ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    .Idea Cage.

    ลำดับตอนที่ #41 : terrible but good...?

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 63


    *มีคำหยาบคายนิดนึงค่ะ ตามประสาเพื่อนกันเนอะ ;;w;;



    "อ่า... เฮ้ อย่าทำสีหน้าแบบนั้นสิ นี่ผมมาช่วยนะ ไม่ได้จะมาข่มขู่สักหน่อย"

    "กูว่าปกตินะ นามสกุลกูอะ ยาวตรงไหนวะ"

     

    บท :: F4 

     

    ชื่อ - สกุล :: ทัพพสาร กิตติภัทรคุณากรพัฒนศิริสกุล - Thapphasar Kittiphatkunakornphatanasirisakun

    - ทัพพสาร แปลว่า มีทรัพย์เป็นแก่นสาร

    - กิตติภัทรคุณากรพัฒนศิริสกุล แปลว่า ผู้ได้รับการสรรเสริญจากความดีงามอันประเสริฐอันเป็นสายสกุลที่มีความดีงามและมีความเจริญรุ่งเรือง

     

    ชื่อเล่น :: ทัพ - Thap

     

    อายุ :: 18ปี

     

    รูปร่างลักษณะ :: 

    ถึงแม้ว่าชื่อของทัพ จะเป็นชื่อไทยแท้ ๆ ทว่าอันที่จริงแล้ว ทัพเป็นถึงลูกครึ่งคนอเมริกันเชียวล่ะ แม่ของเขาเป็นคนอเมริกัน บวกกับทางบ้านของเขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างร่างสูงใหญ่อยู่แล้ว นั่นทำให้ทัพมีส่วนสูงถึง 188 เซนติเมตร และน้ำหนักอีก 78 กิโลกรัม พ่วงมาด้วยกล้ามเนื้อประปรายเต็มตัว มันยิ่งทำให้เขาดูเหมือนกับนักเรียนนักเลงอันป่าเถื่อนไร้คุณธรรม (...) ไปใหญ่ หรือมองอีกมุม ตัวเขาก็เหมือนมาเฟียนะ เพราะร่างกายที่สูงใหญ่กว่าเด็กไทยรุ่นเดียวกันทั่วๆไปน่ะ เขารู้ตัวอยู่หรอก ว่าเป็นคนตัวสูงโดดเด่น และติดกำยำจนน่ากลัว อีกทั้งใบหน้าชองเขา ยังค่อนข้างจะดูคมเข้ม ที่มองดูดี ๆ ก็หล่อเหลาเอาการ แต่มองอีกทีก็เหมือนกับยากูซ่าที่กำลังข่มขู่คนอ่อนแอกว่านั้นเลยล่ะ

    ทัพเป็นผู้ชายผิวสีน้ำผึ้ง ไม่ได้ขาวจัดอะไรนัก เรือนผมสีดำขลับยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร ใบหน้าเรียวรูปไข่ และค่อนไปทางคนอเมริกันคือเป็นคนโครงหน้าคม เห็นสันกรามชัด ผิวหน้าเนียนสะอาด แต่ก็แอบมีรอยแผลและรอยฟกช้ำอยู่บ้างเป็นบางครั้ง จมูกโด่งรับกับริมฝีปากกระจับสีแดงเหมือนกลีบกุหลาบคล้ำ ๆ คิ้วสีเดียวกับเส้นผมคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลอมทอง ซึ่งแม้ว่าทัพจะเป็นผู้ชายหน้าตาดี และได้บารมีจากเชื้อพ่อแม่ที่ทำให้เขาเป็นคนตัวสูงใหญ่ (มากเกินไปหน่อย...) แต่ทว่าทัพกลับเป็นคนหล่อในแบบเถื่อนๆเสียมากกว่า---ใช่ เขาไม่ได้หล่อแบบเทพบุตรแสนหวานที่สาวๆฝันถึง แต่สำหรับ เขาก็คงดูเหมือนกับซาตาน หล่อในแบบเถื่อน ๆ และค่อนข้างจะเหมือนนักเลงหัวเป้งจนทำคนเขากลัวตั้งแต่แค่เดินเข้ามาใกล้เลยล่ะ

    ทัพเจาะหูข้างซ้ายข้างเดียว และใส่จิวเหล็กที่เป็นห่วงสีดำเรียบๆเอาไว้ เหตุเพราะทางโรงเรียนคงไม่ต้องการให้เขาใส่อะไรไปมากกว่านี้แน่ ๆ แต่ทัพก็เจาะหูไปตั้งนานแล้วนี่นา... ส่วนในเรื่องของลักษณะการแต่งกายของทัพ ปกติแล้วถ้าไม่ได้อยู่ในรั้วโรงเรียน เขาก็ไม่ค่อยได้สวมชุดเครื่องแบบเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ แต่เขาแค่กลัวว่าจะทำมันเลอะเทอะไปเรื่อยต่างหาก เสื้อผ้าชุดธรรมดา ๆ ของเขาก็หนีไม่พ้นพวกเสื้อยืด ทับด้วยเสื้อฮู้ดสีทึบ ๆ สักตัว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ หรืออาจจะเป็นชุดวอร์มแบบเรียบ ๆ อะไรทำนองนี้ ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยว่าทัพไม่ค่อยได้แต่กายหลากหลายสีสันเท่าไหร่ เขาเป็นพวกที่ไม่ค่อยมีสไตล์อะไรนัก หยิบจับอะไรได้ก็ใส่ ๆ ไปเถอะ แค่มันไม่ดูน่าเกลียดหรือผิดกาละเทศไปก็พอแล้วล่ะ

    *อนึ่ง บาดแผลและรอยฟกช้ำนั่น ได้มาจากความซุ่มซ่ามของตัวทัพเอง หรืออาจจะมาจากการฝึกฝนการต่อสู้ในบางครั้ง มันไม่ได้มให้เห็นบ่อยนัก แต่ถ้ามี มันก็เป็นเครื่องเสริมความป่าเถื่อน (?) ของทัพได้ดีเลยล่ะ

     

    ลักษณะนิสัย :: 

    ♣ conceivably

    ทัพเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีบรรยากาศรอบ ๆ ตัวน่ากลัวไม่ต่างอะไรกับพวกมาเฟียคนหนึ่งเลย ด้วยเพราะการที่เป็นคนตัวสูงใหญ่ แถมยังหน้าตาค่อนไปทางคนอเมริกันนิดหน่อยอีก ผู้คนที่ไม่ได้รู้จักเขามักคิดกันไปประมาณว่า ร่างกายแบบนั้นน่ะ มาเฟียชัด ๆ หรือฝ่ามือแบบนั้นน่ะ บีบกระโหลกคนแตกได้เลยนะ (ผู้คนคิดกันไปเองน่ะ ทัพไม่ใช่ยอดมนุษย์นะ ที่จะทำแบบนั้นได้น่ะ...) หรืออย่างสุดท้าย ฝ่าเท้าแบบนั้นคงมีไว้แค่กระทืบผู้คนแน่ ๆ  นั่นทำให้ทัพเป็นพวกที่ถูกมองว่าไม่น่าเข้าใกล้อย่างถึงที่สุด ด้วยเพราะร่างที่สูงใหญ่ ท่าทางดูไม่น่าไว้วางใจ ถึงแม้ว่าจะหน้าตาดี แต่มันก็ดูหล่อแบบเถื่อนๆ เพราะแบบนั้นอย่าไปเข้าใกล้เสียจะดีกว่า แน่นอน... ถึงแม้ว่าหน้าตาของทัพมันจะออกไปทางน่ากลัวแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ใช่นักเลงจริง ๆหรอกนะ ก็แค่ดูเหมือนเท่านั้นเอง แล้วเขาก็รู้ตัวดีด้วย ว่าหน้าตาของตัวเองมันค่อนไปทางคนเถื่อนขนาดไหน แต่ถึงยังไง เขาก็ไม่ใช่คนที่จะแจกยิ้มไปทั่วหรอก นั่นไม่ใช่เพราะเขาหยิ่ง หรือยิ้มไม่เป็น ตัวทัพน่ะ ยิ้มได้ตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่เหตุผลที่ตัวเขาเองเลือกที่จะตีหน้านิ่งไว้เฉยๆไว้มากกว่าจะทำสีหน้าแบบอื่น ๆ นั่นมันก็เพราะถ้าเขายิ้ม พอหลอมรวมกับใบหน้าขรึม ๆ น่ากลัวนั่น มันก็ยิ่งทำให้ดูเหมือนกับว่าเขาแสยะยิ้มน่ะสิ---ใช่ ปกติแล้ว รอยยิ้มของทัพมันดูเก้ ๆ กัง ๆ ไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้ดูเหมือนรอยยิ้มของฆาตกรอะไรแบบนั้นเลยล่ะ เป็นอะไรที่...หลาย ๆ คนพากันถอยห่างไปได้เลยทีเดียว  เขาน่ะดูน่ากลัวมากทีเดียวหากมองจากภายนอก ไม่ใช่น่ากลัวในทางที่ว่าเหมือนเขาเป็นพวกติดยาหรือมีคดีฆ่าฟันอะไรหรอกหากแต่เพราะความที่การแสดงออกเหมือนกับไม่ต้องการผูกมิตรกับใคร ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่ง (ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอก.. ทัพน่ะ เป็นมิตรจะตาย) และถึงจะเป็นแบบนั้นขณะเดียวกันเขากลับดูมาดเท่ แบดบอย เยือกเย็นจนทำเอาสาว ๆ กรี๊ดได้เหมือนกันล่ะนะ แต่คนส่วนมากก็ไม่ได้อยากเข้าหาเขานักหรอก...

