ตอนที่ 3 : TWO
TWO
เสียงจอกแจกจอแจที่วุ่นวายภายในห้องเรียนกว้างที่เต็มไปด้วยนักศึกษาหลายชีวิต ผู้ที่เพิ่งรอดพ้นจากการนั่งฟังบรรยายมาถึงสองชั่วโมงเต็ม บางคนก็นั่งจนเมื่อยตัวต้องบิดขี้เกียจไล่ความเหนื่อยล้าออกไป บางคนก็อาศัยโต๊ะแทนเตียงชั่วคราว เพื่อหลับนอนจนเมื่อยตัวไม่แพ้กัน
หนึ่งในนั้นก็คงเป็นนักศึกษาชาย ผิวเข้มคนนี้ ที่แม้ว่าคลาสจะจบลงจนเพื่อนๆกำลังทยอยเก็บของออกนอกห้องกันไปเกือบจะหมดแล้ว แต่คิมจงอิน ก็ยังคงหลับต่อไป โดยไร้วี่แววว่าจะตื่น
ข้างๆของคิมจงอินผู้หลับใหล มีสองนักศึกษาชายที่กำลังนั่งหน้าเครียด คนนึงเครียดด้วยเรื่องงานสำคัญของคณะที่เพิ่งได้รับมอบหมายมาให้รับผิดชอบ ปาร์คชานยอล ที่เพื่อนและน้องต่างไว้วางใจให้จัดการดูแลทีมฉาก ด้วยเป็นคนค่อนข้างมีความสามารถเรื่องการจัดการ คุมคนได้ เป็นที่รู้จักของทุกคนเป็นอย่างดี จนประธานรุ่นอย่างจุนมยอนถึงกับยกหน้าที่นี้ให้โดยที่ไม่ถามความสมัครใจจากเจ้าตัวเลยสักนิด
ส่วนหนุ่มที่รูปร่างค่อนข้างเล็กหรือเรียกง่ายๆว่าเตี้ยที่สุดในกลุ่มเพื่อน อย่างคิมมินซอก กำลังเครียดกับตัวเอง ว่าจะปลุกไอ้หมีขี้เซาที่นอนอยู่ข้างๆเขาอย่างไรดี เคยคิดว่าปลุกเพื่อนให้ตื่นมันเป็นเรื่องง่ายๆ จนมามีเพื่อนอย่างมันนี่แหละ มินซอกถึงได้รู้ซึ้งว่า แม่งโคตรจะเหนื่อย
ส่วนไอ้เพื่อนอีกคนก็นั่งทำหน้าหงิก คิ้วขมวดมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เลิกคาบ เล่นเอาเขาไม่รู้เลยว่าควรจะชวนพวกมันไปหาอะไรกิน อย่างที่ตั้งใจอยากไว้ดีหรือเปล่า
“ มึงจะเครียดทำไมว้า เดี๋ยวไอ้จุนมันก็จะหาคนวาดรูปให้เองไม่ใช่หรอ “
มินซอกพูดกับชานยอลหลังจากที่ชั่งใจได้ว่าควรจะช่างหัวไอ้หมีจงอินไปก่อน ตอนนี้เขาควรจะปลอบชานยอลให้มันหายขมวดคิ้วสักที ปกติชานยอลต้องเป็นคนพูดมาก มันไม่ควรมาแย่งบทคนพูดน้อยไปจากเขาแบบนี้นะ
“ หึ กูกลัวมันจะไปบังคับใครเขามาอีกอ่ะดิ ขนาดกูแม่งยังไม่ถามสักคำ “ ว่าแล้วก็โมโหมันนิดหน่อย “ แล้วพวกศิลปินติสๆนี่ กูจะคุยกับเขารู้เรื่องป่าววะ ไอ้ประธานมันยิ่งไม่ค่อยชอบคบคนปกติเท่าไหร่อยู่ กูละเสียวจะไม่รอด “
นี่ไม่ได้พูดด้วยอคติใดๆ ปาร์คชานยอลเจอมากับตัวแล้วหลายงานเชียวล่ะ ไอ้จุนมยอนน่ะ เวลามันพาคนมาช่วยงานทีไร เขานี่แทบอยากจะกราบให้มันช่วยหาคนที่เขาพอจะคุยรู้เรื่องแบบปกติให้หน่อยเถอะ รอบนี้ยิ่งเป็นงานละครประจำปี งานช้างเลยนะ เขาไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด
“ 55555555 เออว่ะ กูยังเข็ดตอนมันเอาเพื่อนนักมวยมาเล่นเป็นโจรตอนถ่ายหนังสั้นอยู่เลย แม่ง ต่อยกูซะกูเกือบลืมว่าตัวเองเล่นเป็นพระเอก ไอ้ห่า “ นึกแล้วยังสยองไม่หาย มินซอกตัวเล็ก เขาค่อนข้างคล่องแคล่วว่องไว แต่ก็ยังสู้ไม่ได้ จนต้องมานั่งอธิบายบทกับคุณนักมวยกันยืดยาว ว่าเขาเล่นเป็นพระเอกโว้ยยยย จะมาต่อยกันรัวๆแบบนี้ไม่ได้
