ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (รก)ห้องเอนกประสงค์ของเรย์+เร

    ลำดับตอนที่ #5 : ห้องทำงาน - ไกรทอง(เกรย์)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 53


                กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมือง ๆ หนึ่งซึ่งมีจระเข้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจระเข้เหล่านี้จะแบ่งพรรคพวกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจะอยู่ทางหัวเมืองด้านเหนือ และอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ทางหัวเมืองด้านใต้ ทางฝ่ายจระเข้หัวเมืองฝ่ายเหนือนั้นจะมีจระเข้ตัวใหญ่ที่มีชื่อว่า ท้าวรำไพ เป็นหัวหน้า ซึ่งเป็นจระเข้ที่อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยจับสัตว์หรือมนุษย์กินเป็นอาหาร และจะกินแต่ซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหารเท่านั้น ส่วนทางฝ่ายจระเข้ทางหัวเมืองฝ่ายใต้นั้น จะมีนิสัยแตกต่างจากจระเข้ฝ่ายเหนือมาก คือ จระเข้เหล่านี้มักจะจับสัตว์ และมนุษย์กินเป็นอาหาร หัวหน้าของจระเข้ฝ่ายใต้นั้น เป็นจระเข้พี่น้องสองตัว มีชื่อว่า ท้าวพันตาและท้าวพันวัง
                อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดมีเหตุการณ์ที่ทำให้จระเข้ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแยังกัน เพราะจระเข้ฝ่ายใต้มักจะมารังแกเหล่า จระเข้ทางฝ่ายเหนืออยู่เสมอ ๆ จนวันหนึ่งจระเข้ฝ่ายเหนือโดนทำร้ายได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสกันหลายตัว
                เหล่าบรรดาจระเข้จึงนำความไปแจ้งให้ท้าวรำไพช่วยเหลือ ท้าวรำไพได้ยินเรื่องราว จึงตัดสินใจจะไปทำการเจรจากับจระเข้ฝ่ายใต้ แต่ครั้งจะว่ายน้ำไปก็กลัวชาวบ้านจะแตกตื่น เพราะขนาดความใหญ่โตของตน ท้าวรำไพจึงคิดหาวิธีที่จะเดินทางไปยังหัวเมืองฝ่ายใต้
                ในที่สุด ท้าวรำไพจึงตัดสินใจแปลงร่างเป็นมนุษย์ และในขณะที่ยืนอยู่ริมตลิ่งนั้นเอง ก็มีตายายพายเรือผ่านมา ท้าวรำไพจึงขออาศัยเดินทางไปยังเขตหัวเมืองฝ่ายใต้ด้วย เมื่อมาถึงแล้ว ท้าวรำไพได้กล่าวขอบคุณตากับยายและกำชับว่า ถ้าหากได้ยินเสียงหรือได้ยินอะไรก็ไม่ต้องตกใจ ให้รีบพายเรือไปที่ริมตลิ่งแล้วขึ้นฝั่งทันที
                จากนั้นท้าวรำไพจึงกลายร่างเป็นจระเข้อีกครั้ง แล้วออกอาละวาดเที่ยวฟาดหางอย่างคึกคะนอง เพื่อให้ท้าวพันตาและท้าวพันวังได้รับรู้ถึงการมาของตน ท้ายที่สุดท้าวพันตา จึงได้ขึ้นมาเผชิญหน้ากับท้าวพันวัง และต่อสู้กันอยู่หลายวันหลายคืน และท้าวพันตาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้กลับไป