    การที่เป็นแบบนี้ มันก็ทำให้ทัพเหนื่อยใจกับตัวเอง และคนอื่น ๆ เหมือนกันนะ... จะว่าไงดีล่ะ ทำอะไรใครเขาก็กลัวและคิดว่าตัวเขากำลังทุบทำลาย ก่อเรื่อง สร้างความวิบัติไปหมด ทั้ง ๆ ที่บางครั้งเขาก็แค่อยากเข้าไปช่วยเท่านั้นเอง... ใช่เลย สรุปได้เลยล่ะ ว่าคนอย่างทัพน่ะ จะทำอะไรก็ดูน่ากลัวจนคนเขาเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว สีหน้าของเขายามปกติมันก็ดูเคร่งเครียดมืดมนไปเองอยู่แล้ว ไหนจะเวลายิ้มอีก เขาเป็นพวกที่ไม่มั่นใจในใบหน้าตัวเองเพราะใครๆต่างก็กลัวเขานี่แหละ ทัพจึงเป็นพวกที่ยิ้มได้ตลกมาก เก้ ๆ กัง ๆ สุด ๆ เลยล่ะ มันจึงทำให้เหมือนกับว่า เขากำลังแสยะยิ้มอยู่... อ้อ ส่วนเรื่องคำพูด--- น้ำเสียงของทัพมันทุ้มต่ำ และติดแหบไปหน่อย นั่นก็ยิ่มเพิ่มความน่ากลัวเลยล่ะ ภาพรวมแล้ว ทัพเป็นพวกที่มีภาพลักษณ์น่ากลัวอยู่นะ แค่เดินเฉียดไปใกล้ ใครๆก็คิดกันไปว่าเขาปล่อยรังสีกดดันมา (ทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่ใช่ บางครั้งทัพก็แค่มองเด็กสักคนเพราะน่ารักเฉย ๆ แต่เด็กดันร้องไห้ซะได้...) ยังไงก็ตาม ที่ว่ามาทั้งหมดนั่นน่ะ ภาพลักษณ์ล้วนๆเลย ถ้าใครได้รู้จักกันจริง ๆ ก็จะเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ว่าทัพแค่มีสีหน้าทะมึนๆตลอดเวลา เสียงต่ำไปเอง แล้วก็..ตัวใหญ่ตามสายเลือดเท่านั้น เพื่อนของทัพ ไม่มีใครกลัวเขา เว้นแต่คนอื่น ๆ นั่นแหละ...

    ♣ kind

    ภาพลักษณ์ของทัพอาจจะดูไม่น่าเข้าใกล้เสียหน่อย แล้วตัวเขาก็มักจะทำให้ใครเข้าใจผิดได้บ่อยๆ ทั้งเรื่องที่ตั้งใจจะช่วยเด็กหลงทาง กลับถูกคิดว่าลักพาตัวเด็ก เพราะการอุ้มที่แบกขึ้นบ่า วงแขนแกร่ง และสีหน้าที่น่ากลัวแบบนั้นนั่นเอง แต่ช่างเรื่องเข้าใจผิดพวกนั้นไปก่อนเถอะ ถ้าจะพูดกันจริงๆแล้ว คนที่รู้จักทัพดี ก็มักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไอ้ทัพน่ะ มันเป็นคนดีนะเว้ย อย่าไปสนใจภาพลักษณ์มันดิ มันหล่อนะ แต่มันแค่ดูเถื่อนไปนิดเดียวเอง" อะไรแบบนั้นเลยล่ะ ซึ่งมันก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินเลยอะไรหรอก เพราะทัพน่ะ เป็นคนใจดีมาก ๆ เลยล่ะ อีกอย่าง เขาน่ะเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ เลยด้วยนะ เพียงแต่ที่เห็นนิ่ง ๆ  ไม่ค่อยช่วยเหลือคนอื่นให้เห็นบ่อยๆ นั่นก็เพราะภาพลักษณ์ของเขามันออกจะน่ากลัวมากกว่าจะสบายใจน่ะสิ และทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้บ่อยๆด้วยนั่นแหละ เพราะแบบนั้น ทัพจึงเลือกที่จะใช้วิธีอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นการพยักพะเยิดให้เพื่อนข้างกายเขาเข้าไปช่วยคนนั้นคนนี้แทน หรือหาวิธีช่วยทางอ้อม หรือวิธีสุดท้าย ก็คงเป็นการเฝ้ามองห่าง ๆ แล้วช่วยเหลือลับหลัง และยามคับขันจริง ๆ นั่นแหละ ซึ่งนั่นน่ะ ไม่ได้หมายความว่าเขาหมางเมินหรอกนะ เขาเฝ้ามองอยู่เสมอเลยล่ะ สำหรับคนที่เดือดร้อน มักจะพยายามลุกลี้ลุกลนอยู่เงียบๆแล้วหาทางช่วยอยู่จริง ๆ ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกให้เห็นโต้ง ๆ ก็ตาม เขาก็แค่ไม่มั่นใจในหน้าและรูปร่างของตัวเองพอที่จะวิ่งเข้าไปหาตรงๆน่ะสิ จากเจ้าชายขี่ม้าขาวจะกลายเป็นซาตานบินโฉบมาพรากชีวิตเข้าไปหาเอาได้นะ

    ทัพเป็นพวกที่แบ่งปันคนอื่นได้เสมอ แต่ก็ไม่ได้เสนอให้ใครเขาไปทั่วหรอก อย่างเรื่องขนม เขาก็มักเลือกที่จะทักคนรู้จักหรือเพื่อนสนิทซะมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นหน้า หรือคนที่ไม่สนิท เพราะอะไรน่ะเหรอ--- ก็เพราะถ้าไปทักคนอื่นเข้า มันก็อาจจะทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเขาใส่ยาพิษเข้าไปแล้วให้คนอื่นกินน่ะสิ หน้าตาเขามันดูเถื่อนโฉดชั่วขนาดนั้นเลยล่ะ แต่ถ้ากับเพื่อนแล้วล่ะก็ ทัพสามารถแบ่งปันได้มากจริง ๆ นะ อีกอย่าง ทัพเป็นพวกที่ติดหัวโบราณอยู่เล็กน้อย ทั้งความเชื่อสมัยเด็กๆ อย่างเช่น ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน เพราะผีจะมาเอาตัวไป หรือห้ามเล่นซ่อนแอบตอนหลางคืนนั่นก็เหมือนกัน ไหนจะเรื่องของการให้เกียรติผู้หญิงอีก ทัพเป็นสุภาพบุรุษที่ให้เกียรติคนอื่นเสมอเลยล่ะ ไม่รู้หรอกว่าใครจะคิดยังไงบ้าง แต่เขาก็ถือว่าจะต้องมีมารยาทกับทุก ๆ คนนี่นา แต่...นั่นแหละ เพราะความหัวโบราณ เลยอาจทำให้เขาขี้บ่นในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนอนดึกบ้างล่ะ ตัดเล็บบ้างล่ะ ไปไหนคนเดียวบ้างล่ะ สารพัดอย่างเลย

    อีกอย่าง... สำหรับญาติพี่น้องและคนรู้จัก ทัพก็ไม่เคยที่จะลืมพวกเขาเลย พ่อหนุ่มคนนี้มักจะซื้อขนมติดไม้ติดมือเวลาไปบ้านเพื่อน หรือไปเยี่ยมญาติเสมอ ๆ เลยล่ะ นั่นทำให้คนที่ได้สนิทกับเขาแล้ว ชอบเขาไม่น้อยเลย ในเรื่องของความใจกว้าง ช่างแบ่งปัน และอบอุ่นอ่อนโยนเนี่ย ก็แค่...มองข้ามภาพลักษณ์ของทัพไปสักหน่อย คุณก็จะรู้เลย ว่าเขาน่ะ ทั้งใจดี อบอุ่น อ่อนโยน ให้เกียรติ ความจริงใจได้หมด... ทั้งหมดของความดีเลยล่ะ ไหนจะบ่ากว้างน่าพาดพิงนั่นอีก ถ้าไม่กลัวเขาแล้วไว้ใจเสียอย่าง คุณก็สามารถซบไหล่เขาแล้วหลับลงไปได้เลยนะ

    ♣ large body

    ทัพน่ะ เป็นคนตัวใหญ่มากถ้าเทียบกับเพื่อนหลาย ๆ คนในรุ่นเดียวกัน ด้วยความที่เขาเป็นลูกครึ่งนั่นแหละ และเพราะแบบนั้น เพื่อน ๆ เพียงไม่กี่คนของเขา จึงเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากทัพหลาย ๆ อย่าง เช่น ตัวใหญ่นัก แข็งแรงนักใช้ไหม-- ถ้าอย่างนั้น ร่มเงาจากร่างของทัพก็คงกว้างพอที่จะให้เพื่อนหลบได้สินะ--- อ่า ใช่ ทัพมักถูกเพื่อนใช้ให้ยืนนิ่ง ๆ เป็นตอไม้ แล้วคนอื่น ๆ ก็หลบเงาเขาได้อย่างสบายใจเฉิบเลยล่ะ ซึ่งทัพก็ยินยอมจะให้คนอื่นพึ่งพานะ จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่ตัวเองจะสูงปรี๊ดจนโดดเด่นกว่าคนทั่วไปเขามากไปหน่อย แต่ถ้ามันมีประโยชน์จริง ๆ เขาก็พร้อมที่จะให้พึ่งพานั่นแหละ อีกอย่าง การเป็นคนร่างใหญ่มักทำให้ชีวิตของเขาลำบากไปนิดหน่อย ทั้งเรื่องเสื้อผ้า กางเกง หรือจะการเดินทางในบางครั้ง ที่เขาก็กินที่คนอื่นไปบ้าง ถึงมันจะเล็กน้อย แต่เขาก็เกรงใจอยู่ดีนั่นแหละ ทัพจึงเป็นพวกที่ค่อนข้างเขิน ๆ ในส่วนสูง และกล้ามเนื้อของตัวเองไม่น้อยเลย เขาชอบเผลอเดินไหล่ตก ห่อตัวเล็ก ๆ อยู่เรื่อย สร้างบุคลิกให้ดูแย่ไปสักหน่อย ถ้าไม่โดนเอ็ด ทัพก็จะไม่เดินยืดอก ไหล่ตั้งเด็ดขาด เพราะเอาเข้าจริง ๆ ถ้ายิ่งยืดอก ทัพก็ยิ่งดูเป็นคนตัวใหญ่นะ แถมมีรัศมีดีมาก ๆ ด้วย ทว่าเพราะพอเขาอยู่ท่ามกลางคนไทยที่ไม่ได้สูงปรี๊ดแบบเขานี่แหละ เขาถึงได้อาย และเดินห่อตัวไหล่ตกเป็นส่วนใหญ่

    ข้อดีอีกข้อของการเป็นคนตัวใหญ่กว่าใครเพื่อนก็คือการเป็นคนที่กอดแล้วอุ่นที่สุดเลยนะ แล้วอีกอย่าง ทัพไม่ใช่คนเหงื่อออกง่ายด้วย เพราะงั้นรับรองเรื่องความสะอาดได้เลย ทัพไม่ใช่คนตัวเหม็น และออกจะรักษาความสะอาดได้ดีเสียอีกด้วย เพราะแบบนั้น ทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว ตัวทัพก็มักจะเป็นที่พึ่งพาให้เพื่อน ๆ ได้เสมอเลยล่ะ หน้าร้อนเขาอาจจะเป็นร่มเงา แต่หน้าหนาวก็อาจจะเป็นตุ๊กตาหมี (?) คอยให้เพื่อนกอดเล่นนี่เอง 

