คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : CHAPTER 46
“ไปแต่งตัวสิ”
คริสพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนที่เขามาอาศัยนอนในบางคืน เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาน่ารักนั่งอยู่บนเตียงกำลังอ่านหนังสือทบทวนความรู้ในวันหยุด ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือ มองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“ไปไหนครับ?”
“ไปซื้อของไง”
“ของอะไร?”
มาถึงตอนนี้แล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคุณคริสต้องการอะไร อยู่ๆก็เดินเข้ามาในห้องแล้วก็บอกให้เขาไปแต่งตัว
“เมื่อวาน..นายบอกว่ามีของที่ต้องซื้อไม่ใช่เหรอ?”
“อ่า..ใช่ครับ”
ร่างโปร่งร้องอ๋อ ลืมสิ่งที่ตัวเองโกหกไว้เสียแล้ว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพยายามชั่งใจว่าจะไปดีหรือเปล่า ถ้าเขาปฏิเสธคุณคริสคงไม่ว่าอะไร แต่ถ้าทำอย่างงั้นเขาก็ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้อง แต่เขาไม่อยากไปกับร่างสูงนี้นา เขาอยากไปกับพี่หลี่ฟงมากกว่าให้เขาไปคนเดียวไม่ได้หรือไง แล้วความคิดทั้งหมดของเขาก็หยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของคุณคริส
“เพ่ยฟางจะไปซื้อเสื้อคลุม เขาชวนนายไปด้วย”
ชานยอลทิ้งปากกาในมือลงกับพื้นเตียง ถอนหายใจออกมานึกแล้วไม่มีผิด ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอจะใจดีพาเขาออกไปซื้อของข้างนอกถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นสั่ง มือเรียวหยิบเอกสารบนเตียงขึ้นมาอ่าน รู้สึกถึงความเจ็บที่เขาพยายามจะลืมแล่นขึ้นมาในอก
“พวกคุณไปเถอะ สมุด ดินสอ ปากกาผมยังพอมี ว่างๆจะไปซื้อเอง”
“ไปแต่งตัว ฉันจะรอ”
“คุณคริส..ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะเอาผมไปด้วยทำไม พวกคะ..”
“ถ้าฉันไปกับเพ่ยฟางสองคน คนอื่นจะสงสัย ลุก!ไปแต่งตัวได้แล้ว”
คริสเน้นประโยคสุดท้ายทีล่ะคำ ชานยอลถอนหายใจออกมาดังพรืด เขาก็มีประโยชน์แค่ตอนเวลาจะออกไปข้างนอกกับคนรักและเวลาอยู่บนเตียงเท่านั้นสินะ ก็ใช่สิ แต่งงานแล้วแต่กลับไปเดินซื้อของกับผู้หญิงคนอื่นแถมกำลังตั้งท้องเสียด้วยใครจะไม่สงสัย
ร่างโปร่งลุกจำใจลุกขึ้นจากเตียง บอกตัวเองให้ท่องคำว่าเกาหลี แม่ และพี่ชายไว้ในใจ จะได้ไม่เผลออาระวาดออกไปอย่างใจนึก หยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้ไม่ได้พิถีพิถันในการเลือกนักหยิบตัวไหนได้เขาก็สวมลงไป คริสมองท่าทางนั้นอย่างไม่พอใจเอ่ยปากสั่งให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของตน
“ไม่เอาตัวนั้น เอาเสื้อเชิ้ตสีฟ้า”
“แต่ว่า..”
“สีฟ้า ชานยอล”
แล้วเขาจะขัดได้อย่างนั้นเหรอ มือเรียวเอื้อมไปหยิบเสื้อสีฟ้าตามที่คริสสั่งด้วยอาการกระแทกกระทั้น จัดการทุกอย่างให้เขาเรียบร้อยแล้วร่างสุงก็เดินนำออกไปจากห้องลงมายังชั้นล่างของบ้านที่มีเพ่ยฟางยืนรอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม คงจะดีใจมากสินะที่จะได้ออกไปซื้อของกับสามีโดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนเมื่อครั้งก่อนแถมมีเขาพ่วงท้ายเป็นไม้กันหมาไม่ให้นักข่าวสงสัยอีก ชายหนุ่มคิดอย่างอคติในใจ
“ลงมาแล้วเหรอคะพี่อู๋ฟาน คุณชานยอล”
“อื้อ ไปสิ”
คริสตอบรับแล้วเดินนำทั้งสองออกไปหน้าบ้านรถซีดานสีดำจอดรออยู่โดยมีคุณลุงถังยืนเช็คตรวจความเรียบร้อยอยู่ไม่ห่าง คริสเดินอ้อมไปขึ้นรถตรงฝั่งคนขับ ปล่อยให้ชายหนุ่มหญิงสาวยืนอึกอักทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างหลัง
“เธอไปนั่งหน้า”
“แต่ว่า..”