                ครั้นเมื่อท้าวพันวังรู้ว่าท้าวพันตา ผู้เป็นพี่นั้นได้พ่ายแพ้มา จึงเกิดความโกรธแค้น และออกมาต่อสู้กับท้าวรำไพอีก แต่ก็ไม่อาจสู้กับท้าวรำไพได้ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสู้กันอยู่นั้น เจ้าพ่อองครักษ์ซึ่งสถิตย์อยู่บริเวณนั้นก็เกิดความสงบ สารท้าวพันวังที่ไม่อาจสู้กับท้าวรำไพได้ จึงเข้าไปช่วยโดยการเข้าประทับในร่างของท้าวพันวัง เมื่อท้าวรำไพเห็น ดังนั้นจึงต่อว่า ว่าเป็นการไม่เป็นธรรมที่เทพมาช่วยจระเข้ทำบาป ฝ่ายท้าวพันวังได้ฟังจึงหัวเราะ แล้วกล่าวว่าท้าวรำไพกลัวจะแพ้ตน จึงได้อ้างเทวดาอารักษ์ เพราะตนนั้นสามารถเอาชนะได้ โดยไม่ต้องพึ่งเทพยดาใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเจ้าพ่อองครักษ์ได้ยินดังนั้น จึงโกรธที่ท้าวพันวังไม่รู้คุณ จึงออกจากร่าง ท้าวพันวังก็เสียทีพ่ายแพ้ให้กับท้าวรำไพ ในที่สุด
                ทางฝ่ายจระเข้หัวเมืองใต้ เมื่อไม่มีหัวหน้าก็ยิ่งออกอาละวาดทำความเดือดร้อนยิ่งกว่าเดิม จนในที่สุด ก็มีหมอจระเข้ คนหนึ่ง ชื่อขุนไกร เป็นผู้ออกมาปราบปรามจระเข้เหล่านี้ และได้ฆ่าจระเข้ตายลงเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรดาจระเข้ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพ่อองครักษ์ โดยให้สัญญาว่าถ้าหาเหยื่อมาได้ จะนำมาให้เจ้าพ่อก่อน และถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพ่อให้กินได้ ก็จะไม่ยอมกินเหยื่อนั้น
                อยู่มาวันหนึ่ง เกิดมีจระเข้ตัวใหญ่ตัวหนึ่งออกมาอาละวาดไล่กัดกินชาวบ้าน ขุนไกรจึงมาทำพิธีปราบ แต่ก็พลาดท่าถูกจระเข้ตัวนั้นกัดเข้ากลางลำตัว แต่ขุนไกรก็หนีขึ้นบกมาได้ เมื่อภรรรยาของขุนไกรเห็นดังนั้นจึงรีบหาหมอมารักษาขุนไกร แต่ด้วยขุนไกรนั้นได้สิ้นอายุขัยแล้ว จึงได้มีจิ้งจกตัวหนึ่งแอบมาเลียที่แผล พิษจึงกำเริบทำให้ขุนไกรตายในที่สุด ต่อมาจึงเป็นความเชื่อกันว่า ผู้ที่ถูกจระเข้กัดนั้น หากถูกจิ้งจกมาเลียแผลผู้นั้นก็จะไม่มีทางรอด เพราะจิ้งจกเป็นสัตว์พันธ์เดียวกันกับจระเข้
                ทางฝ่ายท้าวรำไพที่เอาชนะท้าวพันวังได้นั้น ก็ได้กลับไปอยู่ที่หัวเมืองฝ่ายเหนือเหมือนเดิม และได้มอบตำแหน่งหัวหน้าให้กับลูกชายคือ ท้าวโคจร แต่ท้าวโคจรนั้นกลับมีนิสัยตรงกันข้ามกับท้าวรำไพ คือมีนิสัยอันธพาล ชอบก่อความเดือดร้อนและรังแกเหล่าจระเข้บริวาร และด้วยผลแห่งกรรม จึงถูกเหล่าบรรดาจระเข้รุมทำร้ายจนถึงแก่ความตายในที่สุด
                หลายปีต่อมา ลูกชายของขุนไกร ซึ่งมีชื่อว่าไกรทองนั้นก็เติบโตขึ้น และได้ไปเรียนคาถาอาคมวิชาปราบจระเข้และเวทมนตร์ต่าง ๆ กับอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้าเหมือนบิดาของตน และกลับมาอยู่กับแม่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
