คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #109 : CHAPTER 104
Distorted Daytime
ร่างโปร่งนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่มีร่างของมารดานอนหลับไม่ได้สติอยู่บนนั้น โซฟาอีกมุมหนึ่งของห้องถูกจับจองด้วยร่างของพี่ชาย พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยตั้งแต่มาถึง ยิ่งเมื่อได้ยินคุณหมอบอกว่าอาการของคุณแม่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะและความดันต่ำพวกเขายิ่งไม่มีเรื่องที่จะคุยกัน ต่างนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวซีดของพี่ชายเจ้าของดวงตาแดงช้ำ พี่ซูโฮดูเครียดกว่าที่เคย
“พี่ทำงานมาทั้งวันแล้ว พี่กลับไปพักก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวชานยอลเฝ้าแม่เอง”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากรอจนแม่ตื่นน่ะ”
“ชานยอล ซูโฮ”
ซูโฮหันไปบอกน้องชายก่อนจะบอกความต้องการของตัวเองออกไป แล้วก็เหมือนมารดาที่ถวกเขารอให้ตื่นขึ้นมารู้ถึงความปราถนาในใจของลูกชายทั้งสองคน ซอนยอลลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากหลับไปหลายขชั่วมอง ร้องเรียกหาลูกชายสองคนเสียงแผ่ว ชานยอลที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบถลากเข้าไปหาร่างนั้นทันที
“แม่ครับ ชานยอลอยู่นี้”
“ชานยอล ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยลูก เขาไม่ได้ทำอะไรลูกใช่มั้ย”
“ไม่ครับแม่ คุณคริสไม่ได้ทำอะไรผม”
“ดีแล้วล่ะ”
หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งได้ยินแบบนี้แล้วหล่อนก็โล่งใจ เมื่อเห็นแม่ไม่พูดอะไรอีกเอาแต่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงซูโฮกับชานยอลก็ไม่กล้าถามอะไรเพราะคิดว่ามารดาต้องการพักผ่อน แล้วอยู่ๆเปลือกตาที่เพิ่งปิดลงก็เบิกโพลง หญิงสาวเหยีดตัวลุกขึ้นหันไปมองหน้าลูกชายคนเล็กที่มองมาทางตนอย่างตกใจเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“ชานยอล คุณคริสมาที่นี้ได้ยังไง?”
“คือ..คือว่าเขามาทำธุระน่ะครับ”
“ลูกไม่ได้ออกไปพบเข้าใช่มั้ย?”
ซอนยอลถามลูกชายคนเล็กที่กำลังก้มหน้าหลบสายตาตนด้วยน้ำเสียงคาดคั้นหวาดระแวง ไม่อยากจะคิดว่าชานยอลกำลังโกหกตนแต่การกระทำที่แสดงออกทำให้หล่อนเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้
“ผม..ผมออกไปหาปิ๊ปโป้ แม่ครับ ผมอยากได้หมาผมคืน”
สุดท้ายชานยอลก็ต้องตอบออกไปตามความเป็นจริงเขาไม่อยากโกหกแม่แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว ความหวังดีที่แม่มีให้เขาเขาไม่อยากทำลายมัน และคำตอบของเขาก็ทำให้แม่ไม่พอใจอย่างที่คิด มือที่เคยกอดปลอบเขาเอื้อมมากระชากแขนเขาให้เข้าไปใกล้ตะคอกใส่หน้าอย่างเกรี้ยวกราด
“ชานยอล แค่หมา ลูกก็ออกไปพบเขาแล้วเหรอ ถ้าเกิดเขาทำร้ายลูกขึ้นมาจะทำยังไง”
“คุณคริสไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับแม่ แล้วเขาก็สัญญากับผมแล้วด้วยว่าจะไม่ยุ่งกับบริษัทของเราอีก”
ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบตามารดาแล้วถือโอกาสพูดในสิ่งที่คริสพูดให้คุณแม่ฟังเสียงสั่น รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยเพราะรู้ว่าคุณแม่ของเขาถึงจะเป็นคนใจดีแต่ถ้าโมโหก็ไม่น้อยหน้าใครเลย ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามันเหมือนเป็นการแก้ตัวให้อีกฝ่ายทำให้ปาร์ค ซอนยอลไม่พอใจขึ้นไปอีก
“แล้วลูกมั่นใจได้ยังไง เขาทำกับชานยอลมาเท่าไหร่ ทำไมไม่จำ ที่แม่ทำให้ชานยอล ที่แม่พาชานยอลออกมามันไม่มีประโยชน์เลยใช่มั้ย ออกไปหาเขาทำไม อยากกลับไปหาเขามากเลยหรือไง!”
