คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #136 : CHAPTER 129
Distorted Daytime
12 Nov. 15
“อื้ออ”
ชานยอลที่เพิ่งหลับไปตอนเวลาชี้ที่เลข12งัวเงียตื่นขึ้นกลางดึก เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังสนั่นหวั่นไหวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงตากลมยังปิดสนิท ใบหน้าหวานยับยู่ด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเห้นรายชื่อที่โชว์บนหน้าจอเขาก็รีบปรับอารมณ์ทันที
“คุณคริส”
“หลับแล้วเหรอชานยอล”
“เพิ่งนอนครับ พี่มีอะไรหรือเปล่า”
ชานยอลถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ กายบางพลิกตัวตะแคงขวา วางโทรศัพท์ลงบนหูข้างซ้าย เพื่อจะคุยกับคนที่เพิ่งดทรหาเขาเมื่อตอนบ่ายได้ถนัด
“คิดถึงเลยโทรหาน่ะ”
“อย่าบอกนะครับว่าเพิ่งทำงานเสร็จ”
“พี่คริส ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย ป่วยอยู่นะครับ”
เมื่อความเงียบคือคำตอบร่างโปร่งจึงเอ็ดปลายสายเสียงดัง ตอนเช้าเวลาดทรมาหาเขาก็อยู่ที่ห้องทำงาน พอตอนบ่ายก็บอกว่าทำงานทั้งที่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง และตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่แม้มันจะดึกมากแล้วก้ตาม คุณคริสคิดจะพักตอนไหนกัน
“งานพี่เยอะน่ะ ช่วงนี้บริษัทกำลังจับธุรกิจตัวใหม่แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ก็จะได้พักแล้วล่ะ”
“อย่าทำให้เป็นห่วงนะครับ”
“ครับ ชานยอลก็เหมือนกันอย่าทำให้เป้นห่วงนะ”
“ไม่ทำหรอกครับ พี่ก็น่าจะรู้นอกจากบ้านผมก็อยู่แต่บริษัท”
“ดีแล้ว ถ้างั้นก็ไปนอนเถอะ พี่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
คริสพุดกับปลายสายก่อนจะปิดปากหาววอด เขานั่งอยู่ในห้องทำงานอ่านเอกสารตั้งแต่ทานข้าวเย็นเสร็จ แถมพรุ่งนี้ยังมีประชุมแต่เช้าด้วย
“ฝันดีนะครับ”
“ฝันดีครับ รักชานยอลนะ”
15.Nov.15
เช้าวันนี้ไม่ใช่วันที่สดใสสำหรับคริสนัก ตั้งแต่กลับมาจากเกาหลีตอนนี้ก็ได้เกือบอาทิตย์แล้ว เขายังไม่ชินกับการที่ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง การเลือกชุดไปทำงานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนมีเซ้นเรื่องแฟชั่นอย่างเขา แต่เขาก็ไม่ชินที่ต้องเดินไปหยิบเสื้อ กางเกงเองทุกชิ้น เพราะทุกครั้งเขาจะมีชานยอล หรือไม่ก็เพ่ยฟางเป็นคนจัดการให้
เพ่ยฟาง หญิงสาวที่เขาพยายามอยู่ห่างทุกครั้งที่พอจะเลี่ยงได้ ถึงจะรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่เพ่ยฟางทำหน้าเสียเหมือนอยากจะร้องไห้ตลอดเวลาที่เขาถอยออกห่างและปฏิเสธน้ำใจที่หล่อนมีให้เขาทุกเมื่อ เขายอมเป้นคนใจร้าย ดีกว่าจะให้อดีตคนรักของเขามีความหวัง เพ่ยฟางควรจะลืมผุ้ชายอย่างเขาเสียที
“พี่อู๋ฟาน”
“เพ่ยฟาง ตื่นแต่เช้าเลยนะ”
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วคริสก็เดินออกมาจากห้อง ชายหนุ่มก็เจอเข้ากับเพ่ยฟาง หญิงสาวยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุดกำลังจะเดินลงไปข้างล่าง ใบหน้าสวยหวานฉีกยิ้มกว้างก่อนเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสดใส
“ค่ะ พอดีเฟิงอี๋ตื่นเช้าฉันเลยตื่นมาให้นมลูกค่ะ”
“เหรอ แล้วตอนนี้ฟลินท์อยู่ไหน?”