                ด้านท้าวรำไพ เมื่อลูกชายของตนเองได้ตายลงแล้วจึงได้มอบตำแหน่งหัวหน้าให้กับหลานชายคือ ชาละวัน และชาละวันนั้นก็มีนิสัยที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก มันมักชอบอวดตัวว่าคงกระพัน ไม่มีผู้ใดทำลายตนได้ และได้ไล่กัดกินชาวบ้านจนเดือดร้อนกันไปทั่ว อีกทั้งยังมีนิสัยเจ้าชู้อีกด้วย วันหนึ่ง ชาละวันได้ออกมาว่ายน้ำเพื่อหาอาหารกิน และได้พบกับหญิงงามคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของท่านมหาเศรษฐีเมืองพิจิตร ชื่อว่า นางตะเภาทอง ซึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่กับบ่าวไพร่ ตะเภาทองนั้นมีพี่สาวชื่อว่า ตะเภาแก้ว ทั้งสองพี่น้อง และบ่าวไพร่ไม่ทันได้สังเกตุว่าชาละวันนั้นกำลังจ้องมองตะเภาทองอยู่ด้วยความถูกตาต้องใจและด้วยไม่อาจระงับจิตใจได้ ชาละวันจึงตัดสินใจโผล่ขึ้นเหนือน้ำ ฟาดหางจนน้ำกระจาย ทำให้บ่าวไพร่ที่เล่นน้ำอยู่นั้นแตกตื่นหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศคนละทาง ส่วนนางตะเภาทองนั้นได้สลบเป็นลมไปเพราะความตกใจ ชาละวันเห็นดังนั้นจึงตรงเข้าไปคาบร่างนางลงสู่ถ้ำของตนใต้ท้องน้ำทันที
                ในถ้ำอันเป็นอาณาจักรของชาละวันนั้น ก็ยังมีจระเข้สาวอาศัยอยู่ที่สองตน ซึ่งทั้งสองนั้นเป็นภรรยาของชาละวันมีชื่อว่า วิมาลาและเลื่อมไลวรรณ เมื่อชาละวันกลับมาถึงถ้ำพร้อมกับร่างของนางตะเภาทอง นางทั้งสองจึงเกิดความหึงหวง ต่อว่าชาละวันเป็นการใหญ่ แต่ก็ไม่อาจทำให้ชาละวันเปลี่ยนใจได้
                ฝ่ายท่านเศรษฐีเมืองพิจิตรผู้เป็นบิดาของตะเภาทองนั้น ได้ทราบเรื่องก็ถึงกับตกใจเป็นอันมาก ฝ่ายมารดาก็ร้องไห้ คร่ำครวญถึงลูกสาว ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะได้รับอันตราย ท่านเศรษฐีจึงได้ป่าวประกาศไปทั่วสารทิศเพื่อหาผู้เก่งกาจมาปราบจระเข้ และนำตัวลูกสาวของตนเองกลับคืนมา โดยผู้ใดที่สามารถนำลูกสาวตนกลับมาได้นั้นก็จะมอบทรัพย์สินเงินทองให้เป็นรางวัล และที่สำคัญก็จะมอบนางตะเภาแก้วผู้เป็นลูกสาวให้ด้วย
                เมื่อข่าวรู้ถึงหูของไกรทอง ว่ามีจระเข้ออกอาละวาดจับหญิงสาวไปนั้น ทำให้ไกรทองรับขันอาสาไปปราบจระเข้ เพื่อเป็นการลองวิชาที่ได้เรียนมา และก็จะได้เงินทองไปให้แม่ของตนด้วย อีกทั้งไกรทองก็ได้ยินข่าวเล่าลือถึงความงามของลูกสาวทั้งสองของท่านเศรษฐีมาอีกด้วย ดังนั้นไกรทองจึงกล่าวลามารดาและอาจารย์คงเพื่อไปปราบชาละวันทัน