“ไม่ใช่ครับแม่! แม่ชานยอลขอโทษ ขอโทษนะครับ อย่าโกธรชานยอลเลย ฮึก”
ชานยอลร้องไห้โฮด้วยความตกใจปฏิเสธออกไปพัลวัน แม่ไม่เคยโมโหแบบนี้มาก่อน เขาไม่ได้อยากทำให้แม่ให้พี่ผิดหวัง แต่บางครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ตัดสินใจลำบากเหลือเกิน โชคดีที่ซูโฮที่ยืนนิ่งอยู่นานรีบเขามาแก้ไขเหตุการณ์ก่อนที่มันจะบานปลายไปกันใหญ่ เขาไม่อยากให้แม่ดุน้องแบบนี้เลย เห็นชานยอลร้องไห้แล้วเขาก็ทนดูมันไม่ได้
“แม่ครับ อย่าว่าน้องเลยนะครับ น้องคงไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจยังไงออกไปหาเขาขนาดนั้น อย่ามาปกป้องกันหน่อยเลย”
“แม่ครับ ผมเชื่อว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจ แม่ก็รู้ว่าคุณคริสเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการแค่ไหน นี้คงยกเรื่องขึ้นมาขู่น้องให้ไปหา ใช่มั้ยชานยอล”
“คะ..ครับ”
“น้องคงกลัวว่าเขาจะรังแกแม่กับผมเลยออกไปหา อย่าโกธรน้องเลยนะครับ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆทำไมไม่บอกแม่กับพี่”
“น้องคงกลัวแม่เป็นห่วง แม่ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย มันผ่านไปแล้ว น้องก็ไม่เป็นอะไร แม่พักเถอะนะครับ ไม่
สบายแบบนี้เดี๋ยวก็ได้นอนโรงพยาบาลหลายคืนผมไม่มาเฝ้านะครับ”
ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริงกับมารดาก่อนจะดันร่างของมารดาที่ยอมพยักหน้าเขาใจในสิ่งที่ตัวเองขอให้นอนลงบนเตียงจัดการห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย รอจนคุณแม่หลับไปจึงหันไปพูดกับน้องชายที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งเช็ดน้ำตาปรอยๆอยู่ข้างๆ
“อย่าร้องไห้เลยชานยอล แม่แค่เป็นห่วงเลยดมโหแบบนี้ เข้าใจแม่นะ”
“ผมเข้าใจครับพี่ ขอโทษจริงๆนะครับพี่”
“………..อย่าทำอีกก็แล้วกัน”
“กลับมาแล้วเหรอคะพี่”
“อื้อ เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย? มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า”
เสียงใสเอ่ยทักเขาทันทีเมื่อก้าวพ้นเข้ามาในประตูบ้าน คริสคลี่ยิ้มอ่อนให้ร่างบางที่กำลังวิ่งมาหาเขา มีรอยยิ้มสวยประดับอยู่บนใบหน้า
“ไม่ค่ะ ทุกอย่างปกติดี แล้วพี่กับคุณชานยอลล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก”
ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงคนรักถามเขาด้วยความหวังดี แต่คำถามนั้นมันกลับทำให้คนที่เพิ่งต้องเลื่อนตั๋วกลับจีนอย่างกระทันหันอย่างเขาถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ได้ยินชื่อของชานยอลทีไรเขาอยากจะร้องไห้ทุกที ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายิ้มให้หญิงสาวที่กำลังทำหน้างงอีกครั้งเขาเหนื่อยเหลือเกินเพราะพิษไข้ที่ยังไม่หายดีทำให้เขาอยากล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
“เอ๋ หมายความว่ายังไงคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกเพ่ยฟาง อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ เฟิงอี๋อยู่ไหน พี่คิดถึงลูกจะแย่แล้ว”
พี่อู๋ฟานปัดคำถามของหล่อนออกไปเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เธอแต่ทำไมหล่อนรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นดูฝืนเต็มที ไหนจะดวงตาที่หมองคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนนั้นอีก มันทำให้เธอไม่สบายใจนัก
“เล่นกับคุณยายอยู่บนห้องค่ะ”
“พี่จะไปหาลูก เธอจะไปด้วยกันไหม?”
