คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #88 : CHAPTER 83
Distorted Daytime
ชานยอลปล่อยให้คริสกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ต่อต้านหรือขัดขืนใดๆ เป็นห่วงชานยอล? เป็นห่วงเขาอย่างนั้นหรือ ชานยอลอยากจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา คนอย่างคุณคริสน่ะหรือจะห่วงเขา คนที่ซ้อมเขาจนแขนหัก คนที่ทำร้ายจิตใจเขาจนต้องฆ่าตัวตาย คนที่..บอกว่าไม่เคยรักเขาเลย คนที่ทำแบบนี้จะเป็นห่วงเขาด้วยหรือ คุณคริสคิดจะหลอกอะไรเขาอีก หัวใจของเขายังโดนทำร้ายไม่พอหรือไง
คริสกอดร่างของชานยอลอยู่อย่างนั้น กำลังจะเคลิ้มหลับเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากหมอน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็คิดว่าคงเป็นอี้ชิงขึ้นมาเปลี่ยนเตียงให้ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากอนุญาต
“เข้ามา”
“ผมมาเปลี่ยนเตียงแล้วก็เอาของที่สั่งมาให้ครับ”
คริสรับถุงหลายใบมาจากมืออี้ชิง ชายหนุ่มสำรวจของทุกย่างก่อนจะพยักหน้าออกมาแสดงว่าพอใจกับเค้กช็อกโกแลตปอนด์ใหญ่ ช็อกโกแลตบาร์อีกหลายแท่ง รวมถึงโกโก้ร้อนสำหรับชงอีกหลายกระปุกที่ลูกน้องเอามาให้ ก่อนจะหันไปสำรวจผู้ชายสองคนในชุดยูนิฟอร์มร้านเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่เงียบๆข้างนอกประตู
“ช่างจากทางร้านครับ ถ้าให้ยกขึ้นมาทั้งเตียงคงทำไม่ได้”
“อื้ม เข้ามา”
คริสพยักหน้าเข้าใจเหตุผลของอี้ชิง ยอมปล่อยให้ช่างประกอบเตียงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปหาร่างโปร่งที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง เขารู้จากการหายใจว่าชานยอลยังไม่หลับ ขายาวสาวเท้าเดินเข้าไปชิดกับเตียงก้มหน้าลงแทบชิดกับใบหน้าหวาน
“พี่ให้คนเขามาเปลี่ยนเตียง ลุกขึ้นก่อนนะเดี๋ยวก็ได้นอนสบายๆแล้ว”
เขาไม่เห็นว่าเตียงของโรงพยาบาลจะนอนไม่สบายตรงไหน ชานยอลคิด แต่ความคิดของเขาก็เป็นอันสะดุด เสียงร้องเพราะความตกใจหลุดมาจากเรียวปากอิ่มเมื่อร่างของเขาถูกยกขึ้นสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว ชานยอลดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาตาขวาง
“ปล่อย!”