“ไปนั่ง!”
ชานยอลพูดสั่งให้หญิงสาวที่กำลังยืนทำตัวไม่ถูกไปนั่งประจำที่ที่เคยเป้นของตน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูด้านหลังสอดตัวเข้าไปนั่งในนั้น หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง คริสมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย ถึงแม้จะบอกว่าจะยอมเชื่อฟังเขาทุกอย่างแต่เด็กคนนี้ก็ยังมีบทดื้ออยู่ดี เพ่ยฟางก้าวขึ้นไปนั่งบนรถข้างคนขับ ก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างไม่สบายใจแล้วมือหนาก็เอื้อมมากุมมือหล่อนไว้ หญิงสาวชักมืออกอย่างตกใจเงยหน้าขึ้นมองกระจกหลังภาพสะท้อนจากกระจกทำให้หล่อนต้องใจหาย
ชานยอลเบื้อนหน้าหนีจากภาพนั้น ฝ่ามือหนาอบอุ่นที่เขาเคยได้สัมผัสความรู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ได้รับมันเมื่อครั้งก่อนยังไม่จางหาย แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ของเขา มันเป้นของหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของผู้ชายคนนั้นต่างหาก ศีรษะทุยเอนลงซบเบาะหนัง หันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ภาพผู้ชายที่เขาเฝ้าคิดถึงรอเข้ามาในสมอง ‘พี่หลี่ฟงครับ ผมอยากเจอพี่เหลือเกิน’
ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งใหญ่ใจกลางกรุงปักกิ่ง ชานยอลเดินตามหลังร่างชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนที่กำลังเลือกเสื้อผ้าในโซนสตรีด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย มองไปรอบก็เจอแต่เสื้อผ้าของผู้หญิง เขาอยากออกไปจากตรงนี้ใจจะขาด แต่ก็ติดที่มีสายตาเรด้าของร่างสูงคอยมองมา
“อุ้ย พี่อู๋ฟาน เพ่ยฟางขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
“อื้อ ไปสิ”
เพ่ยฟางมองโทรศัพท์อย่างยินดีเมื่อเห็นรายชื่อที่โทรเข้ามาเอ่ยขออนุญาตคนรักก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นเมื่อได้รับอนุญาต คริสหันมามองเด็กหนุ่มร่างสุงโปร่งที่ยืนหันหน้าหันหลังอยู่ข้างๆ ชานยอลหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกมอง สบสายตากับดวงตาคมที่จ้องมาทางเขาไม่กระพริบ
“ผมขอเดินลงไปดูหนังสือข้างล่างนะครับ”
“เดี๋ยวจะพาไป”
“ไม่ต้องก็ได้ครับ คุณพาเพ่ยฟางซื้อของเถอะ ผมลงไปดูเองก็ได้”
เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างหวังให้ร่างสูงใจอ่อน แต่แล้วก็คุณคริสก็พูดดับฝันเขาที่มีอยู่น้อยนิดเสียสนิทด้วยการยืนยันคำพูดเดิมของตน
“ฉันจะพาไป”
“แต่ว่าผมอยากไปซื้อคนเดียวนี้นา”
“ทำไมอยากไปคนเดียว!”
“มีอะไรกันเหรอคะพี่อู๋ฟาน..คุณชานยอล”
หญิงสาวที่เพิ่งกลับมาจากการรับสายเพื่อนสนิทจากทางไกลเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสองหนุ่มกำลังจะก่อสงครามกลางห้างกันแทนที่บ้าน หล่อนมองหน้าพี่อู๋ฟ่านกับคุณชานยอลสลับกันไปมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูดออกมาก่อน แล้วก็เป็นคริสที่ถอนหายใจออกมายุติปัญหาทั้งหมดด้วยคำพูดของตน
“ชานยอลจะลงไปซื้อของด้านล่าง”
“อ้อ ถ้างั้นพี่พาคุณชานยอลไปสิคะ เดี๋ยวฉันซื้อของเสร็จจะตามลงไป”
“เธออยู่ได้นะ”
“ได้สิคะ อี้ชิงก็อยู่”
“งั้นพี่ไปนะ”
“แต่ฉัน..”