    อ้อ อีกอย่าง เห็นตัวใหญ่ ๆ แบบนี้น่ะ แรงเยอะ พละกำลังเหลือล้นแบบที่เห็นนั่นแหละ ทัพเป็นคนแรงเยอะถึงขั้นที่ว่าแบกกระสอบข้าวสารพาดบ่าแล้วเดินลิ่ว ๆ เหมือนไม่หนักได้เลยนะ (ขอแทรกนิดนึง---กระสอบข้าวสารกระสอบใหญ่ อยู่ที่ 50 กิโลกรัมค่ะ เปรียบเทียบว่าตาทัพมันบึกบึนแรงเยอะจริง ๆ ถึงได้เดินแบกลิ่ว ๆ หน้าตาเฉยได้เลยน่ะค่ะ ;w;) สรีระร่างกายของเขานั้นจัดว่ากำยำ มีกล้ามเนื้อ สูงโปร่งสมเป็นชายชาตรีอยู่แล้ว การแบกของหนัก ๆ จึงไม่ใช่ปัญหาอะไรของเขานัก รวมไปถึงเรื่องใช้กำลังด้านอื่น ๆ ด้วย เอ่อ... เขาไม่ได้ตะต่อยใครไปทั่วหรอก ก็แค่เป็นคนมีทักษะด้านการใช้พละกำลังติดตัวหลากหลาย แล้วก็ทำได้ดีมาก ๆ เลยเสียด้วยนะ แต่ถึงจะมีทักษะการต่อสู้เยอะยังไง ทัพก็ไม่ได้ไปหาเรื่องต่อยตีกัยใครมั่ว ๆ นะ เขามีมันเอาไว้เพื่อปกป้องตัวเองและคนอื่น ๆ ยามจำเป็นเท่านั้น แต่...ถ้าให้พูดถึงข้อเสียของการแรงเยอะแล้วล่ะก็ มันบ่อยครั้งเลยล่ะ ที่ทัพมักจะเผลอมือไม้หนักไปหน่อยเวลาจะทำอะไร เช่น การเตะบอล ที่ทัพเคยเผลอเตะอัดแรงเดินไปหน่อย ทำเอาเพื่อนทีมตรงข้ามดั้งหักเป็นความผิดติดหัวใจมานานเลยล่ะ แล้วอีกเรื่อง ก็คือตอนที่เขาประดิษฐ์ของช่วง ม.ต้น ที่เขาเขาทำข้าวของตกแต่งแตกเละไปหมด โดยรวมแล้ว การที่เขาเผลอคุมแรงตัวเองไม่ได้นั่นจึงเป็นการสร้างเรื่องให้วุ่นวายตลอดเลยล่ะ แถมยังทำให้คนเขาเข้าใจผิดอีก ว่าทัพเป็นพวกชอบใช้กำลัง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาก็พยายามปรับปรุงตัวเองเรื่องนี้เหมือนกันนะ... พยายามมาตลอดล่ะ ท่าทีของเขาเลยเก้ ๆ กัง ๆ ไปทุกทีเวลาจะหยิบจับอะไร หรือแม้แต่ตอนที่จับตัวคน เขาก็ยังไม่กล้าจับแรง ๆ เลย... (อ้อ แล้วคนอย่างทัพน่ะ ถ้าจะแบกใครล่ะก็ เขาไม่ค่อยอุ้มท่าเจ้าสาวหรอกนะ เขาจับแบกพาดบ่าเลยล่ะ เพราะคิดว่ามันสะดวกกว่า และคล้าย ๆ กับการแบกกระสอบข้าวสารเท่านั้นเอง...)

    ♣ obedient

    อ่า... เห็นที่ผ่าน ๆ มา ก็คงรู้แล้วล่ะ ว่าคนอย่างทัพ หน้าตาดูโหดโฉดชั่วไปหน่อย แต่นิสัยจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีมากนะ พ่วงมาด้วยการเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่ายอีกต่างหาก เขาไม่ใช่เด็กเกเรอะไรนะ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะบ่งบอกไปทางนั้นเอามาก ๆ ก็ตามทีเถอะ ทัพน่ะ เป็นคนที่มีจิตสำนึก แล้วก็มีคุณธรรมในตัวสูงเอามาก ๆ เลยล่ะ เพราะแบบนั้นถึงได้ชอบช่วยหลือผู้อื่น และให้เกียรติคนอื่นเสมอไงล่ะ ทัพเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบถูกบังคับหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่พอจะทำตามได้ เขาก็ทำ อะไรที่ยอมได้ก็ยอม อะไรที่มันไม่ได้หนักหนาเกินไปหรือไม่ควร เขาก็พร้อมจะทำตามเสมอนั่นแหละนะ ทัพเป็นคนที่ไม่ค่อยเถียงใครเสียเท่าไหร่ เพราะเขาน่ะ เป็นพวกที่เถียงใครไม่เป็นเลย ต่อให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูก ยังไงก็กลายเป็นฝ่ายผิดได้อยู่ดี ดังนั้นทัพจึงเลือกที่จะพยักหน้างก ๆ เอาเสียมากกว่า และมักจะชอบตามน้ำคนอื่นไปมากกว่าการออกความเห็น เพราะเขาไม่ใช่เป็นคนที่มีกระบวนการคิดล้ำเลิศเสียเท่าไหร่ จะเรียกว่าโง่ก็ใช่อยู่หรอก แต่เขาก็ไม่ได้โง่ไปหมดซะทุกเรื่องนี่นา เรื่องการเรียนน่ะ เขาล้ำหลังก็จริง แต่ถ้าเกี่ยวกับชีวิตประจำ วันเรื่องจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ ล่ะก็ เขาก็เป็นคนที่ช่ำชองคนหนึ่งเลย

    ถึงแม้ว่าหน้าตาอย่างทัพจะดูเหมือนหัวหน้านักเลงห้าวเป้ง แต่ตัวเขาจริง ๆ เขากลับชอบเดินตามหลังคนอื่นเหมือนหมา (?) มากกว่านะ ...จะว่าไงดีล่ะ เพราะตัวเขาไม่ค่อยชอบเป็นฝ่ายเดินนำล่ะมั้ง นั่นรวมไปถึงเรื่องงาน หรือกิจกรรมอะไรด้วย ทัพไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำเอาซะเลย เขาไม่ค่อยถนัดเรื่องการมองคนแล้วจัดแจงว่าใครควรทำอะไร หรือใครเหมาะกับอะไร ทัพสมองทึบด้านการจัดการคน นั่งจึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาเป็นผู้นำไม่ได้ มีหวังคงได้พาเขาล่มจมหมดแน่ ดังนั้น ทัพจึงเหมาะกับการเป็นผู้ตามเสียมากกว่า แล้วเขาก็ขยันขันแข็ง ไม่ปริปากบ่นเวลาได้รับงานทำแล้ว เขาน่ะ เป็นผู้ตามที่ดีได้เสียด้วย อีกอย่าง เขาเป็นพวกที่รักษาสัญญาได้ดีมาก ๆ เลยด้วยนะ ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ถ้าสัญญาไปแล้ว ตัวเขาก็จะไม่มีวันทำผิดสัญญาแน่ ๆ เขาจะพยายามเต็มที่เลยล่ะ

    การที่คนตัวใหญ่ ๆ อย่างเขายอมทำตามคนอื่น และรับใช้ดูแลเอาใจเป็นว่าเล่น บางครั้งเขามันก็ดูเหมือนหมา (?) เหมือนกันนะ หมาโกเด้นที่รักเจ้าของมาก ๆ อะไรแบบนั้นน่ะ ทัพไม่ชอบขัดใจใครนัก ถ้ามันไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วเรื่องที่เขาไม่สบายใจมันก็ไม่ค่อยจะมีซะด้วย เขาจึงมองว่าคำสั่งหรือคำขอร้องส่วนใหญ่มันไม่ใช่การบังคับ แต่มันก็เป็นแค่เรื่องทั่วไปที่เขาพอจะทำได้นั่นแหละ เขาก็แค่ทำตามไปอย่างเท่าที่พอจะทำได้เท่านั้น พอทำแล้วถูกชม เขาก็ดีใจ (หูตั้ง สะบัดหาง---) พอถูกดุด่าก็เงียบแล้วก้มหน้าฟังเฉย ๆ ไม่ตอบโต้ (หูลู่ หางตก ร้องหงิง ๆ---) เพื่อน ๆ หลายคนชอบทัพก็ตรงนี้แหละ เชื่อฟังและซื่อสัตย์เหมือนหมาเลย แล้วส่วนมาก คนที่ยังไม่ค่อยรู้จักทัพ ก็ไม่ค่อยกล้าใช้เขาด้วย หารู้ไม่ ทัพน่ะ ภัคดีกับทุกคนจริง ๆ นะ ถ้าใจกล้ามองข้ามภาพลักษณ์เขาหน่อย ก็จะได้เล่นกับหมา--อะแฮ่ม! ได้เล่นกับเขา แล้วก็ได้คนคอยเอาใจอย่างเขาด้วย ซึ่งทัพไม่ใช่คนที่รำคาญคนจู้จี้หรอก เขาชอบเอาใจคน ดังนั้นถ้าใครต้องการ เขาก็สามารถทำให้ได้เสมอเลยล่ะ

    ♣ stupid?

