ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Paradise (No.7)

    ลำดับตอนที่ #8 : Without

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 59


    Dark Paradise (NO. 7)

    ‘Without’

     

    กายหยาบบางนำพาจดวงวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายในเดินอยู่เพียงลำพังในความมืด รอบกายเต็มไปต้นไม้ใหญ่และสูงเสียดฟ้า พื้นดินชื้นแฉะเหมือนกับฝนเพิ่งหยุดตก กลิ่นหอมของดินแต่กลับทำให้ขนลุก ได้ยินเสียงหยดน้ำที่ค้างอยู่บนใบไม้ร่วงลงในบ่อน้ำเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล ฮันบินลูบแขนตัวเองทั้งสองข้างเพราะความหนาวที่กำลังแทรกผ่านชั้นผิวหนัง


    มันหนาวราวกับกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเมืองหิมะ


    เดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายตามทางเดินที่เหมือนถูกกำหนดเอาไว้ให้ เพราะสองข้างทางก็เป็นแค่ป่ามืดทึบ


    ในที่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนช่างน่าพิศวง ฮันบินหยุดเดินใกล้ๆกับทางแยกข้างหน้า แต่เพราะมีใครบางคนกำลังยืนขวางทางเขาอยู่ ผู้ชายตัวสูงที่กำลังยืนหันหลังให้ แม้จะมืดแต่ก็พอจะมีแสงจากดวงจันทร์กลมๆที่ส่องพอเรือนราง


    ฮันบินหรี่ตามองผู้ชายคนนั้น เขาดูคุ้นตาเหมือนกับคนที่เจอกันทุกๆวัน


    “พี่แทฮยอน ?”


    ตะโกนเรียกออกไปเพื่อให้แน่ใจ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตอบกลับมาเพียงแต่หันมาช้าๆ เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเพราะความตกใจ คนๆนั้นคือพี่ชายของเขาจริงๆ


    จากความกลัวทั้งหมดค่อยๆหายไปเมื่อเจอพี่ชายที่รักมากที่สุด ยิ้มน้อยๆผุดออกมาอย่างดีใจแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ แต่ทว่ายิ่งพยายามเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่แทฮยอนก็เหมือนห่างออกไปเรื่อยๆ ฮันบินออกแรงวิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงตัวพี่ชายสักที ทั้งๆที่เขาไม่ได้เดินไปไหนแต่เหมือนเขากำลังถอยออกไปไกล


    แทฮยอนไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองน้องชายที่พยายามจะวิ่งเข้ามาหาตัวเองด้วยแววตาที่โศกเศร้า ฮันบินหยุดวิ่งแล้วหายใจหอบจนตัวงอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืดอย่างยากลำบาก


    ทำไมถึงเป็นแบบนี้


    เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย แต่ทว่ากำลังมีใครคนนึงเดินเข้ามาหาเขาแทน ผู้ชายตัวสูงในชุดสูทสีดำ แทฮยอนยืนมองเขาอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้น แววตาของเขาเหมือนกำลังจะร้องไห้


    “พี่ฮะ!!


    ความฝันที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยภาพสุดท้ายที่เหนี่ยวรั้งหัวใจจนหน่วงไปทั้งตัว กายบางพยุงตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง แต่ทว่าตามนิ้วมือกลับเปิ้อนไปด้วยดิน เหมือนกับเขาไปสัมผัสกับพื้นดินแฉะๆมาอย่างนั้นล่ะ


    ก้มมองดูสภาพของตัวเอง ทั้งกางเกงนอนที่เปื้อนดินสีดำ ทั้งเศษหญ้าที่กระจายจนทั่วเตียงนั่นอีก ฮันบินหัวใจเต้นตุบๆเพราะความกลัว มันเหมือนกับว่าเขาออกไปวิ่งในป่ามาอย่างนั้นล่ะ


    “สนุกไหมล่ะ”


    “เฮ้ย!


