากจะต้องทำมาหากินด้วยตนเอง แล้วตั้งแต่ตอนนั้น..
“พ่อครับ พ่อ..” เสียงของชายหนุ่มวัย18ก็เขย่าตัวของชายวัยใกล้ชราเบาๆเพื่อให้ตื่น ขึ้นมากินข้าว
“ห๊ะ..ๆ อ้าวว สายโด่ง แล้ว! ไปโรงเรียนได้แล้ว!” เขาสะลึมสะลือขึ้นมา พร้อมกับตกใจไปกันใหญ่ เพราะด้วยความเคยชินว่าถ้าได้ยินเสียงของลูกชายเขาจะต้องพูดแบบนี้
“คับๆ แต่พ่อ พ่อจะไม่กินข้าวก่อนหรอ นี่พึ่งตี5เอง นะ” เขาพูดแล้วมองพ่อด้วยสายตาววิงวอน
“หรอลูกตี5.. เดี๋ยวพ่อจะลุกไปทำกับข้าวนะ รอก่อนๆ ไปล้างหน้า..” คนเป็นพ่อพูดเหมือนจะลุกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะท่อนล้าง ของเขาเป็นอัมพาตไม่สามารถเดินได้ แต่เขาก็ยังดึงดัน
“.... _ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผม.. ทำข้าวต้มมาให้พ่อแล้ว” ปุ๊ยก็ใช้มือหนาจับแขนของพ่อไว้แล้วมองหน้าพ่อ ก็ดูเหมือนผิดสังเกต
“อ่อ... เอออๆ ลืมๆ เดี๋ยวพ่อกระดึบไปก็ได้ 555+” ชายผมหงอกก็พูดมุกขำๆไปด้วยตาลอยๆ
“พ่อ..” ลูกชายเขาก็ใช้มือโปกไปมาผผ่านใบหน้าของพ่อของตนดู ก็น่าจะรู้แล้วว่าเขากำลังโกหกอะไรตนอยู่
“อะไร ลูก?” พ่อก็พูดแล้วหันมาที่ใบหน้าของลูกชาย ทั้งๆที่มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็ยังยิ้มอกไปด้วยใบหน้าเหมือนจะสบายอารมณ์
“ฮืมๆ.. พ่อว่าปุ๊ย.. หน้าตาเป็นไง” ชายใบหน้าคมคลายก็แสร้งยิ้มออกมานิดๆแล้วแกล้งถาม
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ก็หล่อ น่ะสิลูก! เอ้อถามอะไรแปลกๆ 555+ ” ชายวันทองก็หัวเราะปากกว้างชุดใหญ่แล้วตอบไป
“อืมม ครับ.. 555+” เขายิ้มทั้งน้ำตา แล้วพ่อกับลูกก็หัวเราะชอบใจพร้อมๆกัน ในบ้านอันว่างปล่าวเพียงลำพัง
ณ โรงเรียน
“เฮย! โจ นายเห็น ไอ้ปุ๊ย มันมั้ยว่ะ นี่มันผิดปกติแล้วนะเนี้ย..?” เสียงเพื่อนชายคนหนึ่งก็เดินมาสะกิดที่โจเพื่อนสนิทของปุ๊ยอย่างแรง
“ฮ๊ะ.. ไม่รู้” ชายรูปร่างใหญ่ก็ตอบแบบหน้าตาเย็นชา
“เอ้า.. อะไรว๊า ก็เอ็ง ก็เพื่อนสนิทมันแท้ๆนะ ทำไมจะ ไม่รู้วะ ที่จริง..? มันจะมาก่อนพวกเราประจำหนิ” เพื่อนอีกคนก็เดินมาถามด้วความสงสัย
ในตอนนั้นเอง เด็กผู้หญิงม.ต้น หน้าตาธรรมดา (แต่ใจสวย) อ้วนท้วมสมบูรณ์ผิวดำอันเป็นเสน่ห์ ก็พึ่งเดินเข้ามาในโรงเรียนแล้วก็บังเอิญได้ยินว่า..
“ไอ้ ปุ๊ย.. มันลาออกไปแล้วมั่ง” โจที่เป็นเพื่อนสนิทของเค้าคนนั้นแท้ๆ ก็พูดออกไปแบบนั้นแล้วยังชายตามองเด็กเตี้ยรูปร่างช้างที่อยู่ข้างๆ แล้วตัวใหญ่ผิวดำก็เดินทำหน้าเฉยๆเดินต่อไป
“... O.O…” เธอทำหน้าถึงกับอึ่งเมื่อได้ยินคำนั้น
“เอ้อ.. อะไรของมัน..” พวกเพื่อนพี่ชายก็พากันทำหน้า งง ก่อนจะเดินไปตามทางของพวกเขา
...... -------- ไม่จริง.. ไม่จริงมั่ง เอ้ย! ไม่จริงน่า จะเป็นไปได้ยังไง.. เมื่อสองวันก่อนเรา.. ยังเห็น..-------...