     ทัพมีเรื่องที่ไม่ถนัดอยู่มากมาย หลัก ๆ ก็คงเป็นการเรียนอย่างพวกวิชา คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อังกฤษ ภาษาไทย สังคัม ศาสนา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บริหารธุรกิจ  เศรษฐศาสตร์---แฮ่ม เอาเป็นว่า ในด้านของการเรียนทางวิชาการน่ะ ทัพไม่ถนัดเอามาก ๆ เลย แต่เขาก็ไม่ได้ถึงกับละเลยเกินไปหรอกนะ ทัพเป็นพวกที่ถือคติว่าอะไรที่ไม่ถนัดก็แค่พยายามเท่าที่ได้ไปก่อน ไม่ต้องฝืนมาก ไม่ต้องคาดหวังมาก ส่วนอะไรที่ถนัดจริง ๆ และไม่มีปัญหาอะไร ก็พุ่งเป้าไปเลย เพราะแบบนั้น วิชาเรียนต่าง ๆ ของเขามันถึงได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ บ้างก็ตก บ้างก็ผ่าน สุดท้ายคะแนนก็ออกมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปดอยู่ดี ส่วนวิชาพละ... อันที่จริงแล้วคนแรงเยอะอย่างเขาน่ะ เหมาะกับวิชานี้มาก ๆ ทว่าทัพกลับทำมันไม่ได้ดีเลิศโดดเด่นอะไร ก็เพราะเขารู้ตัวว่าตัวเองน่ะ แรงเยอะกว่าเพื่อน เขาจึงกลัวว่าจะไปทำใครบาดเจ็บ หลายครั้งที่เขาแกล้ง ๆ ทำเป็นสู้ไม่ได้ แล้วตะแนนก็ต่ำลงไปเองน่ะสิ

    จะบอกว่าเขามันพวกสมองกล้ามก็คงไม่ผิดอะไรนักหรอก ในด้านของการเรียน ทัพก็พยายามจะสนใจอยู่นะ แต่มันก็เข้าหัวบ้าง ไม่เข้าบางน่ะสิ ประมาณว่าอะไรที่เขาไม่ได้ชอบจริง ๆ พยายามตั้งใจเรียนไปเขาก็ทำได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น แถมในด้านวิชาพละยังต้องออมแรงไว้เยอะ ๆ เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุอีก คนอย่างทัพ ดูเหมือนชีวิตของเขาจะไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะความสามารถของเขา มันคือด้านกำลังกาย ที่ดูเหมือนจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นมากกว่าน่ะสิ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทัพยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่เงียบ ๆ บ่อย ๆ นะ ทั้งเรื่องทักษะการสู้ และการเรียน (ที่ไม่ค่อยกระเตื้องไปไหน แต่ขอแค่ไม่ตกต่ำไปมากกว่านี้ก็พอแล้ว) โดยรวมแล้ว สิ่งที่ทัพพัฒนามากที่สุดก็เห็นจะเป็นการประยุกต์ทักษะการต่อสู้รูปแบบต่าง ๆ เลยล่ะ ส่วนเรื่องวิชาการต่าง ๆ ....ก็ต้องพยายามอยู่ตลอด เพราะเขาก็ไม่ได้ฉลาดทัดเทียมกับใครได้เลยน่ะสิ

    ♣ peaceful

    ทัพเป็นคนใจเย็น ถึงขั้นใจเย็นมาก ๆ เลยล่ะ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใครเท่าไหร่ หรือถ้าโกรธ ก็โกรธได้ไม่นานนักหรอก คนอย่างเขา ไม่ชอบที่จะใช้กำลังแก้ปัญหา (ถึงหน้าตาจะบอกว่า "อยากตายก็เข้ามาเลย" ก็เถอะ) ทัพเป็นคนมีเหตุผลอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงชอบที่จะใช้เหตุผลค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันมากกว่า ซึ่งถึงแม้ว่าทัพจะพูดไม่ค่อยเก่งก็เถอะ แต่เขาก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับใครนักหรอก อะไรที่ยอมได้ก็ยอมไปก่อน หรือถ้าฝ่ายนั้นขอโทษออกมาแล้ว ตัวเขาก็ไม่ติดใจเอาความอะไรอีกเลย ตัวทัพเอง ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่มองคนไม่เป็นเลย ว่าจริงใจหรือไม่จริงใจ แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ว่าเขาไม่อยากมีเรื่องกับใคร ชอบอยู่แบบสงบ ๆ มากกว่า ดีกว่าการไปเปิดตัวว่าเป็นศัตรูกับใคร หรือไปร้ายใส่ใครให้เรื่องมันไม่จบไม่สิ้นสักทีนี่นะ หรือถ้าเป็นไปได้ เขาก็ดีกับทุกคนนั่นแหละม่แบ่งแยกพวกหรอก ว่าใครดีใครร้าย เขาแค่คิดว่า สร้างพันธมิตรกับทุกคนเข้าไว้มันก็ดีอยู่แล้วนี่นา อย่างที่บอก ว่าทัพน่ะ เป็นพวกชอบเอาใจคนอื่น นั่นรวมไปถึงพวกร้าย ๆ ด้วยนะ ทั้งพวกที่ร้ายกับเขาและร้ายกับคนอื่นเลยล่ะ เขาไม่ได้ถือคติว่าถ้าเพื่อนเกลียดใคร เขาก็ต้องเกลียดตามนี่ เขาถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนกัน และควรจะเป็นมิตรกันไว้เสียจะดีกว่า--อ้อ และบางครั้ง การเซ้าซี้ขอความเป็นมิตรของทัพมันก็น่ารำคาญสำหรับบางคนอยู่เหมือนกันนะ 

    ทัพไม่ค่อยเข้าหาใครมากนัก ส่วนหนึ่งก็คงเพราะขี้อายเล็ก ๆ ด้านหน้าตาและรูปร่างของตัวเอง และอีกส่วน มันก็คงเพราะเขาพูดไม่เก่งเท่าไหร่ แต่เขาก็พยายามอยู่เสมอเลยล่ะ ด้วยความที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี และติดจะง้องแง้งเล็ก ๆ เหมือนเด็ก ทั้ง ๆ ที่ขนาดตัวไม่ใช่อีกแล้ว ทัพเป็นพวกที่...ออกจะหน้าด้านหน่อย ๆ ไม่ได้หมายถึงในด้านแย่ ๆ หรอก หมายความว่า ต่อให้ถูกล้อเรื่องต่าง ๆ ถูกด่ายังไง ตัวเขาก็แค่หงอยนิด ๆ ไม่นานก็หายแล้วน่ะ เขาเป็นคนคิดมากไปบางเรื่องก็จริง แต่ไม่นานมันก็หายไป เพราะเขาฮึดขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง แต่ถ้าถูกจี้จุดอีกครั้ง ก็มีสิทธิ์หงอยอีกรอบนะ และถ้ากับความรู้สึกของคนอื่นล่ะก็ เรื่องนี้ทัพจริงจังและจำแม่นมากเลยนะ เขาเอาใจคนเก่ง ก็เพราะใส่ใจรายละเอียดของคนอื่นเป็นพิเศษนี่แหละ บวกกับความอ่อนโยน ดูแล เทคแคร์ได้ทุกเรื่องเนี่ย... มันทำให้ใครเขาใจอ่อนได้ง่าย ๆ เลยจริง ๆ ถ้ามองข้ามภาพลักษณ์ของเขาไปน่ะ 


    ประวัติ :: 


                จะมีเด็กสักกี่คนกันนะ ที่ตั้งแต่จำความได้ ตัวเองก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการไร้ความทรงจำ—จำไม่ได้แม้แต่เชื่อของตัวเองเลยล่ะ ตอนนั้นเด็กคนนั้นมีอายุแค่สิบขวบ แต่แล้วเพราะความซุกซนก็ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุจนตกเหวลงไปขณะที่ครอบครัวของเขาไปปีนเขาด้วยกันซะได้

                โชคดีที่เด็กคนนั้นไม่ตาย แต่สมองก็ได้รับการกระทบกระเทือนถึงขั้นที่จำอะไรไม่ได้เลยที่ผ่านมาเลยล่ะ

                พ่อแม่ของเขาเสียใจอย่างหนัก รวมไปถึงเหล่าพี่ชายของเขาด้วยเหมือนกัน กระนั้น พวกเขาก็ยังยินดีที่จะดูแลเด็กคนนั้นต่อ รวมไปถึงช่วยฟื้นฟูความทรงจำด้วย ว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาเป็นคนยังไงบ้าง

                และชื่อของเด็กคนนั้น ก็คือ ทัพพสาร กิตติภัทรคุณากรพัฒนศิริสกุล

     

                พ่อของเขาเป็นเจ้าของค่ายมวย และศูนย์ฝึกเทควันโดหลายแห่งในประเทศไทย รวมทั้งมีธุรกิจส่วนตัวอย่างห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกรุงเทพอีก—แน่นอน ฐานะของพ่อของเขาน่ะ ร่ำรวยมากเลยล่ะ และยิ่งได้พบรักกับแม่ที่เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันก็ยิ่งแล้วใหญ่ แม่ของเขาเป็นครอบครัวนักธุรกิจชื่อดังภายในประเทศอเมริกาหลายแห่ง ซึ่งแห่งที่แม่ของเขาดูแลนั้นมีอยู่แห่งเดียว แต่มีสาขาแยกย่อยออกไปค่อนข้างมาก

                การพบเจอของทั้งคู่จึงเป็นเหมือนกับชะตาฟ้าลิขิตที่น่าอิจฉาไม่น้อยเลย เพราะนอกจากจะมีดีที่หน้าตาแล้ว ฐานะการเงินก็คงมั่นคงกันไปสิบชาติ (?) แน่ ๆ ล่ะ

                พวกเขาแต่งงานกันภายในประเทศไทย แม่ของเขาเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนไทย และพูดภาษาไทยได้ครบเป๊ะทุกคำ ครอบครัวสุขสันต์ครอบครัวนั้น มีลูกชายอยู่สามคนด้วยกัน

                ลูกชายสองคนแรกเป็นคนที่มีความสามารถสูงมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวจนน่าจับตามองไม่แพ้กันเลยล่ะ และสุดท้าย ลูกชายคนเล็กสุดที่เกิดออกมาทีหลังใครเขา เจ้าคนนี้เองก็เป็นคนเรียกเก่งไม่ต่างจากพี่ ๆ ของตัวเองเลย

                นั่นนับเป็นความภาคภูมิใจเลยล่ะ ที่ลูกชายของครอบครัวนี้เก่งกันไปหมด

                ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อตอนที่ทัพพสารอายุได้เพียงสิบปี วันนั้นครอบครัวของเขาไปปีนเขาด้วยกัน ทัพเป็นเด็กที่ซุกซนไปหน่อย นั่นจึงทำให้เขาวิ่งเล่นจนตกเหวลงไป ตอนนี้ครอบครัวของเขาตกใจเอามาก ๆ เลยล่ะ ก่อนจะรีบตั้งสติ แล้วเรียกเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งเรียกรถพยาบาลด้วย

                ร่างของทัพพสารแน่นิ่งไป เพราะหัวถูกกระแทก เลือดของเขาออกเยอะมาก ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาล ทั้งพ่อ แม่ และเหล่าพี่ชายของเขาต่างก็ภาวนาเป็นเสียงเดียวกัน ว่าขอให้เขารอดชีวิตเถอะ

                แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ทัพพสาร ลูกชายคนเล็กของตระกูลรอดชีวิต หากแต่กลับเสียความทรงจำไปหมดเลย คราแรกมันทำให้ครอบครัวของเขาใจสลาย ทว่าไม่นานนัก พวกเขาก็คิดวิธีแก้ปัญหา และเยียวยาใจตัวเองขึ้นมาจนได้