“ นั่นเดะ รอบนี้จะเจออะไรยังไม่รู้เลย “ ว่าแล้วก็ได้แต่ปลง ทำอะไรไม่ได้ มันมีคนกล้าขัดใจคุณเพื่อนประธานซะที่ไหนกันล่ะ
มินซอกก็เริ่มจะเครียดตามมันไปอีกคน ได้แต่ภาวนาว่าไอ้ประธานมันจะหาคนที่คุยกันรู้เรื่องมาให้พวกเขาอ่ะนะ ขอแค่นี้แหละ
ทั้งสองตกอยุ่ในความคิดตัวเองสักพัก จนเสียงโทรศัพท์ของชานยอลดังขึ้น เบอร์ที่โชว์นั่นก็เป็นคนที่พวกเขาเพิ่งจะสาธยายวีรกรรมของมันไปเมื่อกี้
“ เออ ว่าไง “ ชานยอลกดรับสายจากจุนมยอน
( มึง กูหาคนวาดฉากให้มึงได้แล้วนะ คนนี้เด็ด รับรอง ฮิฮิ “
จะผิดไหมถ้าเขาจะรู้สึกหลอนแปลกๆที่ได้ยินมันหัวเราะ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความสุขขนาดนี้
“ ใครวะ กูรู้จักปะ? “ ต้องหาข้อมูลซะหน่อย จะได้เตรียมตัวรับมือทัน
( รุ่นน้องที่กูรู้จักอ่ะ มึงไม่เคยเจอหรอก พวกนี้มันไม่ค่อยเสนอหน้ามาหาผู้คนนอกคณะเท่าไหร่ อ่อ แต่มันวาดรูปเก่งมากนะ กูเฟิร์มเลยว่า ฉากเราต้องออกมาเลิศหรูดูดีแน่นอนเว้ยยย )
“ เป็นพวกไม่ค่อยเฟรนลี่อ่อวะ งี้น้องเขาจะคุยกูรู้เรื่องไหมเนี่ย “ บ่นไปตามที่ใจคิด คือเขาเป็นคนพูดมากนะ ชอบบรรยากาศที่มันเฮฮาอ่ะ ถ้าเจอน้องมันเงียบใส่ แล้วเขาจะรับมือได้ป่าววะเนี่ย
( น่าามึง น้องมันก็ไม่ได้ขนาดนั้น เชื่อกูสิ เอางี้ มึงยังไม่กลับบ้านใช่ป่ะ )
“ อือ ยังไม่ได้ออกจากห้องเลย “
( งั้นลงมา มาดูกับตาเลย เผื่อจะได้นัดวันทำงานกันเลย ดีมะ )
“ เอางั้นหรอ “ ก็แอบเห็นด้วยกับที่มันพูดนะ มันเล่นชมเรื่องฝีมือขนาดนี้ แปลว่าก็น่าจะเก่งพอตัว ไปทำความรู้จักไว้แต่เนิ่นๆก็น่าจะดีกับเขา
( ดีสิ เนี่ยนั่งอยู่ม้านั่งข้างตึก ลงมาเร็วๆ เคนะ )
“ อืม “ ชานยอลตอบรับจุนมยอนไป ก่อนจะตัดสาย แล้วคว้าเป้ขึ้นสะพายเตรียมตัวลงไปหามัน
“ เดี๋ยวกูไปหาไอ้จุนนะ มันจะแนะนำคนวาดรูปให้ พวกมึงกลับก่อนเลย “ หันไปร่ำลามินซอกที่นั่งจ้องหน้าไอ้จงอินมาสักพักแล้ว
“ เออๆ เดี๋ยวกูหาวิธีปลุกมันก่อน กลับดีๆมึง “ เพื่อนตัวเล็กหันมาตอบพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายเขา ก่อนจะหันไปตบหัวไอ้จงอินด้วยแรงที่มีจนเขาเจ็บแทน หวังว่าไอ้หมีคงจะตื่นเร็วๆก่อนจะโดนตบจนสมองไหลอ่ะนะ ส่ายหัวให้ความขี้เซาของเพื่อนก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวยาวๆลงไป ด้วยกลัวว่าถ้าช้าแล้วน้องมันจะรอนาน ก็เจอกันครั้งแรกนี่เนอะ ต้องสร้างความประทับใจที่ดีๆหน่อย
ชานยอลเดินมาเรื่อยๆจนถึงม้านั่งที่จุนมยอนบอกว่ามันนั่งอยู่แถวนี้ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อมองหาเพื่อนตัวขาว จนเห็นว่ามันนั่งตรงไหน ถึงได้ก้าวเท้าเดินไปทางนั้น
เห็นมันนั่งอยู่กับน้องผู้ชายสองคนที่ใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศที่เขาเดาได้เลยว่าคงไม่ใช่เด็กสถาปัตย์อย่างที่คิดไว้ นี่ไอ้จุนมันจะไปหนีบใครมาจากไหนอีกวะ