    ร้องออกมาเสียหลง ตกใจยิ่งกว่าตอนเห็นดินพวกนั้นเสียอีก เพราะจีวอนที่กำลังยืนอยู่ปลายเตียง


    จีวอนจ้องดวงตากลมคู่นั้นที่กำลังเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย คำถามนับร้อยที่เรียงรายเข้ามาแต่ไม่รู้จะเริ่มจากคำถามไหนดี ฮันบินยังคงขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม


    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เขาเริ่มเชื่อแล้วล่ะว่า มีสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติอยู่จริง และสิ่งหนึ่งที่เห็นนั่นคือยมทูต


    “พี่แทฮยอนเกี่ยวอะไรด้วย”


    “เขาเป็นคนที่นายรักมากที่สุดไม่ใช่เหรอ ?”


    “ผมไม่เข้าใจ”


    “เดี๋ยวนายก็รู้เอง”


    จีวอนตอบเสียงเรียบแต่แววตาของเขากำลังมีความสุขก่อนจะหายไปจากตรงนั้น ยมทูตน่ะดูดวิญญาณของมนุษย์จากความทุกข์ของพวกเขาเหรอ





     

    “เฮ้! เป็นอะไรไปน่ะ เหม่อแต่เช้าเชียว”


    แทฮยอนสะกิดน้องชายที่ถือช้อนในมือมาหลายนาที ไม่ยอมเอาเข้าปากเสียที


    “ครับ ?”


    “ใจลอยจังนะ”


    “อ่า...คงเครียดเรื่องสอบน่ะ”


    แถไปหน้าตาเฉยฃ ทั้งๆที่ความจริงกำลังนึกถึงความฝันเมื่อคืน แน่นอนว่าฮันบินไม่ยอมเล่าให้แทฮยอนฟังเพราะไม่อยากให้พี่ชายคิดมาก


    “จริงสิ นี่ใกล้จะปิดเทอมแล้วนี่”


    “ครับ”


    “อีกหน่อยก็จะเรียนจบแล้ว”


    พี่ชายผู้แสนอ่อนโยนยิ้มออกมาอย่างดีใจ น้องชายคนเดียวที่เขาเก็บเงินส่งเสียอีกหน่อยก็จะประสบความสำเร็จอีกขั้นของชีวิตแล้ว มันน่าภูมิใจไม่น้อยทั้งตัวเขาเองและตัวของฮันบิน รอยยิ้มของพี่ชายทำให้อดคิดถึงแววตาที่เจ็บปวดของแทฮยอนในความฝันไม่ได้


    “พี่ครับ”


    “หือ ?”


    “คนเรา...ฝันได้ยังไงเหรอ ?”


    แทฮยอนชะงักแล้วเงยหน้ามองน้องชาย วางช้อนที่กำลังตักโจ๊ะลง แววตาที่กำลังหวาดกลัวของเด็กตรงหน้ามันทำให้เขาจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก


    “ถามทำไม ?”


    “ผมแค่สงสัยน่ะ”


    ไม่หรอก แววตาแบบนั้นไม่ได้สงสัยหรอกแต่มันกำลังกลัวต่างหาก กลัวว่าความฝันนั้นจะเกิดขึ้นจริง ฮันบินหลบสายตาพี่ชายที่กำลังมองเขา เหมือนกับว่าความรู้สึกทั้งหมดที่พยายามซ่อนเอาไว้มันกำลังจะเปิดเผยออกมา


    “จิตใต้สำนึกที่เราพยายามซ่อนมันเอาไว้ มันมักจะตามหลอกหลอนในยามที่จิตใจอ่อนแอ”


    แทฮยอนอธิบายและคิดว่านั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด ฮันบินมองหน้าพี่ชายพยายามซ่อนความหวาดกลัวเหล่านั้นเอาไว้ แล้วยิ้มออกมาแม้จะต้องฝืนใจก็ตาม