“อยู่ในห้องค่ะ”
คริสถามหาลูกเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนจะออกไปทำงานเขาต้องเข้าไปเล่นกับลูกชายก่อนจะลงไปทานข้าวพร้อมเพ่ยฟาง การทานข้าวร่วมโต๊ะคือกิจกรรมเดียวที่เขากับเพ่ยฟางได้ทำร่วมกินเพราะถึงยังไงเขาก้ต้องปรึกษากันเรื่องลูกอยู่ดี
“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ เด็กดี”
“อื้อ อ่า อ่า ฮี่”
เฟิงอี๋เด็กชายตัวกลมไว้2เดือนเศษส่งเสียอ้อแอ้ต้อนรับการทักทายของบิดา ก่อนจะหัวเราะออกมาเพราะจั๊กจี้เมื่อป่ะป๊าใช้ปลายจมูกโด่งคมกดจูบไปทั่วแก้มกลมยุ้ย มือเล็กวางแปะบนแก้มคราน จ้องมองคริสด้วยตากลมใสแจ๋ว
“ฟลินท์เป็นเด็กอารมณ์ดีตั้งแต่เด็กเลยนะคะ แกจะร้องไห้เวลาหิวเท่านั้น”
“ตะกละแต่เด็กล่ะสิไม่ว่า กินเยอะๆนะลูก จะได้แข็งแรง”
“พี่อยากลองให้นมลูกมั้ยคะ? ฉันปั๊มนมใส่ขวดไว้ เดี๋ยวฉันจะอุ้มลูกให้พี่เป็นคนป้อน”
“จริงเหรอ เอาสิ”
หญิงสาวเดินตรงไปหยิบขวดนมในตู้แช่อย่างกระตือรือร้น ในความรู้สึกของหล่อนมันานเหลือเกินที่ทั้งคู่ไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันนอกจากทานข้าว
“อื้อ ฮื่อ อึก ฮึ”
“โอ๋ ลูกจ๋า ป่ะป๊า กำลังจะป้อนนมหนูค่ะ หิวใช่มั้ยคะ?”
เพราะเฟิงอี๋ส่งเสียงงอแงเล็กน้อยเมื่อถูกอุ้มขึ้นมาจากเตียงแสนนุ่ม เพ่ยฟางจึงต้องหันไปพูดกับลูกชายและเหมือนเฟิงอี๋จะเข้าใจตามสัญชาตญาณ เด็กอ้วนจึงหยุดร้องลงทันที
“เอาให้ลูกกินสิคะ”
“มือพี่สั่นไปหมดเลย”
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ดูสิคะ ลูกกินใหญ่เลย”
คริสพูดกับแม่ของลูกด้วยความตื่นเต้น มือของชายหนุ่มสั่นเล็กน้อยยามเมื่อจับขวดนมค่อยๆยัดจุกขวดนมให้เข้าไปในปากเล็กๆที่กำลังอ้ารอเขาอยู่ คริสไม่สามารถบรรยาความรู้สึกได้ถูกเมื่อปากเล็กๆกำลังขยับขึ้นลงดูดจุกนมในมือเขา มันอุ่นวาบในใจ เฟิงอี๋เป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ประทานให้เขาจริงๆ
“อ่า~ เฟิงอี๋ของป่ะป๊า ป่ะป๊าต้องไปทำงานแล้วครับ ตอนเย็นค่อยเจอกันใหม่นะลูก”
คริสก้มหน้าพูดกับลูกชายเมื่อขวดนมในมือหมดไปกว่าครึ่ง เพ่ยฟางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เธอรัก ก่อนจะกลั้นใจใช้ความมั่นใจที่มีอยู่น้อยนิ้ดวางมือลงบนมือหนา เอ่ยถามคริสด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“พี่กลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ เดี๋ยวฉันจะทำไก่ตุ๋นที่พี่ชอบไว้ให้”
