คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #102 : CHAPTER 97
Distorted Daytime
พอวางสายจากหลี่ฟงแล้วชานยอลก็ต้องมานั่งกลุ้มกับปัญหาของตัวเอง เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีผู้ชายอีกคนหนึ่งจะมาเยือนเขาในวันพรุ่งนี้ ใช่ คุณคริสก็จะมาหาเขาเช่นกันถึงแม้ว่าเขาจะห้ามแค่ไหนก็ตาม พี่หลี่ฟงจะมาถึงเกาหลีในช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้แต่คุณคริสนั้นเขาคาดว่าคงจะมาถึงในช่วงเช้า ไม่เลย เขาไม่อยากให้คุณคริสมาหาเขาในตอนนี้ ตอนที่หัวใจของเขายังมีเยื่อใยบางๆให้เจ้าตัวอยู่
“โอ้ย รำคาญ”
ชานยอลสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานสั่นอีกครั้ง หน้าจอปรากฏเบอร์ของคนที่เขาเพิ่งนึกถึง ปัญหาที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเขายังหาทางแก้ไม่ได้เลย การมาของคุณคริสทำให้เขาต้องเจอปัญหาหลายอย่าง นั้นรวมถึงเรื่องของคุณแม่ด้วย
แม่ยังไม่รู้ว่าเขาแอบติดต่อกับคุณคริส ความจริงเขาไม่อยากคุยกับผู้ชายคนนี้เลย อยากจะตัดใจเสียให้ขาด แต่จะทำไงได้ในเมื่ออีกฝ่ายังโทรมาไม่ยอมหยุด และด้วยความกลัวว่าถ้าคุณคริสไม่พอใจถึงขีดสุดจะเผลอทำร้ายเขาทางอ้อมด้วยการกลั่นแกล้งบริษัทเขาจึงจำต้องรับอย่างเสียไม่ได้
“อะไร! โทรมาอยู่ได้”
ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเป็นครั้งที่สามชานยอลก็กดรับสายกระชากเสียงลงไปอย่างเหลืออด คริสที่เพิ่งมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าเมื่อปลายสายยอมกดรับถึงกับหน้าสลด น้ำเสียงของชานยอลฟังดูไม่เป็นมิตรนัก ทุกครั้งก็ใช่ว่าจะดีแต่ครั้งนี้กลับดูอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า
“ทำอะไรอยู่เหรอ โทรมากวนหรือเปล่า”
“กวน กวนมาก ครั้งหน้าอย่าโทรมาอีกนะ”
“พี่วางก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะโทรหาใหม่นะ”
คริสถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวัลกลัวว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดจนไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาอีก ทุกวันนี้ก็รับยากมากพอแล้ว เขาโทรเป็นสิบครั้งชานยอลจึงจะยอมรับครั้งหนึ่ง แล้วคำตอบที่ตอบกลับมาก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจนัก
“วางไปแล้วไม่ต้องโทรมาอีก พอเถอะคุณคริสจะโทรมาทำไมนักหนา!”
“ก็พี่คิดถึงชานยอลนี้ หน้าก็ไม่ได้เห็น อยากจะกอดให้ชื่นใจหน่อยก็ทำไม่ได้ นี้แค่โทรหาชานยอล ชานยอลยังไม่อยากจะรับเลย”
\
ชานยอลที่ตอบออกไปด้วยความหงุดหงิดถึงกับใจอ่อนเมื่อได้ยินคำตัดพ้อจากสามี เขากำลังสงสัยตัวเองว่าทำไมคำว่าคิดถึงของคุณคริสถึงมีอิทธิพลกับเขานัก
“ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
“ชานยอลไปทำงานเหรอ?”
“คุณก็รู้ดีแล้วนี้ ลูกน้องของคุณคงจะรายงานหมดแล้วสินะ ไอ้เรื่องนี้เหมือนกัน เลิกบอกให้ลูกน้องคุณคอยตามผมได้แล้ว รำคาญ”
ชานยอลบอกออกไปอย่างหงุดหงิดใจ เวลาไปไหนมาไหนแล้วมีคนคอยเดินตามมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด ถึงแม้จะพยายามไม่ให้เขารู้ตัวก็เถอะนะก็สายตานับสิบคู่ที่มองมาทางเขามันก็ทำให่เขาผิดสังเกตุจนได้
“พวกนั้นทำให้ชานยอลรำคาญเหรอ เดี๋ยวพี่จะบอกให้..”
