ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (รก)ห้องเอนกประสงค์ของเรย์+เร

    ลำดับตอนที่ #19 : ห้องทำงาน - การประลองกับเจมิไน ฟอเรนจ์

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 53


                    ร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวสีดำสนิทแซมแดงเปลวเพลิงย่างก้าวไปที่บ้านกระจกเงาอย่างกระวนกระวายใจ มือเรียวหิ้วย่ามสีดำใบหนึ่งติดมือมาด้วย ที่นั่นคือลานประลองของเขา เขาคงไม่กระวนกระวายขนาดนี้...ถ้าไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ของเจมิไนมาก่อนเลย! ให้ตายสิ...จะสู้ยังไงล่ะนี่ สมองกลวง ไม่มีแผนอะไรในหัวเลย ปัดโธ่!

                    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                    นิ้วเรียวยาวเคาะลงบนประตูก่อนจะแนบหูเข้ากับประตู เมื่อรู้สึกว่าไร้เสียงตอบรับแน่ๆแล้วจึงเคลื่อนมือจากประตูแล้วบิดลูกบิดเปิดเข้าไปข้างใน...

                    ว่างเปล่า

                    สรุปว่าเจมิไนยังไม่มา...ต้องรอสินะ ขอบคุณมากเลยครับคุณเจมิไน

                    เขาตัดสินใจเดินสำรวจสถานที่โดยรอบก่อนเพื่อความได้เปรียบ แต่แค่เดินไปไม่กี่ก้าว กระจกรอบข้างก็สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆชวนปวดขมับ ร่างสูงทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วแขวนย่ามไว้กับผนังด้านหนึ่งโดยไม่ทันหยุดคิด เขาหันกลับมานวดขมับอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ประโยคหนึ่งจะดังขึ้นในหัว

                    กระจกจะสลับเปลี่ยนหมุนไปเรื่อย ๆ ยากแก้การคาดเดา

                    ...เอาแล้วไง

                    เขารีบหันขวับกลับไปยังบริเวณที่แขวนย่ามไว้ทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กระจกหมุน ย่ามผ้าร่มสีดำหายลับตาไปพร้อมกับกระจกเงาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป

                    “เฮ้ยยยยยยยย”ชายหนุ่มร้องเสียงหลงพลางเบิกตากว้าง ย่ามนั่นเป็นย่ามที่เขาใส่ปืนกลมา ไม่มีอาวุธแล้วเขาจะสู้ยังไง!!!

                    เสียงประตูเปิดดังขึ้นเบื้องหลัง เรย์จิเบิกตากว้าง ไวเท่าสมองแล่น เขารีบวิ่งเข้าฝาผนังแล้วดีดตัวขึ้นกระแทกกระจก เท้าข้างหนึ่งถีบตัวส่งออกจากผนังกระจกไปในขณะที่เท้าอีกข้างตวัดเตะอาวุธในมือเจมิไนกระเด็นไปที่พื้น ดวงตาสีแดงเพลิงตวัดไปที่อาวุธนั้นทันทีที่เท้าแตะพื้น นั่นมัน...มีด...ไม่สั้น =[]=!!!

                    มีดบ้าอะไรยาวเป็นวา~~~~~ (เรย์จิช็อควะครับ)

                    “หืม?”เจมิไนเพียงส่งเสียงในลำคอพลางเลิกคิ้ว เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มซอยไล่ระดับพลิกตัวเข้าคว้ามีดอย่างรวดเร็วในขณะที่เรย์จิกำลังตะโกนก้องใส่วงเวทย์สีเพลิงที่ร่ายค้างไว้กลางอากาศ

                    “ท่านหญิงเรเน่! ข้าขอยืมดาบท่านก่อน!!”ชั่วขณะที่มีดยาวนั้นจะหั่นเข้าคอของเรย์จิ ร่างสูงก็ทรุดฮวบลงกับพื้นแล้วกลิ้งไปรับดาบเงินยาวที่มีด้ามจับสีน้ำเงินประดับทองมาไว้ในมือ เจมิไนตวัดมีดกลับมาอีกครั้ง เขาจึงได้แต่เหวี่ยงตัวกลับมาแล้วตวัดดาบเงินเข้าป้องกัน

                    เคร้งงงง

                    เรย์จิสบัดดาบก่อนจะกลิ้งหลบแล้วลุกขึ้นยืน เขาลองควงดาบเพื่อให้ชินมือ...ไม่ได้จับดาบมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย จะให้เอาดาบเงินไปฟัดให้บิ่นเล่นเพราะมีดยาววานึงก็กระไรอยู่...หนี้เก่ายังใช้พวกกรอสเซียร์ไม่หมดเลย เขาไม่คิดจะสร้างหนี้ใหม่ด้วยการทำดาบประจำตำแหน่งของแม่ทัพแวร์วูฟพังหรอก...