“พี่ไม่ได้ทำอะไร แค่จะอุ้มเฉยๆ”
ชานยอลเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากแต่มันกลับดูมั่นคงหนักแน่น ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาจะไหลออกมาเสียให้ได้ เขารังเกียจ รังเกียจสัมผัสของผู้ชายคนนี้ ไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้ถูกตัวเขาแม้แต่ปลายเล็บ
คริสมองใบหน้าหวานของคนในอ้อมแขนด้วยสายตาอ่อนโยน ปากอิ่มที่เคยเป็นสีแดงสดบัดนี้กลับซีดเซียวไม่ต่างจากใบหน้า ดวงตากลมสีแดงช้ำมีน้ำสีใสคลอที่หน่วยตา จมูกโด่งสวยแดงกล่ำ แต่ทั้งหมดที่พูดมาก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหวานชวนมองน้อยลงแม้แต่นิด ชานยอลยังน่ารักเสมอในสายตาเขา คริสกดปลายจมูกลงบนหน้าผากมนอย่างอดใจไม่อยู่
“อย่า! ฮึก”
เพียงแค่นั้นน้ำตาของชานยอลก็หยดแหมะ ร่างโปร่งสะอื้นฮักแผ่นหลังสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกกลัว เขายังไม่พร้อมกับเรื่องอะไรแบบนั้น คริสถึงกับตกใจที่อยู่ๆคนในอ้อมกอดก็ร้องไห้ ชายหนุ่มรีบอธิบายออกมาเป็นคำพูด
“พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะชานยอล”
“อย่าทำผม อย่าทำผม ฮื่ออ”
คริสอ้าปากค้าง พูดอะไรออกมาไม่ถูก เขายังไม่ได้ทำอะไนสักนิดนี้ชานยอลกลัวเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ นี้ชานยอลคิดว่าเขาจะทำอะไร ก่อนที่ร่างโปร่งจะเข้าใจผิดอะไรเขามากไปกว่านี้คริสก็วางร่างลงในอ้อมแขนให้นอนลงบนโซฟาอย่างทะนุถนอม มองร่างโปร่งที่กำลังยกมือปิดหน้าปิดตาร้องไห้จนตัวสั่นด้วยสายตาเจ็บปวด คริสได้แต่มองอย่างอยู่อย่างนั้นโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลยอยากจะดึงร่างนั้นเข้ามากอดแต่กก็กลัวว่าจะทำให้ชานยอลร้องไห้หนักกว่าเดิมจึงได้แต่พูดปลอบอยู่ห่างๆ
“ชานยอลหยุดร้องเถอะ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก”
คริสพยายามพูดอย่างใจเย็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงอาระวาดบอกให้เด็กคนนี้เลิกร้องไห้ได้แล้วเพราะความรำคาญ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเพราะแค่เป็นเรื่องของชานยอลทุกอย่างก็ดูสำคัญสำหรับเขาไปเสียหมด
แต่ชานยอลก็ไม่ฟัง เขายังคงร้องไห้อยู่แบบนั้น แค่โดนคุณคริสจับต้องร่ายกายส่วนไหนมันก็เหมือนร้อนวูบไปหมด หัวใจของเขาเหมือนจะหยุดเต้น เขายังจำรสมือของร่างสูงได้ดีว่ามันเจ็บมากแค่ไหน อยากจะหยุดร้องไห้เพราะกลัวอีกฝ่ายไม่พอใจจะลุกขึ้นมาทำร้ายเขาอีก เขากลัวคุณคริสไม่ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะดีกับเขามากแค่ไหนก็ตาม
“ผลไม้มาแล้วค่ะ”
“ยาย..ชานยอลร้องไห้”
“เป็นอะไรคะ?”
“ไม่รู้ ผมไม่ได้ทำอะไรน้องเลยนะครับ”
คริสอธิบายทุกอย่างให้คุณยายหลี่ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมจานใส่ผลไม้ หญิงชราเดินหน้ายุ่งเข้ามาหาร่างโปร่งที่เพิ่งยอมลดมือลงเมื่อรู้ว่าใครเข้ามา ชานยอลโผล่ซบอกคุณยายทั้งน้ำตา ร้องไห้งอแงออกมาเหมือนเด็ก
“ยาย อย่าทิ้งผมไปอีก ฮึก ผมกลัว”
“กลัวอะไรคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ”
“ฮึกๆ”
“ยายเอาผลไม้มาให้ คุณทานยาหรือยังคะ?”
