ตอนที่ 8 : SEVEN
SEVEN
“ คยองซู “
“ พี่ขอโทษ...... “
“ พี่ขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมา พี่ไม่ดีเองที่ไปทำกับเราแบบนั้น พี่ขอโทษนะ “
ยากนิดหน่อยกว่าที่คยองซูจะหาเสียงตัวเองเจอ หลังจากที่คำพูดที่เขาเฝ้ารอมาตลอดถูกเอ่ยออกมาจากปากของปาร์คชานยอลสักที
เขายืนนิ่งๆ มองชานยอลด้วยสายตานิ่งๆ ที่แฝงไว้ซึ่งความรู้สึกมากมายในหัวที่กำลังว่งวนอยู่ในตอนนี้
“ ผมไม่เคยโกรธพี่หรอก ไม่เป็นไรครับ “
และเขาก็ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปให้ชานยอลได้ฟังในที่สุด
ถึงจะมันยากที่จะเชื่อ แต่คยองซูก็รู้ตัวมาตลอด ว่าตัวเองไม่เคยโกรธผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลคนนี้ได้เลยสักครั้ง
ดูเหมือนคนตรงหน้าเขาเองก็คงไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำพูดที่เขาพูดไปนัก เจ้าตัวถึงได้ยืนทำหน้าอึ้งๆอยู่อย่างนั้น คยองซูจึงเผยยิ้มไปให้เล็กน้อย รอยยิ้มจากใจที่เขาเพิ่งได้ยิ้มให้ชานยอลในรอบปี
และดูเหมือนรอยยิ้มของเขาจะใช้ได้ผล ชานยอลมีสีหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะมองสบตากับเขาตรงๆ
“ พี่อยากจะ..... “
“ ขอโอกาสให้เรา ได้กลับมาคบกันอีกจะได้ไหม? “
อ่า
ปาร์คชานยอลนี่นะ
ใจร้อนยังไงก็ยังใจร้อนอย่างนั้น ใจด่วนใจร้อนมาพูดขอโอกาสแถมยังจ้องกันตาแป๋วเหมือนคนที่คาดหวังกับคำตอบสุดๆแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหนกัน
คยองซูยังคงยืนมองชานยอลนิ่งๆ รอยยิ้มน้อยๆทีเคยส่งให้คนตัวสูงหายไปแล้วตั้งแต่ที่ได้ยินคำถามนั้น
แอบตกใจนิดๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะถ้าเขาไม่ใสซื่อจนเกินคน การกระทำทุกอย่างในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันก็ทำให้คยองซูแอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
แต่เพราะเรื่องในอดีต ทำให้คยองซูต้องฉุดความคิดของตัวเองไว้เสมอ ไม่ให้มันเตลิดไปไกลเกิน เพราะกลัวอยู่ตลอดว่าจะต้องกลับไปผิดหวังอีก จนในที่สุด เขาก็ได้ยินมันจากปากของชานยอลเองกับหู
มองคนตัวโตที่ยังยืนรอคำตอบจากปากเขาอย่างอดทน ยิ่งเขาเงียบ ชานยอลก็ยิ่งดูหงอยลงจนน่าสงสาร และคยองซูไม่อยากเห็นชานยอลต้องเป็นแบบนั้น คงถึงเวลาที่เขาต้องให้คำตอบแล้วละมั้ง
คำตอบที่เขาเคยเฝ้าถามตัวเองหลายครั้ง กับอนาคตที่ตัวเองต้องการ ว่าตัวเขาพร้อมไหมที่จะเปิดรับให้ปาร์คชานยอลกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งนึง ทุกครั้งที่เขาถามตัวเอง คำตอบที่ปรากฏขึ้นในใจมันก็ยังชัดเจนเหมือนเดิม
คยองซูช้อนสายตาขึ้นมอง ค่อยๆส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะส่งเสียงออกไปเพื่อยืนยันคำตอบของตัวเอง
“ ไม่ครับ “
คนฟังดูหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ตาโตๆที่เพิ่งมองเขาอย่างเว้าวอนหลุบลงมองพื้นข้างล่างไปในทันที
“ ไหนบอกว่าไม่ได้โกรธพี่ไง แล้วทำไม... ทำ ไม ถึง ........ “
ชานยอลถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตาโตๆคู่นั้นเริ่มมีสีแดงก่ำ สีหน้าท่าทางอย่างนั้นทำให้ใจของคยองซูกระตุกได้ไม่ยาก
“ ผมไม่ได้โกรธ “