                ครั้นพอรุ่งเช้า ไกรทองพร้อมด้วยอาวุธคู่กาย คือ หอกสัตตโลหะ และเทียนระเบิดน้ำ ก็ได้จัดการทำพิธีตั้งศาลบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ ท่องคาถาอาคมเรียกชาละวันให้ขึ้นมาเหนือน้ำ
                ฝ่ายชาละวันนั้น ได้เกิดนิมิตในตอนรุ่งสางว่ามีไฟมาเผาผลาญตนเอง ทำให้ได้รับความทุกข์ทรมาน และเทวดาก็ลงจากสวรรค์มาฟันร่างของตนขาดเป็นสองท่อน จึงตื่นตกใจ นำความไปให้ท้าวรำไพผู้เป็นปู่ตรวจทำนายให้ ท้าวรำไพจึงบอกว่า จะมีหมอจระเข้ที่เก่งฉกาจมาปราบ เพราะชาละวันได้นำมนุษย์นางหนึ่งมา เมื่อชาละวันได้ยินดังนั้น จึงสั่งให้จระเข้บริวารนำก้อนหินมาปิดปากถ้ำไว้ แต่ในที่สุดก็ไม่อาจทนมนต์คาถาที่ไกรทองร่ายไม่ไหว เพราะเกิดความรุ่มร้อน จึงต้องออกจากถ้ำแล้วโผล่ขึ้นเหนือน้ำต่อสู้กับไกรทองอยู่นาน แต่ในที่สุดชาละวันผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ก็ต้องพบกับความปราชัย หนีกลับลงมายังเมืองบาดาลอย่างบอบช้ำ
                ไกรทองเห็นดังนั้นก็ไม่ละความพยายาม ทำพิธีกระทงเสี่ยงทายให้ลอยน้ำไปหยุดอยู่หน้าถ้ำของชาละวัน จากนั้นจึงใช้เทียนระเบิดน้ำตามชาละวันลงไปยังเมืองมาบาล เพื่อที่จะนำตัวนางตะเภาทองกลับคืน ชาละวันและไกรทองได้ต่อสู้กันอยู่อย่างไม่ลดละ ทำให้ชาละวันโดนหอกสัตตโลหะแทงล้มลง แต่ด้วยความที่ไกรทองไม่อยากทำบาปจึงเอายันต์ปิดที่หัวของจระเข้เอาไว้ เพื่อไม่ให้ออกอาละวาดอีก จากนั้นจึงตามหาตัวนางตะเภาทองที่อยู่ในถ้ำ และในที่สุดจึงพบว่านางตะเภาทองนั้นอยู่ในถ้ำของชาละวัน ด้วยอาการไม่มิสติเนื่องจากโดนมนต์ของชาละวันสะกดเอาไว้ จากนั้นไกรทองจึงบังคับให้ชาละวันนำนางตะเภาทองและตนขึ้นสู่เหนือน้ำ
                เมื่อท่านเศรษฐี ภรรยา และชาวบ้านเห็นไกรทองและนางตะเภาทองกลับขึ้นมาเหนือน้ำ ต่างก็โห่ร้องด้วยความดีใจและชื่นชมไกรทองเป็นอย่างมาก แต่นางตะเภาทองยังไม่คลายจากมนต์สะกดของชาละวัน เนื่องจากชาละวันนั้นยังไม่ตาย ท่านเศรษฐีจึงสั่งให้บ่าวไพร่ใช้มีดขวานฟันที่ร่างของชาละวัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไกรทองจึงจำต้องใช้หอกสัตตโลหะของตนฟันร่างชาละวันขาดและถึงความตายในที่สุด นางตะเภาทองจึงตื่นจากมนต์สะกดได้
                เมื่อนางตะเภาทองตื่นจากมนต์สะกด และเห็นไกรทองอีกทั้งยังรู้ว่าไกรทองเป็นคนช่วยตนเองไว้ จึงเกิดความรัก ในวันต่อมาท่านเศรษฐีจึงได้ทำตามสัญญาที่จะยกทรัพย์สมบัติให้ และยกนางตะเภาแก้วให้เป็นภรรยา จึงได้จัดพิธีแต่งงานให้กับไกรทองและนางตะเภาแก้ว และยังยกนางตะเภาทองให้อีกคนหนึ่งด้วย เพราะเห็นว่านางตะเภาทองนั้นก็ชอบไกรทองด้วยเหมือนกัน และไกรทองเองก็รับนางทั้งสองไว้เป็นภรรยาด้วยความเต็มใจ