“เอ่อ พี่ไปเถอะคะ ฉันอยู่กับตาหนูมาทั้งวันแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องเข้าครัวแล้วด้วย”
“งั้นพี่ไปนะ อ้อ พี่ไม่รับอาหารเย็นนะเพ่ยฟาง เหนื่อยมาก อยากพักผ่อนน่ะ”
“อ่ะ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันยกนมขึ้นไปให้”
“ขอบใจ”
พี่อู๋ฟานเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มหรือแต่ความรู้สึกวูบโหวงในอก รอยยิ้มที่มีให้กันไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยแต่มันดูเหนื่อยล้าอ่อนแรงไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ อ้อมกอดอุ่นที่เคยมอบให้ทุกครั้งที่ได้เห็นได้วันนี้หล่อนกลับไม่ได้รับ..เปลี่ยนไปแล้วใช่มั้ยใจของคุณ
ชานยอลนั่งเอนหลังพิงพนังโซฟาภายในห้องพักของแบคฮยอน ดวงตากลมปิดสนิทแต่สติยังอยู่ครบทุกประการ เขายังรู้สึกได้ถึงสายตาของเจ้าของห้องที่กำลังนั่งทำงานอยู่มองมาทางเขาเป็นระยะ ลมหายใจถูกผ่อนออกมาเป็นจังหวะดูสบายแต่สมองของเขากำลังปวดตุบ ฤทธิของเหล้าที่กินไปเมื่อคืนกำลังเล่นงานเขา
“ไหวหรือเปล่าชานยอล”
“อื้ออ”
“แล้วตอบฉันได้หรือยังว่า3-4วันนี้แกเป็นอะไรถึงได้กินเหล้าต่างน้ำแบบนี้”
เมื่อเขาลืมตาขึ้นแบคฮยอนก็โยนคำถามหนักใส่เขาทันที ชานยอลถอนหายใจดังพรืดปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้รับสายโทรศัพท์จากคุณคริสอีกเลย ชานยอลไม่อยากจะยอมรับอาการน้อยใจที่เกิดขึ้นกับตัวเองแต่ก็ต้องจำนนก้มหน้ายอมรับความจริงว่าเขาอยากจะร้องไห้ทุกครั้งเมื่อมองโทรศัพท์แล้วไม่มีมิสคอลที่คุณเคย
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
“ชานยอล”
“เครียดเรื่องงาน ไม่มีอะไรจริงๆแบคกี้”
ชานยอลย้ำคำพูดของตัวเองอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนมองหน้าเขาอย่างคาดคั้นชายหนุ่มจึงหันหลังให้ร่างเล็กนั้นทันที แบคฮยอนถอนหายใจออกมา เมื่อไม่อยากเล่าเขาก็ไม่อยากจะเซ้าซี้
“ให้จริงเหอะ”
แล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แบคฮยอนนั่งทำงานของตัวเองต่อไปไม่ได้สนใจร่างโปร่งที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอีกเลยจนเมื่อนึกขึ้นได้จึงพูดโพลงขึ้นมากลางห้องอีกครั้ง
“เออ ชานยอล”
“หืม อะไร”
“แล้วคุณคริสล่ะ เขายังติดต่อมาหรือเปล่า?”
ชานยอลที่กำลังนอนหลับตาอยู่บลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเพื่อนพูดถึงชื่อที่สะกิดใจ ร่างโปร่งเบี่ยงกายหนีมือเล็กที่เอื้อมมาเขย่าร่างของเขา กอดหมอนไว้แนบอกไม่ยอมปริปากว่าอะไรฃ
“ว่ายังไงล่ะชานยอลเขายังโทรมาหาแกหรือเปล่า?”
“เปล่า ไม่ได้โทร”
เงียบอยู่นานสุดท้ายชานยอลก็พูดความจริงออกไปด้วยสายตาเหม่อลอย ภาพเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันฉายซ้ำอีกครั้ง น้ำตาเริ่มก่อตัวที่ขอบตาช้ำ
“คงถอดใจไปแล้วสินะ”
“คงจะใช่..”