“ อ้าว นั่นไงมันมาละ “ ไอ้ประธานมันหันมาเห็นเขาพอดี แล้วคงจะบอกน้องให้รู้ด้วยมั้งว่า เขามาถึงแล้ว เขาพยักหน้าให้มัน ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆโต๊ะม้านั่งเรื่อยๆ
“ ไหนว่ะ น้องมึงอ่ะ มีสองคนเองหรอ ? “ ชานยอลถามพลางมองไปที่แผ่นหลังเล็กๆของน้องคนนึงที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่ เอ ดูคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเหมือนใคร แต่คุ้นแฮะ
“ เออ ได้สองคนนี่ก็บุญหัวพวกเราแล้วล่ะน่า ที่เหลือพวกมึงก็ช่วยๆน้องมันด้วยไง น่าจะโอเคอยู่แหละ “ ไอ้จุนตอบเขา ซึ่งเขาก็เห็นด้วย ช่วยๆกันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรมั้ง
พยักหน้าให้มันก่อนจะหันไปสำรวจน้องต่อ คนข้างหน้าเขานี่ไม่ยอมหันหน้ามามองกันเลยแฮะ หรือจะกลัวเมื่อยคอ แต่ก็ดูตัวเล็กๆนะ คงไม่มีพิษมีภัยอะไรมากหรอกมั้ง ยกยิ้มกับตัวเองแล้วก็หันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ซ้ายมือต่อ
“ นี่ป๋าคบเพื่อนแบบนี้ด้วยอ่อ “ เสียงของน้องที่นั่งฝั่งซ้ายถามไอ้จุนตอนที่เขามองสบตาคนพูดพอดี ตอนแรกก็ว่าจะฉุนนิดหน่อยกับคำถามที่ได้ยิน คือมันค่อนข้างลามปามไปไหม ที่ถามอะไรแบบนี้กับรุ่นพี่ที่เพิ่งเจอกัน
แต่พอเห็นหน้าเรียวกับตาตกๆที่เขาคุ้นๆ ความโกรธก็เปลี่ยนเป็นความตกใจในทันที ไอ้เสียงแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ เขารู้จัก
บยอนแบคฮยอน เพื่อนของเจ้าเปี๊ยกนี่นา
“ อะไรของมึงวะแบค ไอ้ชานยอลมันเป็นแบบไหนหรอ “ เสียงไอ้จุนแทรกเข้ามาระหว่างที่เขามองสบตากับแบคฮยอนอยู่ น้องมันจ้องเขาเหมือนอยากจะลุกมาวิ่งไล่เตะเขาเต็มที ว่าแต่ ไอ้สองคนนี้มันไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน
“ เอ้า ถามไม่ตอบ เอ้ออ “ จุนมยอนบ่นหลังจากที่มองพวกมันสบตากันมาสักพัก “ ไอ้ชานมานั่งนี่ดิ จะได้คุยกัน เผื่อน้องมันจะรีบกลับ “ ไอ้จุนว่าพลางตบเก้าอี้ตัวเดียวที่ว่างอยู่แปะๆ เขาเลยค่อยเดินๆไปจะนั่งอย่างไม่รีบร้อนนัก แต่ดันได้สบตากับใบหน้าคุ้นเคยที่หันมาสบตากับเขาพอดีซะก่อน คนที่ทำให้เขาหยุด เพื่อมองให้ชัด ว่าไม่ได้ตาฝาดไป
คยองซู! เจ้า เปี๊ยกก็มาด้วยหรอเนี่ย!
ยืนมองกันได้สักพักเปี๊ยกมันก็หันกลับไป เขาเลยค่อยๆเดินไปนั่งลงข้างๆคยองซูอย่างจงใจ ทำไงได้ เขาอยากมองหน้าเปี๊ยกใกล้ๆชะมัด
“ เอ้าๆ ไอ้หมา เลิกจ้องหน้าเพื่อนกูสักทีสิวะ นี่พวกมึงรู้จักกันมาก่อนอ่อ “ จุนมยอนไม่ได้สนใจท่าทางผิดปกติของชานยอลกับคยองซูเท่าไหร่นัก เพราะมัวแต่จ้องไอ้หมาที่แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาแบบชัดเจนซะจนเขางง ว่ามันเคยมีเรื่องกันมาก่อนหรือไง?
“ ก็ เพ ....”