ชานยอลกำลังจะค้านขึ้นเมื่อไม่มีใครฟังความต้องการของเขาเลย เขาไม่ได้อยากไปกับคุณคริส ไม่เขาใจหรือไง แต่ข้อมือเขาก็ถูกเกาะกุมพร้อมแรงดึงที่กระชากให้เขาเดินตามตัวเองไป
“ตามมา”
“ผมเดินเองได้!.......ไม่ต้องจับครับ”
ร่างโปร่งผ่อนเสียงประโยคสุดท้ายลงเมื่อเห้นสายตาถมึงทึงที่ร่างสูงใช้มองตน ยอมเดินตามแผ่นหลังกว้างลงไปยังชั้นล่างของห่างเงียบๆ เมื่อถึงร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนคุณคริสก็ยื่นตะกร้าใส่ของในมือให้เขา มือเรียวรับมันมาอย่างเสียไม่ได้ ขาเรียวเดินไปที่แผนกขายสมุดเป็นอันดับแรก
“เอาแบบนั้นสิ เขียนดีนะ”
“ผมชอบแบบนี้มากกว่า”
คุณคริสพูดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินมายังแผนกเครื่องเขียน ปากกาในมือที่ตนอยากได้ถูกดึงออกไปแทนที่ด้วยปากกาด้ามที่ร่างสุงแนะนำ ชานยอลหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาตาขวาง เรื่องแค่นี้ทำไมต้องบังคับกันด้วย
“แบบนี้ดีกว่า”
ถ้าไม่ใช่เพราะอยากกลับบ้านเขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด ชานยอลคิดในใจหยิบปากการุ่นที่ร่างสูงเลือกให้ลงในตะกร้าสองสามด้าม ก่อนจะเดินไปคิดตังค์ คุณคริสชำระเงินทุกอย่างด้วยเงินสดเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินออกมาสมทบกับเพ่ยฟางที่ยืนรออยู่กับอี้ชิง
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ได้ครบทุกอย่างหรือเปล่า”
“ครบค่ะ แล้วคุณชานยอลล่ะคะ”
“ครบ”
ร่างโปร่งตอบเสียงสั้นห้วน ใบหน้าหวานบึ้งตึงคล้ายไม่พอใจ หญิงสาวหันกลับมามองหน้าคนรักของตัวเองเหมือนจะถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่า แต่คริสก็หลบสายตานั้นเดินนำออกไปเป็นคนแรก
“เราจะไปไหนกันคะ”
“หาอะไรกินไง ถือหิวหรือยัง”
“หิวแล้วค่ะ เราจะทะ...”
“งั้นผมกลับบ้านนะ พวกคุณกินเถอะ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
ชานยอลโพล่งออกมาทันทีเมื่อได้ยินว่าคริสกำลังจะพาไปทานข้าวต่อ ทั้งเพ่ยฟางและคุณคริสหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าต่างอารมณ์ คริสมองดูเด็กหนุ่มที่คอยแต่จะขัดใจเขาทุกอย่างผิดกลับที่เคยว่าไว้ว่าจะเชื่อฟังเขาด้วยสายตาไม่พอใจ หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มจึงต้องตัดปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยการบอกให้กลับทานข้าวที่บ้านเพราะเห็นใจร่างโปร่งที่ต้องออกมาทานข้าวพร้อมกันสามคนนอกบ้าน
“งั้นเรากลับไปทานข้าวที่บ้านกันนะคะ”
“แต่มันดึกแล้วนะเพ่ยฟาง”
“ยังไม่ดึกหรอกค่ะ แค่2ทุ่มเอง”
“กลับไปจะมีอะไรกิน เราบอกคุณยายว่าจะทานข้าวข้างนอก ที่บ้านไม่ได้เตรียมอะไรไว้หรอก”
“พวกคุณจะเถียงกันทำไม ให้ผมกลับบ้านคนเดียวก็พอแล้ว พวกคุณอยากทานอะไรก็ไปทานเถอะ”
ร่างโปร่งพูดขึ้นอย่างเหลืออดเดินออกไปจากบริเวณนั้นมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้างทำไมต้องทำเหมือนเขาเป็นตัวปัญหาด้วย เขาแค่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใครเวลาสวีทกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเกรงใจเขาไง โอ๊ะ ใช่สิ สองคนนั้นทำอะไรก็ไม่เคยเกรงใจเขาอยู่แล้ว จะมีไม่มีก็คงไม่ต่างกัน
“ตามคุณชานยอลไปสิคะพี่อู๋ฟ่าน”
“ช่างมัน!”