แบคฮยอนที่เพิ่งพูดจาค่อนขอดถึงสามีของเพื่อนถึงกับต้องหันหน้ากัลมามองร่างโปร่งที่กำลังนอนเอนหลังพิงกับเบาะมองเหม่อไม่มีจุดหมาย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันไม่เข้าใจกับอาการเหม่อลอยผิดปกติที่เพื่อนกำลังเป็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป มีแต่เพียงสายตาเท่านั้นที่จ้องมองราวกับกำลังจะคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ จนชานยอลที่ช่วงนี้จิตใจอ่อนไหวเหลือเกินถึงกับปล่อยโฮออกมาเล่าเหตุการณ์ที่ฝังอยู่ในสมองมาตลอด3-4วันที่ผ่านมาพร้อมเสียงสะอื้น
“คุณคริส เขาเห็นฉันกับพี่หลี่ฟงที่ร้านอาหาร เขาโกธรมาก เขา..ฮึก”
“เขาไม่ได้ทำร้ายแกใช่มั้ยชานยอลฦ”
ร่างเล็กถามออกไปด้วยความตกใจปนเป็นห่วงจากเรื่องอดีตที่เพื่อนรักเคยผ่านมาทำให้เขาอดระแวงไม่ได้ว่าผู้ชายคนนั้นจะลงมือทำร้ายเพื่อนของเขาอีกด้วยความหึงหวง
“เปล่า ไม่เลย กลับตรงกันข้าม เขาไม่สบายแบคฮยอน ฮึก เขาร้องไห้ ถามฉันว่าทำไมฉันถึงทำแบบนั้น นายเชื่อไหมแบคกี้ ฮึก ตั้งแต่แต่งงานกันมา ฉันไม่เคยเห็นเขาร้องไห้สักครั้ง แต่วันนั้นเขากลับร้องไห้เพราะฉัน ฉัน ฮึก ฉัก”
“โธ่! ฟังแล้วดูสงสารจัง เขาเป็นยังไงบ้างอ่ะ แกได้ไปดูเขาหรือเปล่า”
แบคฮยอนดึงร่างโปร่งที่กำลังสั่นเพราะแรงสะอื้นเข้ามากอด เรื่องที่ได้ฟังผ่านเสียงร้องไห้ของเพื่อนรักทำให้เขาอดรู้สึกสงสารผู้ชายคนนั้นไม่ได้ การที่ได้เห็นภรรยาของตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่นซึ่งเคยเป็นคนที่ทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองพังลงอย่างไม่เป็นท่าจนต้องแยกกันอยู่แบบนี้นั้นคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดพอดู ใครเล่าจะไม่เสียใจบ้าง ดูสิ่งที่คุณคริสทำก็พอจะรู้ว่ารักเพื่อนของเขามากแค่ไหน
“ไม่ ฮึก ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน จะโทรไปก็ไม่กล้า แถมแม่ก็ไม่สบายอยู่ด้วย ฉันหลบไปไหนไม่ได้เลย แต่ป่านนี้เขาคงกลับจีนไปแล้ว”
“ถ้าอยากรู้ ก็โทรไปหาเขาสิชานยอล ไม่เป็นอะไรหรอกนะ ฉันคิดว่า เราแค่โทรไปแสดงความมีน้ำใจเฉยๆ ไม่ใช่ว่าเราจะกลับไปเสียหน่อย แถมเขาก็ยังมีฐานะเป้นสามีของแกด้วย ไม่เสียหายอะไรหรอกนะ”
“ฉันไม่กล้า เขาโกธรมากเลยนะแบคฮยอน ฉันกลัว”
“กลัวอะไร? เขาไม่ทำร้ายแกผ่านสายโทรศัพท์หรอกนะ”
“เปล่า ฉันกลัว..”
“กลัวอะไรล่ะ ทำไมไม่พูดออกมา”
“ฉันกลัวเขาไม่พูดกับฉัน”
“นี้...แกรักเขามากขนาดนั้นเลยเหรอชานยอล”
หลังจากที่ชานยอลพูดความในใจออกมาเขาก็อดที่จะพูดคำนั้นไม่ได้ ดวงตาเล็กมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตากลมของเพื่อนรัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเจ้าของดวงตาที่เขาสบอยู่ก้มหลบ
“แบคฮยอนฉัน…ทำไมถึงพูดแบบนั้น”
ชานยอลถามออกไปด้วยร้ำเสียงสั่นเทา แต่ก้ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาเพื่อนสนิท เขาพยายามซ่อนเร้นความรู้สึกของตัวเองไว้ภายใน ถึงจะรู้ว่าไม่สามารถปกปิดเพื่อนที่รู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิตอย่างบยอน แบคฮยอนได้ และคำตอบของเพื่อนตัวเล็กก็ทำให้เขาแทบจะไปไม่เป็น
“แกร้องไห้ที่เห็นเขาร้องไห้ แกกลัวว่าถ้าโทรไปแล้วเขาจะไม่พูดด้วย ถ้าแกไม่รักเขามาก แล้วทำไมแกต้องแคร์เขาด้วย”
“…………..”