                เมื่อเวลาผ่านไป ไกรทองเกิดคิดถึงนางวิมาลาอย่างจับใจ เนื่องจากเคยเห็นหน้ากันครั้งเมื่อไปปราบชาละวันในถ้ำใต้บาดาล จึงออกอุบายว่าตนนั้นมักจะฝันร้าย เหมือนมีผีร้ายมาคอยกวนอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องไปหาอาจารย์คงเพื่อขอรดน้ำมนต์และทำพิธีปัดรังควาน
                เมื่อไกรทองออกจากบ้านมา ก็ได้ทำพิธีระเบิดน้ำและลงไปหานางวิมาลาทันที ทั้งนางวมาลาและนางเลื่อมไลวรรณรู้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา และผู้นั้นก็เป็นผู้สังหารสามีของตน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะต่างก็ไม่มีคาถาอาคมใด ๆ ไกรทองได้กล่าวเกี้ยวพาราสีให้ยอมเป็นภรรยาของตน แต่นางทั้งสองก็ไม่ยอม จนในที่สุดไกรทองต้องใช้มนต์เพื่อทำให้นางทั้งสองลุ่มหลงตน และยอมเป็นภรรยาในที่สุด ครั้นเมื่ออยู่กินได้พักใหญ่ ไกรทองเกิดคิดถึงนางตะเภาแก้วและตะเภาทองขึ้นมา จึงชักชวนนางจระเข้ทั้งสองให้ไปอยู่เมืองมนุษย์ด้วยกัน โดยได้นำนางวิมาลาไปตนเดียว และได้ เสกผ้ายันต์ปิดหน้าผากนางวิมาลาให้กลายเป็นมนุษย์และนำไปซ่อนไว้ที่กระท่อมท้ายสวน
                จากนั้นไกรทองจึงเดินทางกลับบ้านมาหาตะเภาแก้วและตะเภาทอง แต่ในที่สุดนางทั้งสองก็รู้เรื่องนางวิลามาจากบ่าวไพร่ ที่มาฟ้องว่าเห็นไกรทองไปที่กระท่อมท้ายสวนเสมอ ตะเภาแก้วและตะเภาทองจึงนำบ่าวไพร่ไปอาละวาดตบตีนางวิมาลา จนในที่สุดนางจึงดึงยันต์ออกแล้วกลายร่างเป็นจระเข้ไล่ทำร้ายนางตะเภาแก้วและ ตะเภาทองอย่างโกรธแค้น จากนั้นจึงหนีลงน้ำป และคิดว่าตนเป็นสัตว์ไม่สมควรอยู่กินกับมนุษย์
                จากนั้นมา ทั้งนางตะเภาแก้วและตะเภาทอง ต่างก็เอาอกเอาใจไกรทองหวังให้ลืมเรื่องนางจระเข้ทั้งสอง แต่ไกรทอง ก็ไม่อาจลืมได้ จึงได้ออกอุบายอีกครั้ง ว่านางจระเข้ทั้งสองอาจจะโกรธแค้น และจ้องทำร้ายตะเภาแก้วและตะเภาทองอยู่ ตนจึงต้องไปทำการเจรจาให้เข้าใจกัน แต่ตะเภาแก้วและตะเภาทองก็ยอมให้ไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
                เมื่อไกรทองมาถึงถ้ำก็ได้พบกับนางวิมาลา และนางก็ไม่ยอมคืนดีด้วย แต่ไกรทองก็พูดหว่านล้อมต่าง ๆ นานา จนในที่สุดก็เข้าใจกันได้ นางวิมาลาและนางเลื่อมไลวรรณจึงทำเสน่ห์ใส่ไกรทอง ทำให้ไกรทองลุ่มหลงนางทั้งสองและไม่ยอมกลับไปยังเมืองมนุษย์
                ฝ่ายนางตะเภาแก้วและนางตะเภาทองก็ทนรอไม่ไหว จึงเดินทางไปหาท่านอาจารย์คงเพื่อหาทางให้นำไกรทองกลับคืนมา อาจารย์คงบอกนางทั้งสองว่า ไกรทองกำลังหลงเสน่ห์อันเกิดจากมนต์คาถาของนางจระเข้ จึงทำให้วิชาอาคมที่มีอยู่นั้นเสื่อมหมด อาจารย์คงจึงตัดสินใจไปช่วยลูกศิษย์ของตน เมื่อไปถึงยังถ้ำ อาจารย์คงได้เอาผ้ายันต์ปิดที่หน้าผากของไกรทอง แล้วพาขึ้นสู่เหนือน้ำทันที
