คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #99 : CHAPTER 94
Distorted Daytime
ชานยอลเดินกลับมานั่งที่เดิมหลังจากวางสายโทรศัพท์สุดท้ายไปพร้อมกับคำสัญญาของพี่หลี่ฟงว่าจะรีบมาหาเขาที่สนามบินให้แล้วที่สุด แม่ถามเขาว่าไปไหนมาชายหนุ่มตอบกลับคำถามของมารดาด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวทำหน้าสงสัยเมื่อคำถามของหล่อนได้รับเพียงรอยยิ้มตอบกลับมา แต่หญิงสาวก็ใจเย็นพอที่จะไม่คาดคั้นเอาคำตอบเพราะยังไงวันนี้ก็คือวันสุดท้ายที่ชานยอลจะได้อยู่ประเทศนี้แล้ว
ชายหนุ่มยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาดูเวลา 30นาทีแล้วหลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ไป แต่พี่หลี่ฟงก็ยังไม่มา อีกไม่ถึงชั่วโมงเครื่องก็จะออกแล้ว ไม่รู้ว่าพี่หลี่ฟงจะมาทันส่งเขาหรือเปล่า ถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ กำลังนั่งกังวลอยู่กับตัวเองเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามาก็ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อพบกับผู้ชายที่เขาอยากเจอที่สุด
“พี่หลี่ฟง”
“ชานยอล แฮ่กๆ~ โทษที รถติดมาก”
เมื่อได้เจอกันจริงๆแล้วชานยอลก็พูดอะไรไม่ออกเขาคิดว่าพี่หลี่ฟงก็คงเป็นเหมือนกันทั้งคู่ยืนอึกอักอยู่อย่างนั้นท่ามกลางสายตาสงสัยของคุณแม่ที่มองมาทางพวกเขาสองคน สุดท้ายหญิงสาวก็พ่าวแพ้ต่อความสงสัยเป็นฝ่ายพูดสะกิดลูกชายขึ้นก่อน
“ชานยอล”
“อ่ะ แม่ครับ ผมมีคนจะแนะนำให้รู้จัก นี้พี่หลี่ฟง หวัง หลี่ฟง พี่เขาเป็น…เพื่อนของผมครับ”
ชานยอลแนะนำร่างสูงที่ซึ่งยืนหอบด้วยความเหนื่ออยู่ข้างๆให้มารดาได้รู้จักอย่างเคอะเขิน ร่างโปร่งไม่กล้าแม้จะสบดวงตาสีดำของหวัง หลี่ฟงที่มองมาทางตน มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่มันทำให้เขารู้สึกระอายใจต่างหาก
เรื่องของพี่หลี่ฟงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาตั้งใจจะละเว้นไม่พูดให้มารดาฟังนอกจากเรื่องที่โดนคุณคริสซ้อมจนแขนหัก เขาไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ แค่นี้แม่ก็เกลียดคุณคริสมากพอแล้ว ชานยอลกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะอีกครั้ง
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ๊ะ”
ซอนยอลตอบรับคำทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เมื่อหันกลับไปมองลูกชายก็เห็นรอยสีแดงเป็นเปื้อนอยู่บนปรางแก้มนวล เหลือเวลาไม่นานนักหล่อนคงต้องปล่อยให้พวกเขาทั้งคู่ได้คุยกันสักหน่อย คิดแล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนเพื่อปล่อยให้ที่ของตนตกเป็นของชายหนุ่มที่ลูกชายบอกว่าเป็นเพื่อนของเจ้าตัว
“พวกลูกคุยกันไปก่อนนะ แม่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”
ชานยอลมองตามร่างของมารดาเดินลับสายตาไปก่อนจะหันไปบอกให้ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เกิดความเงียบเป็นหมอกสีจางปกคลุมคนทั้งคู่ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ชานยอลกัดริมฝีปากตัวเองแน่นรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก หลี่ฟงเองก็เหมือนกันทั้งที่เมื่อ2เดือนก่อนความสัมพันธ์ของพวกเขายังอยู่ในสถานคนรักกันอยู่เลย พวกเขาคงห่างกันนานเกินไปจนเกิดระยะห่างในความสัมพันธ์
“สบายดีมั้ย?”