“และอีกอย่างแกจะร้องไห้ทำไมไหนบอกว่าไม่คิดจะกลับไปหาเขาอีกไง ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เขาซมซานกลับไปอย่างคนพ่ายแพ้ เจ็บเหมือนที่แกเคยเจ็บไง อ้อ ไม่เท่าที่แกเคยโดนด้วยซ้ำ”
“รักก็บอกว่ารัก เถอะชานยอล อยากกลับไปหาก็บอก ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ฉันแค่อยากให้แกยอมรับหัวใจตัวเองเท่านั้น”
แบคอยอนมองลึกเข้าไปในดวงตากลมที่กำลังสั่นและคลอไปด้วยน้ำตาของชานยอลเมื่อโดนเขาพูดจี้ใจดำ ชานยอลโผล่เข้าหาอ้อมแขนของเพื่อนรักด้วยน้ำตานองหน้า ร้องไห้สะอื้นออกมากับอกที่เขาเคยซบพิงทุกครั้งเมื่อยามอ่อนแอถึงที่สุด วันนี้ก็เช่นกันเขาไม่สามารถปิดบังเพื่อนคนนี้ต่อไปได้อีกแล้ว
“ถึงจะรักเขาแค่ไหน อยากกลับไปเมื่อเขาทำตัวดีขึ้น ฉันก็กลับไปหาเขาไม่ได้หรอก ไม่ใช่ไม่อยาก แต่กลับไปไม่ได้ แม่กับพี่เกลียดคุณคริสมาก และที่สำคัญ แกก็รู้ว่าเขามีใครอีกคนรออยู่ที่เมืองจีน”
“เฮ่ออ นี้ใช่มั้ยคือเหตุผลที่แท้จริงของการกินเหล้าต่างน้ำของแก”
“อื้ออ ฮึก ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี มันมืดแปดด้านไปหมด ฉันรักเขา แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ จะให้เลิกรัก มันก็ยังตัดไม่ขาด ฮึก”
ชานยอลพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี เขาอยากลืมเรื่องของคุณคริส มีแต่เหล้าเท่านั้นที่ช่วยให้เขาลืมเรื่องผู้ชายคนนั้นและสนุกับชีวิตที่เป็นอยู่ แต่มันก็ได้แค่ชั่วคราว เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความเป้นจริงอย่างเช่นตอนนี้
“อย่าคิดมากเลยชานยอล ในสถานการณ์แบบนั้นแกเลือกที่จะเดินออกมามันถูกต้องแล้ว แกได้อยู่กับครอบครัวที่รักแก ได้รับความรักที่บริสุทธิจากพวกเขาสักวันมันจะทำให้แกตัดใจได้ และนั้นก็ถือว่าเป็นโชคดีของแก ส่วนเรื่องจะกลับไปมั้ยนั้นปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของคุณคริสเถอะ ถ้าเขาอยากได้แกกลับไปจริงๆ มันก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะพยายามทำให้แกใจอ่อนและทำคุณแม่ยกโทษให้เขาให้ได้”
“แต่ว่าฉัน...”