“รำคาญคุณนั้นแหละ เซ้าซี้อยู่ได้!”
ชานยอลตะคอกเสียงใส่ปลายสายด้วยความโมโหปัญหาที่พี่หลี่ฟงกำลังจะมาหาพร้อมอีกฝ่ายทำให้เขาหงุดหงิดหนักกว่าเดิม เขากลัวคุณคริสจะรู้เรื่องนี้ แต่อีกใจก็นึกอยากจะรู้ว่าถ้าคุณคริสรู้ว่าเขาออกไปเจอพี่หลี่ฟงจะทำยังไง จะซ้อมเขาอย่างเดิมหรือเปล่า
“………….ขอโทษ พี่แค่อยากรู้ว่าชานยอลเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณสักนิด ไม่สำคัญสักหน่อย”
“สำคัญสิ ขอแค่เป็นเรื่องของชานยอลไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็สำคัญหมดนั้นแหละ”
เขาจับน้ำเสียงของคุณคริสได้ว่ามันกำลังสั่น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิน้ำตาอย่างที่เขาเป็นหรือเปล่า ชานยอลจับโทรศัพท์ในมือแน่นไม่กล้าส่งเสียงออกไปเพราะกลัวปลายสายจะรู้ว่าเขากำลังจะร้องไห้ ทำไมต้องมาพูดอะไรแบบนี้ในวันที่ชีวิตคู่ของเรามาถึงทางตันแล้วด้วย
“พี่แค่อยากจะโทรมาบอกชานยอลว่าพรุ่งนี้พี่จะไปถึงเกาหลีตอนกลางวัน ชานยอลมารับพี่ได้หรือเปล่า?”
“เรื่องอะไร ผมไม่ได้บอกให้คุณมาเสียหน่อยทำไมต้องแบกหน้าไปรับคุณด้วย อยากมาก็มาเอง อย่าให้ผมต้องวุ่นวายกับคุณอีกเลย”
คริสหันไปมองกระเป๋าเดินทางที่เพ่ยฟางเตรียมไว้ให้ที่มุมห้อง เขาตั้งใจจะไปอยู่ที่นั้นสัก3วันถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงลูกกับเพ่ยฟางและงานที่บริษัทเขาคงจะอยู่ที่นั้นสักอาทิตย์ แต่คำตอบของชานยอลก็ทำให้เขาน้อยใจเหลือเกิน
“ก็ได้ๆ ไม่มารับก็ไม่เป็นไร แต่ว่าออกมาหาพี่หน่อยนะ”
“เหมือนผมจะไม่ว่าง”
ร่างโปร่งพูดพร้อมกับโยนปากกาในมือลง พี่หลี่ฟงก็จะมาหาเขาวันพรุ่งนี้เหมือนกัน และไม่ต้องถามก็น่าจะรู้ว่าปาร์ค ชานยอลคนนี้จะเลือกใคร ผู้ชายที่ดีกับเขามาตลอดไม่เคยทำให้เขาเสียใจสักครั้ง กับผู้ชายคนหนึ่งที่ถึงแม้จะเป็นสามีแต่ก็ดีแต่ทำร้ายให้ต้องเจ็บช่ำและเสียใจ
“พี่จะพาปิ๊ปโป้ไปด้วยนะชานยอล”
“อย่าเอามันมาอ้าง!”
ชานยอลตวาดออกมา เมื่อร่างสูงพูดถึงปิ๊ปโป้ที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวัน ใจเขานั้นก็อยากเจอมันไม่น้อยไม่รู้ว่าจะอ้วนขึ้นบ้างหรือเปล่า ทุกวันที่คุณคริสโทรมาหาเขาถ้าไม่เชื่อเรื่องของเขาก็จะเป็นเรื่องปิ๊ปโป้นี้แหละที่อีกฝ่ายยกมันขึ้นมาล่อลวงเขาให้พูดด้วย
“เปล่า แค่พูดให้ฟัง มันไม่ยอมกินข้าวเลยนะชานยอล”
พูดไปแล้วเขาก็นึกไม่สบายใจเมื่อหันไปมองลูกหมาขนสีน้ำตาลตัวอ้วนที่กำลังนอนหลับหลังจากกินนมไปสองกล่อง อ้วนขนาดนี้ชานยอลจะเชื่อมั้ยนะว่ามันไม่ยอมกินข้าว
“ทำไมล่ะ ก็วันก่อนคุณยังบอกว่ามันปกติดีอยู่เลย”
“ก็พี่บอกว่าชานยอลจะไม่ออกมาหามัน สงสัยมันฟังรู้เรื่องเลยเศร้าไป”
ชานยอลเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีก มือเรียวหมุนปากกาในมืออย่างใช้ความคิด คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เขาจะเชื่อเรื่องที่คุณคริสเล่าได้หรือเปล่า ใจหนึ่งไม่อยากจะเชื่อแต่อีกใจก็อดห่วงหมาของตัวเองไม่ได้ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการสุดท้ายแล้วคงจะหาทางให้เขาออกไปหาตัวเองให้ได้
“นะ..นะชานยอลออกมาหาพี่นะ”
“ผมไม่รับปาก แต่ถ้าผมจะออกไปผมจะออกไปหาปิ๊ปโป้ ไม่ใช่คุณ!”