“ ......... “
“ แต่ถึงจะไม่โกรธ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร “
“ ตอนนั้นผมเสียใจ เสียใจมากๆ “
“ เพราะงั้น ....... “
“ พี่เสียใจจริงๆ “
ชานยอลไม่รอให้เขาได้พูดจนจบ ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที และคยองซูก็ไม่คิดจะดึงดันพูดต่อ
ชานยอลอาจจะต้องการเวลา ไม่สิ เราสองคนอาจจะต้องการเวลา ให้ได้ทบทวนสิ่งที่พูดกันในตอนนี้สักพัก
ความเงียบยังคงโรยตัวอยู่รอบๆ คนสองคนที่นั่งนิ่งๆข้างกัน อยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ ทั้งคู่ต่างก็มองไปข้างหน้า ทอดสายตาไปในความมืด และปล่อยใจให้ลอยไปในห้วงของความคิดไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน
อาจจะเพราะชานยอลรู้ดี ว่าการรีบร้อนในตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว
ส่วนคยองซูเอง ก็ปล่อยให้หัวสมองแล่นไปเรื่อยๆ ทบทวนความรู้สึกของตัวเองช้าๆ เพื่อยืนยันสิ่งที่เขาเองได้ตัดสินใจไป
“ พี่เสียใจจริงๆนะคยองซู เสียใจที่ทำให้เรื่องของเราพังเองกับมือ “
เสียงทุ้มเรียกให้คยองซูออกมาจากภวังค์ความคิด หันไปมอง ก็ยังเห็นชานยอลนั่งเหม่อมองไปข้างหน้าอยู่
“ มันเป็นความผิดของพี่ เพราะงั้น “
“ ..... “ ชานยอลหันมาสบตากับเขาอีกครั้ง
“ พี่ยอมรับทุกการตัดสินใจของเรานะ “
ชานยอลยอมแพ้แล้ว มันเป็นความผิดพลาดที่เขาก่อ เพราะงั้น เขาก็ต้องยอมรับผลที่เกิดตามมาให้ได้ ไม่แปลกสักนิดที่น้องจะไม่ให้โอกาส
ทำกับเขาไว้เจ็บแสบซะขนาดนั้นนี่นะ
“ ครับ “
“ ดึกแล้ว พี่ไม่กวนแล้วดีกว่า “
“เราขึ้นไปพักเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว “
คยองซูได้แต่กระพริบตาปริบๆมองคนที่เอ่ยลากันด้วยเสียงหงอยๆ
“ จะกลับแล้วหรอครับ “
คยองซูถามทันทีที่ชานยอลลุกขึ้นยืน จนคนตัวเล็กต้องยืนขึ้นตามอย่างช่วยไม่ได้
“ อือ ไม่อยากกวนเราแล้วไง “
และชานยอลคิดว่าคงต้องไปหาที่นั่งทำใจยอมรับกับความผิดหวังนี้ก่อน ทั้งๆที่ก็บอกกับตัวเองมาบ้างว่าโอกาสน้อยมากที่น้องจะตกลง ก่อนมานี่เขาก็คิดว่าตัวเองเตรียมพร้อมที่จะรับความผิดหวังมาระดับนึงแล้ว
แต่พอเจอกับตัวจริงๆ มันก็.....
เจ็บเกินกว่าที่คาดไว้มาก มากจนเขาจะปั้นหน้ายิ้มให้เจ้าเปี๊ยกของเขาได้ยากเหลือเกิน
ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจอะไรคนน้องหรอกนะ ชานยอลกำลังโกรธตัวเองอยู่ต่างหาก โกรธที่ทำอะไรไม่คิดจนต้องมานั่งเสีอใจทีหลังแบบนี้
“ แต่... ผมยังพูดไม่จบเลยนะ “
“ ที่พี่ถาม จริงๆผมจะบอกว่า ผมคงยังกลับไปคบกันไม่ได้ “
ชานยอลได้แต่ยืนฟังเงียบๆ น้องอาจจะอยากยืนยันคำตอบให้แน่ชัดเป็นครั้งสุดท้าย ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้จำใส่ใจเอาไว้
“ ผมหมายถึงกลับไปตอนนี้ไม่ได้นะครับ “
หืออ
เมื่อกี้เขาได้ยินน้องพูดอะไรออกมานะ หรือสมองเบลอจนฟังอะไรผิดๆถูกๆไปแล้ว
“ เมื่อกี้ เราพูดอะไรนะ? “
แน่นอนว่าต้องรีบถามเพื่อยืนยันให้แน่ใจ
“ ผมยังกลับไปคบกับพี่ตอนนี้ไม่ได้ “
“ ........ “
“ แต่อนาคตจะยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ “
ยังกลับมาตอนนี้ไม่ได้
ไม่ได้แค่ตอนนี้ แปลว่าอนาคตอาจจะได้ งั้นหรอ?