ทั้งที่เขาคิดว่ามีคำถามมากมายที่เขาจะถามชานยอลตั้งแต่อยู่ในรถ ตลอดเวลาที่ห่างกันไปเขาเฝ้าคิดถึงเด็กคนนี้มาตลอดแต่มันก็ได้แค่คิดถึงเมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ แต่คำถามที่ถามออกไปกลับเป็นคำถามที่แสนธรรมดาเสียอย่างงั้น
“สบายบ้าง ไม่สบายบ้าง แล้วพี่ล่ะครับ”
“ถ้าร่างกายพี่สบายดี แต่หัวใจของพี่...ชานยอล พี่คิดถึงชานยอลนะ”
ร่างโปร่งตอบออกไปตามสภาพความเป็นจริง ก่อนจะถามคำถามนั้นกลับแต่คำตอบของพี่หลี่ฟงก็ทำให้เขาถึงกับน้ำตาคลอ ความรู้สึกผิดท้วมท้นจิตใจจนเขาอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ชานยอลไม่พูดอะไรออกมาอีก เขากลัวว่าถ้าเปิดปากจะมีแต่เสียงสะอื้นหลุดออกมาปราศจากคำพูดใดๆ
“เป็นยังไงบ้าง พี่ขอถามได้มั้ย หลังจากวันนั้น…”
หลี่ฟงรู้สึกว่าคำพูดของเขาช่างติดขัดเหลือเกินจะพูดแต่ล่ะคำออกมาช่างลำบาก มันคงเป็นเพราะในสมองเขามีแต่คำว่าคิดถึงจนล้นสมอง เจ้าของดวงตาสีดำมองคนข้างกายเจ้าของความคิดถึงซึ่งนั่งก้มหน้านิ่งมองผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้ในมือ
“มันแย่มาก มันแย่มากจริงๆ”
“พี่รู้..”
ชานยอลรำพึงออกมาคล้ายพูดกับตัวเอง เหตุการณ์วันนั้นยังตราตรึงในสมอง มันไม่ได้เกิดผลดีกับเขาเลยสักนิดเวลาที่คิดถึงมัน ความกลัวไหลวนในจิตใจ หนุ่มจีนพยักหน้าพอจะเข้าใจสถานการณ์นั้นได้ดี เขาเคยเป็นเพื่อนกับคริสมาเป็น10ปีทำไมจะไม่รู้ว่าผุ้ชายคนนั้นนิสัยยังไง สิ่งที่ชานยอลต้องผ่านมามันคงหนักไม่น้อย
“พี่ครับ ผมขอโทษ ผมเสียใจ ผมตั้งใจจะบอกความจริงกับพี่ตั้งแต่วันนั้นว่าผมยังไม่ได้เลิกกับคุณคริส ผมเลิกกับเขาไม่ได้ แต่มันช้าไปเสียก่อน เค้ารู้ความจริงในหนังสือพิมพ์ มันลงข่าวของเราสองคน คุณคริสจับได้
เขาโกรธมาก ผม..ผม”
“พอเถอะชานยอล ถ้ามันแย่มากก็อย่าพูดเลย อย่าไปคิดถึงมัน พี่ไม่โกรธชานยอลเลย ไม่โกรธสักนิด”
“พี่ครับ ฮื่ออ”
สุดท้ายชานยอลก็ทนกับความอึดอัดที่มีในใจต่อไม่ไหว ชายหนุ่มพูดโผล่งขึ้นมารท่ามกลางความเงียบของคนสองคน หลี่ฟงรับฟังทุกอย่างที่อยู่ในใจของผู้ชายที่เขายังรักด้วยหัวใจที่นิ่งสงบ เขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆแต่ดูเหมือนชานยอลจะไม่เป็นอย่างเขา ร่างโปร่งยังร้องไห้ออกมาไม่ยอมหยุดโดยที่เขาทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหลังเพื่อปลอบใจ
เรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์เขาก็พอจะเห็นอยู่บ้างแต่มันก็แค่วันเดียวเท่านั้น แล้วข่าวนั้นก็ลอยหายเข้ากลีบเมฆไป เขาได้แต่สงสัยว่าเป็นเพราะอะไรแต่ตอนนี้เขาก็เข้าใจโดยกระจ่างคงเป็นฝีมือคริสสินะ