                นั่นก็คือการค่อย ๆ ฟื้นความทรงจำของทัพช้า ๆ อาจจะค่อย ๆ บอกไปก็ได้ ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคนยังไง ชื่ออะไร เรียนที่ไหน และมีเพื่อนชื่ออะไรบ้าง พวกเขาไม่ได้บังคับให้ทัพพสารจำให้ได้ทั้งหมด แต่ค่อย ๆ บอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของเขาไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

                ซึ่งตัวของทัพเอง ที่ถึงแม้จะงง ๆ นิดหน่อย แต่ก็พอจะจำความรู้สึกของความสัมพันธ์ในครอบครัวของตัวเองได้ดี เขารู้สึกรักคนพวกนี้มาก ๆ จึงเชื่อฟัง และซึมซับไปเรื่อย ๆ ว่าตัวเองเคยเป็นยังไงมาก่อน

     

                ไม่นานนัก ผ่านไปแค่ปีเดียวทัพพสารก็ดูเหมือนจะกลับมาเป็นคนเดิม ถึงแม้จะจำอะไรในอดีตด้วยตัวเองไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากเหล่าพี่ ๆ ที่คอยบอกเจาเสมอ จนเขาพอจะจำได้ราง ๆ แล้ว และใช้ชีวิตแบบทัพพสารคนเดิมได้อย่างเป็นสุข—หากแต่ มันก็มียางสิ่ง ที่ทัพพสารไม่สามารถทำได้แบบเดิม

                ผลการเรียนของเขา ลดฮวบลงไปมากเลยล่ะ

                จากคะแนนที่สูงที่สุดในห้องกลับลดลิ่วดิ่งลงมาอย่างน่าตกใจ ทัพมีปัญหาด้านการจำไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงพยายามฟื้นผลการเรียนของตัวเองอยู่ดี—ทว่าเขาก็ทำได้ไม่ดีนักหรอก พยายามเท่าไหร่ ความจำของเขามันก็เหมือนจะมีลิมิตที่ต่ำลงมาก ๆ เขาแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเคยเรียนเก่งขนาดที่ไปแข่งโอลิมปิกแล้วชนะเลิศมาได้ด้วย

                มันเป็นเรื่องน่าเศร้า และน่าเสียดาย แต่เขาก็ต้องยอมรับอยู่ดีนั่นแหละว่าตัวเองผิดปกติยังไง

                ในครั้งแรก ๆ หลังการผ่าตัด ทัพจำเป็นจะต้องโกนผม เพื่อที่จะผ่าตัด มันใช้เวลานานมาก ๆ เลยล่ะ กว่าผมจะขึ้น และถึงผมขึ้น พอลองแหวกดู ก็ยังคงเห็นรอยเล็ก ๆ ของแผลเป็นได้อยู่ดีนั่นแหละ ทัพถูกล้อเลียนมาตั้งแต่หลังผ่าตัดที่กลายเป็นไอ้โล้นไป ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องผลการเรียนที่ตำลงไปอีก

                แต่แน่ล่ะ ว่าเขาก็ทำได้แค่ไปนั่งร้องไห้กับพี่ ๆ ของตัวเองเท่านั้น ไม่นานเขาก็ต้องสู้ต่อไป

                พี่ ๆ ของเขาเป็นคนดีมากเลยล่ะ พวกเขาพยายามที่จะให้กำลังใจน้องชาย และช่วยติวหนังสือ ถึงแม้ว่าผลการเรียนมันจะยังทำได้แค่ผ่านครึ่งไปแค่นั้นก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าดิ่งไปถึงศูนย์ล่ะนะ

                ทัพดูมีความพยายามจริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ถึงความทรงจำเขาจะแย่ลง แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ไปหมดทุกด้านหรอก อย่างน้อย ๆ กับเรื่องที่ชอบ ทัพก็ดูเหมือนจะจำได้ดีกว่าเรื่องการเรียน แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ครอบครัวของเขาสบายใจแล้วล่ะ

     

                ทัพเติบโตขึ้นมาด้วยแรงกำลังใจมากมาย ที่คอยเชียร์เขาเสมอ ดังนั้นเขาจึงพยายามไม่ทำให้ใครผิดหวังไปมากกว่านี้แล้วล่ะ และการเข้าเรียนในโรงเรียนใหม่นี่ก็เหมือนกันทัพหวังว่ามันคงจะหล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่เก่งขึ้นกว่าเดิมนิดนึงล่ะมั้ง?

                เฮ้ ทัพ ทำหน้าแบบนั้นจะไปต่อยใครวะเสียงของเพื่อนสนิทคนหนึ่งดังขึ้น ทำเอาเข้าของชื่อขมวดคิ้ว

                เปล่าสักหน่อย แค่อากาศมันร้อนต่างหากล่ะ

                และปัญหาอีกอย่างนอกจากเรื่องการเรียนของเขาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องภาพลักษณ์รูปร่างหน้าตานี่แหละ…. ให้ตายเถอะ การเป็นคนตัวใหญ่เกินไปทำให้เขาเผลอเดินห่อไหล่เหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเองทุกทีสิน่า

                และเขาเขื่อเลย ว่าถ้าพี่ชายมาเห็น เขาคงได้โดนเอ็ดแน่ แต่ทำยังไงได้ล่ะ แม้แต่พี่ชาย ก็ยังไม่สูงเท่าเขาเลยนะ

                มันน่าอายมากกว่าจะน่าเชิดหน้าชูตานะเนี่ย

     

    TO BE CONTINUED…

     

    งานอดิเรก ::

    ♣ ออกกำลังกาย ; เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และรักษาหุ่นเฉย ๆ น่ะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย

    ♣ อ่านหนังสือ ; ทัพอ่านหนังสือหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย การ์ตูน หรือพวกเกม พวกนี้เขานั่งแช่ได้เป็นชั่วโมง ๆ เลยล่ะ กับหนังสือเรียน เขาเองก็พยายามอ่านอยู่นะ ทว่าก็ยังอ่านเข้าหัวบ้าง ไม่เข้าบ้างอยู่ดี อ่านเท่าไหร่ คะแนนของเขาก็ไม่เคยสูงตามที่ต้องการเลยด้วย ดังนั้นทัพจึงลดความหวังของตัวเองลง แล้วคิดเอาว่า อ่าน ๆ ไปให้สอบผ่านก็ยังดีกว่าสอบตกแล้วมานั่งแก้นั่นแหละ เขาสมองทึบจะตาย ช่วยไม่ได้นี่นา...

    เล่นเกม ; เป็นกิจกรรมที่เขามักจะทำกับเพื่อน ๆ บ่อย ๆ เลยล่ะ อาจจะเป็นเกมโทรศัพท์หรือตู้เกมก็ได้นะ เขาเล่นได้ทั้งหมดนั่นแหละ ฝีมือการเล่นก็จัดว่าเก่งมาก ๆ เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเซียนหรอก

    เล่นกีตาร์ ; เห็นแบบนี้เขาเล่นกีตาร์เป็นนะ แถมร้องเพลงเพราะเสียด้วย เพียงแต่ไม่ได้ร้องให้ใครฟังพร่ำเพรื่อต่างหาก อ้อ และสำหรับเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่ทัพเล่นเป็นก็มีกลองชุด เบส และเปียโนเท่านั้น นอกเหนือไปจากนี้ก็เล่นไม่เป็นแล้วล่ะ

    ♣ เที่ยว ; ถ้าไม่มีโอกาศเที่ยวไกล ๆ ล่ะก็ ขอแค่เที่ยวใกล้ ๆ ก็ยังดี พออยู่ในห้องนาน ๆ แล้วมันทั่งน่าเบื่อ และอึดอัดเลยนี่นา อย่าน้อย ๆ ก็คือว่าได้ออกไปสูดอากาศและเปิดโลกใหม่ ๆ ก็แล้วกัน

    ♣ วาดภาพ ; ทัพชอบวาดภาพมาก ๆ เลยล่ะ ทั้งภาพสี ขาวดำ สเก็ต ภาพเหมือน หรืออาจจะเป็นภาพการ์ตูน วาดไปหมดทั้งเพื่อน คนที่ชอบ (?) และสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านตาตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขาก็วาดแล้วเก็บไว้เองคนเดียวเงียบ ๆ ไม่ค่อยให้ใครดูหรอก เว้นแต่จะถูกขอน่ะ 

     

    สิ่งที่ชอบ :: 

    ♣ กีฬา ; ชอบทั้งการดูกีฬา เชียร์กีฬานั่นแหละ มันเป็นอะไรที่สนุกแล้วก็ลุ้นระทึกดีออกนี่ บางทีก็ท้าทายน่าตื่นเต้นอีกต่างหาก แต่ทัพกลับเลือกที่จะไม่เล่นกีฬาเสียเอง เพราะเขามักจะพรั้งมือพลาดเผลอทำผิดกฏซะทุกรอบน่ะสิ... เพราะแบบนั้น เขาขอดูอยู่เงียบ ๆ ดีกว่าล่ะนะ

     อากาศเย็น ; มาอยู่เมืองไทยแล้วมันร้อน... เขาไปอเมริกาไม่กี่ครั้ง แต่ก็ทำให้เขานึกถึงตอนอยู่ที่อเมริกาเลยล่ะ ที่นั่นอากาศเย็นกว่าเยอะถึงบางทจะหนาวจนตับแทบแข็งก็เถอะ แต่สำหรับเขาอากาศร้อน ๆ มันทำให้หงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ

     เพลง ; ได้หลากหลายอารมณ์ดี บางครั้งก็ฟังเเก้เบื่อ ผ่อนคลายได้ดีเหมือนกัน แถมเขาก็ชอบร้องเพลง แต่งเพลงด้วยนะ

     ชีส ; ได้ทุกรูปแบบ...อร่อยดีออกนะ

     ทะเล ; เขา ชอบว่ายน้ำ และชอบบรรยากาศที่ทะเลมาก ๆ เลยด้วย

     อาหารทะเล ; ไม่รู้สิ คงต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เผ็ดเปรี้ยวไปหน่อย แต่ก็อร่อยถูกใจจริง ๆ นั่นแหละ

     

    สิ่งที่ไม่ชอบ :: 

    เสียงดัง ๆ ; เช่นเสียงตะโกน ตะคอก หรือโหวกเหวกโวยวาย มันค่อนข้างที่จะน่ารำคาญหูไปสักหน่อยยน่ะนะ

    ♣ อากาศร้อน ; มันทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง ไม่ใช่เพราะว่าเขาแพ้แดดหรอก ทั้งทำให้ผิวเสีย เหงื่อออก และทำให้หงุดหงิดนิดหน่อยด้วย...