“ ไม่หรอกครับ จะไปรู้จักกันได้ยังไง เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ สวัสดีครับพี่ “ เสียงของโดคยองซูที่นั่งเงียบมาสักพักเอ่ยขึ้นขัดแบคฮยอน ก่อนที่จะได้พูดว่าพวกเขาน่ะ รู้จักปาร์คชานยอลดีแค่ไหน ดีจนลืมไม่ลงเชียวล่ะ
“ หะ เอ่อ สวัสดี “ ปาร์คชานยอลกำลังมึน ไม่สิ เขาอึ้งมากกว่า นี่เปี๊ยกบอกว่าไม่รู้จักเขางั้นหรอ เดี๋ยวนะ แล้วไอ้การพูดว่าเพิ่งเคยเจอแถมบอกสวัสดี ด้วยหน้านิ่งๆแบบนี้ นี่มันอะไรกัน เจ้าเปี๊ยกจำเขาไม่ได้จริงๆหรอ หรือแค่แกล้งวะ
“ เออ แล้วไป มึงก็ทำหน้าดีๆหน่อยไอ้ชานยอล สงสัยไอ้หมาจะหมั่นไส้เพราะหน้ามึงเนี่ย5555555555 นี่โดคยองซูกับบยอนแบคฮยอน น้องสุดที่รักของกูนะ น้องมันเรียนศึกษาเอกศิลปะอ่ะ ไม่แปลกใช่มะที่กูโม้ไว้วาดรูปเก่ง ...”
ไอ้ประธานมันยังคงสาธยายประวัติของแบคฮยอนกับคยองซูไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจจะฟังนัก ก็รู้หมดแล้ว ไม่รู้จะไปฟังเพิ่มทำไม ตอนนี้ความสนใจของเขาอยู่ที่หน้านิ่งๆของไอ้เปี๊ยกคยองซูมากกว่า เขาว่าน้องคงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา ดูจากการไม่มองตาเลยสักนิด มีแต่แบคฮยอนที่ยังมองจิกเขาไม่เลิก
ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วเปี๊ยก
เขาไม่ได้เจอเปี๊ยกอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลบหน้า หรือดวงมันจะไม่ได้เจอเองก็ไม่แน่ใจ ทั้งๆที่ปาร์คชานยอลก็พยายามเดินไปทางที่คิดว่าคยองซูน่าจะอยู่แถวนั้นบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววจะเจอสักครั้ง ถ้าตั้งใจหลบนี่ก็จะเก่งเกินไปละนะเปี๊ยก ทั้งตัดช่องทางการติดต่อเขาทุกอย่าง ไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้น
ที่บอกเขาวันนั้นว่า จะไป แถมอวยพรส่งท้ายให้โชคดีเหมือนคนที่จะไม่ได้เจอกันอีกนี่ ตั้งใจทำแบบนั้นจริงๆสินะ ทำได้ดีมากด้วย จนเขาแทบจะปลงไปแล้วว่าคงไม่ได้เจอกันอีก
เขาแค่อยากไปขอโทษ เพิ่งเข้าใจว่าตัวเองว่าเขาไม่อยากให้น้องโกรธ แล้วหายไปแบบนี้มากแค่ไหนหลังจากนั้นสองสามวัน อย่างน้อยๆก็อยาก ให้ได้กลับมาเป็นคนรู้จักกันเหมือนเมื่อก่อน น้องนิสัยดี เป็นคนน่ารักที่เขาไม่อยากให้หายไปจากชีวิต แต่ก็ดันทำพังเพราะอยากเล่นพิเรนทร์ๆกับเพื่อน จนไม่นึกถึงจิตใจคนอื่นไปแบบนั้น เขาพลาดไปแล้วจริงๆ
“ โห มึงนี่เงียบฟังกูดีเชียวนะชานยอล 555555 “
“ อืม “ เอ่ยตอบมันไปเบาๆ เขาเริ่มคิดหนัก คือถ้าให้ประมวลผลตอนนี้ เปี๊ยกคงจะไม่อยากเป็นที่รู้จักกันกับเขาแล้วล่ะมั้ง เขาควรจะเล่นตามน้องไปไหมนะ
“ พี่มีอะไรอีกป่ะครับ ผมว่าจะกลับแล้วล่ะ ไว้ถ้าจะคุยงาน พี่จุนค่อยนัดพวกผมมาอีกทีก็แล้วกันนะครับ “ คยองซูเอ่ยหลังจากที่นั่งเงียบมานาน เขารู้ว่าเขากำลังโดนมอง มองจากคนที่เขาไม่กล้าหันไปมองนั่นแหละ ปาร์คชานยอลช่างนิสัยเสีย ก็น่าจะรู้อยู่ ว่าสถานะของเราที่ไม่ควรจะมาเจอกันด้วยซ้ำ กลับมานั่งจ้องเขาหน้าตาเฉย ต้องการอะไรกัน นี่เขาอึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