“ไม่ต้องพูดหรอกนะชานยอล พอเถอะ มันผ่านไปแล้วก็ช่างมัน”
“แล้วพี่ล่ะฮะ เป็นยังไงบ้าง”
“วันนั้นหลังจากที่ชานยอลถูกพาตัวกลับไปพี่ก็ขับรถตามรถของลูกน้องคริสไปถึงบ้าน แต่พี่เข้าไปไม่ได้ ยามเฝ้าประตูหน้าบ้านไม่ยอมให้พี่เข้าไป ชื่อของพี่คงเป็นแบล็คลิสต์ของบ้านหลังนั้นตั้งแต่เรื่องของเพ่ยฟาง แล้วยังมีเรื่องของชานยอลอีกประตูบ้านนั้นคงปิดตายสำหรับพี่”
“พี่เข้าไปไม่ได้เลยได้แต่จอดรถอยู่หน้าบ้านชานยอลหลายชั่วโมง สุดท้ายพี่ก็ต้องถอยกลับเมื่อรู้ว่ารอไปก็ไม่มีประโยชน์ ชานยอลรู้มั้ยว่าพี่ไปหาชานยอลที่ประตูบ้านทุกวันเป็นเวลา1เดือนเต็มๆ แต่แล้ววันหนึ่ง เหมือนอี้ชิงจะสังเกตุเห็นพี่เข้า พี่กลัวว่าถ้าคริสรู้เรื่องเข้าว่าพี่มารอชานยอลพี่กลัวว่าชานยอลจะเป็นอันตรายเลยไม่กล้าไปรอที่นั้นอีก”
“ดีแล้วล่ะครับ ดีแล้ว”
ชานยอลที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น เขาดีใจและขอบคุณเหลือเกินสำหรับเรื่องทั้งหมดที่อีกฝ่ายทำเพื่อเขา แต่เขาก็รู้สึกว่าดีแล้วล่ะที่พี่หลี่ฟงไม่ไปรอเขาอีก เพราะถ้าคุณคริสรู้เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าสภาพของตัวเองกับพี่หลี่ฟงจะเป็นยังไง มาถึงตอนนี้แล้วเขาก็อดขอบคุณอี้ชิงไม่ได้ที่อุตส่าห์เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“แล้วชานยอลล่ะ ทำไมถึงได้กลับเกาหลีกับคุณแม่ จะกลับไปเยี่ยมบ้านเหรอ?”
“ไม่ครับ ไม่ใช่ แม่รู้เรื่องของคุณคริสกับเพ่ยฟางแล้ว แม่โกรธคุณคริสมาก ก็เลย..”
“จะพาชานยอลกลับไป”
“ครับ”
หลี่ฟงพูดขึ้นพอจะเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นใครใครก็ต้องโกรธหัวอกของคนเป็นแม่เห็นลูกชายถูกทำร้ายใครจะทนได้
“ถ้าชานยอลไปพี่คงคิดถึงชานยอลแย่..”
“…………”
แล้วเขาก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ระยะเวลา2เดือนที่ห่างกันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อร่างโปร่งเปลี่ยนไป ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาจากการจดจ้องพื้น ที่พี่หลี่ฟงพูดหมายความว่ายังไงกัน
“ชานยอล พี่ยังรู้สึกกับชานยอลเหมือนเดิมนะ เคยชอบยังไงพี่ก็ยังชอบอยู่อย่างนั้น”
เมื่อได้เห็นสีหน้ามึนงงคล้ายขอความมั่นใจ หลี่ฟงพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปทั้งหมด เขารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของชานยอล เพราะเขากลัวมาตลอดว่าถ้าพูดคำนี้ออกไปกลัวชานยอลจะไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรกับมัน
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริงๆ ที่ยังหลงเหลือความรู้สึกดีๆให้ผู้ชายคนนี้ คนที่เคยโกหกพี่ เคย...”
