ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Forgive me,, [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 52


    บทนำ
     
    “ท่านแม่...” เสียงใสของเด็กน้อยสั่นเครือ มองร่างสตรีผู้ไร้ซึ่งวิญญาณ เส้นผมตรงสีดำขลับซึ่งเคยล้อมกรอบใบหน้างดงามบัดนี้ยุ่งเหยิง ร่างกายไร้ซึ่งอาภรณ์อาบเลือดแดงฉานตัดกับผิวขาวละเอียดราวกับถูกสร้างสรรค์จากสรวงสวรรค์
     
    ร่างเล็ก ๆ ทอดมองมารดาของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตา.. แววตาดำขลับพร่ามัวเอ่อน้ำใสคลอ ริมฝีปากแดงเม้มแน่นด้วยรู้ว่าเกียรติของตนนั้นไม่สมควรแสดงความอ่อนแอให้ผู้ใดเห็น แม้จะสนิทชิดเชื้อกันมากเพียงใดก็ตาม
     
    “นางเสียชีวิตแล้ว.. เจ้าชายรีบเสด็จเถิด อีกไม่นานพวกมันคงตามทัน” องครักษ์ร่างสูงบอกด้วยเสียงนิ่ง มองกลับไปยังทางที่เดินมาด้วยอาลัยอาวรณ์ทหารสนิทหลายนายที่คอยระวังคุ้มกันหลังให้ ด้วยรู้ว่าไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว ...มองดูหญิงสาวที่ตนรับใช้มานานนับปี.. บัดนี้เขาไร้ซึ่งหน้าที่ในราชสำนักแล้ว!
     
    “ข้าจะไปหาเสด็จพ่อ ขอกำลังทหารตามหาตัวพิรุฬห์” สองมือเล็กกำแน่นด้วยความอัดอั้นตันใจ... เพียงเพราะพระขนิษฐภคินีของพระองค์มีพระฉวีสีขาวนวลราวไข่มุกเนื้อดี... พระมารดามีผิวสีขาวนวลลออส่องสว่างยามต้องแสงอาทิตย์... ต้องทำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?.... ต้องทำร้ายพวกเราถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?....
     
    “เปล่าประโยชน์ เจ้าชายน้อย.. ท่านก็รู้ว่าพวกมันหัวรุนแรงเพียงใด.. หากท่านกลับไปข้าเกรงว่าท่านจะถูกจับไปบูชายัญดังเช่นพระมารดาและเจ้าหญิงพิรุฬห์” องครักษ์กล่าวท้ายเสียงแผ่วลง... นึกถึงเจ้าหญิงองค์น้อยที่แสนเฉลียวฉลาด จนบัดนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร... กฎเกณฑ์บ้านเมืองอะไรกัน... สังเวยชีวิตเผ่า ‘ปาณฑรา’ เพียงเพราะสีผิวขาวละเอียดแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป จนคนผิวขาวแทบสาบสูญ....
     
    “แล้วจะให้ข้าไปที่ใด ? ..บัดนี้ข้ากลายเป็นเจ้าชายผู้ไร้ซึ่งแผ่นดินอยู่แล้วหรือ ?” ..เสียงใสถามสั่นเครือ... เจ้าชายน้อยมีพระชนมายุเพียง ๕ พรรษา มีความสุขกับครอบครัวได้เพียงไม่กี่ปี กลับถูกพวกชาตินิยมทำลายความสุขเล็ก ๆ นั่นเสียจนแหลกลาญ ประสบการณ์ของพระองค์เองยังน้อยนิด กลับต้องเจอปัญหาใหญ่และหนักอึ้งเกินกว่าเจ้าชายองค์น้อยจะรับไหว องครักษ์หนุ่มตัดสินใจอย่างรวดเร็วก่อนเอ่ยรวบรัด
     
    “...ข้าจะพาท่านไปยังเผ่า ‘ภุชิสส์’” เจ้าชายองค์น้อยเบิกตาโต ด้วยรู้ว่ากิติศัพท์ของเผ่าภุชิสส์ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดและไม่ภัคดีต่อฝ่ายใดทั้งสิ้น.. วังหลวงเคยส่งทหารไปกำราบหลายครั้งแต่ไม่สามารถเอาชนะได้ แม้จะส่งทูตไปเจรจากลับไร้สาสน์ตอบ อีกทั้งบางเพลาทูตที่ส่งก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ...ชาวบ้านเชื่อว่าฑูตที่หายสาบสูญถูกชนเผ่าภุชิสส์ฆ่าทิ้งเสียแล้ว
     
    “ด้วยเกียรติของนักรบข้าเคยสัญญาว่าจะปกป้องนาง หากแต่วันนี้ข้าไม่เหลือสิ่งใดให้ปกป้อง.. ข้าจึงอยากรักษาสิ่งที่เหลือเอาไว้ให้ดีที่สุด เมื่อถึงวันที่ท่านสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย... ข้ายินดีจะตามไปรับใช้นางเมื่อนั้น” สิ้นคำมั่น องครักษ์ร่างสูงโอบอุ้มเจ้าชายโดยทิ้งร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวที่ตนเคยรับใช้ไว้ข้างหลัง
     
    เจ้าชายผู้ไม่ใช่เจ้าชายอีกต่อไปทอดมองร่างมารดาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น จมูกได้กลิ่นคาวเลือดของมารดาบนชุดองครักษ์ผู้แสนภัคดี ...เมื่อเขาไม่ใช่เจ้าชายแล้ว ใยจึงต้องเก็บความเจ็บปวดไว้กับตนอีกต่อไปเล่า ?...
     