“ผมลืมไปเลยครับยาย ชานยอลพี่ขอโทษนะ เดี๋ยวไปหยิบมาให้”
คริสเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเอายาให้คนป่วยกิน ชายหนุ่มเดินไปหยิบยาบนรถเข็นอาหารพร้อมกับบ่นกับความสะเพร่าของตัวเองในใจ คริสเดินเอาแก้วเล็กที่มียาหลากสีบรรจุอยู่ในนั้นมาหยุดลงที่ข้างโซฟาตัวใหญ่คุกเข่าลงกับพื้นยื่นยาไปให้ชานยอลที่ยังไม่ยอมผละออกจากคุณยาย
“ชานยอล กินยานะ”
คริสเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว ชานยอลสูดลมหายใจเข้าปอดยอมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแต่ก็เพียงแวบเดียวใบหน้าหวานก็เบี่ยงหนี ไม่ยอมหยิบยาขึ้นมาทานจนคุณยายต้องเอ่ยปากเตือน
“ทานยานะคะ จะได้หายเร็วๆไง คุณนอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ยายไม่ชอบเลย”
คุณยายพูดกับเด็กอายุ22ที่ยังกอดตัวเองไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง คุณชานยอลเข้าโรงพยาบาลบ่อยจนโรงพยาบาลจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองคนยายก่อนจะเอื้อมมืออันสั่นเทาไปรับยามาถือไว้เอง คริสฉีกยิ้มกว้าง ยื่นน้ำเปล่าไปให้อีกครั้ง
ร่างโปร่งทานยาเสร็จก็เอนหลังพิงกับเบาะ เขาอยากกินผลไม้ที่คุณยายเอามาแต่คุณยายบอกว่าเพิ่งทานยาเสร็จยังกินตอนนี้ไม่ได้ เขาจึงได้แต่มองอี้ชิงกับพนักงานของร้านเฟอร์นิเจอร์ช่วยกันประกอบเตียง มันเสร็จไปแล้วกว่าครึ่ง มองดูอยู่อย่างนั้นไม่ได้สนใจว่าร่างสูงที่นั่งมองเขาอยู่ปลายโซฟาจะทำอะไร แล้วเขาก็รู้สึกว่าหนังตาตัวเองหนักอึ้งก่อนจะเผลอหลับไปอย่างมี่รู้ตัว
“ชานยอลหลับแล้ว”
“ค่ะ ยายคลายเครียดคงจะออกฤทธิแล้ว เดี๋ยวยายเอาจานผลไม้ไปเก็บไว้ที่ตู้เย็นนะคะ คุณจะทานอะไรหรือเปล่า”
คริสส่ายหน้าปฏิเสธใช้มือลูบกลุ่มเส้นผมนุ่มของชานยอลอย่างเบามือเพราะกลัวว่าจะทำให้คนที่เพิ่งหลับไปสะดุ้งตื่น ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนิ่มเบาๆคริสยิ้มออกมาเมื่อใบหน้าหวานทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนรำคาญ ชานยอลเหมือนเด็กอายุ10ขวบเลย ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะหันไปถามคุณยายที่กำลังยืนอยู่ถึงใครอีกคน
“เพ่ยฟางเป็นยังไงบ้างครับยาย”
“ตอนที่ยายออกมาหลับไปแล้วค่ะ หลับไปพร้อมกับคุณหนูเล็ก”
“เหรอครับ เดี๋ยวผมจะออกไปดูเธอกับลูกเสียหน่อย ฝากยายดูชานยอลด้วยนะครับ เดี๋ยวผมมา”
คริสฝากฝังชานยอลไว้กับคุณยายที่รับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี ก่อนจะเดินออกไปจากห้องไปหาใครอีกคนที่เขารักไม่แพ้กัน เปิดประตูเข้าไปเขาก็เห็นเพ่ยฟางนอนหลับอยู่บนเตียงข้างๆกันมีรถเข็นสำหรับเด็กอ่อนตั้งอยู่ เขาพยายามเดินให้เบาที่สุดไปหาลูก ก้มลงไปจุมพิตแก้มใสของเด็กน้อยที่เขาแสนรัก ภาพของลูกที่กำลังหลับทำมให้เขาเผลอยิ้มออกมา ลูกที่ยังไม่มีชื่อ อี้ชิงบอกเขาก่อนออกมาจากห้องว่าคุณแม่จะมาถึงจีนในวันพรุ่งนี้ ลูกของเขาจะได้มีชื่อเรียกเสียที
“พี่คะ”
“อ้าว เพ่ยฟาง พี่ทำให้เธอตื่นหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ คุณชานยอลเป็นยังไงบ้างค่ะ”