    ♣ แมลง ; ทัพไม่ได้กลัวแมลง แต่ที่ไม่ชอบก็เพราะว่ามันสร้างความเดือดร้อนหลาย ๆ อย่างเลยน่ะสิ ไม่ว่าจะเป็นแมลงวันแมลงสาบอะไรก็ตาม เขาไม่กลัวมันทั้งนั้น แต่ไม่ชอบ เพราะมันสร้างความเดือดร้อนมาให้นี่แหละ

     ♣ รสขม ; ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้เลยหรอก ก็แค่ไม่ชมเพราะมันไม่อร่อยนี่แหละ ใบหน้าเขาบู้บี้ไปหมดแล้ว

     การตกเป็นเป้าสายตา ; ถ้ายิ่งเพราะส่วนสูงก็ยิ่งเขินเลยล่ะ ให้ตายสิ... เขามักจะพยายามหามุมหลบตลอดเลยด้วยซ้ำ


    สิ่งที่เกลียด :: 

    พวกที่ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ; แต่ถึงจะเกลียดยังไง ทัพก็ไม่ได้ถึงขั้นเอาเรื่องคนคนนั้นง่าย ๆ หรอก...

     ฟ้าร้องฟ้าผ่า ; เพราะพ่อของเขาบอกเสมอ ว่าถ้าเป็นแบบนี้ให้ปิดมือถือ ปิดโทรศัพท์ แล้วก็ระวังไฟดับด้วย นอกจากจะเสียงดังแล้วเขายังจะทำอะไรไม่ได้เลยอีก ทั้งเหงาแล้วก็น่าเบื่อเลยล่ะ 

     รถติด ; ทัพไม่ชอบควันรถ และรออะไรนาน ๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้เลย ถ้าเป็นไปได้ เขาก็เลือกที่จะใช้รถส่วนตัวมากกว่ารถสาธารณะด้วยนะ แถม... ถ้าไปที่ใกล้ ๆ เขาก็ชอบที่จะเดินมากกว่าด้วย

      กลิ่นเหม็น ๆ ; มันทำให้เขามึนหัวไปหมด แถมไม่ใช่กลิ่นอะไรที่น่าอภิรมย์เลย

     

    สิ่งที่กลัว :: 

    การถูกตี/ฟาดที่หัวแรง ๆ ; เหตุเพราะตอนเด็ก ๆ เคยโดนกระแทกหัวแรงถึงขั้นที่ความจำเสื่อม แล้วต้องโกนผมออกเพื่อทำการเย็บแผลเลยล่ะ ทัพจึงกลัวว่าจะเป็นแบบนั้นอีกรอบมาก ๆ ถึงขั้นระแวงเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นการตีหัวเบา ๆ หรือการลูบหัวหยอกล้ออันนั้นเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก สามารถเล่นกันได้ตามสบายเลยล่ะ

    เหยี่ยว ; เหตุเพราะตอนเด็ก ๆ อีกแล้ว... ตอนที่เขาไปสวนสัตว์ เขาดันซนเอานิ้วแหย่เข้าไปในกรง แล้วก็ถูกจิกจนเนื้อเปิดเลย เพราะแบบนั้นมันจึงเป็นการฝังใจอีกรูปแบบ ที่กลัวว่ามันจะบินเข้ามาจิกล่ะนะ

     

    สิ่งที่แพ้ :: -

     

    ลักษณะการพูด :: ทัพเป็นคนที่มีน้ำเสียงค่อนข้างทุ้มต่ำ และแหบพร่าเล็กน้อย มันฟังดูน่ากลัว แต่อีกมุมนึงมันก็ฟังดูเซ็กซี่ไปอีกแบบเหมือนกันนะ... อ้อ แน่นอนว่าทัพไม่ได้ชอบเสียงของตัวเองสักเท่าไหร่หรอก ทัพเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบตะคอกหรือกระโชกโฮกฮากเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มักจะมีน้ำเสียงโทนราบเรียบเป็นส่วนใหญ่คงจะถูกกว่า เขาเป็นคนที่สุภาพกับผู้ใหญ่ หรือคนที่ไม่รู้จักกัน โดยจะใช้ตัวแทนว่า "ผม" และแทนคนอื่นว่า "คุณ/เธอ/นาย" ตามโอกาส โดยจะมีคำสุภาพ และหางเสียงอย่างคำว่า "ครับ" ปนไปด้วยบ่อย ๆ ส่วนถ้าเป็นกับเพื่อน ๆ ที่สนิทกันดีอยู่แล้ว เขาก็จะใช้คำว่า "มึง/กู" ไป ซึ่งการคุยกับเพื่อน ทัพก็ไม่ได้สุภาพนัก แต่ก็ไม่ได้หยาบคายเกินเยียวยาอะไร เรียกได้ว่าพอเหมาะนั่นแหละ

    สถานการณ์ที่ 1 ; ทักทาย

    บรรยากาศยามเช้าเรียกได้ว่าสดชื่นเอามาก ๆ ในตอนนี้เป็นฤดูร้อน แต่อากาศในตอนเช้าก็ไม่ได้ร้อนอะไรนัก ทัพตื่นขึ้นมาตามเสียงของนาฬิกาปลุกก่อนจะลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะแต่งตัวไปโรงเรียนตามปกติ และในระว่างที่เขากำลังเดินไปตามทางฟุตยาท จู่ ๆ คุณป้าร้านขายข้าวคนสนิทก็ทักเขาขึ้น

    "อ้าว! ทัพ! วันนี้ไม่กินข้าวเช้าหรอกเหรอ!?"

    "สวัสดีครับ ป้าเมย์" ทัพหยุดเดิน แล้วยกมือไหวคนที่อายุมากกว่าอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายรับไหว้ จากนั้นทัพก็เอามือลง แล้วเอ่ยอีกครั้ง "พอดีว่าวันนี้ผมเป็นเวรทำความสะอาดตอนเช้าน่ะครับ ว่าจะซื้อขนมปังที่โรงเรียนเอา เอาไว้ครั้งหน้าผมจะมากินร้านป้าเหมือนเดิมนะ"

    ว่าจบเขาก็ยิ้มแหย ๆ แล้วจากป้าร้านขายข้าวมา แต่แล้วก็ปะทะเข้ากับเพื่อนสนิทอีกครั้ง

    "เฮ้ย! ไอ้ทัพ ไม่คิดจะทักทายกันบ้างเหรอวะ"

    "เออน่า ไงมึง" เขาพูดแบบสั้น ๆ "วันนี้ตัดผมมาเหรอวะ"

    "เออดิ มึงก็รู้ว่าพวกสภานักเรียนแม่ง เล่นใหญ่ขนาดไหน"

    "ก็ดีแล้วที่มึงยอมทำตามกฎอะ แค่ตัดทรงผมเอง โห่" ทัพบ่นอุบอิบอยู่เล็กน้อย แต่พอเห็นเพื่อนของตัวเองเบ้ปากใส่ เขาก็ทำแค่ยักไหล่หลับไป แล้วไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกเลย

    สถานการณ์ที่ 2 ; ตอนเบรกเพื่อนที่กำลังเถียงกันอยู่

    "ก็มึงนั่นแหละที่เป็นคนเริ่มก่อนอะ มึงไม่ต้องมาพูดเลยนะ!!"

    "เฮ้ย! นั่นมันเป็นคำพูดของกูมากกว่าเปล่าวะ มึงนั่นแหละที่เริ่มก่อน อย่ามาโทษกู!"

    ทัพกลืนน้ำลายดังเอื้อก และขยับตัวเข้าไปหาเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังทะเลาะกันช้า ๆ รอยยิ้มแหย ๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเขา ในขณะที่เขากำลังขบคิดที่จะหาทางช่วยทำให้สองคนนี้ใจเย็นลงได้

    "เอ่อ... นี่ ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ พูดกันดีกว่ามั้ย ปะทะกันไปแบบนี้ไม่มีอะไรขึ้นหรอกนะ" เขาเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ และนั่นก็ทำให้เพื่อยทั้งสองหันมามองเขาเป็นตาเดียว ทำเอาเขาชะงักไปครู่หนึ่ง "นะ... ค่อย ๆ คุยกันดีกว่า เป็นเพื่อนกันนี่เนอะ"

    อ่า... ถึงแม้ว่าทัพจะสรรหาคำพูดอะไรไม่ได้มากนัก แต่ก็นับว่าเขาใจเย็นพอที่จะเกลี้ยกล่อมใจเพื่อนทั้งสองได้ดีทีเดียวเลยล่ะ

    สถานการณ์ที่ 3 ; ตอนที่เข้าไปช่วยเหลือคนอื่น

    ดวงตาสีน้ำตาลอมทองคู่สวยทว่าดูดุดันกำลังลอบมองเด็กสาวคนหนึ่ง ที่หกล้มอยู่ข้างทาง ...แหงล่ะ ว่าเขาอยากจะเข้าไปช่วยแทบตาย แต่ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ ว่าถ้าเขาเข้าไปแล้วจะทำให้เธอกลัวมากกว่าเดิมหรือเปล่า ทางที่เขาทำได้ จึงเป็นการสะกิดเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แทน

    "เฮ้ยมึง... ตรงนั้นน่ะ มึงเห็นมั้ย" เขาสะกิดเพื่อน พลางกระซิบเบา ๆ

    "ทำไมวะ อยากจีบเหรอ" เพื่อนของเขาเอ่ยตอบกลับมา เมื่อมองไปเห็นเป้าหมายแล้ว ซึ่งคำตอยนั่นก็ทำเอาทัพมุ่ยหน้านิดหน่อย ก่อนจะส่ายหัวรัว ๆ

    "ไม่ใช่เว้ย กูแค่อยากให้มึงไปช่วยเขา กูรู้ว่าหน้ากูมันน่ากลัวไง กูเลยอยากให้มึงไปแทน"

    "เฮ้ย ไม่เอาอะ ไปเองดิ" เพื่อนของเขาบ่ายเบี่ยง แล้วก็เถียงกับทัพอีกสักพักก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายชนะ แล้วทัพก็เป็นฝ่ายที่จะต้องกลืนน้ำลาย รวบรวมความกล้า แล้วเข้าไปหาฝ่ายนั้นเสียเอง