น้ำเสียงออดอ้อนจากปลายสายที่คุณคริสใช้กับเขายิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเจ้าอารมณ์ใช่เล่น ไม่รู้ว่าไปติดเอานิสัยเสียนี้มาจากไหน แต่อย่างนั้อยก็ยังรู้สึกดีที่ตัวเองยังเลือกใช้เฉพาะกับบางคนเท่านั้นและคุณคริสก็มักจะเป็นคนนั้นอยู่เสมอข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาพอใจอยู่ไม่น้อยแม้มันจะเป็นชัยชนะเล็กๆน้อยๆที่เขามีต่อร่างสูงก็ตาม
“จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะแค่ให้พี่ได้เห็นหน้าชานยอลก็พอ คิดถึงใจจะขาดแล้ว”
“แค่นี้นะ คนจะทำงาน”
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบทำร้ายความรู้สึก เขาคิดถึงชานยอลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ งานการเขาก็แทบทำไม่รู้เรื่อง โทรหาก็แสนจะยากลำบากแต่พอได้คุยกันกับมีแต่คำพูดประชดประชัน ถึงจะเตรียมใจทุกครั้งก่อนจะโทรหาแต่เขาก็รู้สึกแย่มากทุกทีที่ได้ยิน
ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ในมือลงบนเตียง หายใจออกมาอย่างอึดอัด อุ้มลูกหมาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มขึ้นมาแนบอก มันส่งเสียงครางเล็กน้อยเหมือนจะรำคาญ คริสขมวดคิ้วเข้าหากันตบลงไปบนหัวเจ้าตัวเล็กอย่างหมั่นไส้ เหมือนแม่เข้าไปทุกที
“อย่ามาทำเสียงรำคาญนะโว้ยปิ๊ปโป้ ทำไมชอบทำเสียงรำคาญเหมือนแม่แกอยู่เรื่อย เฮ้อ ไปนอนซะไป พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปตามแม่กลับบ้านกัน มารยามีเท่าไหร่ใส่ไปให้หมด ถ้าทำสำเร็จนะ..”
“หงิง”
“ฉันจะซื้อขนมให้แกลังใหญ่พร้อมกับบ้านหลังใหม่ดีมั้ย”
คริสยิ้มออกมาอย่างหมายมาด ติดสินบนเจ้าลูกหมาที่ชานยอลรักหนักหนายกใหญ่ ถึงแม้หัวใจของเขาตอนนี้จะอยากร้องไห้แค่ไหนก็ตาม
ชานยอลขับรถออกมาจากบ้านในตอนเช้าของวัน แม่กับพี่ที่กำลังทานข้าวอยู่ถามเข้าขึ้นมาว่าจะไปไหน เขาที่ไม่ยอมทานอาหารเช้าตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเป็นเรื่องปกติว่าจะออกไปพบเพื่อนที่นัดไว้ที่ห้างแห่งหนึ่ง แม่ทำหน้าสงสัยเล็กน้อยเมื่อมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ขณะนั้นมันยังเช้าเกินกว่าที่ห้างแห่งไหนจะเปิด แต่แม่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาให้เขาได้ลำบากใจ ได้แต่พยักหน้าก่อนจะหันไปคุยเรื่องบริษัทกับพี่ซูโฮ
ชานยอลจอดรถที่หน้าร้านขายอาหารสัตว์แห่งหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดของร้านประตูด้านหน้าจึงถูกปิดด้วยเหล็กสีดำ ร่างโปร่งฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ รู้สึกว้าวุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าการตัดสินใจของเขาเป้นเรื่องถูกหรือผิด
เขาไม่ได้บอกคุณแม่หรือแม้กระทั่งแบคฮยอนเพื่อนสนิทของเขาว่าเขาออกมาพบคุณคริสในวันนี้ ถ้าแม่รู้ว่าเขาออกมาหาใครแม่จะโกรธมั้ย ถ้าแบคฮยอนรู้จะด่าว่าเขาโง่หรือเปล่าที่แค่คุณคริสเอาเรื่องหมามาอ้างก้ยอมออกมาพบผู้ชายคนนี้ง่ายๆ กำลังวุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นเล่นเอาร่างโปร่งถึงกับสะดุ้ง มือเรียวล่วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาถือไว้ แบคฮยอนที่เขาเพิ่งนึกถึงเป็นคนโทรเข้ามา