“อี้ชิง ไปตามคุณชานยอลที”
เมื่อบอกคนรักตัวเองไม่ได้ผล หญิงสาวจึงหันไปบอกอี้ชิงที่ยืนหันรีหันขว้างอยู่เพราะทำตัวไม่ถูก แต่คำสั่งของเจ้านายก็ทำให้เขาต้องหันกลับมามองสบตาหญิงสาวที่กำลังยืนทำหน้าตกใจที่เห็นคุณชานยอลเดินหายออกไปจากห้างเพียงลำพัง
“ไม่ต้องไป!มันอยากไปไหนก็ให้มันไป”
“แต่ว่าพี่คะ คุณชานยอล..”
“ไปกินข้าวเพ่ยฟาง เลยเวลาอาหารมานานแล้ว”
คริสเดินนำออกไปอย่างหัวเสีย โดยมีเพ่ยฟางเดินตามหลังไปติดๆเสียโต้เถียงกันดังไปตลอดระยะทางจนถึงร้านอาหาร ความเห็นที่ต่างกันทำให้อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยอย่างที่คิด
ชานยอลโยนสิ่งของที่เพิ่งซื้อมาลงบนเตียงในห้องนอนด้วยความโมโห เขายืนรอแท็กซี่อยู่นานนับชั่วโมงกว่าจะหาคนที่ว่างแล้วพาเขามาส่งที่บ้านได้ หิวจนไส้แทบขาดเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ก่อนจะเดินขึ้นมาบนบ้านเขาก็เดินไปที่ห้องครัวแล้วแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย เพราะวันนี้เจ้านายไม่อยู่ทุกคนคงเข้านอนหมดแล้ว
ร่างโปร่งเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมจะอาบน้ำเขาเหนียวตัวเต็มที คืนนี้คงต้องงดอาหารเย็นไปก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยทานแล้วกันใช่ว่าจะไม่เคยทำเสียหน่อยคิดอย่างหงุดหงิดเพราะความโมโหและความหิวที่มีแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ชานยอลเดินออกมาจากห้องน้ำร่างโปร่งสวมชุดนอนเตรียมตัวเข้านอน เขาตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือเรียนสักสองสามบทแล้วค่อยนอนแต่ไม่รู้ว่าจะทนอ่านได้นานขนาดนั้นหรือเปล่า เพราะตอนนี้เขาก็ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว และก็เป็นอย่างที่เขาคาด อ่านไปได้สองสามหน้าก็ทนกับความง่วงไม่ไหว มือเรียวเอื้อมไปปิดสวิตโคมไฟบนหัวเตียงแสงสว่างในห้องดับลงพร้อมกับสติที่ค่อยจางหายไป
แล้วอยู่ๆแสงไฟในห้องก็สว่างจ้าขึ้น ชานยอลเงยหัวขึ้นจากเตียงด้วยความงุดงงตากลมหรี่เล็กเพราะยังปรับตัวให้เข้ากับแสงไม่ได้ แล้วร่างของเขาก็ถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ต้องคิดเขาก็รู้ว่าใครที่เป็นคนเข้ามาในห้องเขายามวิกาลแบบนี้
“ไม่ต้องกลับแล้วนะบ้าน!”
“อะ..อะไรนะครับ คุณคริส”
ความง่วงหายไปทันทีที่ได้ฟังประโยคนั้นจบ ไม่ได้นะ ที่เขายอมทำทุกอย่างตามที่ร่างสูงสั่งก็เพราะอยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ คุณคริสจะทำกับเขาแบบนี้ไม่ได้
“ไม่ต้องกลับบ้าน ไม่ให้กลับแล้ว!”
“ไม่ได้นะครับ คุณทำแบบนั้นไม่ได้ คุณสัญญากับผมแล้ว”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็แกขัดใจฉัน ไหนบอกว่าจะยอมทำตามทุกอย่างไง แล้วหนีกลับบ้านทำไม!”
