คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Too Young To Die
Dark Paradise
(NO. 7)
‘Too Young To
Die’
ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัว
แม้เราจะยอมรับมัน
เสียงเปียโนดังขึ้นเบาๆ
ในความมืด คล้ายกำลังจะกล่อมให้หลับ มันยังคงบรรเลงอยู่แบบนั้น
ร่างของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนอนแน่นิ่ง เสียงรองเท้าเวลาที่เดินไปบนพื้นมันดังก้องแต่ก็ยังปลุกให้เขาตื่นไม่ได้
ในความมืดที่มองไม่เห็นอะไรแม้แต่เงา
แสงไฟอ่อนๆจากเทียนเล่มเล็กที่กำลังส่องแสงจางๆเข้ามาพร้อมกับเสียงเดินของคนที่ถือมันไว้ในมือ
เขาหยุดเดินข้างๆกายบางที่หายใจโรยริน
ย่อตัวลงแล้วว่างเทียนเล่มเล็กนั้นใกล้ๆ
มันส่องให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังหลับอยู่ในห้วงนิทราของตัวเอง
เสียงลมหายใจแผ่วกับเสียงเต้นของหัวใจอ่อนลงเรื่อยๆ
มันน่าแปลกที่เขายอมรับความตายของตัวเองโดยที่ไม่อ้อนวอนเลยสักนิด
“น่าทึ่งจริงๆ”
โลกของยมทูตชีวิตหลังความตายของมนุษย์จะมาที่นี่
มันเป็นเหมือนทางเชื่อมระหว่างโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ คนที่ตายแล้วเท่านั้นที่จะเห็นมัน
ยมทูตผู้เยือกเย็นนั่งมองเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าดวงวิญญาณอื่นๆที่เคยเจอ แววตาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่กลับไม่ร้องขอชีวิต หันไปมองเทียนเล่มเล็กที่ยังคงส่องแสง ฮันบินมีเวลาจนกว่าเทียนเล่มนั้นจะดับไป ประตูยังคงเปิดรอ ถ้าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนนี้แล้วร้องขอชีวิตอาจจะมีโอกาสที่จะได้กลับไปหาพี่ชาย แต่ถ้าหลังจากทุกอย่างดับมืด สุดท้ายแล้วฮันบินจะต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
มันขึ้นอยู่กับเขาเองว่าจะเข้มแข็งมากพอหรือเปล่า
นี่คือเวลาที่จีวอนมอบให้ ในฐานะยมทูต
จีวอนลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับ
ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราของตัวเองนอนอยู่แบบนั้น
โดยมีเทียนเล่มเล็กส่องแสงสว่าง มันเป็นเหมือนชีวิตของเขา
‘ฉันได้ยินเสียงเพลง’
ความรู้สึกที่อยู่ลึกที่สุดของจิตใจในตอนนี้กำลังตอบสนอง
แต่มันลึกเกินกว่าจะปลุกให้กายหยาบตื่นขึ้นมาได้ ฮันบินได้ยินเสียงเพลงที่กำลังบรรเลงไปเรื่อยๆ
ทั้งๆที่หัวใจรู้สึกอบอุ่นแต่ร่างกายกลับสัมได้เพียงแต่ความหนาวเย็น
‘คราวนี้น่ะตายจริงๆแล้วเหรอ’
…..
ว่ากันว่าความฝัน เกิดจากจิตใต้สำนึกของเรา
แสงแดดอุ่นๆตอนเช้าสาดเข้ามาในห้อง เกือบจะสายแล้วแต่คนบนเตียงยังนอนขดดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ยอมตื่น โชคยังดีที่วันนี้เป็นหยุด แต่เขาก็มีอย่างอื่นให้ทำอีกเยอะแยะ
ตากลมค่อยๆลืมขึ้นเมื่อแสงสว่างกำลังปลุกเขา เพดานห้องสีขาวที่มีสติ๊กเกอร์รูปดาวติดอยู่
มันจะเรืองแสงในตอนกลางคืน เขามองมันสักพักแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
นี่คือห้องของเขา
ห้องนอนของฮันบิน
เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่มๆที่ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่สิ...ไม่รู้ว่ากลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ
ก้มลงมองตัวเองที่สวมชุดนอนสีขาว ยกมือขึ้นจับหน้า
มันแปลกที่ว่าเขากลับมาบ้านแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่จำไม่ได้เลยว่าเกิดขึ้นตอนไหน
จำได้แค่ว่ากำลังซื้อของในมินิมาร์ท
จำได้แค่นั้นจริงๆ...
ครื๊ด!
ฮันบินสะบัดความคิดที่เหมือนทางตันออกจากหัว
แล้วหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆ เบอร์ของพี่ชายที่พยายามโทรหาตั้งแต่เมื่อคืน
“ฮันบิน!”
เสียงปลายสายตะโกนมาเสียงดัง จนต้องดึงมันออกห่างจากหูแล้วเอากลับมาแนบใหม่
“ครับ?”
“ฮันบินจริงๆเหรอ?”
“เอ๊ะ!
ก็ผมน่ะสิครับถามอะไรแบบนั้นล่ะ”
“ขอบคุณพระเจ้า”
“ทำไมเหรอครับ?”