น้อยก็มีน้ำในตาซึมนิดๆก่อนจะหันหลังกลับไปแล้วเดินไปที่ใดที่หนึ่ง
“ครับๆ ป้า ให้ผมเข็นผักไปไว้ ร้านขายกับข้าวตรงนั้น ใช่มั้ยครับ..” เสียงของชายผู้คุ้นเคยก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
“เออๆ เข็นดีๆ ด้วยล่ะ ระวังนะ เดี๋ยวมันจะล้ม ของยิ่งแพงอยู่!” คุณป้าอ้วนวัยแก่ก็พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“^^..” เขายิ้มก็จะเข็นตระกร้าผักนาๆชนิดที่เกือบท้วมหัวไปอย่างระมัดระวัง (เนื่องจากที่นั่นเป็นจังหวัดสุรินทร์ ค้อนข้างมีที่สันจรไปมาและตอนนั้นก็เลยมีผักอุดมสมบูรณ์นิดหน่อย) และในทางที่เขาไปนั่นเองก็ผ่านโรงเรียนประจำจังหวัดซึ่งเป็นโรงเรียนของเขา
----- ไม่ใช่ ใช่มั้ย พี่เค้าจะออกไปได้ยังไง .. พี่เค้าก็ไม่ใช่คนไม่ดี สักหน่อย.. ------- เธอเดินมาที่หน้าโรงเรียน หรือ ตรงจุดที่เดิมที่เธอเคยพบกับใครคนนั้น
“... O Q ..” แล้วสุดท้าย น้ำตา ของผู้หญิงไม่สวยคนนี้ก็ไหลอาบแก้มอีกจนได้
----- นี่เรา จะมาทำไม มาแล้วได้อะไร ---- น้อย ได้แต่คิดในใจ ก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาแล้วก้มหน้าเพื่อจะเดินเข้าโรงเรียนต่อไป
7: 51 น.
เอี๊ยด... ๆ “ขอโทษนะครับๆ ขอทางหน่อยครับ” เสียงรถเข็นเล็กที่ดูเก่าเกือบร้อยปีก็ค่อยๆ เลื่อนผ่านไป..
“โอ๊ย! ระวังหน่อยสิ! สกปรกเอ๊ย!” เสียงของชายหน้าตาไฮโซผิวขาวซีดปานเผือกดินก็อุทานขึ้นเมื่อรถเข็นนั้นเชียวๆขาของเขาไปนิดเดียว
“โฮ๊ย! พี่อย่าโวยวายสิ แนนอายคนเค้า!” เสียงผู้ลากมากดีก็พูดเบาๆอย่างหงุดหงิด
“ ขอโทษคร๊าบ...” ชายผมนัยต์ตาน้ำตาลอ่อนๆ ยื่นก็หน้าออกมาพูดอย่างอ้อมค้อมพร้อมกับยกมือไหว้ด้วย
“.....” แต่ลูกผู้ดีนั้นกลับเงียบ ทั้งยังมองด้วยสายเหยียดหยาม แล้วเดินสะบัดกน้าเหมือนจะรังเกียจ
ในตอนนั้นเองทุกสายตาที่เดินผ่านไปมาก็ต่างกำลังเพ่งมาที่ทั้งสองพี่น้องตัวขาวนั้น รวมถึงน้อยก็ด้วย
“ O O.. .” และแล้วน้ำตามันก็หยุดไหล เธอถึงกับอึ้งในสายตาที่เธอเห็น เมื่อพี่ชายหน้าตาดีที่แสนคุ้นเคยใบหน้าของเธอ ที่แต่งตัวด้วยกางเกงขาก๊วยเสื้อแขนยาวธรรมดา แถมยังมีผ้าขาวม้าโพกหัวอีกและที่สำคัญคือกำลังเข็นตระกร้าผักอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้บดบังหน้าตาดั่งเทพบุตรนั้นไปแม้แต่น้อยเลย
“ O O? ” ผู้ชายคนนั้น ที่รู้สึกว่ามีคนกำลังมองอยู่ก็หันใบหน้าอันคิ้วดกของเขานั้นมาสบตาของเธอพบดี
------- ใช่ จริงๆ ด้วย พี่ปุ๊ย.. ไม่ได้ฝันไปแน่ ------ และแล้วก็คิดในใจ
8:00 น. “เคารพ ธงชาติ ด้วยความภาคภูมิในเอกราช...และความเสียงสละ...”
To be continues...
ความคิดเห็น