                    “ลอบกัดนี่ครับ...เรย์ซัง”เจมิไนยิ้มเลือดเย็นในขณะที่เรย์จิหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง...

                    ...ลอบกัดที่ไหนต้องยืมดาบชาวบ้านเขากะทันหันแบบนี้

                    “งั้นก็ลองซึ่งๆหน้าสิครับ”เรย์จิพูดตอบไม่ทันขาดคำ เจมิไนเพียงแค่ยิ้มอย่างที่เคยทำก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งเข้าปะทะกันด้วยความเร็วสูง แต่ด้วยความที่เรย์จิไม่ต้องการทำดาบชาวบ้านเข้าเป็นรอย เขาจึงไม่ค้างการปะทะแรงนั้นไว้นาน ดาบเงินถูกเหวี่ยงปะทะเข้าตามจุดอื่นๆของร่างกายแต่เจมิไนก็รับดาบได้ทุกครั้งไป คงเป็นเพราะด้วยความที่ไม่ได้จับดาบนาน...ท่าที่ใช้เลยมีแต่ท่าพื้นฐาน เรย์จิคิดพลางกัดฟันกรอด...ไอ้กระจกบ้าเอ๊ย เอาปืนกลคืนมานะเว้ยยย ถ้ามีปืนอยู่ตรงนี้ล่ะก็ ทันใดนั้นก็มีความคิดบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัว เขาไม่ถนัดอาวุธประชิดตัว ถ้าได้อะไรที่เป็นอาวุธซัดมานะจะใช้ง่ายกว่า...ต่อให้ไม่ใช่ปืนก็เถอะ ว่าพลางเขาก็เหวี่ยงดาบเงินนั้นกลับขึ้นไปบนวงเวทย์ก่อนที่มันจะปิดตัวลงแล้วกระโดดเลี้ยวเข้าห้องข้างๆเพื่อหลบเจมิไนชั่วคราว ในจังหวะที่เจมิไนจะก้าวตามมานั้นกระจกก็หมุนเปลี่ยนทำให้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ถึงจะโล่งอกขนาดไหน...แต่ก็อดหวั่นๆใจกับเสียงด่าที่ก้องเข้ามาในโสตประสาทอยู่ดี

                    “วันหลังน่ะ...ถ้าจะเขวี้ยงดาบขึ้นมา ช่วยกะองศาแบบเห็นใจสุภาพสตรีที่กำลังจิบชาอยู่ได้มั้ยยะ!!!...ไม่ด่าคงไม่ใช่เรเนดีน เรย์จิถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะร่ายวงเวทย์วงใหม่ขณะนั่งพัก อีกไม่นานเจมิไนคงตั้งสติได้แล้วคงตามมาถูก เขาจะเสียเวลามากไม่ได้ ทันทีที่เปลวเพลิงลุกโชติช่วงทั่ววงเวทย์ เขาก็ตะโกนลงไปในวงเวทย์อีกครั้ง

                    “เรย์! ขอยืมมีดสั้นกับแหวนหน่อย!!”อย่าเพิ่งตกใจ...เขาไม่ได้เรียกตัวเอง เขาเรียกเรย์ กรอสเซียร์...หนึ่งในเจ้าหนี้เก่าของเขาและลูกพี่ลูกน้องของท่านหญิงคนเมื่อครู่ ไม่นานนักมีดดีบุกบางเฉียบ 2 เล่มกับแหวนเงินที่มีหัวแหวนรูปสามเหลี่ยมก็ถูกส่งมา เรย์จิรีบคว้าแหวนมาสวมไว้ก่อนจะควงมีดดีบุกอย่างพิจารณา...เรย์มันคิดยังไงเอาดีบุกมาทำมีดเนี่ย ตกทีมีแตกแน่ๆ แล้วยังจะบางซะ...

                    “รู้สึกจะหมดเวลาซ่อนแอบแล้วนะครับ...เรย์ซัง”เจมิไนส่งเสียงมาก่อนตัว เรย์จิตั้งท่าเตรียมพร้อมก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเจมิไนด้วยรอยยิ้มเหี้ยม คงจะมึนกับกระจกเงาอยู่นานล่ะสิท่า...ถึงมีสภาพมาแบบนี้ หึหึ

                    “หมดเวลาได้ไง...ผมยังไม่ได้เริ่มเล่นเลย”ว่าแล้วเขาก็หัวเราะ แต่เจมิไนกลับตีสีหน้าเครียดและกำชับมีดในมือแน่น

                    “หมดเวลาสนุกแล้วล่ะ...ข้าไม่ใช่เจมิไนที่เจ้ารู้จักอีกต่อไปแล้ว”เสียงเหี้ยมเกรียมเล็ดลอดออกมาทำให้เรย์จิแอบเสียวสันหลังวาบนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังควงมีดเล่นอย่างเป็นสุข