คริสตะวาดเสียงห้วนไม่พอใจอย่างที่สุดที่อีกฝ่ายกล้าขัดใจเขา แล้วยังทำให้เขาต้องทะเลาะกันกับเพ่ยฟางตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันในร้านอาหารและบนรถเพราะความดื้อรั้นของเด็กคนนี้คนเดียว
“ผมแค่อยากกลับบ้าน ผม...ผมไม่หิว อยากกลับมาอ่านหนังสือมากกว่า”
“จะไม่หิวได้ยังไง อย่ามาโกหก แกโกหกฉันหลายเรื่องแล้วนะชานยอล!”
คุณคริสตะคอกเสียงดังทุกประโยคที่พูดกับเขา ชายหนุ่มเริ่มขวัญเสียเพราะเขามีหลายเรื่องที่โกหกตามที่อีกฝ่ายพูดจริงๆชานยอลพยายามสงบสติอารมณ์ตั้งสติไว้คิดในใจว่าเหลือเวลาอีกแค่3วันเท่านั้นเขาก็จะได้กลับบ้านต้องอดทนให้มาก
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้โกหก หนังสืออยู่บนเตียงนั้นไง อีกสองอาทิตย์ผมมีสอบเทสย่อย ผมยังไม่เข้าใจมัน
เลย จริงๆนะครับ คุณคริส อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
ชานยอลระล่ำระลักออกมามือเรียวเกาะแขนที่พยายามสะบัดเขาออกไว้แน่น ใบหน้าหวานอ้อนวอนขอร้องให้อีกฝ่ายเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“นายทำแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
ชานยอลพูดพร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่กว้างเบียดตัวเข้าหาแผ่นอกหนาอย่างออดอ้อน ช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายขอให้เห็นใจยกโทษให้ในสิ่งที่เขาทำคงมีแค่วิธีนี้เท่านั้นคุณคริสจึงจะยอมยกโทษให้เขา
คริสมองคนที่กำลังเชิญชวนเขาด้วยร่างกายแววตาคมวูบไหว ใจอ่อนไปกว่าครึ่ง เอื้อมมือคว้าร่างนุ่มเข้ามากอดไว้แนบอกกดจูบลงไปบนแก้มนิ่มสูดกลิ่นหอมเหมือนผิวเด็กที่โชยเข้ามาในจมูก ชานยอลเอียงแก้มให้อีกฝ่ายสูดดมกลิ่นกายของตัวเองให้เต็มที่ จมูกโด่งไล้ลงมาถึงลำคอขาวกดเม้มเบาๆย้ำอยู่อย่างนั้นจนมันขึ้นสี
“คุณคริสครับ”
ชานยอลเรียกให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับซอกคอเขาให้เงยหน้าขึ้นสบตากับตน คริสมองใบหน้าหวานที่กำลังขยับเขามาใกล้ เสียงเรียกชื่อเขาช่างหวานหู หลับตาลงช้าๆ เมื่อความอ่อนนุ่มทาบทับลงมาบนริมฝีปากของตน
“อื้อ”
ชานยอลกดจูบลงไปบนริมฝีปากหนาที่กำลังเผยอตอบรับสัมผัสของตนอยู่ดูดดึงริมฝีปากนั้นซ้ำไปมาเหมือนเป็นของหวานชิ้นโปรด เรียวลิ้นเล็กสอดเข้าไปในโพรงปากนุ่มที่ตอบรับเขาเป็นอย่างดีเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ร่างสูงใจอ่อนแม้จะต้องใช้ร่างกายให้ได้มาก็ตาม
“อืม ชานยอล”
คริสร้องครางออกมาอย่างพอใจ มองดูใบหน้าหวานที่ขยับอยู่ห่างจากใบหน้าเขาไม่ถึงคืบ ชานยอลกำลังทำให้เขาละลายไปกับจูบแสนหวานที่ร่างโปร่งเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เรียวปากทั้งสองจูบย้ำอยู่อย่างนั้น มือเรียวปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตออกทีละเม็ดลูบแผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสะกิดยอดอกจนคนถูกกระทำต้องสั่นสะท้าน
“ชานยอล..”
“ชอบมั้ยครับ?”
TBC.....................
ชอบมั้ยคะ? ชอบมั้ยคะทุกคน 555 มาต่อจนได้ แบบเลทมาก ช้าสุดๆ ขอโทษนะคะ
ตอนนี้ชานยอลเปลืองตัวไปมั้ย? ตอนหน้าเตรียมแปะเมลนะคร้าาา
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวนติด #DDT
ความคิดเห็น