                เมื่อมาถึงเมืองมนุษย์แล้ว อาจารย์คงได้ทำพิธีคลายมนต์ให้กับไกรทอง และไกรทองก็ได้รับผิดกับอาจารย์ กลับไปอยู่กับนางตะเภาแก้วและนางตะเภาทองดังเดิม หลังจากนั้นไม่นาน นางทั้งสองก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายทั้งคู่ คือ ไกรแก้วซึ่งเกิดจากนางตะเภาแก้ว และ ไกรดา ซึ่งเกิดจากนางตะเภาทอง และไกรทองก็ได้นำบุตรชายทั้งสองไปเป็นศิษย์ของอาจารย์คงเช่นตน
                ฝ่ายนางวิมาลาและนางเลื่อมไลวรรณ ก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายที่เกิดจากไกรทองเช่นเดียวกัน ลูกของนางวิมาลานั้น ชื่อว่า ไกรวงศ์ ส่วนลูกของนางเลื่อมไลวรรณ มีชื่อว่า ไกรเวช
                เมื่อไกรวงศ์และไกรเวช มีอายุได้พอสมควรแล้ว นางจระเข้ทั้งสองก็ได้ส่งให้ไปเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหรา เมื่อได้เรียนรู้วิชาคาถาอาคมมากพอควรแล้ว ทั้งสองจึงได้มาคิดว่าตนมีร่างเป็นมนุษย์แต่มีแม่เป็นจระเข้ จึงอยากรู้ว่าบิดาของตนทั้งสองนั้นเป็นใคร จึงได้ไปถามเอาความจากอาจารย์เหรา และได้รู้ว่าบิดาตนนั้นได้ทิ้งไป
                อยู่มาวันหนึ่งทั้งไกรวงศ์และไกรเวชก็ได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่า จะพาบิดากลับมาอยู่กับมารดาให้จงได้ จึงขึ้นไปยังเมืองมนุษย์ และร่ายมนต์ให้คนทั้งบ้านหลับไหลไม่ได้สติ แล้วยกร่างของไกรทองกลับมายังถ้ำวางลงข้างกายมารดาใต้เมืองบาดาล
                ครั้นเมื่อไกรทองตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนนั้นได้นอนอยู่ข้างนางวิมาลา และนางเลื่อมไลวรรณ เมื่อไกรวงศ์และไกรเวชเดินเข้ามาจึงถามว่าทั้งสองเป็นใคร และเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้วว่าไกรวงศ์และไกรเวชเป็นลูกของตนก็ดีใจมาก
                ด้านนางตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เมื่อเห็นว่าไกรทองหายไป จึงได้เดินทางไปหาอาจารย์คง เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอาจารย์คงได้นั่งทางในและพบว่าไกรทองนั้นถูกลักพาตัวไปอยู่ในถ้ำ กับนางวิลามาและนางเลื่อมไลวรรณ ไกรแก้วกับไกรดาจึงขอพระอาจารย์ไปช่วยบิดาของตน แต่เมื่อไปถึงยังถ้ำแล้วก็ไม่อาจสู้กับเหล่าบรรดาจระเข้ใต้เมืองบาดาล นั้นได้ จึงกลับขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากอาจารย์คง