“ดูก่อนแล้วกัน ถ้าพี่งานเยอะคงไม่ได้มา ไปกินข้าวกันเถอะ สายแล้ว”
คริสตอบด้วยน้ำเสียงอ่อน วางมือลงบนศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มดั่งเส้นไหม ส่งยิ้มบางๆให้หญิงสาวอย่างจริงใจอย่างเคยตัว ไม่รู้เลยว่ามันเป็นการสร้างความหวังให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเพ่ยฟาง บางทีพี่อู๋ฟานอาจจะยังรักหล่อนแต่ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อเอาใจคุณชานยอลก็ได้ หล่อนคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พี่อู๋ฟานรู้ว่าตัวเองยังรักหล่อนอยู่ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
“อย่าโกรธเพ่ยฟางเลยนะคะคุณชานยอล คุณเป็นคนใจร้ายกับเพ่ยฟางก่อน”
20.Nov.2558
ปาร์ค ซอนยอลนั่งมองลูกชายคนเล็กที่กำลังเขี่ยอาหารในชามเล่นไปมา ข้างๆกันมีปิ๊ปโป้นอนหมอบอยู่ ชานยอลมีอาการแบบนี้มาตั้งแต่เช้า ถึงมันจะเป็นวันหยุดแต่ดูเหมือนลูกชายของหล่อนจะไม่ค่อยดีใจกับวันนี้นัก มื้อเช้าก็ทานข้าวไปนิดหน่อยแถมขอเลี่ยงมื้อกบางวัน เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง นี้ถ้าหล่อนไม่บังคับให้ลงมาทานข้าวเย็นด้วยกันก็คงจะไม่ยอมโผล่หน้ามาให้แม่กับพี่เห็น
“ชานยอล..ชานยอล”
“ห๊ะ ครับแม่”
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
แล้วซอนยอลก็เพิกเฉยต่ออาการนั้นของลูกชายไม่ได้ หญิงสาวถามออกไปทันทีเมื่อชานนยอลรู้สึกตัว ใบหน้าของเจ้าของแก้มนวลหงอยลงถนัดตาเมื่อได้ยินคำถามจี้ใจดำของมารดา ชานยอลหลุบตาลงมองถ้วยข้าวตรงหน้าไม่กล้าสบตามารดา
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“แล้วทำไมหนูถึงทำหน้าเศร้าตลอดเวลาล่ะคะ?”
“ผมมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”
ชานยอลตอบคนเป้นแม่เสียงอ่อย กำตะเกียบในมือไว้แน่น เก็บซ่อนความอึดอัดในใจที่ไม่ต้องการให้แม่รู้ไว้จนมิด
“ทะเลาะกับคุณคริสเหรอชานยอล”
“เปล่าครับ ไม่ใช่เลย ความจริง คุณคริสไม่เปิดโอกาสให้ผมทะเลาะด้วยซ้ำ”
“...............”
“คุณคริสยังไม่โทรหาผมเลย 2วันแล้วครับที่พี่เขาเงียบหายไป”
เมื่อซอนยอลถามออกมาจี้ใจดำ และใช้ความเงียบกดดัน ชายหนุ่มจำต้องตอบแม่ออกมาเสียงขื่น รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจยามเมื่อต้องพูดถึงเรื่องนี้
“แล้วทำไมหนูไม่โทรไปล่ะคะ?”
