คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #101 : CHAPTER 96
Distorted Daytime
เที่ยงคืนแล้วแต่ห้องนอนของลูกชายคนเล็กตระกูลปาร์คก็ยังสว่างจ้าเพราะแสงไฟ ชานยอลก้มหน้าจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์เครื่องใหม่ในมือ เขาเพิ่งซื้อมันมาวันนี้มีอีกหลายอย่างที่เขาต้องทำหลังจากที่เพิ่งลงเพลงเสร็จ เช่น การจัดการเมมเบอร์โทรศัพท์เพื่อนทุกคนที่เขาจดมาจากเครื่องของแบคฮยอนให้หมดภายในวันนี้ แอพและเกมส์ต่างๆเขาคงต้องทำวันอื่นเพราะตอนนี้หนังตาของเขาแทบจะปิดเสียแล้วน่ะสิ นี้ต้องเป็นเพราะโซจูสามขวดที่แบคฮยอนมันกรอกใส่ปากเขาแน่ๆ
“อ่า ในที่สุดก็เสร็จเสียที”
ชานยอลร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อรายชื่อทุกชื่อที่เขาจดมาถูกบันทึกไว้เรียบร้อยในโทรศัพท์ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนหงายลงบนเตียง ง่วงเหลือเกิน เขาคงต้องหลับสักที คิดแล้วร่างโปร่งก็ฝืนความง่วงลุกขึ้นยืนเดินไปปิดไฟที่ข้างหัวเตียง ก่อนจะเดินมาล้มตัวนอนอีกครั้งเปลือกตาสีมุกปิดลงเขาคงจะหลับไปแล้วถ้าเสียงโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นเสียก่อน
“ใครกัน?”
ชานยอลอุทานออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ขึ้นมาดู เขาซื้อมันพร้อมกับเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วยยังไม่มีใครรู้จักเบอร์นี้นอกจากแบคฮยอนแม้แต่แม่ของเขาก็ยังไม่ได้บอกด้วยซ้ำ แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือหน้าจอที่ไม่โชว์เบอร์ใดๆ ใครกันนะที่โทรมา
“ครับ สวัสดีครับ”
“…….”
“ฮัลโหล ดึกแล้ว ถ้าไม่พูดผมจะวางนะครับ”
“ชะ..ชานยอล”
“คุณคริส!”
หลังจากที่เงียบอยู่นานเพราะความตื่นเต้นที่ได้ยินเสียงของชานยอลคริสก็เรียกชื่อร่างโปร่งออกมาอย่างตะกุกตะกัก ความดีใจถูกแทนที่ด้วยความกลัว กลัวเหลือเกินว่าชานยอลจะตัดสายเขาไป ชานยอลเองก็เช่นกัน แต่มันช่างเป้นความรู้สึกที่แตกต่าง ดวงตากลมเบิกกว้างมือที่จับโทรศัพท์ไว้สั่นระริกทำอะไรไม่ถูกแต่เมื่อตั้งสติได้ปลายนิ้วก็กำลังจะกดวางสายแต่เสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทำให้เขาต้องชะงักกึก
“ชานยอล ห้ามวางนะ! ครั้งนี้พี่ไม่ยอมจริงๆด้วย”
ร่างกายทำตามคำสั่งนั้นตามความเคยชิน ถ้าดื้อก็จะถูกตี ชานยอลกัดริมมฝีปากแน่นน้ำตาเอ่อ คุณคริสรู้จักเบอร์เขาได้ยังไง คริสเองที่เพิ่งรูตัวว่าเผลอทำอะไรไป รีบปรับน้ำเสียงให้ดีขึ้น เอ่ยขอโทษออกไปอย่างรู้สึกผิด
“พี่ขอโทษที่ขึ้นเสียงกับชานยอล พี่กลัวว่าชานยอลจะตัดสายพี่อีก”
“คุณรู้จักเบอร์ผมได้ยังไง”
ชายหนุ่มถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องนยากสำหรับคุณคริสที่จะหาเบอร์โทรศัพท์ของเขา