“อื้อออ”
“ชานยอล ตื่นแล้วใช่มั้ย”
“อื้ออ”
“จะไปทำงานหรือเปล่าวันนี้”
“อื้อ”
“เฮ้ย! มันไรมากป่ะ พูดคำอื่นไม่เป็นเหรอมึง”
แบคอยอนตวาดออกมาตามสายด้วยความหงุดหงิด เมื่อตนถามออกไปก็ได้แต่เสียงครางในลำคอตอบกลับมา ชานยอลถึงกับสะดุ้งดึงสติที่ดูเหมือนจะมีอยู่น้อยนิดของเขากลับสู่ร่าง ปั้นหน้ายิ้มออกมาแม้จะรู้ว่าเพื่อนไม่มีวันเห็นก็ตาม
“ฮ่าๆ โทษที ขับรถอยู่น่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า จะโทรมาถามว่าเย็นนี้ว่างมั้ย จะโทรมาชวนไปหาอะไรดื่ม ช่วงนี้เพลียๆ”
“เพลียก็ต้องพักสิว่ะ แกจะไปหาอะไรดื่มทำเพื่อ?”
“คนอื่นเขาแก้อาการเพลียด้วยการพัก แต่ฉันแก้อาการเพลียด้วยการดื่ม โอเค๊!”
ชานยนอลถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคติของเพื่อนสนิท เขาเองก็อยากจะออกไปหาอะไรดื่มกับแบคฮยอนอยู่หรอกนะแต่ดูเหมือนว่าช่วงอาทิตย์นี้เขาจะยุ่งเสียเหลือเกินทั้งงานที่บริษัททั้งเรื่องคุณคริสกับพี่หลี่ฟงอีก เห็นทีครั้งนี้คงต้องปฏิเสธเจ้าตัวเล็กนี้ไปก่อน
“อยาไปนะแบคกี้ แต่ไม่ว่างว่ะ ช่วงนี้ยุ่งมากจริวงๆ”
“อ่า งานเยอะเหรอ”
“ประมาณนั้น”
ร่างโปร่งตอบเลี่ยงออกไปเขาไม่อยากโกหกเพื่อนสนิทเพราะเรื่องของคุณคริสเลย
“ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”
“อื้อ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
แบคฮยอนตัดสายไปแล้วเป็นเวลาเดียวกันกับร้านขายอาหารสัตว์ที่เขารออยู่เปิดประตูขึ้นพอดี ชานยอลนั่งรออยู่ในรถสักพักเมื่อเจ้าของร้านจัดร้านเสร็จร่างโปร่งจึงเปิดประตูรถลงไป เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงร่างท้วมทักทายลูกค้าคนแรกของหล่อนอย่างเป็นกันเอง ชานยอลส่งยิ้มให้หล่อนเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าง่วนอยู่กับการเลือกอาหารและขนมให้สุนัข
“มันจะชอบตัวนี้หรือเปล่านะ”
ชานยอลชูกขนมสำหรับลูกสุนัขที่ถูกทำเป็นรูปอาหารชนิดต่างๆอย่างพิจารณาก้ตอนที่เขาอยู่กับมันก็เห้นกินแต่นมนี้นา ไม่รู้ว่าซื้อไปมันจะกินได้หรือเปล่า จะเหมาะกับลูกสุนัขอย่างมันมั้ย ตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ได้ขนมกับอาหารสำหรับสุนัขนับสิบห่อ ร่วมถึงปลอกคอสีแดงสดใสกับเสื้อสุนัขเข้าชุดอีก2ชุดมาถือไว้ในมือก่อนจะเอาไปคิดเงินกับเจ้าของร้าน
ร่างโปร่งเดินผ่านประตูกระจกของร้านขายอาหารสัตว์เมื่อเขาได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ แขนเรียวยกขึ้นเพื่อดูนาฬิกายังจับใจความเลขในหน้าปัดไม่ได้ด้วยซ้ำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มรวบถุงในมือทั้งสองข้างไว้ในมือเดียวล่วงดทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋า ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆกรอกเสียงกระชากลงไป
“อะไร”
“พี่มาถึงแล้วนะ ชานยอลอยู่ที่ไหน”
คำตอบจากปากเสียงทำให้ชานยอลที่กำลังหงุดหงิดถึงกับอึ้ง เร็วมาก ชายหนุ่มคิด เขาคิดว่าคุณคริสจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมง เขายังตั้งตัวไม่ทันกับการเจอกันกับสามีตัวเองที่เพิ่งจากมา
“ผมอยู่บ้านสิ”
“อ่า ออกมารับพี่ที่สนามบินได้มั้ย?”