    “โชคยังดีที่เป็นฝันดี”


    “ก็ดีกว่าฝันร้ายแหละนะ”


    “ครับ”


    ไม่หรอก! ฮันบินกำลังโกหกต่างหาก






     

    “ทำไมวันนี้บรรยากาศมันแปลกๆ”


    จินฮวานพูดขณะที่กำลังเดินออกมาจากอาคาร หลังจากสอบวิชาแรกของปลายภาค เพราะฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตกแถมยังอากาศหนาวแปลกๆจนต้องเอาเสื้อคลุมกับร่มมาด้วย


    “พายุละมั้ง”


    “คงงั้น”


    “เฮ้! พี่สองคนน่ะ!


    เสียงจุนฮเวตะโกนไล่ตามหลังจนต้องหยุดเดินแล้วหันไปมอง คนเด็กกว่าวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับหนังสือและสมุดรายงานในมือ


    “สอบเสร็จแล้วเหรอ ?” จินฮวนถาม


    “อื้อ แต่ยังมีรายงานที่ต้องทำอยู่ดี”


    “จะให้ช่วยอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย”


    “ก็รู้อยู่แล้วนี่”


    คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายที่ต้องกลายเป็นผู้ช่วยจำเป็นทุกครั้ง ฮันบินที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มออกมากับการพูดคุยของทั้งสองคน ถึงมันจะฟังดูน่าหมั่นไส้นิดหน่อยแต่ก็ยอมรับว่ามันแอบน่ารักอยู่ไม่น้อย


    “พี่แทฮยอนเป็นยังไงบ้าง”


    เด็กยักษ์ที่ตัวโตกว่าแม้จะอายุน้อยกว่าก็เถอะ ถามขึ้นมาขณะที่พวกเขากำลังเดินไปพร้อมกัน


    “ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ อีกสองสามวันก็จะไปทำงานแล้ว” ฮันบินตอบ


    “น่าแปลกนะ พวกพี่สองคนฟื้นตัวเร็วจนน่าตกใจเลย”


    “นั่นสิ”


    จินฮวานพูดอย่างเห็นด้วย แต่ฮันบินทำได้แค่ยิ้มออกมาเพราะไม่รู้จะตอบไปยังไง  เขาเองก็แปลกใจเหมือนกันแต่ถ้าจะบอกว่าเขาเจอยมทูตตอนที่กำลังจะตาย ใครจะเชื่อล่ะ


    “ตรงนั้นเขามุงอะไรกันน่ะ”


    จุนฮเวชี้ไปตรงข้างหน้าที่นักศึกษาหลายคนกำลังมุงกันเป็นกลุ่มใหญ่ เสียงสนทนาน่าฉงนดังขึ้นพรางมองไปข้างหน้าราวกับมีเรื่องอะไรให้น่าตกใจ


    “ไปดูกันเถอะ”


    แล้วจินฮวานก็เดินนำเข้าไป ยิ่งเข้าไปใกล้เสียงพูดคุยก็ยิ่งดังขึ้น พวกเขาแหวกผู้คนที่ยืนกันเป็นกำแพงมนุษย์เข้าไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น


    “ให้ตายเถอะ!


    จุนฮเวสบถออกมาเสียงดัง จินฮวานถึงกับถอยไปหลบหลังคนตัวโตกว่า


    ภาพตรงหน้ามันสยดสยองเกินกว่าจะมอง แต่ฮันบินกลับยืนดูนิ่งๆ หญิงสาวในชุดนักศึกษาร่างกายโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด ตามตัวมีรอยแผลคล้ายถูกทำร้าย เลือดไหลนองทั่วพื้น คนที่อยู่ใกล้ๆบอกว่าเห็นเธอกระโดดลงมาจากดาดฟ้าของตึก กลิ่นคาวเลือดทำให้หลายคนค่อยๆถอยออกไป


    “ฮันบินออกมาเถอะ”


    จินฮวานบอกพร้อมกับดึงแขนเพื่อนแต่อีกคนกลับยืนนิ่ง เขายืนมองศพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หน่วงไปหมด ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันแต่ทำไมมันถึงรับรู้ได้ว่าจริงๆแล้วเธอยังไม่อยากตาย


    ดวงตากลมทั้งสองข้างยังคงมองโลกของมนุษย์เหมือนกับว่าเธอถูกผลักลงโดยไม่รู้ตัว


    “ช่วยด้วย!