“อย่ารู้เลยว่าพี่ทำได้ยังไง พี่เคยบอกชานยอลแล้วใช่มั้ยว่าพี่จะทำทุกอย่างให้ได้ชานยอลกลับมา”
“ผมไม่กลับไปหรอกนะ”
“ชานยอลรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าพี่ไม่ยอมจริงๆชานยอลก็อยู่ที่นั้นไม่ได้หรอก”
คริสตอบออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ไม่ได้ทำให้คนยฟังรู้สึกดีเลยสักนิด แบบนี้อีกแล้ว คุณคริสกำลังจะใช้วิธีเดิมกับเขาอีกแล้ว
“ถ้าชานยอลอยากอยู่บ้านพี่ก็ให้อยู่ อยู่เถอะถือเสียว่านี้เป็นของขวัญวันเกิดอีกอย่างหนึ่งนอกจากพี่นอกจากเจ้าปิ๊ปโป้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป”
“มันเป็นยังไงบ้าง คุณอาบน้ำให้มันหรือยัง”
ชานยอลถามถึงเจ้าลูกหมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพยายามมองข้ามประโยคสุดท้ายไป
“อาบแล้ว ตัวมันหอมฟุ้งเลยล่ะ มันคิดถึงชานยอลนะ พี่ก็คิดถึงชานยอลมากเหมือนกัน”
ร่างโปร่งรู้สึกได้ทันทีว่าแก้มของเขากำลังร้อนผ่าวมันคงเป็นสีแดงราวกำลังจะระเบิด เสียงนุ่มอ่อนหวานหูเขากำลังเคลิ้มไปกับลมปากของคุณคริส หรือเป็นเพราะเขาได้กลับมาอาศัยอยู่ในบ้านของตนจึงทำให้ตัวเขาเองใจเย็นลงไม่เหมือนตอนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นมันร้อนรุ่มราวกับไฟ
“ก็ดีแล้ว แค่นี้นะครับ ผมจะนอน”
“ชานยอล อย่าเพิ่ง”
“…….”
“พี่ยอมให้ชานยอลอยู่ที่นั้นแล้ว แต่ถ้าพี่จะไปหาชานยอลบ้าง ชานยอลจะออกมาหาพี่ได้หรือเปล่า”
“คุณจะมาทำไม! อย่ามานะ”
“พี่จะไป อาทิตย์หน้าพี่จะไปเกาหลี ความจริงแล้วพี่อยากบินไปหาชานยอลตั้งแต่วันที่ชานยอลกลับเกาหลีแต่พี่มีประชุมทั้งอาทิตย์ อาทิตย์หน้าพี่ว่างให้พี่ไปหานะ”
“อย่ามา อย่ามา ฮึกผมไม่ออกไปหรอกนะ”
“พี่จะพาปิ๊ปโป้ไปด้วยก็ให้มันรู้ไปสิว่าชานยอลจะกล้าไม่มาหามันทั้งที่มันมาหาชานยอลถึงเกาหลี แต่ถ้าชานยอลไม่ยอมออกมาจริงๆพี่ก็จะบุกถึงบ้านเลยให้ดู”
ประโยคสุดท้ายของคุณคริสในวันนั้นทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน รวมถึงคืนนี้ด้วย ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ต้องคอยรับโทรศัพท์ที่คุณคริสโทรเข้ามาทุกเช้าทุกเย็นแทบจะสามเวลาหลังอาหาร ไม่รวมก่อนนอน เขาเองก็รับบ้างไม่รับบ้างแล้วแต่ช่วงอารมณ์ในขณะนั้น แต่ถ้ารำคาญมากเขาก็ถึงกลับต้องปิดเครื่องหนีประโยคเดิมๆซ้ำๆของคุณคริสที่พร่ำกรอกหูเขา
เขายอมรับว่าคำว่าคิดถึงของคุณคริสมันทำให้เขาหวั่นไหวเหลือเกิน การที่ไม่มีไม่ได้เห็นเพ่ยฟางเดินไปมาอยู่ในบ้านทำให้เขารู้สึกเหมือนมีแค่เขากับคุณคริสสองคนไม่ใช่สามคนเหมือนในบ้านตระกูลอู๋ หัวใจของเขาเหมือนขี้ผึ้งที่กำลังถูกไฟลน แล้วเขาจะยอมให้หัวใจของเขาถูกแผดเผาอีกครั้งหรือไม่
“อย่าชานยอล อย่าใจอ่อน ได้โปรด ถึงอยู่ที่นี้จะไม่มีเพ่ยฟาง แต่ถ้าแกคืนกลับไปเพ่ยฟางกับลูกก็ยังอยู่อยู่ดี อย่าให้เขามาทำร้ายตัวเองอีกเลย”