ต้องรีบหาทางชิ่งแล้วล่ะ
“ จะติดต่อผ่านไอ้จุนทำไมละครับ เรามาคุยกันโดยตรงดีกว่าไหม “ เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาเฉยๆ ราวกับไม่รู้เจตนาของน้องตัวเล็กว่านี่แหละ ที่น้องมันกำลังพยายามเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น
จริงๆแล้วชานยอลก็รู้ ว่าเปี๊ยกกำลังจงใจจะเลี่ยงเขา เขาว่าเขารู้ดีเลยล่ะ
“ ไหนๆเราก็ต้องทำงานด้วยกันนี่นา พี่ขอเบอร์เราหน่อย จะได้นัดกันง่ายๆ “
แต่เขาคงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่ทำตามความต้องการของตัวเองที่คิดว่าจะไม่ยอมปล่อยให้น้องเลี่ยงด้วยการขอเบอร์ติดต่อไปหน้าด้านๆแบบนี้
คยองซูหันมามองเขาแทบจะทันที คงจะไม่พอใจเท่าไหร่
ขอโทษนะเปี๊ยก แต่พี่ไม่อยากปล่อยให้เราหนีพี่แบบนั้นอีกเลยว่ะ
เหอะ ปาร์คชานยอลจะรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา ใครเขาอยากจะติดต่อด้วยกัน ถึงจะแอบขอบคุณในใจที่ไม่รื้อเรื่องเก่าๆมาพูดกันตรงนี้ก็เถอะ
“ เออๆ ก็จริงนะงั้นเดี๋ยวมึงค่อยมาเอาเบอร์น้องที่กู คยองซูถ้ารีบกลับก็ไปเหอะ พี่ขอบใจมากที่ยอมช่วยนะ “ จุนมยอนที่รอคำตอบอยู่นาน เห็นว่าไม่มีใครจะยอมเอ่ยปากอะไร เขาเลยต้องจัดการตัดสินใจให้เสร็จสรรพ เพราะที่ไอ้ชานยอลพูดมันก็ถูก คุยกันเองน่าจะดีกว่ามาผ่านคนกลางอย่างเขาให้วุ่นวาย
“ ครับ “ ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็โดนตัดสินใจแทนซะแล้ว เขาเลยขี้เกียจจะต่อความยาวสาวความยืด ใจมันอยากจะออกจากตรงนี้เต็มทน เขาไม่ชอบเลยที่ตัวเองกลายเป็นพวกชอบหนีแบบนี้
โดคยองซูจะต้องหนีปาร์คานยอลไปอีกนานแค่ไหนกัน
“ ไปเหอะมึง “ แบคฮยอนเดินมาควงแขนเพื่อนที่เริ่มสีหน้าย่ำแย่ขึ้นทุกที เขานี่อยากจะเลิกๆทำงานนี้แม่ง แต่อีกฝ่ายดันเป็นพี่จุนมยอนที่พวกเขาก็เคารพนับถือ แถมรับปากแล้วก็ยากจะคืนคำ
“ กลับดีๆนะเด็กๆ ไม่ต้องห่วงนะเว้ย ทำงานกับป๋า รับรองมีข้าวมีน้ำมีรถรับส่ง 55555555 เจอกันๆ “ จุนมยอนลาน้องอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยิ้มให้จนตาหยี
สองร่างเล็กก้มหัวให้รุ่นพี่ก่อนจะพากันเดินกลับไป โดยมีสายตาของปาร์คชานยอลมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั่นจนสุดสายตา
“ เห็นมะ น้องกูมันคุยรู้เรื่องนะเว้ย มึงเนี่ย ชอบมองกูในแง่ร้าย “ จุนมยอนว่าพลางกอดอก แสดงความภูมิใจกับการกะทำของตนอย่างเต็มที่
ชานยอลได้แต่ส่ายหน้าให้เพื่อน ก่อนจะแอบด่ามันในใจ
รอบนี้มันไม่ได้พาคนประหลาดมาให้พวกเขาปวดหัว แต่ดันพาโจทย์เก่ากูมาไง ไอ้จุนเอ้ย แน่นอนว่าน้องมันคุยรู้เรื่อง อันนี้เขารู้ แต่น้องมันจะคุยกับเขาไหมล่ะ? ดูจากวันนี้ก็รู้แล้ว ว่า ไม่
สงสัยเขาคงต้องได้สวมบทบาทเป็นปาร์คชานยอลจอมตื๊อเหมือนตอนนั้นอีกรอบ
........