“พอเถอะชานยอลพี่ไม่เคยต้องการคำขอโทษจากนายเลย พี่แค่อยากรู้อย่างเดียว ว่าชานยอลเคยชอบพี่จริงๆหรือเปล่า”
ชานยอลพูดออกไปอย่างซึ้งใจเขานึกว่าจะโดนพี่หลี่ฟงเกลียดเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็คงจะดีเสียกว่าที่เป็นแบบนี้ ยิ่งได้ฟังคำว่ายังชอบของพี่หลี่ฟงเขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ ทั้งที่เขาเคยโกหกหลอกลวงเพื่อให้อีกฝ่ายสร้างความสุขให้เขาแต่พี่หลี่ฟงก็ไม่เคยโกรธเขาสักนิด แล้วสุดท้ายชานยอลก็ต้องปล่อยโฮออกมาอีกจนได้เมื่อได้ฟังคำถามล่าสุดของอีกฝ่าย
“ชอบครับ ตอนนั้นผมชอบพี่จริงๆ ฮึก”
“แล้วตอนนี้ล่ะ ชานยอลยังชอบพี่อยู่มั้ย”
“ผม..ผม ผมยังไม่เลิกกับคุณคริสและก็ไม่คิดว่าจะเลิกกับเขาได้ง่ายๆ ผมกลัวว่าผมจะรักพี่และกลัวว่าจะทำให้พี่รักผม มันคงไม่ดีถ้ามันเกิดความรู้สึกนั้นขึ้นมาจริงๆ บทเรียนที่ผ่านมามันราคาแพงเหลือเกินครับ ผมไม่กล้าพูดอะไรตอนนี้ ผมกลัว มันคงไม่เหมาะสม”
ชานยอลตอบออกไปด้วยสีหน้าลำบากใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับพี่หลี่ฟงแต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาได้เรียนรู้โลกมากกขึ้นเขาไม่อยากเดินซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว ชีวิตของเขามันยังไม่มีอะไรที่แน่นอนไม่รู้ว่าตอนไหนคุณคริสจะยอมหย่าให้เขา 1ปี2ปี หรือไม่มีวันถ้าตราบใดที่เขายังหาเงินมาคืนตระกูลอู๋ไม่ได้ แต่ถ้ามีวันนั้นวันที่เขาได้เลิกกับคุณคริสจริงๆ ถ้าเขาจะเริ่มต้นใหม่กับใครคงไม่ใช่เร็วๆนี้หัวใจของเขามันต้องการเวลารักษา
“พี่รู้ พี่เข้าใจ พี่ไม่คาดคั้น ไม่บังคับชานยอลหรอก แต่พี่ขออะไรบางอย่างได้มั้ย”
“ครับ?”
หลี่ฟงพยักหน้าเข้าใจกับเหตุผลของเด็กผู้ชายที่เขาชอบ เขาเองก็โตพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ เขาคงต้องรอให้คงวามสัมพันธ์ของคริสกับชานยอลชัดเจนกว่านี้ว่าจะอยู่หรือจะไป แต่เขามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอเรื่องเดียวที่คนที่ตกหลุมรักคนมีเจ้าของจะทำได้ แค่ได้เป็นตัวเลือกเขาก็พอใจ
“ถ้าวันใดที่ชานยอลเลิกกับคริสแล้ว ถ้าชานยอลต้องการใครสักคนคอยปกป้องขอให้นึกถึงพี่เป็นตัวเลือกแรกจะได้มั้ย”
“พี่ครับ..พี่หลี่ฟง พี่ช่างดีกับผมเหลือเกิน ถ้าวันนั้นมีจริงผมคงมองหาใครไม่เจอนอกจากพี่ ขอบคุณจริงๆที่ไม่รังเกียจผู้ชายมีมลทินของมีตำหนิอย่างผม”
“อย่าพูดอย่างนั้นสำหรับพี่แล้วยังไงชานยอลก็ยังเป็นเด็กผู้ชายที่งดงามและบริสุทธิที่สุดสำหรับพี่เสมอ”
ชานยอลครางชื่อผุ้ชายข้างกายออกมาเสียงแผ่ว พี่หลี่ฟงช่าสงแสนดีเหลือเกินดีเสียจนเขาระอายใจไม่อยากจะถอยหนีเสียให้ห่างเพราะกลัวอีกฝ่ายต้องแปดเปื้อน หลี่ฟงยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้างดงามนั้นช้าๆพร้อมกับพูดคำขอสุดท้ายออกไป