    !!


    ฮันบินสะดุ้งเฮือก คล้ายกับมีคนกระซิบเบาๆที่ข้างหู เสียงของผู้หญิงที่กำลังร้องขอ


    เงยหน้าขึ้นมองตึกที่สูงเกือบสิบชั้น ไม่แปลกที่เธอจะเสียชีวิตทันทีที่ถึงพื้นแต่คำถามคือ...ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ มองกลับมาที่ร่างของหญิงสาวอีกครั้งแต่ทว่ามันยิ่งทำให้ตกใจจนแทบทรุด


    ยมทูตที่ยืนอยู่อีฝั่ง เขาสวมชุดสีดำแล้วมองร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวพรางยิ้มออกมาเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างที่น่ากลัว


    เด็กหนุ่มตาเบิกกว้างพยายามตั้งสติ แต่เสียงรอบกายตอนนี้มันอื้อไปหมดแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรแม้แต่เสียงของตัวเอง จีวอนยังคงยืนอยู่ที่เดิมเขามองฮันบินเช่นกันก่อนจะเดินออกไปจากฝูงชน


    “พวกนายกลับไปก่อนเลย”


    “จะไปไหนน่ะ ฮันบิน!!


    จินฮวานตะโกนเรียกแต่ช้ากว่า ฮันบินวิ่งออกไปแล้ว เขาวิ่งตามยมทูตออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะไปเจอกับอะไร เสียงหอบหายใจเพราะความเหนื่อยดังตลอดทางที่วิ่งออกมา แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังแต่ฮันบินมั่นใจว่านั่นคือเขา


    แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาพาไปที่ไหน รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ตัวเองวางเข้ามาในตึกที่ผู้หญิงคนนั้นตกลงไป


    “คุณ!


    ตะโกนไล่ตามหลังจนเสียงดังก้อง แต่จีวอนก็ยังเดินไม่หยุด ฮันบินวิ่งขึ้นบันไดจนขาแทบหมดแรงทั้งๆที่จีวอนเดินไม่กี่ก้าวแต่มันเหมือนกับว่าเขากำลังวิ่งห่างไปไกล


    “สงสัยมั้ยว่าเธอตกลงไปได้ยังไง ?”


    จีวอนหยุดเดินที่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายของตึก เขายิ้มออกมาก่อนจะเดินออกไปข้างนอก มันคือดาดฟ้าโล่งๆ


    “คุณฆ่าเธอเหรอ ?”


    “ฉันฆ่าใครไม่ได้หรอก”


    เขาตอบพรางมองลงไปข้างล่าง ฮันบินค่อยๆเดินเข้ามาแล้วหยุดอยู่ห่างๆ


    “มันน่ากลัวมากใช่มั้ย ทั้งๆที่เธอยังไม่อยากตายแต่กลับต้องตาย”


    “ทำไมเธอถึงตาย ?”


    “นั่นเป็นคำถามที่ฉันตอบไม่ได้”


    ยิ่งอยากรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพยายามหาคำตอบก็ยิ่งได้กลับมาเพียงแค่ความว่างเปล่า จีวอนฉีกยิ้มแล้วหันกลับไปเบื้องหน้าที่เห็นเมืองใหญ่ได้ชัดเจน ท้องฟ้ามืดครึ้มยิ่งทำให้รอบตัวมีแต่ความมืดมน ฮันบินกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพื่อรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปใกล้อีก


    “เมื่อคืนผมฝัน”


    “ฉันรู้”


    “มันหมายถึงอะไร ?”