ปาร์คชานยอลได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น สมองพยายามประมวลคำพูดที่เพิ่งจะได้ยินอย่างหนัก คิดวนกลับไปกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกแล้ว ความรู้สึกห่อเหี่ยวที่มีอยู่เมื่อกี้ถึงได้หายไปหมดจด
มองเด็กตาโตที่ยืนส่งยิ้มน้อยๆให้เขาด้วยใจที่เต้นรัวจนเหมือนแทบจะหลุดมาจากอก
นี่มันหมายความว่า
น้องให้โอกาสเขาใช่ไหม
ให้โอกาสปาร์คชานยอลคนนี้แล้วใช่ไหม
" หมายความว่า ในอนาคต... "
" ....... "
" เราก็อาจจะกลับมาคบกันได้งั้นหรอคยองซู? "
" ครับ "
และรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้ารักๆนั่นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี
" ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนใจไม่รอผมซะก่อน ก็คงงั้นมั้งครับ "
นาทีนี้ปาร์คชานยอลไม่รับรู้อะไรแล้ว รู้แค่ว่าขายาวๆของเขาขยับเข้าไปหาคยองซูแล้วกวาดแขนเอาร่างน้อยๆของน้องมากอดแนบอกไว้ด้วยความดีใจอย่างที่สุด
" ไม่มีทาง "
" ..... "
" พี่ไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่ "
ดีใจจนแทบอยากจะตะโกนดังๆให้คนทั้งตึกรับรู้ด้วยแล้ว แต่คงไม่ดีเท่าไหร่ ชานยอลจึงทำได้แค่กอดคยองซูแน่นๆซบหน้าลงบนบ่าแคบๆของน้องด้วยความโล่งใจ
โล่งใจมากที่เขาไม่ทำพลาดจนต้องเสียน้องไปจากชีวิตแล้ว
“ อะแฮ่ม ! “
เพราะโดนคนมือไวลากตัวเข้าไปกอดจนตั้งรับแทบไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมแขนหนาๆนี่แล้ว คยองได้แต่ก้มหน้าปล่อยให้คนพี่กอดไปเลยตามเลย
ก่อนจะรู้สึกตัว ถึงได้ส่งเสียงเตือนคนมือไวใจเร็วไปทีนึง ดูเหมือนชานยอลเองก็เพิ่งจะรู้ตัว เจ้าตัวถึงได้ยอมคลายอ้อมกอดให้เขาได้เป็นอิสระอีกครั้ง
“ ดึกแล้วนะครับ กลับไปได้แล้ว “
เอ่ยบอกไปทันทีที่ตั้งตัวได้ คยองซูไม่ได้คิดจะรอฟังคำพูดอะไรจากชานยอลอีก เลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงคนตัวสูงไปยืนอยู่ที่หน้าประตูของหอพัก
แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ยื่นมือไปเปิดประตูแต่อย่างใด
ร่างน้อยๆตัดสินใจหันหลังกลับมามองคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ที่มองมาที่เขาก่อนอยู่แล้ว
ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น ทั้งสองทำแค่มองกันอยู่เงียบๆอย่างนั้น
แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของความหม่นหมองใดๆเหลืออยู่แล้ว ความรู้สึกข้างในของคยองซูบอกอย่างนั้น และเขาก็เชื่อว่าปาร์คชานยอลเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
“ ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่นะครับ “
ชานยอลตะโกนบอกเขา และคยองซูก็ยืนฟังนิ่งๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่เขามีบนใบหน้า
“ พี่สัญญา ว่าพี่จะดูแลเราให้ดีเลย “
“ ยังไม่ได้ตอบตกลงให้ดูแลเลยเหอะ “
คนอะไรขี้ตู่เร็วชะมัด
“ ไม่เป็นไร จีบไม่ติดพี่จะไม่เลิก “
ชานยอลตะโกนตอบกลับมาอีกรอบ
“ ก่อนตาย ก็ต้องได้ดูแลเราสักวันแหละ “
“ คนบ้า “
คยองซูตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเปิดประตูเดินเข้าหอไปอย่างรวดเร็ว หนีคนบ้าที่ยืนส่งยิ้มเลี่ยนให้กันอยู่ข้างนอกนั่น
พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ คิดจะจีบเขาไปตลอดชีวิตงั้นหรอ
ไม่รู้หรือไงว่าคนฟังเขาจะเขินน่ะ
วิ่งจนถึงห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว หันไปเห็นกระจกที่สะท้อนเงากลับมา คยองซูถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ ทั้งหน้าทั้งหูของตัวเองมันแดงแจ๋ไปหมดแล้ว
ปาร์คชานยอลนี่นะ
มาทำให้เขาเขินได้ขนาดนี้
ร้ายกาจจริงๆเลย
.........................................
ก๊อกๆ คิดถึงกันไหมคะทุกคน แฮ่
วันนี้มาสั้นมากๆ 5555555555
เอ็นจอยรีดดิ้งนะค้า ขอบคุณทุกคอมเมนท์ที่เขียนให้ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ปล. 1 คอมเมนท์ = แสนกำลังใจที่ส่งมาให้เราเลยล่ะค้าาา
ไม่ใช่อะไร คือแต่งฟิคที่ไม่มีคนเมนท์มา ก็เหมือนเรานั่งคุยอยู่คนเดียว มันก็จะแบบ เหงาๆเกินไปหน่อยๆ น่ะค่ะ
555555555
ปล. 2 รู้สึกว่ายังเขียนไม่ดีเท่าไหร่กับเนื้อหาในตอนนี้ เพราะงั้นอาจจะมีเพิ่มเติมรายละเอียดนิดๆหน่อย
ถ้าเจอคำผิดหรือประโยคแปลกๆบอกได้เลยนะคะ เรายังไม่ได้ตรวจเพราะปวดตาแล้ว ขอบคุณค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอเรื่องนี้มาตลอด ชอบ พึ่ชานเดินหน้าจีบน้องต่อไปจ้าาาาา ติดแน่นอนจ้าาาาา ??’•