ชานยอลนั่งเอนหลังพิงกับเก้าอี้ในห้องทำงาน เขามาทำงานที่บริษัทได้สองวันแล้ว แม่กับพี่ดูตื่นเต้นมากจัดห้องให้เขาเสียยกใหญ่ งานของเขาเป็นงานไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาต้องอ่านเอกสารทั้งหมดของคุณแม่ก่อนจะยกไปให้ท่านเซ็น ฟังดูไม่อยากแต่คนที่ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเลยอย่างชานยอลมันก็ยังทำได้ไม่ดีนัก
เรื่องที่เขาคุยกับคุณคริสนั้นคุณแม่ยังไม่รู้ แม่มีอาการสงสัยอยู่บ้างเมื่อโทรศัพท์บ้านที่เคยดังอยู่ทุกวันกลับเงียบหายไปพร้อมกับคำพูดดูถูกมาแทนที่ความสงสัยนั้น
‘แม่คิดแล้ว คนอย่างคุณคริสจะพยายามได้สักกี่น้ำ ป่านนี้คงมีความสุขกับลูกกับเมียที่บ้าน’
ชานยอลได้แต่ก้มหน้านิ่ง เงียบไม่ยอมเผยอะไรออกมา เขารู้สึกอึดอัดและลำบากใจอย่างบอกไม่ถูกเขาไม่อยากปิดบังแม่แบบนี้แต่ถ้าจะบอกก็ทำไม่ได้คุณแม่คงไม่ยอมให้เขาพูดกับคุณคริสอีกแน่ๆ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคริสก็คงไม่ยอมอีก คำว่าบุกมาหาถึงที่บ้านและบริษัทไม่ใช่เรื่องที่คุณคริสจะทำไม่ได้ ก็บริษัทแห่งนี้มีคนของคุณคริสแทบจะทุกมุมตึกทุกแผนก บ้านของเขาคุณคริสก็เคยมา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกลุ้มใจหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้สักที
“ชานยอล เที่ยงแล้ว ไปทานข้าวได้แล้วค่ะลูก”
“ครับแม่ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ”
ชานยอลดึงสติขึ้นจากภวังค์ขานรับเสียงเรียกของมารดาที่เปิดประตูเข้ามาในห้องโดยที่ไม่เคาะ ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้หยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นยัดมันลงไปบนกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินตามแม่ออกไป
ร่างสูงของคริสก้าวลงมาจากรถยุโรปสีดำเมื่อมันจอดสนิทลงที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มเดินไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านที่ปรากฏร่างของเพ่ยฟางกำลังเล่นสนุกกับลูกอยู่โดยมีคุณยายหลี่เดินดูแลอยู่ไม่ห่าง ฟลินท์กำลังนั่งมองเจ้าปิ๊ปโป้เล่นกับลูกบอลสีส้มแสบตาอยู่บนรถเข็นสำหรับเด็กอ่อน ดวงตาสีดำที่เฟิงอี๋ได้มาจากพ่อกำลังจ้องภาพนั้นตาแป๋วก่อนจะหัวเราะอ้อแอ้เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ราวกับรู้ว่าพ่อของตนกำลังจะเดินเข้าไปหาและอุ้มขึ้นมาจูบอย่างที่เคย
คริสเดินเข้าไปหาลูกกับเมียของตนพร้อมกับตั๋วเครื่องบินในมือ รอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมมาเป็นอาทิตย์แต่บัดนี้กลับแย้มยิ้มราวกับว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ชายหนุ่มจุมพิตลงไปบนปรางแก้มนวลของคนรักก่อนจะก้มลงไปอุ้มร่างของลูกขึ้นมาจากเบาะกดปลายจมูกลงไปบนแก้มทั้งสองข้างกลิ่นหอมของผิวเด็กทำให้เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวอยากจะกัดแก้มยุ้ยของเฟิงอี๋เสียแรงๆ