คริสส่งยิ้มไปให้หญิงคนรักที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงความกังวลฉายชัดบนใบหน้า เพ่ยฟางก็เป้นแบบนี้แหละถึงตัวเองจะไม่สบายเหมือนกันแต่ก้ยังมีน้ำใจถามถึงคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของชานยอล
“กินข้าว กินยาแล้วก็เพิ่งหลับไป ชานยอลไม่ยอมพูดกับพี่เลยเพ่ยฟาง”
“เรื่องธรรมดาค่ะ คุณชานยอลไม่ด่าพี่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว” หญิงสาวยิ้มออกมา
“ถ้าเป็นแบบนี้ด่าพี่ ตีพี่ยังจะดีเสียกว่า นี้พี่เข้าใกล้แทบจะไม่ได้ พูดด้วยก็ไม่พูด จะจับเนื้อตัวหน่อยก็ตัวสั่น แถมร้องไห้ออกมาจนพี่ตกใจทั้งที่พี่ไม่ได้ทำอะไรสักนิด”
ชายหนุ่มพูดอย่างกลุ้มใจทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงคนไข้ ดึงมือเพ่ยฟางที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ขึ้นมากุมไว้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เขาไม่สบายใจแล้วเพ่ยฟางยิ้มทำไม
“ยิ้มทำไม?”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ขำพี่เฉยๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง วันที่พี่วิ่งตามคุณชานยอลที่พี่เคยเมินมาตลอด ฉันเคยบอกพี่แล้วใช่มั้ยคะ? ว่าไม่มีอะไรอยู่กับเราไปตลอดหรอกค่ะ บีบเขามาก บังคับเขามาก สักวันเขาก็จะหาทางหนีไปจากเรา รู้แล้วใช่มั้ยคะ คนเราถ้ามันจนตรอกก็ทำได้ทุกอย่างนั้นแหละค่ะ”
“พี่รู้แล้ว พี่ขอโทษ”
“ฉันเคยบอกพี่แล้วใช่มั้ยคะ?ว่าคนที่พี่ควรจะขอโทษไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคุณชานยอลต่างหาก พี่พูดกับเธอหรือยังคะ”
“ยัง”
“นี้พี่จะยังรออะไรอีกค่ะ! นี้ขนาดคุณชานยอลฆ่าตัวตายแล้วนะคะ โชคดีแค่ไหนแล้วที่แกรอดมาได้ จะต้องให้คุณชานยอลตายไปจริงๆใช่มั้ย?”
“พี่...จะพูดเพ่ยฟาง แต่ขอเวลาพี่ก่อนได้มั้ย”
ชายหนุ่มก้มหลบไม่กล้าสบสายตาคมกริบที่มองมาทางตน เขาอยากจะพูดคำว่าขอโทษแต่แวบหนึ่งความคิดที่ว่าชานยอลเองก็มีส่วนผิด และ ทิฐิที่มีอยู่ในใจก็ตั้งเป็นกำแพงสูง เขารักชานยอลเขายอมรับ แต่ให้พูดคำว่ารักตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าเขาขอเวลา ขอโอกาสดีๆสักครั้งแล้วเขาจะพูดคำนั้นกับชานยอลเอง
“ช่างเถอะค่ะ จะทำอะไรก็แล้วแต่พี่ แต่พี่ทำได้ขนาดนี้ฉันก็ว่าดีมากแล้ว พยายามต่อไปนะคะ ดีกับเธอมากๆ เอาใจเธอมากๆ ตอนนี้เธออาจจะเกลียดพี่ โกรธพี่ แต่เดี๋ยวเธอก็หาย คุณชานยอลเป็นคนใจอ่อน เดี๋ยวก็คงให้อภัยพี่เองแหละค่ะ”
“อื้อ”
“แต่อย่าทำอะไรให้เธอโกรธหรือคิดมากนะคะ สิ่งที่พี่ทำมันเหมือนเป็นปม เป้นบาดแผลในใจของคุณชานยอลอย่าทำอะไรให้ไปสะกิดบาดแผลในใจนั้นขึ้นมาอีก เธออาจจะอารมณ์แปลปรวนบ้างก็อย่าโกรธอย่าถือสาเลยนะคะ”
“พี่เข้าใจแล้วเพ่ยฟาง พี่จะพยายาม เธอก็พักซะนะ พี่เข้ามากวนให้เธอตื่น พรุ่งนี้คุณแม่จะมาถึงแล้ว เตรียมตั้งชื่อลูกได้เลย”
“ค่ะ อ้อ พี่ไม่ต้องมาเฝ้าฉันหรอกนะคะ ดูแลคุณชานยอลเถอะ อยู่ที่นี้ฉันมีพยาบาลพิเศษกับเหวินฉีแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“จะดีเหรอเพ่ยฟาง พี่ว่าพี่...”