“ทำวันนี้ของแกให้มีความสุขที่สุดเถอะ ชดเชยเวลา1ปีเต็มๆที่แกเสียไป อย่าไปจมอยู่กับความทุกข์เมื่อครั้งก่อนเลย ปล่อยให้คนที่ทำแกทุกข์อย่างคุณคริสได้ทุกข์บ้าง ยังไงก็เลิกที่จะเดินถอยออกมาแล้วแกก็ต้องทำตัวให้มีความสุขที่สุดอย่าให้เขาสมน้ำหน้าแกได้ เข้าใจมั้ย”
ชานยอลพยักหน้ารับส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้เพื่อนสนิทที่เขารู้สึกรักมากขึ้นเป็นกองหลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาก็มีคนๆนี้คอยอยู่ข้างๆเสมอ กระชับวงแขนรัดร่างเล็กของเพื่อนไว้ให้แน่นขึ้นสูดลมหายใจเข้าปลอดเพื่อเรียกพลังให้ตัวเอง แต่แล้วร่างของเขาก็ถูกดึงออก เหมือนแบคฮยอนจะมีเรื่องพูดกับเขา
“เออ ซังฮุนเพิ่งโทรมาหาฉันวันนี้ โทรมาชวนไปเที่ยวกันน่ะ ฝากชวนแกด้วยเพราะไม่รู้เบอร์ใหม่ ไปมั้ยชานยอล? วันนั้นฉันลาหยุดพักร้อนกับอาป๊าพอดี ถือโอกาสไปพักใจด้วยไง”
“ที่ไหน”
ร่างโปร่งเอียงหน้าถาม ในใจก็นึกถึงเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนานด้วยความคิดถึง ความทรงจำเมื่อวันวานมีความสุข นอกจากในแก๊งค์ของเขาจะมีแบคฮยอนที่เป้นตัวป่วนแล้วยังไม่ซังฮุน กงจู กับซอนแจ ที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้น ไปไหนไปกันตลอด แม้แต่ตอนขึ้นห้องปกครองก็ด้วย ตอนเด็กๆเขาแสบน้อยเสียที่ไหน
“เห็นบอกว่าจะไปไทยกันอ่ะ พวกนั้นอยากไปนอนอาบแดดกินอาหารทะเลชิวๆ ว่ากันว่าที่ไทยทะเลสวยมากด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน กงจู กับ ซอนแจ ก็ไปด้วยนะ ไปเถอะนะชานยอล”
“อื้ออ ไปก็ได้ แต่ต้องขออนุญาตแม่ก่อนนะ ไม่รู้ว่าช่วงนั้นพี่ซูโฮจะติดงานอะไรหรือเปล่าฉันต้องช่วยพี่ทำงานน่ะ ถ้าไม่ติดอะไรก็ไปกันเลย”
“โอเค”
หวังว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ของเขากลับมาแล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น เขาจะกลับมายิ้มได้เต็มหวัใจเสียที
เพ่ยฟางนั่งมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังนอนหันหลังให้หล่อนอยู่บนเตียง หลังจากที่เพิ่งกลับมาจากกล่อมให้เฟิ๋งอี๋นอนหลับอย่างเป้นสุขในห้องนอนของตัวเอง หล่อนถอนหายใจออกมาช้าๆ 1อาทิตย์แล้วที่ผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ไปวันๆ รอยยิ้มที่มีให้หล่อนกับลูกดูไร้ซึ่งความสุข มันเริ่มต้นจากตอนนั้น หลังจากที่พี่อู๋ฟ่านกลับมาจากเกาหลี
สามีของหล่อนอยู่เหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจ ถึลจะกลับบ้านมากินข้าวกับหล่อนและลูกทุกครั้งหลังเลิกงานแต่ก็หาความสุขจากดวงตาที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้ พี่อู๋ฟ่านเป็นอะไร หรือว่าหล่อนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ใจที่คอยหวาดระแวงยิ่งสั่นไหวทุกครั้งเมื่อยามตกดึกไร้ซึ่งอ้อมแขนที่เคยโอบกอด มีแต่แผ่นหลังกว้างที่หล่อนมองเห็นทุกครั้งนยามหันไปมอง
“ยังไม่นอนอีกเหรอเพ่ยฟาง”
“อ่ะ กำลังค่ะ พี่ตื่นขึ้นมาทำไมเหรอคะ หิวน้ำเหรอ หรือฉันรบกวนพี่หรือเปล่า”
“เปล่าหรอก พี่นอนไม่หลับน่ะ”
คริสพูดพลางถอนหายใจออกมายกแขนขึ้นก่ายหน้าผากหลับตาลงอย่างคนต้องการพักผ่อน แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เกือบอาทิตย์แล้วที่เขานอนไม่หลับ แค่ปิดตาลงภาพของคนที่ห่างไกลก็ลอยเข้ามาในสมอง คงจะดีไม่น้อยถ้ามีแค่ชานยอลไม่ได้มีหวัง หลี่ฟงรวมอยู่ในภาพนั้น กอดกัน หัวเราะ มีความสุข กับผู้ชายที่ไม่ใช่เขาแค่คิดหัวใจเขาก็ร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหว แล้วจะให้นอนหลับได้ยังไง
เพราะมัวคิดถึงคนที่ไกลห่างจนลืมคิดถึงคนที่ใกล้ตัว เพ่ยฟางมองคนที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆอย่างร้าวรานใจ ถ้าเป็นอย่างเช่นทุกครั้งพี่อู๋ฟานคงดึงร่างของหล่อนเข้าไปกอดบอกให้นอนหลับฝันดี แต่มันคงไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว ในเมื่อในใจของพี่เฝ้าคิดถึงแต่ใครอีกคน
“ช่วงนี้พี่เครียดๆนะคะ หลังจากที่กลับมาจากเกาหลี เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
สุดท้ายหล่อนก็แข็งใจถามออกไป
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเลย”
“อย่าโกหกสิคะ เล่าให้ฉันฟังไม่ได้เหรอ”
“......พี่ไปหาชานยอล...แล้ว...ชานยอลกับหลี่ฟงนัดเจอกันลับหลังพี่”
สุดท้ายคริสก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงขมขื่น ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมลืมตาขึ้นมาจากความมืดมิด กลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่คอลงอก
“จริงเหรอคะ?”