                เมื่ออาจารย์คงเห็นดังนั้นก็ได้มอบจระเข้อาคมแกะจากไม้ให้ไปต่อสู้ใหม่ ในที่สุดก็สามารถเอาชนะได้ แต่ไกรเวชและไกรวงศ์คิดจะแก้แค้นคืนให้ได้ จึงไปขอให้อาจารย์เหราช่วย อาจารย์เหราจึงออกมาต่อสู้พ่นน้ำร้อนใส่ไกรแก้วและไกรดา ทำให้ต้องหนีขึ้นมาหาอาจารย์คงอีก อาจารย์คงจึงตัดสินใจไปช่วยไกรทองด้วยตนเอง ในที่สุดก็เอาชนะอาจารย์เหราได้ เพราะอาจารย์เหรานั้นอ้าปากจะกินอาจารย์คง แต่ก็โดนอาจารย์คงเอามีดแทงจนลิ้นขาด ไกรดาและไกรแก้วจึงพาบิดากลับขึ้นสู่เมืองมนุษย์ได้ในที่สุด
                เมื่อเวลาผ่านไป ท่านเศรษฐีก็สิ้นใจ จึงยกสมบัติทั้งหมดให้กับไกรทอง ต่อมาไกรทองจึงปรึกษากับภรรยาว่าจะหาคู่ให้กับลูกชายจึงได้ไปขอลูกสาวขุนรามที่มีนามว่า นางสายหยุด มาให้เป็นภรรยาของไกรแก้ว และก่อนที่จะถึงวันแต่งงานของไกรแก้ว นางสายหยุดและบ่าวไพร่ได้ลงไปเล่นน้ำ ซึ่งก็พอดีกับที่ไกรวงศ์ลูกนางวิมาลาเกิดมาพบเข้า จึงเกิดหลงรักเข้าทันที และคิดที่จะเอามาเป็นภรรยาให้ได้ ไกรวงศ์จึงเข้าไปเกี้ยวพาราสี แต่นางสายหยุดก็ไม่สนใจ เนื่องจากตนเองก็ชอบพอในตัวไกรแก้วอยู่และกำลังจะแต่งงานกัน เมื่อไกรวงศ์เห็นว่าไม่อาจเกี้ยวให้นางสายหยุดมาเป็นภรรยาตนได้ จึงคาบนางสายหยุดลงมายังถ้ำใต้บาดาล
                เมื่อขุนรามรู้เรื่อง จึงขอให้ไกรทองไปช่วยลูกสาวของตน ไกรทองจึงไปขอความช่วยเหลืออาจารย์คงให้นั่งทางในดูว่านางสายหยุดอยู่ที่ไหน ในที่สุดจึงรู้ว่าไกรวงศ์ผู้เป็นลูกของนางวิมาลานั้นเป็นผู้ก่อเรื่อง ไกรทองจึงขออาสาลงไปช่วยนางสายหยุดด้วยตนเอง เมื่อมาถึงถ้ำก็ได้พบกับไกรวงศ์ และได้สั่งสอนลูกว่าได้ทำสิ่งที่ผิด และขอให้ส่งนางสายหยุดคืน อาจารย์เหราผู้ซึ่งทราบเรื่องมาโดยตลอด จึงปรากฏตัวและต่อว่าไกรทองว่าไม่รักลูกทั้งสองคนนี้เลย และโกหกว่าไกรวงศ์เป็นผู้ช่วยนางสายหยุดให้รอดจากการจมน้ำตาย จึงสมควรยกให้เป็นภรรยาของไกรวงศ์จึงจะถูก
                ไกรทองได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธมากที่อาจารย์เหราปั้นน้ำเป็นตัวให้ลูกชายตนเองฟัง และบอกว่าอาจารย์เหราทำแต่เรื่องชั่วร้าย ทำให้ลูกชายของตนทำตัวไปในทางที่ไม่ถูก เมื่อได้ยินดังนั้น อาจารย์เหราจึงโกรธมาก และต่อสู้กับไกรทอง จนถูกไกรทองใช้มีดแทงเข้าที่คอของอาจารย์เหรา และสิ้นใจตายในที่สุด
                ไกรวงศ์และไกรเวชเมื่อเห็นอาจารย์เหราสิ้นใจตายก็สำนึกผิด ก้มลงกราบพ่อและยอมรับผิด ไกรทองจึงสั่งสอนลูกทั้งสองว่า ตนไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังอย่างที่อาจารย์เหราบอก แต่เพราะเห็นว่าลูกได้ทำสิ่งผิด จึงอยากให้ปรับปรุงตนให้เป็นคนดี และบอกว่าตนเองนั้นรักลูกเท่ากันทุกคน อยากให้ลูก ๆ เป็นคนที่มีจิตใจงาม ว่าแล้วก็บอกกับลูกทั้งสองว่าหลังจากงานแต่งงานของไกรแก้วแล้ว ตนจะกลับมาเยี่ยมลูก ๆ ใหม่