เช้าวันหยุดที่แสนสดใส แดดที่เริ่มส่องผ่านผ้าม่านสีส้มอ่อนๆผ่านทางระเบียงห้องของหอพักเล็กๆห้องนี้ ราวกับแสงแดดต้องการจะปลุกร่างเล็กที่ยังคงหลับใหล ซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนา อาจจะเนื่องด้วยเจ้าตัวเป็นคนขี้หนาว หรือโรคติดผ้าห่มที่ต่อให้ร้อนแค่ไหน ก็ขอเอ้าห่มมานอนกอดแทนหมอนข้างให้อุ่นใจก็ยังดี
เจ้าของห้องที่ยังคงหลับตาพริ้ม ไม่ได้เดือดร้อนจากแสงที่มากวนอยู่เลยสักนิด คงจะนอนฝันหวานต่อไป
แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สาเหตุก็มาจากเจ้าโทรศัพท์ที่คงถูกเขาวางไว้ใต้ผ้าห่มตรงไหนสักที มือของคนที่รู้สึกตัวแต่ไม่ยอมลืมตา ค่อยๆควานหาโทรศัพท์ตามเสียงที่ได้ยิน แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที เลยจำใจต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ใครมันโทรมาหาเขาแต่เช้าเนี่ยยยยย
( ตื่นยัง ) ทันทีที่กดรับ เจ้าของเบอร์ที่โทรมาก็ส่งเสียงทักทายเขาทันที เสียงที่ทำเอาเขาสะดุ้งจนตาตื่น นี่มันเสียงปาร์คชานยอลนี่
( โดคยองซูครับ ตื่นหรือยัง ตอบพี่หน่อยสิครับ ) ปลายสายยังคงส่งเสียงเรียกเขาต่อ
“ ผมบอกแล้วนี่ว่าอย่าโทรมา มีอะไรก็ส่งข้อความมาสิ แค่นี้นะครับ “
( เดี๋ยวเปี๊ยก คยอ... ) ว่าจบก็ไม่รอให้อีกคนพูดอะไรอีก คยองซูกดตัดสายไปดื้อๆ อย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น ยิ่งเป็นปาร์คชานยอล เขายิ่งไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ เหอะ
เขาไม่รู้หรอกนะว่าปาร์คชานยอลคิดจะทำอะไร ที่ตั้งแต่ได้เบอร์เขาไปก็โทรมาไม่หยุดไม่หย่อน ต่อให้เขาไม่รับหรือทำใจเมินแค่ไหน ก็ไม่ยอมแพ้ คิดว่ามุกนี้จะใช้ได้ผลอีกหรือไง เขาไม่ใช่คนที่จะยอมโง่ให้ใครมาปั่นหัวซ้ำสองหรอกนะ
สุดท้ายเขาทนรำคาญไม่ไหว เลยต้องรับสายแล้วเจรจากับพี่แกอย่างจริงจัง ว่าให้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาเสียที ถ้ามีเรื่องงานอะไรที่จำเป็นหรืออยากจะนัดไปคุยก็ให้ส่งข้อความมาก็พอ
เห็นรับปากซะดิบดี นึกว่าจะเข้าใจตรงกันแล้วซะอีก แต่คนนิสัยไม่ดีก็ยังนิสัยไม่ดีอยู่วันยังค่ำ
นี่ชาติก่อนๆเขาเคยไปทำเวรทำกรรมอะไรกับผู้ชายคนนี้ไว้นะ ถึงได้หนีกันไม่พ้นสักที
ได้แต่นั่งยีผมตัวเองแก้ความหงุดหงิด แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเพราะเสียงข้อความที่เข้ามา แต่โทรศัพท์ดันอยู่ใกล้หูเขาเกินไป เพราะมันยังอยู่ติดมือที่เขาเอามายีหัวตัวเองเนี่ยแหละ
{ อย่าลืมนัดของเราวันนี้ตอนบ่ายนะครับ แล้วเจอกัน J }
เหอะ โว้ยยยยย ต้องให้เขาไปบวชอุทิศส่วนกุศลให้เลยดีไหมเนี่ย อยากจะบ้าตาย!
..........................
“ มึงไปคนเดียวได้แน่นะ? “ บยอนแยคฮยอนเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงกังวล
“ ได้สิ กูไม่ได้จะไปตายน่าแบค มึงอย่าเว่อร์ “ คยองซูเองก็พยายามตอบเพื่อนด้วยท่าทางสบายๆ เขารู้ว่าไอ้แบคมันมีธุระต้องไปทำจริงๆ วันนี้เลยไปรับบรีฟงานด้วยกันไม่ได้
“ แต่ว่า .... “
“ เอาน่า กูโอเค มึงรีบไปเหอะ เดี๋ยวแม่มึงจะรอนานนะ “ เห็นไอ้หมายังทำหน้าไม่สบายใจอยู่ เขาเลยรีบออกปากไล่ให้มันกลับไปบ้านให้เร็วๆ ขืนยังอาลัยอาวรกันตรงนี้ต่อเดี๋ยวจะพากันสายทั้งคู่
“ อือ มีไรก็โทรมานะมึง ถ้าไอ้พี่บ้านั่นมันแกล้งมึงอีก มึงโดดเตะมันเลยได้เลยนะ เข้าใจไหม “