    “ความกลัวของนาย”


    “ความกลัว”


    “นายกลัวที่จะต้องตาย แต่ยังน้อยกว่าพี่ชายของนายตาย”


    ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ฮันบินเข้าใจความหมายนั้นดี เขากลัวที่ตัวเองจะต้องตายโดยที่แทฮยอนจะต้องเจ็บปวด แต่กลัวแทฮยอนจะต้องจากไปมากกว่า มันเจ็บปวดไม่ต่างกัน


    “คุณต้องการอะไรกันแน่ ชีวิตผมเหรอ ทำไมคุณถึงไม่เอามันไปเลยล่ะ”


    “คนส่วนใหญ่มักคิดว่าความตายคือทางออกที่ดีที่สุด เมื่อตายไปแล้วพวกเขาก็ไม่ต้องรับรู้อะไร”


    ฮันบินขมวดคิ้วพรางมองแผ่นหลังของยมทูตตรงหน้า มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอในปรโลก คนที่ตายไปแล้วไม่ต้องรับรู้อะไร ทิ้งทุกอย่างไว้ข้าวหลัง ความเจ็บปวด ความเสียใจ แล้วก้าวสู่ภพใหม่


    “ชีวิตหลังความตายไม่นรกก็สวรรค์ นายแน่ใจได้ยังไงว่าสรรค์คือที่ของนาย”


    จีวอนหันกลับมาแล้วจ้องหน้าฮันบินเหมือนจะรอคำตอบ แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะตอบออกมา


    ถ้าเชื่อตามตำนานหรือนิทานก่อนนอน หลายคนอยากจะไปสรรค์ที่เป็นดินแดนแห่งความสุข และต่างหวาดกลัวนรก


    “ไม่ต้องรีบไปหรอก นายยังมีเวลา”


    “นานแค่ไหน ?”


    “จนกว่านายจะพบกับความสุขที่แท้จริง”


    พูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วจีวอนก็หายไปจากตรงหน้า ฮันบินสะดุ้งเฮือกมองไปรอบๆแต่ไร้เงาของยมทูต


    “แกขึ้นมาทำไม ?”


    แต่กลับมีผู้ชายท่าทางแปลกๆโผล่มาแทน เขามองเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาตรงหน้าด้วยความโกรธ ฮันบินเบิกตากว้างแล้วถอยออกมาเพราะความกลัว มือทั้งสองข้างของผู้ชายคนนั้นเปื้อนเลือดไปด้วยเลือด ทั้งเสื้อผ้าและตามใบหน้า


    “ล...ลุง!


    “แกจะขึ้นมาจับฉันใช่มั้ย ?”


    “จับเหรอ ผมเปล่า”


    ฮันบินกลัวจนตัวสั่นไปหมด ยิ่งมองหน้าของผู้ชายคนนั้นที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาล้วงเอามืดออกมาจากข้างหลังมันคมและแหลมพอที่จะแร่เนื้อออกเป็นชิ้นๆได้ ถ้าจำไม่ผิดผู้ชายกลางคนคนนั้นคือภารโรงที่เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ทำไม...ทำไมเขาถึงทำแบบนี้


    “เด็กที่ชอบเหยียบคนจนเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น สมควรแล้วที่มันต้องตาย”


    “แต่ลุงไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเธอแบบนั้นนะ”


    “หุบปาก! เหอะ...ถ้าแกได้ยินในสิ่งที่มันพูด แกก็ต้องทำแบบฉัน มันพูดอะไรแกรู้มั้ย...”