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความแปลกใจ แม้จะเชื่อว่าระหว่างคุณชานยอลกับพี่หลี่ฟงคงไม่มีอะไรเกินพี่น้องตามที่คุณชานยอลเคยบอกไว้ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคุณชานยอลถึงได้กล้าทำอย่างนั้นทั้งๆที่รู้ว่าพี่อู๋ฟานอยู่ที่เกาหลี
“พี่ขอให้ชานยอลออกมาหา แต่เขาก็ไม่มา พี่เลยแอบตามไป เลยเห็นพวกเขากอดกันที่หน้าร้านอาหาร พี่แทบไม่อยากเชื่อสายตา พี่เจ็บเหลือเกินเพ่ยฟาง พี่รักชานยอลมาก แต่ดูสิ่งที่เขาทำกับพี่”
“พี่รักคุณชานยอลมากเลยเหรอคะ”
“ใช่ พี่รักเขามาก รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
คริสตอบออกไปแทบจะไม่ต้องคิด ชายหนุ่มลืมตากว้าง ใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากหางตา รู้สึกเจ็บเสียดที่หัวใจทุกครั้งที่นึกถึง เขาไม่โรหาหลายวันชานยอลคงจะมีความสุขไม่ต้องมานั่งรำคาญสายโทรศัพท์ที่เขาโทรหา บางทีป่านนี้อาจจะกำลังไปเที่ยวมีความสุขกับคนที่ตัวเองชอบอย่างหลี่ฟงก็ได้
เพ่ยฟางถึงกับใจหาย นานแล้วที่พี่อู๋ฟานไม่ได้ร้องไห้แบบนี้ กลัว กลัวเหลือเกิน กลัวจนต้องถามสิ่งนั้นออกไปอีกครั้ง
“แล้วฉันล่ะคะ พี่คะ พี่ยังรักฉันอยู่หรือเปล่า”
“……..รัก”
“เท่าเดิมมั้ยคะ? พี่รักฉันเท่าเดิมใช่มั้ยคะ”
หญิงสาวเอื้อมมือไปเจ็บแขนของคนรักไว้ ออกแรงเขย่าด้วยความร้อนรน มองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังจ้องมองใบหน้าของตนผ่านม่านน้ำตาด้วยสายตาเว้าวอน แต่ก่อนนั้นเมื่อได้ถามไม่มีสักครั้งที่พี่อู๋ฟ่านจะหยุดคิด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ขอร้องเถอะ ขอให้ทุกอย่างยังคงเป้นเหมือนเดิม แต่คำตอบของอู๋ อี้ฟาน ก็ทำให้น้ำตาของหล่อนร่วงพราวลงมากระทบแก้มแทบจะทันที
“….เพ่ยฟาง”
“พี่ขอโทษ”
TBC.................
สวัสดีค่ะ มีคนทักเค้าว่าช่วงนี้อัพบ่อยมากเลย ดีมั้ยคะ งุงิ ฮ่าๆๆ ช่วงนี้ขยันเลยรีบอัพเข้าหน่อย
มาถึงตอนนี้...อะไรที่ว่าแน่ๆมันก็ไม่แน่เสมอไปเนาะ 55555
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ เพ่ยฟางเธอกลับมาแล้ว กลับมาเดินเรื่องสำคัญอีกครั้ง ชะเเว้บบ บะบายค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตรบกวน #DDT ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น