“เปล่าหรอก วันนี้พี่จะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ”
“จริงเหรอครับ?”
ถามกลับไปด้วยความดีใจ จนลืมเรื่องที่กำลังคิด
แทฮยอนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดีใจเช่นกัน แต่ไม่ใช่ที่ได้ออกจากโรงพยาบาล เขาดีใจที่ได้ยินเสียงน้อยชาย
กดวางสายจากพี่ชายแล้วบิดตัวไปมา มองออกนอกหน้าต่างตอนนี้สายมากแล้วแต่ยังดีที่อากาศเย็นทำให้อากาศวันนี้สดชื่นและสบาย
ลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
แทฮยอนกำลังกลับมา รถสีดำค่อยๆแล่นเข้ามาจอดบริเวณบ้าน
เพราะไม่ได้มีรั้วกั้นทำให้รถแล่นเข้ามาได้ง่ายๆ คนที่ไม่ได้กลับมานานมองบ้านสีขาวสองชั้นตรงหน้าด้วยควาคิดถึง
มันไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนักแต่กลับอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่
มินโฮหันไปมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆพรางยิ้มออกมาก่อนจะหยุดรถ
ฮันบินเดินออกมาพร้อมกับจินฮวานและจุนฮเว ทันทีที่เพื่อนรักโทรบอกพวกเขาก็รีบมาที่นี่เพื่อมารับแทฮยอนด้วยกัน
แถมยังซื้อของกินมาอีกเพียบ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ”
น้องชายคนเดียวที่รอพี่ชายกลับมายิ้มอ่อนโยนจนพี่ชายอดจะยิ้มตอบไม่ได้ แทฮยอนเดินเข้าไปกอดน้องชายด้วยความรัก
อยากขอบคุณจีวอนที่ให้เวลาฮันบิน เขากอดน้องชายเอาไว้นแน่น
“เอ่อ...”
“ดีจังนะ”
แทฮยอนพูดออกมาแต่ทำให้ฮันบินที่ไม่เข้าใจความหมายทำอะไรถูก
“เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ”
มินโฮพูดขัดก่อนที่แทฮยอนจะกอดน้องชายของเขาแน่นไปกว่านั้น แล้วพยุงคนรักเข้าบ้านไป
จุนฮเวเดินเข้ามาช่วยถือของในมือแล้วเดินเข้าไปพร้อมกัน
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ข้าวของเครื่องใช้สีขาวแบบที่พวกเขาชอบ
มันดูสะอาดตา ประตู หน้าต่างเปิดโล่งพร้อมต้อนรับเจ้าของกลับมา
แทฮยอนมองไปรอบๆถึงจะไม่กี่อาทิตย์ที่ไม่ได้กลับมาแต่กลับกลายเป็นว่าเขาคิดถึงที่นี่เหมือนจากไปนานแรมปี
มินโฮพยุงคนรักเข้าไปในห้องนั่งเล่นเล็กๆที่ถูกจัดเป็นมุมโปรดของบ้าน
โซฟาสีขาวกับแจกันดอกกุหลาบ มันถูกเปลี่ยนเมื่อตอนเช้า
แทฮยอนค่อยๆนั่งลงบนโซฟาสีขาวตัวโปรด โดยมีฮันบินยืนอยู่ข้างๆ พร้อมรักและคนรักของเพื่อนรับหน้าที่เป็นคนเตรียมของว่างในครัว
“คิดถึงจังเลยนะ”
พูดพร้อมกับมองไปรอบๆ ฮันบินยิ้มให้กับพี่ชายราวกับจะบอกว่าเขาเองก็เช่นกัน
มันรู้สึกดีที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
มินโฮที่นั่งอยู่ข้างๆมองคนรักสลับกับฮันบิน ทว่าเขากลับมองฮันบินอยู่นาน
ไม่สิ...มองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฮันบินต่างหาก
ผู้ชายตัวสูงที่กำลังมองมาที่เขา เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง
ยมทูตที่ตามเป็นเงาตามตัวกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม
ดวงตาสีแดงคู่นั้นมองมาที่พี่ชายของตัวเองเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างเช่นกัน
“ม...มีอะไรรึเปล่าครับ”
กว่ามินโฮจะรู้ว่าเขามองนานเกินไป
ก็ทำเอาฮันบินเสียวสันหลังวาบจนต้องหันกลับไปดูด้านหลังของตัวเองที่ว่างเปล่า มินโฮส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบแต่เขายังคงเห็นจีวอนอยู่
เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม
“มาแล้วๆ”
จินฮวานที่เพิ่งจะเตรียมของว่างเสร็จเดินเข้ามาพร้อมกับขนมจานใหญ่
ทั้งเค้กและคุกกี้ ของหวานอีกสองสามอย่าง
จุนฮเวที่เดินตามหลังเข้ามาถือแก้วน้ำถาดใหญ่มันมีทั้งน้ำผลไม้
น้ำหวานและอีกหลายอย่างจนแทฮยอนต้องร้องโหออกมาเพราะความแปลกใจ
“อะไรเนี่ย ทำไมเยอะแยะขนาดนี้”
“เลี้ยงต้อนรับไงครับ”
“ผมเลือกขนมเองด้วยนะ”
จุนฮเวพูดแทรกขึ้นมาขณะที่กำลังวางถาดไว้บนโต๊ะ
จริงๆขนมส่วนใหญ่มันเป็นแบบที่จุนฮเวชอบมากกว่า
“ไม่เยอะไปหน่อยเหรอ?”
