ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Paradise (No.7)

    ลำดับตอนที่ #6 : Too Young To Die

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 59


    Dark Paradise (NO. 7)

    ‘Too Young To Die’

     

    ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัว แม้เราจะยอมรับมัน

     

     

    เสียงเปียโนดังขึ้นเบาๆ ในความมืด คล้ายกำลังจะกล่อมให้หลับ มันยังคงบรรเลงอยู่แบบนั้น ร่างของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนอนแน่นิ่ง เสียงรองเท้าเวลาที่เดินไปบนพื้นมันดังก้องแต่ก็ยังปลุกให้เขาตื่นไม่ได้


    ในความมืดที่มองไม่เห็นอะไรแม้แต่เงา แสงไฟอ่อนๆจากเทียนเล่มเล็กที่กำลังส่องแสงจางๆเข้ามาพร้อมกับเสียงเดินของคนที่ถือมันไว้ในมือ


    เขาหยุดเดินข้างๆกายบางที่หายใจโรยริน


    ย่อตัวลงแล้วว่างเทียนเล่มเล็กนั้นใกล้ๆ มันส่องให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังหลับอยู่ในห้วงนิทราของตัวเอง เสียงลมหายใจแผ่วกับเสียงเต้นของหัวใจอ่อนลงเรื่อยๆ มันน่าแปลกที่เขายอมรับความตายของตัวเองโดยที่ไม่อ้อนวอนเลยสักนิด


    “น่าทึ่งจริงๆ”


    โลกของยมทูตชีวิตหลังความตายของมนุษย์จะมาที่นี่ มันเป็นเหมือนทางเชื่อมระหว่างโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ คนที่ตายแล้วเท่านั้นที่จะเห็นมัน


    ยมทูตผู้เยือกเย็นนั่งมองเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าดวงวิญญาณอื่นๆที่เคยเจอ แววตาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่กลับไม่ร้องขอชีวิต หันไปมองเทียนเล่มเล็กที่ยังคงส่องแสง ฮันบินมีเวลาจนกว่าเทียนเล่มนั้นจะดับไป ประตูยังคงเปิดรอ ถ้าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนนี้แล้วร้องขอชีวิตอาจจะมีโอกาสที่จะได้กลับไปหาพี่ชาย แต่ถ้าหลังจากทุกอย่างดับมืด สุดท้ายแล้วฮันบินจะต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ


    มันขึ้นอยู่กับเขาเองว่าจะเข้มแข็งมากพอหรือเปล่า


    นี่คือเวลาที่จีวอนมอบให้ ในฐานะยมทูต


    จีวอนลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับ ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราของตัวเองนอนอยู่แบบนั้น โดยมีเทียนเล่มเล็กส่องแสงสว่าง มันเป็นเหมือนชีวิตของเขา




     

    ฉันได้ยินเสียงเพลง


    ความรู้สึกที่อยู่ลึกที่สุดของจิตใจในตอนนี้กำลังตอบสนอง แต่มันลึกเกินกว่าจะปลุกให้กายหยาบตื่นขึ้นมาได้ ฮันบินได้ยินเสียงเพลงที่กำลังบรรเลงไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่หัวใจรู้สึกอบอุ่นแต่ร่างกายกลับสัมได้เพียงแต่ความหนาวเย็น


    คราวนี้น่ะตายจริงๆแล้วเหรอ




     

    …..