                ต่อมาไม่นาน ไกรวงศ์และไกรเวช ก็โตเป็นหนุ่มเต็มตัว จึงเกิดเบื่อหน่ายชีวิตในถ้ำ จึงขอลาแม่ออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ จนเมื่อมาถึงเมืองมิดถิลลา ไกรวงศ์เกิดไปพบกับนางฉวีวรรณซึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ และเกิดหลงไหลในรูปโฉมอันงดงาม แต่ด้วยนางเป็นธิดาของท่านเจ้าเมืองมิดถิลลา ชื่อท้าวทศไชย และนางมาลี ผู้เป็นพระมเหสี ไกรวงศ์จึงครุ่นคิดหาวีธีที่จะเอานางมาครอบครองให้ได้
                จากนั้นไกรวงศ์จึงได้ไปปรึกษากับผีเสื้อสมุทร ซึ่งก็คืออาจารย์เหราที่มาเกิดใหม่นั่นเอง ผีเสื้อสมุทรออกอุบายจะแกล้งไปอาละวาดในเมืองมิดถิลลา แล้วให้ไกรวงศ์เข้าอาสาท้าวทศไชยไปปราบ หลังจากนั้น ท้าวทศไชยก็จะได้ยก นางฉวีวรรณให้ไกรวงศ์เป็นแน่
                เมื่อถึงวันรับอาสาจริง ๆ เข้า ก็มีผู้รับอาสามามากมาย หนึ่งในนั้นก็มีไกรดาลูกของนางตะเภาทองอยู่ด้วย เพราะหลังจากที่ไกรแก้วแต่งงานแล้ว ไกรดาก็ท่องเที่ยวไปตามเมืองต่าง ๆ แต่ผู้เดียว จนเมื่อมาถึงเมืองมิดถิลลา และได้ข่าวว่ามีผีเสื้อสมุทรมาอาละวาด ตนจึงรับอาสา และต่อมาจึงเกิดปัญหาขึ้นเมื่อผีเสื้อสมุทรถูกปราบลงแล้ว ไกรวงศ์อ้างว่าตนเป็นผู้ขับไล่ผีเสื้อสมุทร แต่ไกรดานั้นถือโอกาสเข้ามาสังหารทีหลัง ท้าวทศไชยจึงตัดสินให้ทั้งไกรวงศ์และไกรดาเป็นขุนนางทั้งสองคน โดยไม่ได้ยกลูกสาวให้กับใคร ซึ่งก็ถือว่าผีเสื้อสมุทรนั้นตายเปล่า
                หลายปีต่อมา มีแขกสิงหลได้ยินกิตติศัพท์ความงามของนางฉวีวรรณ จึงได้ส่งสาส์นมาขอเป็นภรรยา ไม่อย่างนั้นตนจะยกกองทัพมาตีเมืองให้แตก ท้าวทศไชยจึงมอบหมายให้ไกรวงศ์และไกรดาออกรบ โดยให้ทัพหน้าเป็นไกรวงศ์ และทัพหลวงเป็นไกรดา ไกรวงศ์นั้นได้ปะทะกับเจ้าสิงหลได้ไม่นานก็พ่ายแพ้และหนีไป แต่ไกรดานั้นตั้งทัพรอสกัดรับได้ แต่ขณะที่กำลังรบกับแขกสิงหลอยู่นั้น ไกรวงศ์ก็นำทัพเข้ามา ฉวยโอกาสตอนเจ้าสิงหลเผลอตัดหัวขาดจนสำเร็จ ทหารทัพสิงหลเมื่อเห็นเช่นนั้นก็แตกทัพกระจัดกระจาย
                เมื่อไกรดาเห็นการกระทำของไกรวงศ์ดังนั้นจึงต่อว่า ทำให้ทั้งทัพของไกรวงศ์และไกรดาต่างต่อสู้กันเอง และไกรวงศ์เองเห็นท่าไม่ดี จึงหนีออกมาพร้อมกับหัวของเจ้าสิงหล แล้วนำมาทูลถวายท้าวทศไชยเพื่อเอาความดีความชอบ ส่วนไกรดาก็ตามมาและได้เล่าความจริงทุกอย่างให้ท้าวทศไชยฟัง
                ครั้นท้าวทศไชยได้ฟังดังนั้นก็ครุ่นคิดและเห็นว่าถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ คงจะไม่ดีแน่ จึงตัดสินใจยกเมืองจันทรประเทศให้ไกรดาไปครอง และยกเมืองจันทรบุรีให้ไกรวงศ์ครองอีกเมืองหนึ่ง ทั้งไกรดาและไกรวงศ์ต่างก็ครองเมืองของตนด้วยความสงบร่มเย็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×