ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Paradise (No.7)

    ลำดับตอนที่ #5 : Please

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 59


    Dark Paradise (NO. 7)

    ‘Please’

     

    ได้เวลาแล้ว ?


    จู่ๆแอร์ในร้านก็เย็นจนขนลุก ฮันบินมองไปรอบๆว่ามีใครเห็นหรือเปล่า แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีใครสักคน แม้แต่พนักงานในร้าน  ทั้งๆที่ตอนแรกยังมีคนอื่นๆยืนซื้อของ


    ตอนนี้เหลือเพียงความเงียบ นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเวลาที่ถูกมองมันเหมือนกับว่าเขากำลังจะสาปแช่งให้ตายอย่างนั้นล่ะ


    “คุณเป็นใครกันแน่?”


    ฮันบินถามขณะที่กำลังถอย เดินถอยหลังเพราะความกลัว แต่เขากลับเดินเข้ามาเหมือนกำลังจะต้อนให้จนมุม


    “นายอยากรู้จริงๆน้ะหรอ”


    น้ำเสียงเย็นชาเหมือนกับตอนนั้น แต่ทำไมคราวนี้ถึงกลัวมากกว่าทุกครั้ง กลัวจนไม่อยากอยู่ใกล้


    ...กลัวจนต้องถอยออกมา


    ตอนนั้นเหมือนฮันบินจะเป็นคนต้อนเขา แต่คราวนี้เขากลับไล่ต้อน...ไม่สิ เหมือนกำลังล่าอยู่ต่างหาก ฮันบินถอยหลังออกมาจนชนกับประตูร้าน


    “คำตอบของฉัน นายกล้าที่จะฟังจริงๆน่ะเหรอ”


    คำตอบแบบไหนกัน ฮันบินยืนพิงกับประตูร้านขยับไปไหนไม่ได้ ยิ่งเวลาที่ก้าวเข้ามาใกล้เสียงหัวใจก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เดินเข้ามาจนอยู่ตรงหน้าเขายังคงยืนจ้องอยู่แบบนั้น เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าเพื่อจะเผชิญหน้ากับเขา


    “บอกมาสิ”


    ทำเสียงแข็งแต่จริงๆกลับกลัวจนแทบคุมตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้ รอยยิ้มเหมือนกำลังพอใจผุดขึ้น ฮันบินแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตอนนี้ตัวชาจนขยับไม่ได้แล้ว


    เขาเดินเข้ามา แต่กลับยิ่งทำให้เย็นลงเรื่อยๆ ราวกับว่าเขามาพร้อมกับอุณหภูมิที่ติดลบ


    ทุกครั้งที่เจอผู้ชายคนนี้จะเกิดขึ้นกับความจริงและความฝัน ตอนนี้เริ่มไม่ได้แน่ใจแล้วว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า


    “บอกผมมาสิ”


    น้ำเสียงแข็งกร้าวแต่แววตากลับอ้อนวอนอย่างร้องขอ


    “ดูที่มือของนายสิ”


    มือ? ฮันบินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ค่อยๆยกมือข้างหนึ่งของตัวเองขึ้นเพราะมันรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือแปลกๆ เหมือนมีอะไรที่คมพอจะกรีดเนื้อได้ มันแสบและร้อน


    !!


    JIWON


    ตัวอักษรที่เหมือนไฟไหม้ตรงฝ่ามือมันปรากฎชื่อของคนตรงหน้า ฮันบินมือสั่นเพราะความตกใจและเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้าแต่ทว่ามันทำให้ฮันบินหยุดหายใจไปชั่วขณะ


    ดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็นสีดำทั้งดวง หน้าขาวซีดกำลังจ้องฮันบินเหมือนกับจะฉีกร่างให้ขาดออกเป็นชิ้น แสยะยิ้มออกมายิ่งกว่าปีศาจร้าย เด็กหนุ่มตัวสั่นเพราะความกลัว หลับตาลงซ่อนความหวาดกลัวที่ปรากฎในนัยน์ตากลมของตัวเอง


    “คุณต้องการอะไร?”