“ดีแล้วค่ะ คุณชานยอลต้องการกำลังใจมากๆ พี่อยู่ดูแลเธอเถอะนะคะ”
คริสมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ในเมื่อเพ่ยฟางยืนยันแบบนั้นแล้วชายหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้า ก่อนจะหันไปถามขึ้นอีกเมื่อนึกขึ้นได้
“พี่ให้เขามาเปลี่ยนเตียงให้ชานยอล เพ่ยฟางจะเปลี่ยนด้วยมั้ย จะได้นอนสบายๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ แค่นี้ก็สบายมากแล้ว พี่ไปหาคุณชานยอลเถอะค่ะ ฉันอยู่ได้ ฝากบอกคุณชานยอลด้วยแล้วกันนะคะ ว่าถ้าฉันเดินได้เมื่อไหร่ ฉันจะไปเยี่ยม”
คริสยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะก้มหน้าลงไปจุมพิตบนริมฝีปากบางอย่างรักใคร่ เพ่ยฟางใจดีเข้าอกเข้าใจเขาแบบนี้เสมอ ชายหนุ่มเหยียดตัวลุกขึ้นเดินไปหาลูกที่กำลังหลับอยู่บนรถเข็น เขาอยากจะอุ้มลูกอีกสักครั้งแต่ก็กลัวว่าจะทำให้เด็กน้อยตื่น จึงได้แต่ก้มลงจูบที่แก้มใส มองลูกอยู่สักพักก่อนจะตัดใจเดินออกมาจากห้อง
เขาเข้ามาในห้อง อี้ชิงกับพนักงานร้านเฟอร์นิเจอร์ก็กำลังจัดเตียงอยู่ ขนาดความกว้างของเตียงใหญ่พอดีสำหรับความต้องการของเขา ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาร่างโปร่งที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวเดิมด้วยความเป็นห่วงถึงจะมีคุณยายหลี่อยู่ข้างๆเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เมื่อเตียงถูกจัดเรียบร้อยแล้ว คริสจึงก้มช้อนตัวร่างโปร่งขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน พยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่าคนที่กำลังหลับอยู่จะตื่นขึ้นมา วางร่างนั้นบนเตียงอย่างทะนุถนอมจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ดูแลเป็นอย่างดีสำรวจทุกอย่างว่าขาดเหลืออะไรมั้ยก่อนจะสั่งอี้ชิงให้กลับไป
“คุณยายกลับบ้านเลยมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะให้อี้ชิงแวะไปส่ง”
“แล้วคุณชานยอลล่ะคะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลน้องเอง”
“ก็ได้ค่ะ เมื่อกี้เหวินฉีเอาซุปทะเลที่คุณชานยอลอยากทานมาให้ ยายเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ ถ้าคุณหิวก็เอามาอุ่นไมโคเวฟทานได้เลย เดี๋ยวยายจะสั่งพยาบาลพิเศษไว้ให้ ผลไม้ก็เหมือนกัน ยายปลอกไว้แล้ว ทานได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับยาย”
คริสขอบคุณคุณยายอย่างซึ้งใจ เดินออกไปส่งหญิงชราที่หน้าประตู ก่อนจะหันไปมองคนป่วยที่กำลังหลับอยู่ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ไม่รู้ชานยอลจะตื่นขึ้นมากินมื้อเย็นมั้ย วันนี้ทั้งวันได้กินข้าวแค่คาบเดียว ชายหนุ่มคิดด้วยความเป็นห่วงทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้ทานอะไรทั้งวัน
คริสนั่งมองใบหน้าหวานของคนที่เขารักอยู่อย่างนั้น มองเหมือนกลัวว่าจะมีใครมาพรากเอาชานยอลไป ไม่กล้าแม้จะละสายตัว จนความง่วงเข้ามาเล่นงาน ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง โอบกอดร่างของชานยอลไว้ด้วยแขนข้างซ้าย ก้มลงจูบลงที่ขมับอย่างรักใคร่ ก่อนจะเผลอหลับไปอีกคน