“ อื้อ “ เขายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้มันรัวๆแทนคำตอบว่ากูเข้าใจแล้วครับมึง ก่อนจะจับมันหันหลังแล้วดันให้มันเดินออกไปสักที เพราะทางไปบ้านมันอยู่คนละทางกับทางที่เขาจะใช้เดินไปมหาลัยจากหน้าหอพักของพวกเขา หอเล็กๆสามชั้นที่เขากับไอ้หมาอาศัยอยู่ข้างห้องกันตั้งแต่ปีหนึ่ง
เช็คตัวเองว่าไม่ได้ลืมอะไรที่สำคัญๆแล้ว ก็ออกเดินไปมหาลัยอย่างไม่เร่งรีบ ยังไม่ถึงเวลานัดนี่นะ รีบเดินไปเดี๋ยวก็เหนื่อยเปล่าๆ
เดินมาจนถึงตึกคณะนิเทศศาสตร์ที่เขาเคยเลี่ยงนักหนา แต่ก็เลี่ยงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ก่อนจะเร่งมองหาป้ายบอกทาง ที่พอจะบอกให้เขารู้ได้สักหน่อยว่า ห้องสตูดิโอที่คณะยกให้เป็นสถานที่ดำเนินงานของทีมฉากอยู่ที่ไหน
เดินวนหาอยู่สักพักถึงจะเจอ รีบสาวเท้าเข้าไปมากยิ่งขึ้น เพราะใกล้ถึงเวลานัดเต็มที เขายังไม่อยากเป็นคนมาสายให้คนอื่นต้องรอนี่นะ ถึงในใจจะไม่อยากเจอใครคนนึงในนี้ก็เถอะ แต่เรื่องของความรับผิดชอบยังไงก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
“ อ้าว คยองซู มาพอดีเลย “ ทันทีที่เปิดประตูแล้วโผล่เข้าไป พี่จุนมยอนที่หันมาเห็นก็ทักทายเขาทันที เขาส่งยิ้มกลับไปให้รุ่นพี่ตัวขาว ก่อนจะเดินไปนั่งตามที่พี่เขากวักมือเรียก คงจะเป็นเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้เขาล่ะมั้ง
“ มาคนเดียวหรอ ไอ้หมาแบคล่ะ ? “ จุนมยอนว่า พลางส่งสายตาหาเผื่อว่าไอ้หมามันจะเดินช้าเลยยังไม่ถึงหรือเปล่า
“ มันมีธุระอ่ะพี่ วันนี้มีแค่ผมที่มา เดี๋ยวผมจะไปแจงรายละเอียดให้มันฟังเอง “ ตอบรุ่นพี่ถึงสาเหตุที่เขาต้องมาคนเดียวก่อนจะได้รับการพยักหน้ารับรู้ตอบกลับมาของพี่จุนมยอน
เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ไม่ได้ถามอะไรอีก ตาโตๆของโดคยองซูก็เริ่มสอดส่องไปทั่วห้อง เพื่อสังเกตุว่ามีใครบ้างที่อยู่ในนี้ ก่อนจะค้นพบว่านอกจากพี่จุนมยอนแล้ว เขาก็ไม่รู้จักใครสักคนเลยจริงๆแฮะ
“ ไงเปี๊ยก มาเร็วจัง “
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูในจังหวะที่เขากำลังมองอะไรไปเรื่อยอย่างเพลินๆ เล่นเอาซะสะดุ้งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
เขาหันขวับไปมองตัวต้นเหตุที่ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าเป็นใคร ปาร์คชานยอล คนที่เขารู้จักอีกคนในห้องๆนี้สินะ ไม่สิ แค่เคยรู้จักต่างหาก
ส่งสายตาดุๆไปว่าเขาไม่พอใจที่โดนทำแบบเมื่อกี้ใส่ไป แต่ดูเหมือนคนตัวสูงจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับอะไรทั้งนั้น เจ้าตัวยังคงส่งยิ้มที่ดูแล้วโคตรจะบ่งบอกว่าปาร์คชานยอลกำลังอารมณ์ดีแค่ไหนมาให้ ยิ้มสดใสที่มาพร้อมกับลักยิ้มลึกๆข้างแก้มนั่น มันชักจะสดใสเกินไปแล้วล่ะ ทนมองไม่ได้แล้วสิ
“ เฮ้ โกรธหรอ? อย่าโกรธพี่เลยน้า แค่อยากทักทายเฉยๆ “ พอปาร์คชานยอลเห็นว่าเจ้าเปี๊ยกเริ่มเมินเฉยเขาอีกแล้ว ก็เริ่มจะอยู่ไม่เป็นสุข หรือว่าเมื่อกี้เขาแกล้งน้องแรงไปหรือเปล่า เปี๊ยกมันยิ่งขวัญอ่อนๆ ขีตกใจอยู่
“ อยู่ๆเงียบๆเถอะครับ “ เจ้าเปี๊ยกหันมาพูดกับเขาประโยคแรกตั้งแต่เขาเดินเข้ามา พร้อมกับหน้านิ่งๆตามสไตล์ของเจ้าตัว ก่อนจะหันกลับไปสนใจคนอื่นๆที่อยู่รอบๆห้องต่อ
เนี่ย เอาเข้าไป เมินเก่งที่สุดในโลกละมั้งเปี๊ยกเนี่ย!