“โทรไปแล้วครับแม่ แต่พี่เขาไม่รับ พอโทรหลายครั้งก็กลายเป็นไม่ติด”
“อะไรกัน! นี้เพิ่งกลับไปได้ไม่ถึง2อาทิตย์ด้วยซ้ำ ออกลายแล้วเหรอ”
ปาร์ค ซอนยอลพูดออกมาอย่างหัวเสีย ไม่สนใจสักนิดว่าคำพูดของตนจะทำร้ายจิตใจที่กำลังอ่อนแอของลูกชายแค่ไหน บอกตรงๆว่าหล่อนยังไม่หายโกรธลูกเขยหน้าหล่อนัก ความบาดหมางที่มีเมื่อครั้งก่อนยังไม่ทันจางหาย ลูกเขยของหล่อนสร้างเรื่องอีกแล้วเหรอ แล้วจะให้หล่อนไว้ใจส่งลูกชายให้ผุ้ชาบแยยร้ได้ยังไง
“ไม่ใช่หรอกครับแม่ คุณคริสอาจจะติดงานอยู่ก็ได้”
ซูโฮที่เห็นแม่เริ่มใส่อารมณ์โดยไม่สนสีหน้าของน้องชายรีบเอ่ยปรามขึ้น
“เขาจะติดงานโดยที่ไม่เวลาปลีกตัวโทรมาหาผมเลยเหรอครับพี่?”
“พี่ได้ยินข่าวว่าบริษัทของคุณคริสกำลังทำธุรกิจตัวใหม่ บางทีเขาอาจจะยุ่งมากๆอยู่ก็ได้ ทำไมชานยอลไม่โทรหาอี้ชิงดูล่ะ มีเบอร์อยู่ไม่ใช่เหรอ”
ชานยอลเอียงคอถามด้วยความสงสัย ถ้าคุณคริสอยากคุยกับเขาจริงๆ ถึงจะลำบากแค่ไหนก้ควรจะดทรหากันบ้าง แต่คำตอบของพี่ชายก็สอดคล้องกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาจากปากสามีมันจึงทำให้เขาคลายความกังวลลงได้เล็กน้อย
“มีครับ แต่ผมไม่อยากโทร ผมรู้ว่ายังไงอี้ชิงก็ต้องแก้ตัวให้คุณคริสอยู่ดี”
“ใจเย็นๆนะ ถ้าคุณคริสโทรมาก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน อย่าวู่วาม มันไม่ดีหรอก”
“เขาคงไม่โทรมาให้ผมได้พูดจาแย่ๆใส่หรอกครับ”
“กริ๊งๆ”
พูดยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงดทรศัพท์บ้านก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน ทุกสายตาหันไปมองสาวใช้ที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมายังโต๊ะทานข้าวพร้อมดทรศัพท์ในมือ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ชานยอลต้องใจกระตุก
“คุณชานยอลคะ คุณคริสโทรมาค่ะ”
“เห็นมั้ย”
ซูโฮพูดออกมาเบาๆเรียกค้อนวงใหญ่จากมารดา ชานยอลฉีกยิ้มกว้างเอื้อมมือไปรับดทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูทันที กรอกเสียงสั่นๆลงไปทันที
“ฮัลโหล คุณคริส”
“ชานยอลอ่า~~ พี่ขอโทษ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยนะครับ!”
ทันทีที่เขารับสายคุณคริสก็ส่งเสียงออดอ้อนออกมาตามสายผิดจากเขาที่ตวาดคนรักเสียงเขียว ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของแม่และพี่ และอีกอย่างเขาจะได้เค้นถามเอาความจริงจากคนปลายสายได้ถนัด
“ขอโทษนะชานยอล อย่าทำเสียงแบบนั้นใส่พี่สิ”
“พี่หายไปทำไม ทำไมถึงไม่โทรหาผมเลย ฮึก ผมโทรไปก็ไม่รับ”
“พี่ไม่ว่างจริงๆ ชานยอลอย่าร้องนะ!”