                    “งั้นก็เข้ามาสิท่านเจ...จะยืนเก๊กอยู่ทำไม”เรย์จิพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ในเมื่อท่านเจจะเอาจริง เขาจะปลุกโหมดเอาจริงขึ้นมาบ้างจะเป็นไร? เจมิไนพุ่งเข้ามาพร้อมมีดในมือหวังเอาชีวิต เรย์จิเหน็บมีดไว้ข้างเอวก่อนจะกดสลักหัวแหวนที่ยืมเขามาแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไป 2 จังหวะ ทันใดนั้นก็มีเหล็กกล้าพุ่งออกมาจากมุมหนึ่งของสามเหลี่ยมแล้วแผ่ออกเรียงตัวเป็นโล่กลมแข็งแกรงกันมีดไว้ได้ทันเวลา โดยที่ไม่ต้องขยับหนีหรือถอยหลังไปทรงตัวแม้แต่นิด...เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เรย์จิยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ แหวนของเรย์นี่มันน่าขโมยมาใช้ถาวรจริงๆ...ออพชั่นแต่ละอย่างได้ใจทั้งนั้น เจมิไนถอยกลับไปตั้งหลักชั่วครู่ก่อนจะพุ่งเข้ามาใหม่เมื่อแหวนคืนสภาพกลับจากโล่พอดี เรย์จิกระโดดหลบแล้วหมุนสลักแหวน 3 จังหวะรวด หน้าไม้ขนาดพกพาสำหรับยิงเข็มพิษก็เด้งขึ้นมาพร้อมกับถุงมือเหล็กยาวถึงศอก เขาก้มหลบมีดยาวเป็นวาของเจมิไนที่พุ่งมาในจังหวะเผลอได้แบบเฉียดๆในขณะที่มือก็บรรจุเข็มพิษลงในหน้าไม้ เจ้าของเรือนผมยาวสีดำแดงสบถออกมาเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเขวี้ยงมีดเล่มที่ 1 ออกไปเปลี่ยนพิกัดของมีดเล่มใหญ่ยักษ์ของเจมิไนที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง...แล้วมีดดีบุกเล่มบางก็แตกกลางอากาศ เรย์จิกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ...หนี้เพิ่มแล้วไง แต่มันก็เปลี่ยนพิกัดของมีดยาวออกไปได้เล็กน้อย ยังดีเวลากว่าต้องคอยกระโดดหนีนิดนึง เมื่อเตรียมเข็มพิษพร้อมเขาก็กระโดดหลบมีดยาวแล้วปามีดสั้นอีก 1 เล่มที่ยังเหลืออยู่สวนกลับไป แน่นอนว่ามันต้องพลาดเป้าด้วยความเร็วระดับเจมิไน...แต่เขาลืมคิดไปว่าผนังมันเป็นกระจก เวลาพลาดเป้ามีดมันไม่ปักคาผนัง...

                    เพล้งงงงงงงงงง

                    ...มันจะกระแทกกะจกแตกแล้วหล่นลงมาแตก(โลกนี้ช่างมืดมน) เสียงดีบุกแตกมันชวนปวดตับดีจริงๆ ชาตินี้ใช้หนี้เจ้าพวกกรอสเซียร์ไม่หมดแน่ โฮกกกกก ว่าแล้วเข้าก็ลั่นไกหน้าไม้ เข็มพิษจำนวนหนึ่งถูกยิงต่อกันเป็นสายคล้ายเวลาใช้ปืนกลสาดกระสุน ไม่มีปืนกล ใช้หน้าไม้กล(?)แทนก็ได้! เจมิไนหลบอย่างรวดเร็วกว่าสายตาจะมองเห็นได้ทำให้เรย์จิระลึกได้อีกครั้งว่าอยากได้ปืนกลกลับคืนมามากกว่า ประลองครั้งนี้มันนัดเสียตังฟรีชัดๆ! เมื่อเจมิไนหันกลับมาเตรียมอาฆาตเขาอีกครั้ง เรย์จิถึงกับกัดฟันกรอด...ไม่รู้รึไงว่าเขาเกลียดการใช้พลังตัวเอง แต่งานนี้...ถ้าไม่ใช้...แสงอาทิตย์เที่ยงคืนคงเหลือแต่ชื่อเพราะนักฆ่าไร้เงานี่แหละ!!! เรย์จิยืนสงบนิ่งชั่วขณะแล้วจ้องมีดยาวเขม็ง เมื่อเจมิไนพุ่งเข้ามาอีกครั้งเขาก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ ทันใดนั้นเปลวไฟสีชาดก็ลุกพรึ่บท่วมตัวเรย์จิก่อนที่มันจะพาตัวเรย์จิล่องหนหายไปเสียดื้อๆ เจมิไนหยุดการกระทำทั้งหมดในทันใด...กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะเพ่งจิตทั้งหมดไปไว้ที่โสตประสาท แต่นอกจากหูเขาจะไม่ได้ยินเสียงที่แสดงถึงความเคลื่อนไหวใดๆแล้ว เขายังรู้สึกร้อนขึ้นทุกขณะ หยาดเหงื่อผุดพรายขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ทันสังเกต ไม่นานนักร่างทั้งร่างของเจมิไนก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อโดยที่ไร้วี่แว่วการปรากฏตัวของเรย์จิ เขาสามารถโจมตีที่เงาของเรย์จิได้...นั่นเป็นความสามารถพิเศษขอองนักฆ่าไร้เงาอย่างเขา แต่เวลาที่เรย์จิล่องหนแบบนี้ แม้แต่เงาก็ไม่เหลือให้เขาได้โจมตีเลย แต่แล้วก็มีเสียงเสียงหนึ่ง...เสียงที่จับหาตำแหน่งที่มาของเสียงไม่ได้พูดขึ้น