แทฮยอนยังคงแปลกใจกับปริมาณของว่างที่น้องชายทั้งสามคนตั้งใจเตรียมเอาไว้ให้
จินฮวานบอกว่าตั้งใจจะซื้อมาให้เพราะฉะนั้นแค่นี้ไม่เยอะไปสำหรับคนที่เขารักเหมือนพี่ชายของตัวเอง
การที่ได้อยู่กับคนอื่นๆในเวลาที่มีความสุขมันทำให้ลืมเรื่องร้ายๆได้ทุกอย่าง
มินโฮฉีกยิ้มแล้วรับขนมจากจุนฮเวที่ยื่นให้
เขาเหลือบมองฮันบินที่กำลังยิ้มแต่ตอนนี้จีวอนหายไปแล้ว
“ผมขอตัวแปปนึงนะ”
หันไปบอกคนรักแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น
ฮันบินมองตามหลังมินโฮแต่ไม่ได้ถามอะไรเดินเข้าไปนั่งแทนที่แล้วหยิบขนมมากินบ้าง เสียงพูดคุยและหัวเราะเสียงดังลั่นเพราะความสนุก
“ฉันแทบจะลืมไปแล้วว่านายเป็นยมทูต”
เสียงของจีวอนดังขึ้นใกล้ๆ
“ทำไมถึงยอมปล่อยให้ฮันบินกลับมา”
ถามออกไปโดยที่ไม่ต้องตั้งประเด็นให้ยุ่งยาก
จีวอนแสยะยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้คนเป็นพี่ มองเขาเหมือนกับกำลังจะถามว่าทำไมต้องตอบ
เดินวนไปรอบๆเหมือนกำลังจะยั่วให้โกรธ
“จะเอาคำตอบไหนล่ะ ฉันตอบให้ได้ทุกอย่าง”
“ฉันแค่สงสัย”
“น่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ”
มินโฮยืนเงียบเพราะไม่ว่าจะพูดยังไงก็เหมือนกับว่าจีวอนจะไม่ยอมตอบคำถามดีๆ
ตรงกันข้ามเหมือนกำลังพยายามปั่นหัวอยู่อย่างนั้นล่ะ
“ยมทูตอย่างนายไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก”
“รู้ดีนี่”
จีวอนหยุดอยู่ตรงหน้ามินโฮ เขายิ้มออกมาอย่างที่ชอบทำ
“จะทำอะไร?”
“ความตาย มันน่าจะทรมานได้กว่านี้นะ”
!!
.....
“ทำอะไรอยู่น่ะ”
“ครับ?”
ฮันบินหันมาหาพี่ชายที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง
เพราะเขาเอาแต่ยืนเหม่ออกไปข้างนอกจนไม่ทันสังเกตุว่าคนเป็นพี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
แทฮยอนมองน้องชายของเขาหลังจากทุกคนกลับไปแล้วบ้านหลังนี้ก็เหลือแค่พวกเขา
“คิดอะไรอยู่เหรอ?”
“เปล่า”
แทฮยอนหยุดยืนข้างๆน้องชาย พวกเขามองออกไปข้างนอกโดยไม่มีจุดหมาย
แต่ทุกครั้งที่ได้มองออกไปมันรู้สึกสบายใจราวกับว่าได้ปล่อยความคิดของตัวเองให้ออกไปด้วย
ไม่อยากจะคิดจริงๆว่าถ้ากลับมาแล้วไม่มีใครคนนึงยืนอยู่ด้วยมันจะรู้สึกยังไง
“พี่ครับ”
“หือ?”
แล้วก็เงียบไป ฮันบินกำลังคิดถึงเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่ตอนนั้นเหมือนกับว่าเขาจะกลายเป็นคนที่รู้สึกกลัว เหงา
ว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกแบบนี้
มันเป็นเพราะที่เขาบาดเจ็บหรือเป็นเพราะจิตใจที่กำลังหวาดกลัวกันแน่
“มีอะไรเหรอ?”
“ผม...เปล่าหรอกครับ”
ยิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง แต่มันซ่อนไว้ไม่ได้หรอก
แววตาคู่นั้นมันกำลังฟ้องทุกอย่าง แทฮยอนเป็นพี่ชายที่ดีพอเขาจะไม่ถามต่อ
“นอนเถอะ”
ตบบ่าน้องชายเบาๆแล้วเดินออกมา ฮันบินมองตามหลัง เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่ถามออกไป
ทั้งๆที่เขาถามได้ อยากจะถามอะไรหลายๆอย่าง อย่างเช่น...
‘ถ้าผมตายพี่จะทำยังไง’
จะอยู่ได้ใช่ไหม ?
ความคิดเห็น