“มะ มะ ไม่ ฮึก อย่า”
ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย ร่างโปร่งหอบหายใจถี่กำชายเสื้อไว้แน่น ในฝันเขาเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังเงื้อมือจะฟันดาบลงบนตัวเขา เขาร้องไห้ เขาวิ่งหนี แต่หนียังไงก็ไม่พ้น เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาร้องหาแม่ หาพี่ แม้แต่พ่อ ที่เขาเห็นเพียงแค่ในกรอบรูป เขาไม่เจอใคร ปีศาจตัวนั้นยกเขาขึ้นทั้งตัว แขนข้างขวาของเขาถูกฟันหลุดจากร้าน เขาเจ็บปวดตกใจสะดุ้งตื่น
“ฮึก ฮึก”
ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง ความมืดยามค่ำคืนทำให้เขากลัว หลับตาตั้งสติอยู่สักพักเขาจึงเริ่มรู้สึกตัว ชายเสื้อที่เขากำอยู่ไม่ใช่ของเขา สิ่งที่เขานอนทับอยู่ไม่ใช่เบาะนุ่ม แต่มันเป็นแผ่นอกที่กำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของใครสักคน แถมมีอะไรหนักๆทับที่ตัวเขาไว้
เปลือกตาสีช้ำลืมขึ้นช้าๆอาศัยแสงจันทร์ที่รอดผ่านผ้าม่านเข้ามาเป็นแสงนำทาง ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นสิ่งแรกที่เขาเห็นคือปลายคางยาว กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่เขาจำได้ดี ใบหน้าหล่อเหลากำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ภาพนั้นทำให้เขาอยากร้องไห้
“ฮื่อ ฮื่อ”
ร่างโปร่งดีดตัวลุกขึ้นนั่งร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เล่นเอาคริสที่กำลังหลับอยู่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ร่างสูงมองคนที่คนที่กำลังร้องไห้อยู่อย่างทำตัวไม่ถูก ตั้งสติได้เขากฌ็ดึงตัวชานยอลเข้ามากอดไว้ เพียงแค่จับแขนชานยอลก็สะบัดตัวอย่างแรง กรีดร้องเสียดัง
“อย่ามาจับ อย่ามาใกล้ผม ออกไปนะ!”
“ชานยอล เป็นอะไร”
“ฮื่อๆ”
“ฝันร้ายเหรอ เป็นอะไร หรือว่าเจ็บแผล”
คริสถามออกมาด้วยความเป็นห่วงระคนตกใจ แต่ชานยอลก็ไม่ยอมตอบ ร่างโปร่งทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้งทั้งที่ยังร้องไห้อยู่อย่างนั้น คริสมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ชานยอลยังคงนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นเขาไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าถามจึงได้แต่หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างที่กำลังสั่นนั้นไว้ ก่อนจะก้มตัวนอนลงอีกครั้ง ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาเพราะกลัวว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาชานยอลจะจากเขาไป
ชานยอลไม่ได้เป็นอะไร เขาไม่ได้เจ็บแผล ไม่ได้กลัวกับฝันร้ายนั้น แต่เขากำลังเกลียดตัวเอง เกลียดที่เพิ่งรู้ตัวว่าโหยหาอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนั้นมากเพียงใด
TBC....................
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวน #DDT ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น