                    “มีคนเคยบอกผมไว้...ว่าถ้าต้องจัดการคู่ต่อสู้ในบ้านกระจกแบบนี้ ให้อบคู่ต่อสู้จนขาดน้ำแล้วย่างสดมันซะ ยังไงๆความร้อนจากไฟก็ทำอะไรผมไม่ได้ แต่...ให้เล่นถึงชีวิตผมคงโดนท่านเฟย์เชือดเอา”เสียงของเรย์จิในยามนี้ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นเพื่อกวนประสาทเจมิไนโดยเฉพาะ เจมิไนถูกอบมานานพอสมควรแล้ว และเขาก็รู้ตัวว่ากำลังจะหมดสติในไม่ช้า ถ้าเรย์จิไม่ต้องการย่างสดเขา...แล้วเรย์จิจะเอายังไงกับเขากัน?

                    ชั่ววินาทีที่กระจกสับเปลี่ยนคือจังหวะที่เจมิไนกำลังโงนเงนเต็มทน แต่แล้วกระจกที่มาแทนที่กลับไม่เหมือนกระจกใบอื่นๆ สำหรับเรย์จิมันคุ้นตาเป็นอย่างดี...เพราะบนกระจกนั้นมีย่ามผ้าร่มสีดำแขวนอยู่! เท่านั้นเองก็เกิดไฟลุกพรึ่บกลางอากาศก่อนที่เรย์จิจะพุ่งทะยานออกมาหวังจะคว้าย่ามนั้นไว้ กระจกที่นี่สับเปลี่ยนได้เกินคาดเดาดีจริงๆ นึกว่าจะหายไปตลอดกาลซะแล้ว เจมิไนใช้แรงเฮือกหนึ่งเขวี้ยงมีดมาหวังจะหั่นเรย์จิขาดเต็มที่ เรย์จิกลิ้งหลบ...เผาย่ามผ้าร่มไหม้เป็นธุลีคามืออย่างรีบเร่งแล้วสาดกระสุนยางที่อัดมาไว้เพื่อการประลองนี้โดยเฉพาะใส่เจมิไนรัวๆ งานนี้ต่อให้ว่องขนาดไหนก็ไม่พ้นวะครับ! เพราะกลัวมาตั้งแต่ก่อนแข่งเนื่องจากไม่เคยห็นผลงานเจมิไน เรย์จิเลยแบก M-60 สุดที่รักมาใช้...ถ้าหายไปจริงๆนี่จิตตกตลอดกาลเลยนะนี่ เรย์จิไม่หยุดยิงจนกระสุนสายที่พกมาหมด...เขาเดินอย่างไม่ค่อยวางใจไปที่เจมิไน ร่างทั้งร่างของเจมิไนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและเหงื่อชุ่มโชก เรย์จิลองใช้เท้าเขี่ยๆดูว่าเจมิไนยังมีสติลงเหลือมั้ย แต่เพื่อความมั่นใจ...เขากดสลักหัวแหวนแล้วบิด 3 จังหวะ เมื่อชุดยิงเข็มพิษมาพร้อมอีกครั้ง เขาเลือกหยิบเข็มยาสลบขึ้นมาแล้วฝังเข็มลงที่ข้อมือเจมิไน งานนี้...ถ้าสติยังเหลือรอดก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้ว เรย์จิยืดตัวขึ้นแล้วปาดเหงื่อ ที่เหลือก็คือหาทางกลับออกจากที่นี่...ไม่มีอะไรมาก

                    แต่เสร็จงานนี้...กลับแดนแวร์วูฟเมื่อไหร่ โดนชาร์ตค่าซ่อมบำรุงอาวุธของพวกกรอสเซียร์ยาวแน่!

    ป.ล.แอบแก้เล็กน้อยครับ อะหึ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×