     

    ว่ากันว่าความฝัน เกิดจากจิตใต้สำนึกของเรา


    แสงแดดอุ่นๆตอนเช้าสาดเข้ามาในห้อง เกือบจะสายแล้วแต่คนบนเตียงยังนอนขดดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ยอมตื่น โชคยังดีที่วันนี้เป็นหยุด แต่เขาก็มีอย่างอื่นให้ทำอีกเยอะแยะ


    ตากลมค่อยๆลืมขึ้นเมื่อแสงสว่างกำลังปลุกเขา เพดานห้องสีขาวที่มีสติ๊กเกอร์รูปดาวติดอยู่ มันจะเรืองแสงในตอนกลางคืน เขามองมันสักพักแล้วหลับตาลงอีกครั้ง


    นี่คือห้องของเขา


    ห้องนอนของฮันบิน


    เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่มๆที่ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่สิ...ไม่รู้ว่ากลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ ก้มลงมองตัวเองที่สวมชุดนอนสีขาว ยกมือขึ้นจับหน้า มันแปลกที่ว่าเขากลับมาบ้านแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่จำไม่ได้เลยว่าเกิดขึ้นตอนไหน


    จำได้แค่ว่ากำลังซื้อของในมินิมาร์ท


    จำได้แค่นั้นจริงๆ...


    ครื๊ด!


    ฮันบินสะบัดความคิดที่เหมือนทางตันออกจากหัว แล้วหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆ เบอร์ของพี่ชายที่พยายามโทรหาตั้งแต่เมื่อคืน


    “ฮันบิน!


    เสียงปลายสายตะโกนมาเสียงดัง จนต้องดึงมันออกห่างจากหูแล้วเอากลับมาแนบใหม่


    “ครับ?”


    “ฮันบินจริงๆเหรอ?”


    “เอ๊ะ! ก็ผมน่ะสิครับถามอะไรแบบนั้นล่ะ”


    “ขอบคุณพระเจ้า”


    “ทำไมเหรอครับ?”


    “เปล่าหรอก วันนี้พี่จะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ”


    “จริงเหรอครับ?”


    ถามกลับไปด้วยความดีใจ จนลืมเรื่องที่กำลังคิด แทฮยอนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดีใจเช่นกัน แต่ไม่ใช่ที่ได้ออกจากโรงพยาบาล เขาดีใจที่ได้ยินเสียงน้อยชาย




     

    กดวางสายจากพี่ชายแล้วบิดตัวไปมา มองออกนอกหน้าต่างตอนนี้สายมากแล้วแต่ยังดีที่อากาศเย็นทำให้อากาศวันนี้สดชื่นและสบาย ลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


    แทฮยอนกำลังกลับมา รถสีดำค่อยๆแล่นเข้ามาจอดบริเวณบ้าน เพราะไม่ได้มีรั้วกั้นทำให้รถแล่นเข้ามาได้ง่ายๆ คนที่ไม่ได้กลับมานานมองบ้านสีขาวสองชั้นตรงหน้าด้วยควาคิดถึง มันไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนักแต่กลับอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ มินโฮหันไปมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆพรางยิ้มออกมาก่อนจะหยุดรถ


    ฮันบินเดินออกมาพร้อมกับจินฮวานและจุนฮเว ทันทีที่เพื่อนรักโทรบอกพวกเขาก็รีบมาที่นี่เพื่อมารับแทฮยอนด้วยกัน แถมยังซื้อของกินมาอีกเพียบ


    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ”


    น้องชายคนเดียวที่รอพี่ชายกลับมายิ้มอ่อนโยนจนพี่ชายอดจะยิ้มตอบไม่ได้ แทฮยอนเดินเข้าไปกอดน้องชายด้วยความรัก อยากขอบคุณจีวอนที่ให้เวลาฮันบิน เขากอดน้องชายเอาไว้นแน่น


    “เอ่อ...”


    “ดีจังนะ”


    แทฮยอนพูดออกมาแต่ทำให้ฮันบินที่ไม่เข้าใจความหมายทำอะไรถูก


    “เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ”


    มินโฮพูดขัดก่อนที่แทฮยอนจะกอดน้องชายของเขาแน่นไปกว่านั้น แล้วพยุงคนรักเข้าบ้านไป จุนฮเวเดินเข้ามาช่วยถือของในมือแล้วเดินเข้าไปพร้อมกัน


    ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ข้าวของเครื่องใช้สีขาวแบบที่พวกเขาชอบ มันดูสะอาดตา ประตู หน้าต่างเปิดโล่งพร้อมต้อนรับเจ้าของกลับมา แทฮยอนมองไปรอบๆถึงจะไม่กี่อาทิตย์ที่ไม่ได้กลับมาแต่กลับกลายเป็นว่าเขาคิดถึงที่นี่เหมือนจากไปนานแรมปี


    มินโฮพยุงคนรักเข้าไปในห้องนั่งเล่นเล็กๆที่ถูกจัดเป็นมุมโปรดของบ้าน โซฟาสีขาวกับแจกันดอกกุหลาบ มันถูกเปลี่ยนเมื่อตอนเช้า แทฮยอนค่อยๆนั่งลงบนโซฟาสีขาวตัวโปรด โดยมีฮันบินยืนอยู่ข้างๆ พร้อมรักและคนรักของเพื่อนรับหน้าที่เป็นคนเตรียมของว่างในครัว


    “คิดถึงจังเลยนะ”


    พูดพร้อมกับมองไปรอบๆ ฮันบินยิ้มให้กับพี่ชายราวกับจะบอกว่าเขาเองก็เช่นกัน มันรู้สึกดีที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง มินโฮที่นั่งอยู่ข้างๆมองคนรักสลับกับฮันบิน ทว่าเขากลับมองฮันบินอยู่นาน ไม่สิ...มองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฮันบินต่างหาก


    ผู้ชายตัวสูงที่กำลังมองมาที่เขา เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง


    ยมทูตที่ตามเป็นเงาตามตัวกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม ดวงตาสีแดงคู่นั้นมองมาที่พี่ชายของตัวเองเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างเช่นกัน


    “ม...มีอะไรรึเปล่าครับ”


    กว่ามินโฮจะรู้ว่าเขามองนานเกินไป ก็ทำเอาฮันบินเสียวสันหลังวาบจนต้องหันกลับไปดูด้านหลังของตัวเองที่ว่างเปล่า มินโฮส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบแต่เขายังคงเห็นจีวอนอยู่


    เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม






     

     “มาแล้วๆ”


    จินฮวานที่เพิ่งจะเตรียมของว่างเสร็จเดินเข้ามาพร้อมกับขนมจานใหญ่ ทั้งเค้กและคุกกี้ ของหวานอีกสองสามอย่าง จุนฮเวที่เดินตามหลังเข้ามาถือแก้วน้ำถาดใหญ่มันมีทั้งน้ำผลไม้ น้ำหวานและอีกหลายอย่างจนแทฮยอนต้องร้องโหออกมาเพราะความแปลกใจ


    “อะไรเนี่ย ทำไมเยอะแยะขนาดนี้”


    “เลี้ยงต้อนรับไงครับ”


    “ผมเลือกขนมเองด้วยนะ”


    จุนฮเวพูดแทรกขึ้นมาขณะที่กำลังวางถาดไว้บนโต๊ะ จริงๆขนมส่วนใหญ่มันเป็นแบบที่จุนฮเวชอบมากกว่า


    “ไม่เยอะไปหน่อยเหรอ?”


    แทฮยอนยังคงแปลกใจกับปริมาณของว่างที่น้องชายทั้งสามคนตั้งใจเตรียมเอาไว้ให้ จินฮวานบอกว่าตั้งใจจะซื้อมาให้เพราะฉะนั้นแค่นี้ไม่เยอะไปสำหรับคนที่เขารักเหมือนพี่ชายของตัวเอง


    การที่ได้อยู่กับคนอื่นๆในเวลาที่มีความสุขมันทำให้ลืมเรื่องร้ายๆได้ทุกอย่าง


    มินโฮฉีกยิ้มแล้วรับขนมจากจุนฮเวที่ยื่นให้ เขาเหลือบมองฮันบินที่กำลังยิ้มแต่ตอนนี้จีวอนหายไปแล้ว


    “ผมขอตัวแปปนึงนะ”


    หันไปบอกคนรักแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ฮันบินมองตามหลังมินโฮแต่ไม่ได้ถามอะไรเดินเข้าไปนั่งแทนที่แล้วหยิบขนมมากินบ้าง เสียงพูดคุยและหัวเราะเสียงดังลั่นเพราะความสนุก


    “ฉันแทบจะลืมไปแล้วว่านายเป็นยมทูต”


    เสียงของจีวอนดังขึ้นใกล้ๆ


    “ทำไมถึงยอมปล่อยให้ฮันบินกลับมา”


    ถามออกไปโดยที่ไม่ต้องตั้งประเด็นให้ยุ่งยาก จีวอนแสยะยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้คนเป็นพี่ มองเขาเหมือนกับกำลังจะถามว่าทำไมต้องตอบ เดินวนไปรอบๆเหมือนกำลังจะยั่วให้โกรธ


    “จะเอาคำตอบไหนล่ะ ฉันตอบให้ได้ทุกอย่าง”


    “ฉันแค่สงสัย”


    “น่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ”


    มินโฮยืนเงียบเพราะไม่ว่าจะพูดยังไงก็เหมือนกับว่าจีวอนจะไม่ยอมตอบคำถามดีๆ ตรงกันข้ามเหมือนกำลังพยายามปั่นหัวอยู่อย่างนั้นล่ะ


    “ยมทูตอย่างนายไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก”


    “รู้ดีนี่”


    จีวอนหยุดอยู่ตรงหน้ามินโฮ เขายิ้มออกมาอย่างที่ชอบทำ


    “จะทำอะไร?”


    “ความตาย มันน่าจะทรมานได้กว่านี้นะ”


    !!


     



    .....

     




    “ทำอะไรอยู่น่ะ”


    “ครับ?”


    ฮันบินหันมาหาพี่ชายที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง เพราะเขาเอาแต่ยืนเหม่ออกไปข้างนอกจนไม่ทันสังเกตุว่าคนเป็นพี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แทฮยอนมองน้องชายของเขาหลังจากทุกคนกลับไปแล้วบ้านหลังนี้ก็เหลือแค่พวกเขา


    “คิดอะไรอยู่เหรอ?”


    “เปล่า”


    แทฮยอนหยุดยืนข้างๆน้องชาย พวกเขามองออกไปข้างนอกโดยไม่มีจุดหมาย แต่ทุกครั้งที่ได้มองออกไปมันรู้สึกสบายใจราวกับว่าได้ปล่อยความคิดของตัวเองให้ออกไปด้วย


    ไม่อยากจะคิดจริงๆว่าถ้ากลับมาแล้วไม่มีใครคนนึงยืนอยู่ด้วยมันจะรู้สึกยังไง


    “พี่ครับ”


    “หือ?”


    แล้วก็เงียบไป ฮันบินกำลังคิดถึงเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ตอนนั้นเหมือนกับว่าเขาจะกลายเป็นคนที่รู้สึกกลัว เหงา ว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกแบบนี้ มันเป็นเพราะที่เขาบาดเจ็บหรือเป็นเพราะจิตใจที่กำลังหวาดกลัวกันแน่


    “มีอะไรเหรอ?”


    “ผม...เปล่าหรอกครับ”


    ยิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง แต่มันซ่อนไว้ไม่ได้หรอก แววตาคู่นั้นมันกำลังฟ้องทุกอย่าง แทฮยอนเป็นพี่ชายที่ดีพอเขาจะไม่ถามต่อ


    “นอนเถอะ”


    ตบบ่าน้องชายเบาๆแล้วเดินออกมา ฮันบินมองตามหลัง เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่ถามออกไป ทั้งๆที่เขาถามได้ อยากจะถามอะไรหลายๆอย่าง อย่างเช่น...


    ถ้าผมตายพี่จะทำยังไง


    จะอยู่ได้ใช่ไหม ?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×