“ถ้าพี่ไปเกาหลี พี่ขอไปเยี่ยมชานยอลบ้างได้หรือเปล่า”
“ได้สิครับ ฮึก ..ผมยินดี ยินดีมากจริงๆ มานะครับพี่ ผมจะรอ”
“อื้ม รอพี่นะ พี่จะไปหา”
ทั้งสองเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบและเรื่องงานของหลี่ฟงอยู่สักพักแม่ของชานยอลก็มาตามลูกชายให้ไปขึ้นเครื่องทั้งสามเอ่ยล่ำลากันเรียบร้อยแล้วร่างสูงของหลี่ฟงก็เดินมาส่งสองแม่ลูกที่ประตูขาออก ชานยอลส่งยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดเท่าที่เขาจะปั้นได้ในตอนนี้ไปให้พี่หลี่ฟงหวังว่าพวกเขาสองคนจะมีโอกาสได้เจอกันภานในเร็วๆนี้ที่ประเทศเกาหลีตามที่อีกฝ่ายได้ให้สัญญาไว้ แล้วเขาจะให้การต้อนรับพี่หลี่ฟงให้ดีที่สุดในฐานะพี่ชาย
เมื่อรถยุโรปสีดำที่ชานยอลกับแม่นั่งอยู่จอดสนิทลงที่ประตูหน้าบ้านตระกูลปาร์คร่างของลูกชายคนโตของบ้านก็ปรากกฏขึ้นสู่สายตาของแม่และน้องชาย ชานยอลเปิดประตูรถร่างโปร่งวิ่งถลาเข้าไปกอดร่างของพี่ชายซึ่งกำลังยืนอ้าแขนรอเขาอยู่ด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
“ชานยอล น้องพี่”
“พี่ซูโฮ พี่ครับ ฮื่ออ”
ร่างของเขาถูกรัดแน่นด้วยแขนทั้งสองข้าวของพี่ชาย ชานยอลปล่อยโฮออกมาความรู้สึกอุ่นวาบรดลงที่ศีรษะจรดปลายเท้า วินาทีนั้นเองเขาถึงรู้ว่าคิดถึงบ้านคิดถึงพี่กับแม่มากแค่ไหน บ้านที่เขาเฝ้าคิดถึงเขาได้มายืนอยู่ตรงหน้ามันแล้ว
ซูโฮลูบเส้นผมนุ่มสลวยของน้องชายจูบลงไปบนศีระษะบาง นานเหลือเกินที่ไม่ได้เจอกัน เขาได้ฟังทุกอย่างจากคุณแม่ที่ต่อสายมาจากเมืองจีนแล้ว วินาทีแรกที่เขาได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาก็รู้สึกอย่าจะฆ่าผู้ชายคนั้นเหลือเกิน อู๋ อี้ฟาน คนที่ทำให้น้องเขาต้องเสียใจจนฆ่าตัวตาย ถ้าชานยอลมีความคิดถึงเขาก็คงมีหลากอารมณ์ที่ผสมกันไป ความรู้สึกผิด เสียใจ คิดถึง มากมายจนเขาบรรยายไม่ถูก
“พี่ขอโทษนะชานยอล พี่ขอโทษที่ทำให้น้องต้องเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ พี่ขอโทษนะชานยอล พี่โง่เอง พี่..อึก”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่เป็นไร ผมเต็มใจไปเอง แต่ตอนนี้แค่ได้กลับมาหาพี่กับแม่ผมก็ดีใจมากแล้ว”
“ดีแล้วที่กลับมา มาอยู่ที่บ้านเรา ที่นี้จะไม่มีใครทำร้ายชานยอลได้อีก”
ชานยอลปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งด้วยความตื้นตัน เขารู้สึกอบอุ่นที่หัวใจเหลือเกินเมื่อแม่เดินเข้ามากอดร่างของพวกเขาสองคนไว้ ชานยอลหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา เสียงหัวเราะแบบที่เขาไม่มีวันหัวเราะได้เลยในบ้านหลังนั้น ทั้งสามเดินเข้าไปในบ้านท่ามกลางเสียงร้องทักของบรรดาสาวใช้และนมเยจินที่รอเขาอยู่ ชานยอลได้แต่ภาวนาว่าขอให้ความสุขนี้อยู่กับเขาตราบนานเท่านาน