    เขาหยุดพูดแล้วเดินไปรอบๆ สีหน้าเศร้าลงแต่กลับน่ากลัวแววตาที่แฝงไปด้วยความโกรธมันยังคงค้างอยู่ในใจ ฮันบินมองตามไม่ละสายตา จะกล่อมยังไงให้เขาใจเย็นแล้วยอมรับผิด ถึงผู้หญิงคนนั้นจะว่ายังไงแต่เขาก็ฆ่าเธอไม่ได้ นั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง


    “มันบอกฉันเป็นแค่ภารโรงแก่ๆ ทั้งเหม็นทั้งสกปรก น่ารังเกียจ ไม่สมควรที่จะอยู่ในสังคมนี้ด้วยซ้ำ”


    เสียงสั่นเคลือกับน้ำตาที่กำลังคลอทั้งสองข้าง มันบีบหัวใจจนแทบจะหยุดเต้น ฮันบินเม้มปากแน่นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปให้เขารู้สึกดี แค่ปล่อยให้ระบายความเครียดแค้นออกมาเผื่อว่าบางทีเขาอาจจะเย็นลง


    “ฉันถึงต้องฆ่ามัน รวมถึงคนที่รู้ความลับของฉัน”


    !!


    “ผ...ผมว่าลุงใจเย็นๆก่อนนะครับ มอบตัวกับตำรวจเถอะ”


    “ถ้าฉันติดคุกแล้วลูกกับเมียฉันล่ะ! แกก็พูดได้สิ แกมันก็เป็นเหมือนพวกมัน”


    “ผมเองก็มีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน วันที่รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กจนโดนเหยียบแบบนั้น”


    ฮันบินพูดออกไปตามที่เขารู้สึก มันไม่ใช่คำปลอบหรือเกลี้ยกล่อมแต่เขาแค่อยากจะบอกว่า เขาผ่านความรู้สึกแบบนั้นมาได้โดยไม่คิดจะทำร้ายใคร วันที่สูญเสียคนที่รัก วันที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมายถึงจะมีพี่ชายแต่เสี้ยววินาทีหนึ่งก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระ


    “แต่ผมไม่ทำร้ายใคร เพราะรอบกายของผมยังมีคนที่รักผมอยู่”


    “ชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกัน ฉันมองในมุมของฉัน”


    ฮันบินถอยออกมาจากตรงนั้น แม้จะพยายามพูดแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่เป็นผล จริงอย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมองในมุมที่ต่างกัน


    ความคมและแหลมของมีดทำให้กลัวจนตัวสั่น กลัวจนแทบจะก้าวขาไม่ออก เวลาที่ฆาตกรเลือดเย็นเดินเข้ามามันยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงจนจะทะลุออกมานอกอก มองหาทางหนีที่น่าจะรอดแต่ก็ไร้หนทาง ไม่มีที่ซ่อน ไม่มีที่หนี ประตูถูกปิดตายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทางเดียวที่จะหนีได้ก็แค่กระโดดลงไปเหมือนผู้หญิงคนนั้น


    “จะลงไปแบบที่ยังหายใจ หรือลงไปแบบไร้วิญญาณ”


    ฮันบินถูกต้อนจนหมดทางหนี หันหลังให้กับความสูงน่าหวาดเสียว อีกแค่ไม่กี่ก้าวจะหมดหนทางหนีแล้ว ตัวเลือกที่ถูกยื่นให้นั่นเรียกว่าตัวเลือกได้หรือเปล่า


    “ย...อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ”


    “มันสายเกินไปแล้ว ฉันถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว”


    “หยุดนะ!


    !!


    เสียงตะโกนของตำรวจนายหนึ่งที่ขึ้นมาพร้อมกับกำลังอีกหลายนาย พวกเขายืนล้อมแล้วจ่อปืนมาที่ผู้ต้องหา เขาทิ้งมีดลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพราะความกลัว ฮันบินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อตำรวจควบคุมตัวได้


    เขาหันมามองฮันบินแวบหนึ่งก่อนจะพูดทิ้งท้ายเอาไว้


    “ชีวิตคนเรามันสั้นนะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×