    "เอ่อ... ขอโทษนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย" เขาเ่อย และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาแล้วทำหน้าเหวอหน่อย ๆ แล้วเขาก็ถึงกับต้องรีบเบรกไว้ก่อน "เฮ้ เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อนครับ ผมตั้งใจจะมาช่วยนะ ไม่ต้องกลัวผมหรอก" เขายิ้ม และพยายามจะยิ้มให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด "ให้ผมช่วยคุณนะ... แค่เรื่องเล็ก ๆ ก็ได้ครับ"

    ว่าแล้วเขาก็ได้ช่วยพยุงเธอขึ้นมา แล้วพาไปส่งที่คลินิดใกล้ ๆ ได้ในที่สุด---อ้อ และนี่ถือเป็นสิ่งที่ทัพดีใจที่สุดเลยล่ะ ที่ทำได้น่ะ

    สถานการณ์ที่ 4 ; เวลาที่คุยกับพี่ชาย

    "ไอ้ทัพ ได้ข่าวว่าไปมีเรื่องมาเหรอวะ" น้ำเสียงนุ่มทุ้มของคนตัวสูงเอ่ยขึ้น ในขณะที่เจ้าของชื่อกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง คนเป็นพี่ชายก็เดินเข้ามา ซึ่งตัวทัพเองก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก

    "เปล่าสักหน่อย ที่เห็นว่ามีแผลคิ้วแตกน่ะ เพราะผมหกล้มต่างหากล่ะ" ทัพตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย

    "กูว่าละ ว่ามึงต้องซุ่มซ่าม กูไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะกล้าไปหาเรื่องต่อยใครหรอก"

    "เพราะอุบัติเหตุต่างหากล่ะ" ทัพย่นปากนิดหน่อย ขณะที่คนเป็นพี่เดินเข้ามาหาเขา แล้วก้มมองสิ่งที่เขาอ่านอยู่

    "อังกฤษเหรอ มึงอ่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่หว่าทัพ"

    "ก็ผมอ่านไม่รู้เรื่องอะ... มันก็ต้องอ่านซ้ำ ๆ แบบนี้แหละ ถึงจะขี้เกียจ แต่ถ้าไม่อ่าน จากครึ่งนึงมันจะดิ่งไปถึงศูนย์เลยน่ะสิ"

    "หืม..." คนเป็นพี่ทำตาโตนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ อย่างเห็นอกเห็นใจคนเป็นน้อง "เออ เดี๋ยวกูช่วยดีกว่า เห็นแบบนี้เนี่ย คะแนนอันดับหนึ่งในมหาลยเลยนะเว้ย"

    "อวดอยู่นั่นแหละ..." ทัพบ่นเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะไปกับพี่ชายตัวเอง

    สถานการณ์ที่ 5 ; ถูกล้อ

    "เฮ้ย! จะว่าไป ไอ้ทัพนี่ก็ตัวใหญ่เหมือนยักษ์เลยว่ะ ฮ่า ๆๆๆๆ" จู่ ๆเพื่อนในห้องคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น อันเป็นเสียงที่ดังพอที่จะทำให้คนอื่น ๆ ได้ยินตามไปด้วยเลยล่ะ

    "เออว่ะ จริงด้วย" แล้วคนอื่น ๆ ก็เริ่มอุทาน แล้วหัวเราะเยาะตาม

    ซึ่ง... จะว่าไงดีล่ะ ว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบนั่นแหละ แต่ทัพกลับหัวเราะตามไปซะดื้อ ๆ จนเพื่อนข้าง ๆ ขมวดคิ้วมุ่นเลยทีเดียว

    "ทัพ มึงไม่โกรธบ้างเหรอ โดนล้อแบบนี้อะ"

    "หืม" ทัพเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ไม่รู้ดิ... ก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไมอะ ช่างมันเหอะมึง เพื่อนสนุก กูก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมายด้วย กูว่าปล่อย ๆ ไปเหอะ"

    และแล้วเพื่อนของเขา ก็ได้แต่ถอนหายใจกับความใจดีไม่เข้าเรื่องแบบนี้ของทัพ-- ทั้ง ๆ ที่ควรจะโกรธแท้ ๆ แต่ทัพกลับเฉย ๆ กับมันไปดื้อ ๆ แบบนี้นี่แหละ มันไม่ใช่แค่ล้อเรื่องขนาดตัวหรอก... มันหลายเรื่องเลย แต่คำตอบของทัพ ก็ไม่เปลี่ยนไปสักทีนี่สิ...

     

    เพิ่มเติม :: 

    ♣ ปัจจุบันทัพอาศัยอยู่ตัวคนเดียว ในหบ้านเดี่ยวสองชั้นที่พ่อซื้อให้ (ไม่มีการผ่อน ซื้อรวดเดียวจ่ายหมดเลยล่ะ!) โดยเป็นบ้านที่มีสวนอยู่ล้อมรอบ พื้นที่กว้างพอประมาณ ปลูกต้นไม้ได้ แถมทำเลดี ใกล้กับโรงเรียนอีกด้วย

    ♣ ทัพติดต่อพ่อแม่ และเหล่าพี่ ๆ บ่อย ๆ ตามโอกาส เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเป็นห่วงอะไร

    ♣ ครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าร่ำรวยอยู่แล้ว จึงไม่มีใครกดดันเรื่องการเรียนกับทัพทั้งสิ้น กระนั้นเขาก็ยังพยายามนะ

    ♣ ทัพมักจะเผลอใช้แรงเกินเหตุ เวลาเล่นกีฬา นั่นทำให้เขาไม่ค่อยเล่นกีฬาเท่าไหร่ แม้ว่าลึก ๆ แล้วจะชอบอยู่บ้างก็ตาม อีกอย่าง เขาก็ไม่สามรถจำกฎทุกข้อของกีฬาได้ด้วย ขอนั่งดูเฉย ๆ ไปก่อนแล้วกัน... อีกข้อ ที่ทำให้เขาไม่จำกฎกีฬา และไม่เล่นก็เพราะว่า ลำพังแค่จำบทเรียนให้พอสอบผ่านไปได้ เขาก็จะตายอยู่แล้ว ขอเหนื่อยแค่นี้พอแล้วกันนะ...

    ♣ ทัพไม่ค่อยถูกกับสารวัตินักเรียนเสียเท่าไหร่ นั่นเพราะทั้งหน้าตา และท่าทีของเขามักจะถูกจับตามองอยู่เสมอ ๆ เลยล่ะ สำหรับทัพแล้ว ตัวเขาที่แรงเยอะมาก ๆ จนบางครั้งก็เผลอสร้างเรื่องนั่นก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้พวกนั้นอีก อีกอย่าง เขาเป็นพวกที่พยายามจะอธิบายแล้ว ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ก็ความเข้าใจผิดเท่านั้น แต่ก็เถียงพวกนั้นแพ้ทุกรอบ ทำให้มีคดีติดตัวยาวเป็นกระบุงเลยล่ะ... ด้วยเหตุนี้เอง ทัพจึงไม่ค่อยถูกกับพวกสารวัตินักเรียนนัก

    ♣ ความจริงแล้วเขาเป็นพวกซุ่มซ่ามนิดหน่อย แม้จะไม่บ่อยนัก แต่ทุก ๆ ครั้งมันก็มักจะทำให้เขามีแผลอยู่เรื่อยเลยล่ะ....

    ♣ พี่ชายของทัพทั้งสองคน เป็นคนดัง และมีความสามารถกันทั้งนั้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็รักทัพเหมือนเป็นน้องชายคนหนึ่ง แม้ว่าความสามารถของน้องชายจะไม่สามารถทัดเทียมผู้เป็นพี่ได้เลยก็ตาม นั่นทำให้ครอบครัวของทัพเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ เลยล่ะ

    ♣ เอาเข้าจริง ๆ แล้วทัพเป็นคนแพ้น้ำตาคนอื่นเขาอยู่นะ... แล้วก็มักจะถูกหลอกได้ง่าย ๆ เพราะน้ำตานี่แหละ

    ♣ ทัพเป็นคนที่ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ไปหน่อย ตบมุกอะไรก็ไม่ได้ ตามมุกใครไม่ค่อยทันหรอก

    ♣ พี่ชายคนโตของทัพเดินทางวนเวียนอยู่ต่างประเทศ และไม่ค่อยกลับมาไทยเท่าไหร่ ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน ส่วนพี่ชายคนรองที่แม้จะอยู่ไทย ก็มีงานยุ่ง ๆ หลายอย่าง ทำให้ไม่ได้เจอกันอยู่ดี ส่วนพ่อกับแม่ของเขาก็อยู่ต่างจังหวัดทั้งทำงาน และหาที่อยูที่บรรยากาศดี ๆ กว่าในตัวเมืองเลยล่ะ

    ♣ ชื่อของทัพเป็นคนเดียวที่ไทยแท้ไปทั้งหมด พี่ชายคนโตของเขา เป็นเชื่อที่ค่อนไปทางคนอเมริกันจริง ๆ แต่ก็ปนไปด้วยชื่อไทย เพราะชื่อกลางของเขาคือ 'ธิติ' ที่แปลว่าความรู้ ปัญญา และนักปราชญ์ เขาเป็นคนที่เข้มงวดไปสักหน่อย แต่ก็รักครอบครัวเสมอ ส่วนพี่ชายคนรองเป็นคนที่ถูกตั้งชื่อให้ไปทางต่างชาติเหมือนกัน ซึ่งก็คือ 'นาธาน' นั่นเอง เขาคนนี้เป็นพวกหลงตัวเอง และพูดมากไปบ้าง แต่ก็รักครอบครัวเหมือนกัน ทั้งสองคนเรียนจบแล้ว แล้วก็ทำงานแล้ว ทำให้แยกกันอยู่ไปบ้าง แต่นาน ๆ ครั้งครอบครัวนี้ก็จะมารวมตัวกันตามโอากาสเสมอเลยล่ะ

    other characters ;


    [ รูปภาพ ; X , X ]

    * หากต้องการข้อมูลของใครเพิ่ม สามารถแจ้งได้เลยค่ะ!

     

    Role-Play


    ประตูห้องผู้อำนวยการโรงเรียนถูกเปิดออกด้วยฝีมือของคุณหลังจากที่ได้ยินเสียงประกาศขอพบนักเรียนตามรายชื่อดังกล่าว ด้านหน้าของคุณคือโต๊ะทำงานของผู้อำนวยการ หญิงวัยกลางคนหมุนเก้าอี้กลับมาหาคุณอย่างไม่รีบร้อน ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดยกยิ้มขึ้นราวกำลังทักทาย

    "สวัสดี ตอนนี้นายก็อยู่ ม.6 กันแล้วนะ รู้สึกพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า? ถ้ายังไม่พอใจ อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรไหม?"