“อย่ามาห้ามนะ! ฮื่ออ”
คริสถึงกับงง แค่ห้ามไม่ให้ร้องไห้ถึงกับตวาดใส่เขาเลยเหรอ ตอนนี้คนอย่างอู๋ อี้ฟานคงจะทำอะไรก็ผิดในสายตาของชานยอล คริสจึงรีบอธิบายทุกอย่างออกไปก่อนที่ภรรยาของเขาจะอาระวาดมากไปกว่านี้
“ไปไหนมา ไปไหนมา ฮึก”
“ชานยอล อ่า วันก่อนพี่นั่งทำงานที่บริษัทแล้วอยู่ๆอี้ชิงก็เข้ามาบอกว่าต้องเดินทางไปฮ่องกงด่วน ย้ำนะ ด่วนมากจริงๆ ด่วนแบบที่พี่ไม่ทันตั้งตัวรู้ตัวอีกทีพี่ก็อยู่สนามบินมีพาสปอรืตอยุ่ในมือ เดินขึ้นเครื่องแบบไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นติดตัวไป พอไปถึงฮ่องกงพี่ก็เข้าห้องประชุมทันที การประชุมยืดเยื้อจนถึงเที่ยงคืน พี่ต้องอาศัยห้องประชุมเป้นห้องนอน พอเช้าพี่ก็ต้องประชุมต่อทันที นี้พี่พึ่งถึงโรงแรม พอเข้าห้องพี่ก็ดทรหาชานยอลทันที”
“ฮึก ฮึก”
“ชานยอลจ๋า อย่าโกรธพี่นะ”
“ผมนึกว่าคุณจะไม่โทรมาหาผมอีกแล้ว”
ชานยอลกัดริมฝีปากตัวเองแน่นถามออกไปเสียสั่ง ยอมรับว่าเมื่อได้ฟังเหตุผลของคุรคริสใจเขาก็อ่อนยวบลง เหลือแต่ความกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งในใจ
“คิดแบบนั้นได้ยังไง พี่คิดถึงชานยอลใจจะขาดแล้ว”
“ฮึ เหนื่อยมากมั้ยครับ ได้กินข้าวหรือยัง”
ร่างโปร่งหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายพุด ก่อนจะถามเรื่องที่ตัวเองเป้นกังวล เวลาทำงานคุณคริสจะลืมทุกอย่างแม้แต่เวลาทานข้าว มันน่าเป้นห่วงสำหรับคนเพิ่งหายป่วยจริงๆ
“ยังเลย ยังไม่ได้กินตั้งแต่เที่ยง หิวมากจนจะกินชานยอลได้ทั้งตัวแล้ว”
“บ้า เหนื่อยขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีก”
“จริงๆนะ! ถ้าชานยอลอยู่ตรงนี้พี่จะกอดชานยอลแทนกินข้าวจริงๆ”
“พี่หื่น!”
แล้วความเป้นห่วงของเขาก็ถูกทำลาย ด้วยคำพูดสองแง่สองง่ามของคนรัก เมื่อคริสย้ำประโยคสุดท้ายของตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ได้หื่น พี่แค่ต้องการกำลังใจ ได้จูบแก้มชานยอลพี่คงหายเหนื่อย”
“พี่ก็”
ชายยอลยกมือขึ้นทาบลงบนแก้มที่กำลังแดงจัดเพราะความอายของตัวเอง กลีบปากอิ่มฉีกยิ้มกว้าง ดีใจเหลือเกินที่อีกฝ่ายแสดงความถวิลหาในตัวเขา
“เขินหรือไง”
“เปล่าซะหน่อย ว่าแต่ได้ไปยุ่งผุ้หญิงที่ไหนหรือเปล่า”
“โธ่ พี่จะเอาเวลาที่ไหนไปคุย แค่เวลาทานข้าวยังจะไม่มี”
คริสรีบปฏิเสธออกมาทันควันเมื่อถูกชานยอลถามสิ่งที่ร่างโปร่งกลัวในใจ และคริสเองก็ไม่ถือโทษโกรธอะไรเพราะเขารู้ว่าตัวเขาเองที่เป้นคนสร้างบาดแผลในใจของชานยอล
“ดูแลตัวเองหน่อยสิครับ พี่ยังใส่เฝือกอยู่นะ”
“ครับผม”
ชานยอลเอ่ยย้ำด้วยความเป้นห่วง หรือคุณคริสจะลืมไปแล้วว่าตัวเองยังมีเฝือกดามอยู่ที่แขน
“คิดถึงชานยอลจัง”
“ผมก้คิดถึงพี่เหมือนกัน อยากกอดพี่”
“อีกแค่2อาทิตย์นะชานยอล พี่จะกลับไปรับเรา รอพี่นะ”