ชานยอลลืมตาขึ้นมาเพราะแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านสีครีมเข้ามาในห้องของเขา มันรบกวนการนอนของเขาเหลือเกิน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะนอนตื่นสายเพราะนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้นอนในบ้านของตัวเองไม่ใช่บ้านของคนอื่นอย่างที่แล้วมา แต่ตอนนี้เขาคงทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ ในเมื่อสมองของเขาถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นของอาหารจนสั่งให้ท้องของเขาต้องร้องประท้วงโครมครามทั้งที่เมื่อคืนก็กินเข้าไปเสียมากยังจะหิวอยู่อีกเหรอ ชายหนุ่มบ่นกับตัวเอง
ตอนนี้เขามีความสุขเหลือเกินเมื่อมีความสุขเขาก็นึกถึงพี่หลี่ฟงขึ้นมา พอคิดถึงก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ผู้ชายแสนดีคนนั้นทำให้เขามีรอยยิ้มได้เสมอยามที่เขานึกถึง ต่างจากอีกคน
คุณคริส ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณคริสจะเป็นยังไงบ้างจะอาระวาดให้คนที่บ้านได้เดือดร้อนเพราะเรื่องของเขาอีกหรือเปล่า จะใช้วิธีสกปรกกับเขาอีกมั้ย
“ชานยอลตื่นหรือยังลูก ได้เวลาอาหารแล้วจ๊ะ”
“ครับแม่ ตื่นแล้วครับ”
กำลังคิดถึงเรื่องที่ทำให้ตุวเองต้องเป็นกังวลเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคุณแม่ร้องเรียกชื่อเขา ชานยอลลุกขึ้นมาจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้คุณแม่ที่อยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง
“ผมนึกว่าแม่กับพี่ไปทำงานแล้วเลยไม่ได้รีบ ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่รอทานข้าวเช้าพร้อมลูกครอบครัวเราไม่ได้ทานข้าวเช้าด้วยกันนานแล้วนะ เร็วๆนะคะลูกแม่กับพี่รออยู่”
ชานยอลรับคำของมารดา ซอนยอลจุมพิตลงบนแก้มนิ่มของลูกชาย ร่างโปร่งมองดูหญิงสาวร่างระหงเดินออกไปจากห้องจนลับตาจึงเดินกลับเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เขาไม่อยากให้แม่กับพี่ต้องรอนาน
ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนักชานยอลก็เดินลงมาจากห้องแม่กับพี่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่บนโต๊ะ เมื่อเห็นเขาเดินลงมาทั้งคู่ก็ลดหนังสือในมือลง นมเยจินตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้เขาข้างมีน้ำส้มแก้วใหญ่วางอยู่ต่างจากแม่และพี่ชายที่ดื่มกาแฟทั้งคู่ เขารู้สึกชิงชังมันขึ้นมาจับใจมันทำให้เขานึกถึงใครบางคน
“แม่ครับ ผมขอไปทำงานได้มั้ย”
พวกเขาทั้งสามทานข้าวไปด้วยคุยกันไปด้วยแล้วชานยอลก็เอ่ยขึ้นเรียกสายตาของพี่และแม่ให้มองมาทางตน ชานยอลวางช้อนในมือลงหันไปคุยกับแม่และพี่อย่างจริงจัง
“ทำที่ไหนคะ”