    "สวัสดีครับ" ร่างสูงที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้เอ่ย "ตอนนี้น่ะเหรอครับ..." ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เป็นการทวนคำถาม ในหัวเริ่มครุ่นคิด หาคำตอบของใจตัวเอง และไม่นานนัก เขาก็เอ่ยออกไปอีกครั้งหลักจากได้คำตอบแล้ว "ผมว่าตอนนี้ผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการเรียนจบ แล้วมีมหาลัยดี ๆ สักทีที่รับผมเข้าไปนะ" เขาหัวเราะแฮะ ๆ แต่แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ราวกับเพิ่งนึกอะไรออก "อ้อ! ดูเหมือนจะมีอยู่อย่างหนึ่งครับ... คือว่านะ "เรื่องทุนมหาลัยน่ะ ผมอยากให้ทางโรงเรียนให้โอกาสเด็กห้องบ๊วยอย่างผมบ้างน่ะครับ แบบนี้พวกเด็กห้องคิงก็ฉกชิงไปหมดน่ะสิ อย่างน้อย ๆ ผมก็อยากเสียเงินน้อยกว่าเข้าเรียนมหาลัยเอกชนนะครับ" เขายิ้มให้อีกฝ่าย "มีแค่เรื่องนี้แหละครับ เป็นความเท่าเทียมกันเฉย ๆ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว"

     

    เธอยกยิ้มขึ้นอีกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เอกสารรายชื่อนักเรียนที่วางอยู่ตรงหน้าถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า ดวงตากวาดมองข้อมูลของนักเรียนครู่หนึ่งก่อนที่จะมุ่งตรงมายังคุณอีกครั้ง

    "คนแบบไหนที่นายอยากสนิทด้วย แล้วคนแบบไหนที่นายคิดว่าอย่ารู้จักกันเลยดีกว่า?"

    "อืม..." ทัพทำท่าทีครุ่นคิดอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยตอบ เมื่อได้คำตอบที่ตัวเองมั่นใจแล้ว "จริง ๆ แล้วผมไม่รังเกียจคนทุกประเภทนะครับ เอ่อ แต่ถ้าถามจริง ๆ ล่ะก็..." ชายหนุ่มลากเสียงเล้กน้อย ก่อนจะต่อเติมคำตอบ เมื่อคิดออกแล้ว "ผมชอบคนที่เป็นมิตร แล้วก็ไม่ตัดสินกันง่าย ๆ มากกว่านาะครับ หรือไม่ก็ เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายก็ได้ครับ" จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลง ราวกับเขินอายในคำพูดของตัวเอง "คือ...ผมไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ผมก็เลยค่อนข้างชอบคนจำพวกนั้นน่ะครับ แฮะ ๆ"

    ทัพถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง "ส่วนคนที่คิดว่าอย่าไปรู้จักเลย...คงเป็นคนที่แกล้งคนอื่นไปเรื่อยล่ะมั้งครับ ถ้าทำโดยที่ไม่มีเหตุผลอะไร แล้วแกล้งกันแรง ๆ แบบนั้นก็แย่เลย" เสียงของเขาเบาลง "เอ่อ... แต่ก็ใช่ว่าผมจะเกลียดจนถึงขั้นไม่อยากเข้าไปคุยกับเขานะครับ ถ้ามีโอกาส ผมเองก็อยากจะเตือนเขาดี ๆ เหมือนกัน" จากนั้นเขาก็เงียบลง ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าคำตอบวนไปวนมาเหมือนคนที่เกลียดใครไม่เป็นนี่จะผ่านรึเปล่า

     

    หญิงวัยกลางคนหัวเราะในลำคอ นิ้วเรียวยาวปิดเอกสารเล่มหนานั้นลง ใบหน้าดูมีความพึงพอใจในคำตอบที่ได้รับอยู่ไม่มากก็น้อย

    "แล้วอนาคตข้างหน้าต่อไปคิดว่าตัวเองอยากเป็นอะไร? ทำงานอะไร จะมีชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไงล่ะ?"

    "ส่วนตัวแล้วผมว่าผมอยากเรียนศิลปกรรมศาสตร์ หรือไม่ก็วิทยาศาสตร์การกีฬานะครับ... เอ่อ ถึงผมจะจำกฎต่าง ๆ ไม่ได้ แต่ผมคิดว่า ถ้าได้เข้าไปเรียน ก็อาจจะจำได้ขึ้นมาก็ได้ ส่วนศิลปกรรมศาสตร์ อันนี้เพราะผมชอบวาดรูปเป็นงานอดิเรกครับ" พูดจบเขาก็หัวเราะแห้ง ๆ ทันที "หรือตัวเลือกสำรองอีกหน่อย ก็เป็นคณะนิเทศศาสตร์น่ะครับ คนอย่างผม เลือกอะไรไม่ได้มากด้วย ก็เลยต้องเผื่อตัวเลือกเอาไว้เยอะ ๆ หน่อย เรื่องคะแนน ถ้ามันถึงจริง ๆ ผมก็อยากเรียนอันที่ตัวเองชอบนะ ฮะ ๆ" ว่าจบเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

    "ส่วนเรื่องงาน ผมว่าผมอยากเป็นนักวาดนะครับ จะนักวาดการ์ตูนหรืออะไรก็ได้... แล้วอีกอย่างก็คือเป็นนักกีฬา..ระ ระดับโลกให้ได้สักคนน่ะครับ" เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ด้วยเพราะเขินอายในคำตอบของตัวเอง เพราะลำพังปัจจุบัน ความจำของเขาก็ไม่ดีพอจะจำกฎต่าง ๆ ของกีฬาที่ว่านั่นได้เลย ให้ตายสิ... "อ้อ แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ผมก็ทำใจไว้แล้วนะครับ เอาไว้ในอนาคตค่อย ๆ วางแผนตั้งตัวเอาก็ได้" เขายิ้ม และนั่งก็เป็นยิ้มที่แทนความเก้อเขินเสียด้วย

     

    "เอาล่ะ คำถามต่อไปนี้อยากให้นายลองถามตัวเองดูให้ดี และตอบตามความคิดความรู้สึกของตัวเอง" เธอเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนริมฝีปากจะขยับเอื้อนเอ่ย "คิดอย่างไรกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน"

    "ความรักเหรอครับ" ดวงตาสีน้ำตาลอมทองเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ราวกับประหลาดใจในคำถามเหล่านั้น ก่อนที่ทัพจะปรับตัวให้กลับมาเป็นปกติ เขาก็เอ่ยตอบออกไป "อืม... ผมว่ามันเป็นเรื่องที่สวยงามดีนะครับ เพราะว่าความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ หรือฐานะอะไรมากมายเลยนี่นา ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนสองคนมากกว่าน่ะครับ" ทัพอมยิ้มน้อย ๆ "แม้แต่ตัวผมเอง ผมก็ไม่รังเกียจเหมือนกันนะครับ ผมยอมรับได้อยู่แล้ว ผมสามารถมองว่ามันเป็นเรื่องปกติได้เลยล่ะ แล้วผมเองก็อยากให้สังคมช่วยมองว่ามันปกติด้วยเหมือนกันน่ะครับ"

     

    "จำคำตอบของตัวเองไว้ให้ดีล่ะ ขอให้โชคดี" ผู้อำนวยการสาวผายมือไปทางประตูเพื่อเป็นการบอกโดยนัยว่าเธอได้ถามคำถามที่ต้องการและได้รับคำตอบมาทั้งหมดแล้ว หลังจากที่คุณเดินออกจากห้องไป ดวงตาคู่คมยังคงจ้องมองที่ประตูบานนั้น พลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในทันที

    "ได้เวลาสนุกแล้วสิ"

     

    Talk TLemon-Soda

     

    สวัสดีค่า ไรท์มีนามแฝงว่า เลม่อน และ โซดา นะคะ สามารถเรียกได้ตามความสะดวกเลยค่า ผู้ปกครองชื่ออะไรเอ่ย?

    ::  สวัสดีค่ะ *ไหว้ย่ออย่างสาวไทย(?)* ทางนี้เด็กอ้วนเองค่ะ!! (เอ๊ะ หรือเรียกเด็กผอมก็ได้ค่ะ ช่วงนี้คำว่าอ้วนมันสะเทือนใจ--แค่กๆ ล้อเล่นนะคะ55555) มาบ่อย ๆ คงไม่เบื่อหน้ากันเนอะ 5555555

     

    วันนี้มาสมัครบทอะไรคะ?

    :: คุณ F4 ค่ะ!

     

    ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้และบทนี้เอ่ย?

    :: ยอมรับว่าตอนแรกๆสนใจแต่ราชานะคะ แต่ไปๆมาๆกลับชอบทางหนุ่มๆด้านนี้มากกว่าค่ะ ยิ่งคนนี้อยู่ดีๆก็รู้สึกว่ามีคำติดปากว่า เอฟโฟร์ๆๆ อะไรแบบนี้ค่ะ ชอบมาก งั้นแปะป้ายก่อนเลยค่ะ555555555 ส่วนตัวยังไม่เคยปั่นหนุ่มหน้าเหี้ยมใจเทวดา(?)ด้วยค่ะ เลยอยากลองดู ซึ่งเป็นอะไรที่คิดว่าชอบมากๆด้วยนะคะ เห็นแล้วตีความออกมาได้เลยด้วยค่ะ เดาว่าพี่แกน่าจะเมะด้วยค่ะ มาขนาดนี้แล้ว หน้าแตกก็ไม่กลัวค่ะ เพราะด้าน---แค่กๆๆๆ

     

    นิยายเรื่องนี้จะอัพสลับกับเรื่อง ยมทูตซ่าท้ายมโลก นะคะ สามารถรอได้ไหมเอ่ย?

    :: ได้แน่นอนค่ะ รอได้อยู่แล้ว ยังไงก็คอยติดตามเสมอทั้งสองเรื่องเลยนะคะ!! ><

     

    หากตัวละครที่ส่งมาไม่ติดจริงๆ จะว่าอะไรไหมเอ่ย?

    :: ไม่ว่าอะไรแน่นอนค่า จะยัดบท หรือจัดแจงยังไงก็เชิญทางนั้นตามสะดวกสบายเลยนะคะ!

     

    ขอให้โชคดีมีชัยนะคะ~ ฝากติดตามด้วยน้า 3

    /แน่นอนค่ะ ติดตามเสมอเลยนะคะ เย่ๆ---


    SNAP
    F4' รวมพลคนกาก ☆
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×