“วันนี้ดื้อหรือเปล่าครับ กวนแม่เขาหรือเปล่าหืม”
“ร้องไห้โยเยทั้งวันเลยค่ะ นี้เพิ่งอารมณ์ดีตอนที่ฉันพาออกมาเดินเล่นข้างนอก สงสัยจะอยากมาสูดอากาศเล่นกับปิ๊ปโป้”
“เอาแต่ใจตัวเองตั้งแต่เด็กเลยนะลูกคนนี้”
“กลับมาเหนื่อยๆจะอาบน้ำเลยมั้ยคะ ฉันจะให้เด็กไปเตรียมน้ำให้ หรือว่าจะทานของว่างก่อน”
หญิงสาวพูดพร้อมกับรับลูกมาอุ้มไว้เอง คริสส่ายหน้าช้าๆมองหน้าคุณยายหลี่เป็นสัญญาณให้หญิงชราต้องเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้เพ่ยฟางกับคริสได้อยู่เพียงลำพัง
“พี่มีเรื่องจะพูดกับเธอก่อน”
“คงสำคัญมากเลยสินะคะ”
หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาดวงตาสีน้ำตาบมองไปยังตั๋วเครื่องบินที่ร่างสูงถือไว้ในมือ ความน้อยใจแล่นขึ้นมาในความรู้สึก คริสยิ้มออกมนิดหน่อยรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนไปของน้ำเสียงนั้น เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
“มะรืนนี้พี่จะไปเกาหลีนะ ไปหาชานยอล”
“ก็ไปสิคะ ฝากความคิดถึงถึงแกด้วยนะคะ”
ถึงแม้หล่อนจะน้อยใจคนรักมากแค่ไหนแต่สำหรับเธอแล้วเรื่องระหว่างคุณชานยอลกับหล่อนก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดไปจากเดิม เธอยังรักและนับถือคุณชานยอลเหมือนพี่ชายน้องชายคนหนึ่งและความรู้สึกผิดที่เคยทำลงไปยังมีมากพอดู
และที่สำคัญตลอดเวลาที่พี่อู๋ฟานเฝ้าคิดถึงคุณชานยอลเขาก็ไม่ได้ทำอะไรบกพร่องเลยแม้แต่นิด พี่อู๋ฟานยังเฝ้าเอาใจหล่อนกับลูกเสมอดูแลลูกไม่เคยห่างหาย จะมีบางครั้งที่เผลอมองเหม่อเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนน้อยใจคือกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนจะเปลี่ยนไป
“เธอแปลกไปนะเพ่ยฟางเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ก็เปล่านี้คะ ขอตัวก่อนนะคะฉันต้องไปเตรียมนมให้ลูก”
หญิงสาวปฏิเสธเสียงนิ่งกำลังจะหันตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านตามคำพูดแต่แขนของหล่อนก็ถูกดึงไว้ ความอดทนของเขาสิ้นสุด ทั้งที่คริสว่าจะรอให้เพ่ยฟางพูดทุกอย่างออกมาเองแต่ด้วยความอึดอัดและกังวลใจเขาก็รอต่อไปไม่ไหว ด่าเขายังจะดีกว่ามาเงียบใส่กันแบบนี้
“เพ่ยฟาง อย่าโกหก เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ เป็นอะไร บอกพี่สิ พี่ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“พี่ไม่ได้ผิดอะไรหรอกค่ะ แต่ฉันแค่..กำลังเกลียดตัวเองที่ทำไม่ได้อย่างที่พูด”
“ทำไม? พี่ไม่เข้าใจ”
คริสถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจเรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เพ่ยฟางหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนรักอีกครั้ง ความอดทนในใจถูกพังราบเป็นหน้ากองอาการน้อยใจไหลทะลักออกมาจากหัวใจดวงน้อยหล่อนกลัวการสูญเสียเหลือเกิน
“พี่ยังรักฉันอยู่หรือเปล่าค่ะ”
“อะไรทำให้เธอแคลงใจในตัวพี่เพ่ยฟาง”
คิดถามออกมาเหมือนเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องที่ประหลาดที่สุด เขานี้หรือจะหมดรักเพ่ยฟางผู้หญิงที่เขารักมาตลอด เธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เพ่ยฟางเราผ่านอะไรด้วยกันมามากแล้วนะเธอยังไม่เชื่อในตัวพี่อีกเหรอ”
“พี่รักคุณชานยอลมากมายเหลือเกิน ฉันกลัวว่าหัวใจของพี่จะไม่มีที่ว่างให้ฉันแล้ว”
ส่วนลูกนั้นหล่อนรู้ว่าทั้งคุณคริสและคุณน้ารักเฟิงอี๋มากแค่ไหน แต่หล่อนที่เป็นแม่ยังมีความจำเป็นกับพ่อของลูกอยู่หรือเปล่า
“พี่รักชานยอลมันก็จริงอยู่ แต่ความรักที่พี่มีให้เธอมัยไม่ได้น้อยลงเลย และตอนนี้เรากำลังมีลูกด้วยกัน เฟิงอี๋เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่ยังไงเราก็ไม่วันตัดมันขาด พี่จะหาใครเข้าใจพี่ได้ดีเท่าเธอ จะมีคริสอู๋คนนี้อยู่หรือเปล่าถ้าไม่มีเพ่ยฟางอยู่ข้างๆ ”
“พี่ค...ะ”
“ชานยอลนั้นพี่รักโดยที่พี่ไม่รู้ตัวเลยว่าพี่รักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีพี่ก็หลงรักผู้ชายคนนั้นไปแล้ว เธอก็รู้ว่าครั้งแรกพี่เกลียดเค้าแค่ไหน พี่เกลียดเขาที่ทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่พี่อยากให้เป็น แต่นานวันเข้าพี่กลับหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงรักเขาเด็กผู้ชายงี่เง่าเอาแต่ร้องไห้ อ่อนแอ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง แต่พี่รักเขา หลงรักรอยยิ้มของเขา รักเขาโดยไม่มีเหตุผล”
“พี่ไม่อยากเห็นชานยอลร้องไห้ อยากให้เขากลับมายิ้มได้อีกครั้ง พี่อยากเป็นคนทำให้เขามีความสุขแทนที่ความทุกข์ที่พี่ยัดเยียดให้เขาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน พี่รู้พี่เห็นแก่ตัว พี่อยากให้เธอสองคนอยู่ข้างๆพี่ตลอดไป เพ่ยฟางกับชานยอลก็เหมือนแขนซ้ายและขวา จะให้พี่ขาดใครสักคนไปให้พี่ตายเสียยังดีกว่า”
“ถ้าคนอื่นไม่เข้าใจในตัวพี่พี่ไม่ว่า แต่ขอให้เพ่ยฟาง ผู้หญิงคนนี้ที่คอยอยู่เคียงข้างพี่และเข้าใจและเชื่อใจพี่ก็พอ”
“พี่คะ ฉันขอโทษ ขอโทษที่ไม่เชื่อใจพี่”
“ไม่เป็นไรเพ่ยฟางพี่ไม่เคยโกรธเธอเลยเหมือนที่เธอไม่เคยโกรธพี่สักครั้ง เธอกับลูกทำให้พี่กำลังมีความสุขเพ่ยฟาง...แต่พี่กำลังทุกข์เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะคะ ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวในตัวแทบจะทุกข์คน ดูอย่างฉันสิคะ ฉันยอมเป็นเมียน้อยเพียงเพราะอยากอยู่ใกล้ๆพี่ ไปเถอะคะ ไปเกาหลีไปง้อคุณชานยอล และทำให้ภรรยาของพี่รับรักพี่ให้ได้ ฉันกับลูกจะรอพี่อยู่ที่นี้ เราจะเป็นกำลังใจให้นะคะ”