“ยังไม่รู้เลยครับ แต่ผมคิดว่าถ้าผมจะกลับมาอยู่ที่นี้จริงๆคงต้องหางานทำ ผมเรียนจบแล้วจะให้มานานกินแรงแม่กับพี่อยู่ที่บ้านผมคงทำไม่ได้หรอก”
อุตส่าห์เรียนจบมาทั้งทีถ้าจะให้มานั่งๆนอนๆอยู่ในบ้านคงทำไม่ได้
“แล้วชานยอลอยากทำงานอะไรล่ะ จบนิเทศมานี้ อยากทำตรงสายงานหรือเปล่า”
“ยังไม่รู้เลยครับว่าจะทำอะไร”
แต่ถ้าถามว่าเขาจะทำงานอะไรตอนนี้ก้ยังไม่รู้ คงต้องหาสมัครงานตามบริษัท ความจริงถ้าเขาไปทำงานที่บริษัทแม่ก็คงไม่ขัด แต่มันไม่ใช่งานที่เขาถนัดจึงไม่อยากเสี่ยงถ้าเขาทำอะไรผิดพลาดบริษัทอาจจะเสียหายได้
“เอาอย่างนี้มั้ย มาช่วยงานแม่กับพี่ที่บริษัทจะได้อยู่ใกล้ๆกันไง”
“ผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะครับพี่”
“มาเป็นผู้ช่วยพี่สิจ๊ะ ให้พี่เขาสอนให้ อยากรู้อะไรก็ถามลูกของแม่เก่งจะตาย เดี๋ยวก้รู้เอง”
เมื่อแม่พูดอย่างนั้นเขาก็ไม่ขัดดีเหมือนกันเขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับแม่และพี่ให้นานๆชดเชยเวลาที่เสียไป กำลังจะยกช้อนตักอาหารขึ้นมาอีกกินอีกครั้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นสาวใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระกอบเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเด็กคนนั้นยุ่งเหยิงเหมือนคนที่กำลังเจอกับปัญหาใหญ่หลวง
“คุณผู้หญิงคะ โทรมาอีกแล้วค่ะ ตั้งแต่เช้านี้รอบที่10แล้วนะคะ”
“ไม่ต้องรับ ถ้ามันดังน่ารำคาญมากก็ถอดสายมันออกเลย”
“ใครหรือครับแม่”
“คนบ้าลูกไม่ต้องสนใจ”
ซอนยอลพูดกับลูกชายอย่างหัวเสีย ตั้งแต่เช้าแล้วโทรศัพท์ในบ้านก็ยังดังไม่หยุด ตอนแรกหล่อนก็รับสายอยู่หรอกนะแต่เมื่อรู้ว่าใครโทรมาหล่อนก็สั่งทุกคนในบ้านไม่ให้ปลายสายได้คุยกับคนที่ต้องการ
“คุณคริสใช่มั้ยครับแม่”
“จะมีใครเสียอีกล่ะ บ้าจริงๆ”
“ไม่ต้องกลัวนะ ชานยอลเพราะไม่ว่ายังไงแม่ก็ไม่มีทางให้ลูกคุยกับผู้ชายคนนั้นอีก”
ไม่ใช่ว่าเขาอยากคุยกับคุณคริส แต่เขากำลังกลัว นี้เป็นการยืนยันความคิดของเขาอีกอย่าง คุณคริสไม่มีทางรามือไปง่ายๆแน่ ถ้ามันถึงขีดสุดความอดทนของคุณคริส ผู้ชายคนนั้นต้องทำทุกวิถีทางแน่ๆไม่ว่ามันจะต่ำช้าแค่ไหนก็ตามเพื่อให้ได้เขาคืนกลับไป
TBC....
สวัสดีค่ะ รู้สึกว่าตอนนี้จะมีแต่น้ำ ฮ่าๆๆ ที่หายไปนานเพราะอาทิตย์ที่แล้วมีสอบค่ะ เหนื่อยมาก เลยแอบอู้นิดหน่อย ขอโทษนะคะ
พี่หลี่ฟงคัมแบคแล้ว ยังอบอุ่นน่ารักเสมอ จะบอกว่าเราชอบตอนนี้ที่มีพี่หลี่ฟงออกมาที่สุด 5555 รู้สึกว่าเป้นผู้ชายที่น่ารักจัง อยากได้บ้าง 5555 ชานยอลนี้ดชคดีจริงๆ
เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ขอบคุณค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวน #DDT ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น