เพราะรู้ดีว่าน้องมันไม่ชอบให้คนอื่นไปวุ่นวายด้วยมากๆ และในสายตาของคยองซูตอนนี้ เขาก็คงจัดอยู่ในประเภทของคนอื่น เขาเลยเลือกที่จะหยุดการแกล้งหยอกไว้แค่นี้ ก่อนจะโดนโกรธจริงๆ
อุตส่าห์ได้มาทำงานด้วยกันแล้ว เขาไม่รีบร้อนหรอก มีเวลาให้หยอกอีกเยอะเชียวล่ะ
โดคยองซู พี่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ
หลังจากที่จิตใจสงบขึ้นมาก เพราะไม่มีคนมาคอยก่อกวนแล้ว โดคยองซูก็เริ่มตั้งใจฟังการประชุมเตรียมงานและได้แนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักว่าเขาจะมาช่วยเป็นส่วนหนึ่งของทีมฉาก พี่ๆหลายคนก็ยิ้มแย้มต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ก่อนจะเริ่มการอธิบายรายละเอียดและแบ่งส่วนหน้าที่รับผิดชอบกัน
และเขาก็ได้รู้ว่าที่เคยคิดไว้ว่าหนีไม่พ้นกับปาร์คชานยอลนี่ก็คงจะจริง เพราะเขาดันเป็นคนที่ต้องมาคอยประสานงานและควบคุมการทำงานในส่วนที่เขาจะมาช่วยเต็มๆ ได้แต่หวังว่างานมันจะผ่านไปอย่างราบรื่นอ่ะนะ
หลังจากประชุมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับไป เหลือแค่เขากับปาร์คชานยอลที่รั้งให้เขาอยู่ด้วยการบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แถมย้ำชัดว่าเรื่องงาน เขาเลยจำใจต้องอยู่
“ จะมาช่วยได้วันไหนบ้าง พี่จะได้เตรียมของเตรียมคนช่วยไว้ให้ “ ปาร์คชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้มีท่าทีล้อเล่น มาทำให้คยองซูต้องปวดหัว เขาเลยโล่งใจที่จะตอบไปดีๆ
“ ศุกร์ แล้วก็วันหยุดครับ อันนั้นมาได้แน่นอน แต่วันอื่นๆถ้าผมมีเวลาจะค่อยๆมาเก็บงานเอง “ ตอบไปตามที่ได้ตกลงเรื่องแบ่งเวลากับแบคฮยอนมาเรียบร้อย ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ก่อนเจ้าตัวจะก้มไปจดอะไรบาอย่างบนสมุดเล่มเล็กๆ ที่เขาเห็นชานยอลใช้จดข้อมูลตั้งแต่ตอนประชุมแล้ว
เห้ย เขาไม่ได้แอบมองนะ แค่หันไปเห็นพอดี
“ โอเคครับ แล้วนี่เราจะกลับไง “ ชานยอลปิดสมุดหลังจากนั่งเขียนอะไรยุกยิกไปสักพัก ก่อนจะถามเขาในเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องงานแล้ว
“ ก็เดินกลับ “ เอ่ยตอบพลางเก็บของลงกระเป๋า ในเมื่ออีกคนน่าจะหมดธุระแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อีกสิ รีบๆกลับดีกว่า อยากจะไปนอนเอนหลังเต็มทีแล้ว
“ ให้พี่ไปส่งไหม? “ เสียงปาร์คชานยอลที่ดูเหมือนจะมีน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงแบบนี้ที่เขาเคยได้ยิน เมื่อนานมาแล้ว
คยองซูชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หันไปมองหน้าคนพูดว่าแสดงสีหน้ายังไงตอนที่พูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าจะไปส่งเขา
“ ไม่ล่ะครับ ผมกลับเองดีกว่า ไปละนะครับ “ รีบพูดปฏิเสธความหวังดี ก่อนจะลุกขึ้นเดินด้วยจังหวะที่เขาคิดว่าน่าจะเร็วกว่าปกติมากอยู่
ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง แสดงว่าชานยอลคงไม่ได้ตามมาตื๊อเขา ซึ่งก็ดีมากที่เป็นอย่างนั้น
คิดในใจอย่างโล่งอก ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับหอไป
ปาร์คชานยอลมองตามแผ่นหลังเล็กๆที่เพิ่งจะเลี้ยวพ้นขอบประตูไป ด้วยหลากหลายความรู้สึก หนีกันอีกแล้วหรอเปี๊ยก
หึ เขานี่น้า จะโดนเจ้าเปี๊ยกเมินกันไปอีกนานแค่ไหน?
คิดพลางทิ้งแผ่นหลังซบกับเก้าอี้ ปากกาในมือถูกยกเอามาเคาะหัวเบาๆอย่างใช้ความคิด พลางหันไปมองปฏิทินที่ติดอยู่ฝาผนัง
วันศุกร์สินะ ถึงจะได้เจอกันอีก อีกแค่ 5 วัน เราค่อยเจอกันใหม่นะเปี๊ยก ไว้วันนั้น พี่จะไม่ปล่อยให้เราเมิน
พี่อีกแน่!
..................
ไม่รู้คยองซูจะทนลูกตื๊อจากคุณปาร์คชานยอลได้านแค่ไหนกันนะคะเนี่ย ถถถถถถถ
ขอบคุณี่เข้ามาอ่านกันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ทั้งกดให้กำลังใจและคอมเมนท์มาทุกคน เราอ่านแล้วมีกำลังใจมากๆเลยค่า
ตอนแรกกะว่าจะอัพวันเสาร์ที่หยุดเรียน เราถึงจะมีเวลาปั่น แต่ไหนๆก็เขียนค้างไว้แล้ว เลยรีบเข็นตัวเองมาต่อให้จบเลย
กลัวว่าทุกคนจะรอนาน
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ :)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คยองซูใจแข็งไว้อย่ายอมใจอ่อนให้พี่ชานง่ายๆนะ