    น้ำตาที่เอ่อล้นจากดวงตากลมไหลพราก กับเสียงสะอื้นราวจะขาดใจของเจ้าชายองค์น้อยทำให้ร่างสูงที่โอบอุ้มรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่ากัน....
     
    ชาวเมืองของพวกเขามีสีผิวแทน หรือน้ำผึ้ง ทุกคนดูถูกเหยียดหยามผู้มีผิวขาวสะอาด และทำลายผู้มีผิวขาวโดยการอ้างว่าเพื่อบูชาเทพเจ้า สรรเสริญให้บ้านเมืองรุ่งเรือง... น่าขันที่กษัตริย์ของพวกเขากลับตกหลุมรักหญิงผู้มีผิวขาวสว่างอย่างสุดหฤทัย... และคิดจะแต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี.. แต่กลับถูกพวกชาตินิยมลักพาตัวออกมาเสียก่อน เจ้าชายองค์น้อยที่เกือบจะได้ขึ้นแท่น ‘เจ้าชายรัชทายาท’ มีอันต้องตกไป..
     
    กษัตริย์ไพรัญย์สวรรคตหลังจากนั้น ๑๖ ปีให้หลัง มีพระโอรส ๔ พระองค์ พระธิดา ๔ พระองค์ เจ้าชายรัชทายาทต่างถูกปลงพระชนม์ จนไร้ซึ่งเจ้าชายรัชทายาทรับช่วงต่อ ...สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองอันไร้ซึ่งจุดศูนย์กลาง หากแต่ยังโชคดีที่พระโอรสองค์ที่ ๒ รัชทายาทอันดับที่ ๓ ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงต่างเมืองและตัดสินพระทัยกลับมารับช่วงต่อจากพระบิดา
     
    กษัตริย์อริญชย์ขึ้นชื่อเรื่องความเมตตาธรรม เป็นที่รักของประชาชน มีโอรสเพียง ๑ พระองค์คือเจ้าชายอนาวิล กษัตริย์องค์ใหม่มีพระชนมพรรษาห่างจากเจ้าชายน้อยหลายพรรษานัก
     
    เจ้าชายอนาวิลเติบใหญ่ขึ้นด้วยความสำราญ มีหญิงสาวในตำหนักหลังร่วมร้อยคน.. เวลาเดินทางจึงล่าช้าด้วยเหตุสนมแต่ละนางนั้นมีนางกำนัลส่วนตัวอีก ๒-๓ คน และมีสมบัติติดตัวมากมาย...
     
    “ท่านจะไปร่วมงานสถาปนากษัตริย์อริญชย์หรือ ?” อดีตองครักษ์ถามด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง.. ร่างสูงใหญ่มีผิวสีเข้มขึ้น ขับให้ผู้มีผิวสีอ่อนกว่าดูโดดเด่นยามอยู่เคียงข้างกัน
     
    “อืม.. ท่านพี่เชิญข้าทั้งที.. เขาคงต้องการกำลังรบของเรา” อดีตเจ้าชายผู้ซึ่งกำลังหวนกลับเป็นเจ้าชายอีกครั้งตอบรับ ใบหน้าสวยอย่างบุรุษเพศมีแววครุ่นคิดก่อนเอ่ยต่อ..
     
    “ข้าคิดจะสวามิภักดิ์ต่อท่านพี่” ..คำพูดซึ่งอดีตองครักษ์ไม่คิดว่าจะได้ยินเอื้อเอ่ยออกจากริมฝีปากบาง.. เขาอดคิดไม่ได้ว่านายน้อยของเขามีแผนการยิ่งใหญ่ที่แอบแฝง..
     
    “เช่นนั้นหรือ.. หากเขาตลบหลังเราขึ้นมาล่ะ ? วังหลวงไม่ไว้ใจท่าน ข้าคิดเช่นนั้น..” ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเมื่อได้ยินคำถามที่คาดว่าจะต้องถาม ก่อนเอื้อเอ่ยเสียงเหี้ยม..
     
    “...ข้าก็จะกำจัดทิ้ง” …
     
    เผ่าภุชิสส์ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดและไม่ภัคดีต่อฝ่ายใดทั้งสิ้น.. วังหลวงเคยส่งทหารไปกำราบหลายครั้งแต่ไม่สามารถเอาชนะได้ แม้จะส่งทูตไปเจรจากลับไร้สาสน์ตอบ อีกทั้งบางเพลาทูตที่ส่งก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ...ชาวบ้านเชื่อว่าฑูตที่หายสาบสูญถูกชนเผ่าภุชิสส์ฆ่าทิ้งเสียแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×