“ครับ ผมจะรอ”
ชานยอลยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาปรารถนาจากปากคนรัก เขาอยากไปอยู่กับคุณคริส แต่ปัญหาใหญ่ไม่ใช่เขา แต่คือใครอีกคนของคุณคริสต่างหาก
“ดีมากครับ”
“แต่ว่าพี่ครับ แล้วเพ่ยฟางละครับ? เธอย้ายออกไปแล้วเหรอ”
“เปล่า เธอยังอยู่ที่บ้านและยังไม่ได้พูดเรื่องที่จะย้ายออกไปเลย ถ้าจะให้พี่เป็นฝ่ายพูดก่อนพี่ก็....ชานยอลอ่า เข้าใจพี่นะ”
คริสพูดอย่างร้อนรน เพราะกลัวว่าอีกคนจะเข้าใจผิดเขา ในเมื่อเพ่ยฟางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องย้ายออกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะไม่อยากทำร้ายน้ำใจหล่อนไปมากกว่านี้ ได้แต่หวังว่าเพ่ยฟางจะยังจำคำพูดของตัวเองได้
“เข้าใจครับ”
“ขอบใจนะชานยอล ขอบคุรที่เข้าใจ”
หลังจากที่เงียบอยู่นานชานยอลก็พูดให้คริสได้ใจชื้น เขาก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของคุณคริส การที่ต้องเอ่ยปากถาทมเพ่ยฟางเรื่องย้ายออกบางทีมันก็ดูเหมือนประโยคไล่กลายๆ ถึงจะรักคุณคริสยังไงแต่เขาก็ไม่ใจร้ายพอจะทำร้ายจิตใจผุ้หญิงที่เคยดีกับเขา
“แล้วความสัมพันธ์ของพี่กับเพ่ยฟางล่ะครับ”
“ไม่มีอะไรแล้วชานยอล พี่ไม่ได้มีอะไรกับเพ่ยฟางแล้ว มันจบลงแล้ว พี่พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทุกอย่าง ยกเว้นตอนอยู่กับเฟิงอี๋และเวลาทานข้าวเท่านั้น”
คริสรีบตอบออกไปอย่างร้อนรน ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของร่างโปร่งเขาก้ยิ่งร้อนใจ กลัวว่าชานยอลจะไม่สบายใจไปมากกว่านี้ เพราะการที่เพ่ยฟางยังอยู่ในบ้านของเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจของชานยอลนัก กำลังจะพูดออกไปอีกแต่ชานยอลก็เอ่ยในสิ่งที่เขาต้องอึ้งออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ พี่ครับ พี่ช่วยดีกับเพ่ยฟางได้มั้ยครับ ผมรู้ เธอยังรักพี่อยู่มาก ถ้าพี่หมางเมินเธอ เธอคงเสียใจ”
ชานยอลพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดมานาน เขาเข้าใจความรู้สึกของเพ่ยฟางในตอนที่บอกให้คุรคริสทำดีกับเขาแล้วล่ะว่ามันเป้นยังไง ถึงจะรักคุรคริสมากแค่ไหนก็ทนเห้นคนที่ดีกับตัวเองดั่งเพื่อนเสียใจไม่ได้
“ได้ ถ้าชานยอลต้องการ พี่จะพยายามเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนนะชานยอล”
“ครับผมจะรอพี่ มารับผมตามสัญญานะครับ”
TBC.................
สวัสดีค่ะ มาลงฟิคเป็นตอนสุดท้ายก่อนรวมเล่มแล้วนะคะ >< ตอนที่เหลือเจอกันในรวมเล่มนะคะ ส่วนคนที่ไม่ได้สั่งซื้ออีก6เดือนเจอกันค่ะ
ขอบคุณจากใจค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์ #DDT ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น