“คุณมากับใคร”
แทนที่จะตอบชานยอลกับถามคำถามออกไป ขาเรียวเดินตรงไปขึ้นรถ วางถุงอาหารสุนัขไว้บนเบาะข้างๆ
“มากับอี้ชิง พอดีว่า..”
“มากับอี้ชิงก็ให้อี้ชิงมาส่งสิ ลูกน้องที่เกาหลีคุณมีเยอะแยะ ทำไมต้องให้ผมลำบากด้วย”
“ก็ได้ๆชานยอล เดี๋ยวพี่ไปเองก็ได้”
คริสรีบตอบออกไปเมื่อได้ยินเสียงสำเนียงไม่ค่อยจะดีนักของอีกฝ่าย ตอนนี้เขาต้องพยายามเอาใจชานยอลให้มากที่สุด ดูเหมือนว่าเมียของเขาจะขี้วีเหลือเกินโดยเฉพาะช่วงที่คุยกับเขาน่ะนะ เอาเถอะเหวี่ยงได้เหวี่ยงไป แค่นี้ทำไมเขาจะทนไม่ได้
“แค่นี้แหละ”
“เดี่ยวก่อนสิ! เอ่อ ชานยอลออกมาหาพี่หน่อยได้มั้ยครับ นะ”
เมื่อได้ยินว่าชานยอลกำลังจะว่างสายคริสก็เผลอขึ้นเสียงออกไปก่อนจะรีบลดน้ำเสียงลงเมื่อรู้ตัว ชานยอลกำโทรศัพท์ในมือแน่น ถึงแม้จะตั้งใจออกมาเจอร่างสูงอยู่แล้วแต่เมื่อถึงเวลาจริงๆเขาก็รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
“ที่ไหน”
“ที่สวนสาธารณะ...ได้มั้ย จะได้พาปิ๊ปโป้ไปเดินเล่นด้วยยังไงล่ะ”
เมื่อได้ยินคำถามของชานยอลคริสก้รีบตอบออกไปด้วยหัวใจเต้นถี่ ก่อนจะหันไปมองลูกสุนัขพันธ์โกลเด้นที่กำลังส่งเสียงร้องใช้ขาตะกุยกรงเหล็กอย่างไม่ชอบใจท่ามกลางผู้คนมากมายในสนามบิน ปิ๊ปโป้ไม่ชอบอยู่ในที่แคบแต่จะทำไงได้ ขึ้นรถแล้วเขาจะปล่อยให้มันออกมาเดินก็แล้วกัน
“10โมงถึงเที่ยง ผมมีเวลาให้คุณแค่นั้น”
เขากดตัดสายทันทีที่พูดจบไม่ทันได้ฟังว่าคุรคริสจะพูดอะไรต่อ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฟัง ในเมื่อเหตุผลที่เขาออกมาวันนี้ก็เพื่อที่จะตัดสายสัมพันธ์เส้ยสุดท้ายที่ทำให้เขามีเยื่อใยกับบ้านหลังนั้นอยู่ แต่หลังจากนี้มันจะไม่มีแล้ว จบสิ้นกันเสียที
TBC.....
สวัสดีค่ะ ชานบอลมาแบบเหวี่ยงๆวีนๆ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะชอบสไตล์นี้หรือเปล่า แต่น้องหงุดหงิดเล็กๆ ไปลุยกันต่อเลยนะคะ 555
สวัสดีค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวนติด #DDT ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น