“ขอบคุณ ขอบคุณมากจริงๆ”
ชานยอลถอนหายใจออกมาเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกำลังเริ่มต้นสั่นอีกครั้ง ชายหนุ่มล่วงมันออกมาดูอย่างเสียไม่ได้ แล้วเขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอไม่ใช่คนที่โทรหาเขาได้ทุกวี่ทุกวันอย่างคุณคริส
“ครับ พี่หลี่ฟง”
“พี่กวนหรือเปล่าครับชานยอล”
คนที่บอกว่าจะโทรหาเขาทันนทีถ้ากลับถึงเกาหลีถามออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเป็นกังวลชานยอลปฏิเสธออกไปพร้อมส่ายหน้าราวกับว่าปลายสายจะได้เห็น
“ไม่ครับ ผมเพิ่งทำงานเสร็จพอดี”
“ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาอย่างที่พูด พี่เพิ่งกลับมาจากสวิตก็เลยเพิ่งได้โทรหาชานยอล”
“ไปทำธุระเหรอครับ”
ชานยอลถึงบางอ้อเมื่ออีกฝ่ายเฉลยความสงสัยที่เขามีมานาน ก็ตั้งแต่กลับมาถึงเกาหลีพี่หลี่ฟงยังไม่โทรหาเขาสักครั้งพอได้ฟังเหตุผลเขาก็พอจะเบาใจ
“อื้ออ แต่ก็เสร็จแล้วล่ะคงจะได้พักยาวสักที”
“ดีจังเลยนะครับ”
“ชานยอล พี่จะได้พัก3วันพี่ขอไปหาชานยอลได้มั้ย?”
“ได้สิครับ?”
ชายหนุ่มตอบออกไปแทบจะทันที น้ำเสียงเจือความยินดีอย่างชัดเจน เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่พี่หลี่ฟงช่วยเขามาตลอด ดีเสียอีกเขาจะได้มีโอกาสได้ตอบแทนพี่ชายคนนี้บ้าง หลี่ฟงคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อได้ฟังคำตอบน่ายินดีจากปลายสาย
“พี่ซื้อของมาฝากเราเยอะเลย หวังว่าคงจะชอบนะ ของขวัญวันเกิดย้อนหลังจากพี่ พี่เชื่อว่าชานยอลต้องชอบมันแน่ๆ”
“ขอบคุณครับพี่”
ชานยอลขอบคุณออกมาจากใจ รอยยิ้มพร่างพรายบนใบหน้านวล เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้คุยกับพี่หลี่ฟงเขาก้รู้สึกอุ่นใจเมื่อนั้น จนบางครั้งเขาก็ไม่อยากเอามือที่แสนสกปรกคู่นี้ไปฉุดให้คนดีๆอย่างหวัง หลี่ฟงลงมาแปดเปื้อนเพราะเขา แค่พี่ชาย พี่ชายเท่านั้นที่เขาจะให้ผู้ชายคนนี้ได้ ชานยอลบอกกับตัวเอง ชีวิตพี่ต้องเจอกับคนที่ดีกว่าผมหวังว่าพี่จะเข้าใจ
TBC....................
สวัสดีค่ะ
หายหน้าไปนานอีกแล้ว ขอโทษนะคะ ความจริงปิ๊กตั้งใจว่าจะลงตั้งแต่วันอังคารแต่คอมมีปัญหานิดหน่อย นั่งแก้จนปวดหัว เพิ่งได่มาเมื่อวานก็ดึกมาแล้ว เลยไม่ได้อัพ ขอโทษจริงๆค่ะ
เข้าตอนปัจจุบัน รับเละเลยสินะเพ่ยฟาง 5555 แง้ง ช่วยด่าคนเขียนแบบซอฟๆหน่อยนะคะ 5555 รู้เลยว่าต้องมีคนแอบบ่นแน่ๆ
ตอนหน้าเราคิดว่าจะอัพช้าสักหน่อย เพราะคิดว่าจะอัพ2ตอนเลย รอกันหน่อยนะคะ พลีส TTATT
ป.ล ตอนนี้ภาษากากมากค่ะ สงสัยตอนแต่งเราแต่งไม่ออก เกลาได้แค่นี้จริงๆค่ะ 555
ขอบคุณค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวน #DDT ของคุณค่ะ
ความคิดเห็น