    “ชีวิตนาย ดวงวิญญาณดวงที่เจ็ด”


    มะ...ไม่จริง ฮันบินสะดุ้งเฮือก ลืมตายขึ้นแล้วหันกลับไปมอง ความเจ็บที่ฝ่ามือหายไปพร้อมกับชื่อของยมทูต เมื่อกี้คล้ายกับถูกดึงลงไปในมหาสมุทรที่ลึกที่สุด เหมือนปีศาจร้ายตัวใหญ่ที่กำลังจ้องจะกินเนื้อมนุษย์


    แต่จีวอนไม่ใช่ปีศาจเขาคือยมทูต





     

    กรี๊ดดดดดดดดดด!!


    เสียงหวีดร้องของหญิงสาวทำให้ฮันบินสะดุ้งเฮือก ละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วมองออกไปนอกร้าน ความกลัวเมื่อกี้ยังไม่หาย แต่สิ่งที่กำลังเห็นยิ่งเพื่มความหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น


    ผู้หญิงผมยาว ผิวขาว สีหน้าหวาดกลัวและกำลังร้องไห้ เธอวิ่งหนีสุดชีวิต หนีผู้ชายร่างสูง สวมหมวก กับแว่นตาและผ้าปิดปาก ในมือถือมีดปลายแหลมคม สะท้อนกับแสงไฟ แต่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น


    ไม่มีเลยสักคน


    เธอเสียหลักล้มลง คลานไปกับพื้นเพื่อหนีความตายอย่างอนาถ แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังเดินตามไม่หยุด เดินเข้าไปใกล้


    เสียงร้องไห้ อ้อนวอนขอชีวิตมันน่าหดหู่ ฮันบินยืนมอง อยากจะออกไปช่วยแต่ทำไม่ได้ แค่จะหนีออกไปจากตรงนี้ยังยากเกินจะทำ


    ฉึก!


    !!


    ไม่จริง!


    กายบางแทบหยุดหายใจ เบิกตามกว้างที่เห็นการฆาตกรรมของผู้โหดเหี้ยม ผู้ชายคนนั้นนั่งคร่อมเธอไว้แล้วกระหน่ำแทงลงไปซ้ำๆกลางอกจนเลือดสีแดงกระเด็นไปทั่วพื้น


    “มนุษย์ใช้เวลาไม่นานหรอกที่จะตาย”


    แทบจะลืมไปเลยว่าตอนนี้ยังมีอีกคนอยู่ใกล้ๆ ฮันบินหันกลับมาเผชิญหน้ากับจีวอน


    แกร็ก!


    ปะตูร้านถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังถูกปิดตายอยู่เลย เด็กหนุ่มที่หลุดพ้นจากพันธนาการผลักประตูแล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้น วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยุดมองไปตรงที่เกิดเหตุเมื่อกี้ แต่...มันหายไปแล้ว ทั้งผู้หญิงที่ถูกฆ่า และผู้ชายที่เป็นฆาตกร ไม่มีแม้แต่รอยของเลือด


    นี่มันอะไร


    เด็กหนุ่มวิ่งออกมาโดยที่ไม่หันกลับไปมองที่ร้านนั้นอีก ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากผู้ชายคนนั้น


    “นายหนีไม่พ้นหรอก”


    จีวอนโผล่ออกมาตรงหน้า ฮันบินชะงักจนแทบล้ม หันหลังกลับแล้ววิ่งไปอีกทาง มองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเป็นเหมือนเมืองร้าง ร้านค้า ตึกสูง ร้านอาหาร หรือแม้แต่คลับ มีแค่แสงไฟที่สาดออกมาข้างนอก แต่ไม่มีผู้คน ไม่มีแม้แต่สัตว์ ไม่มีอะไรเลย นอกจากความหนาวเย็น มันทำให้ฮันบินกลัว


    หยุดวิ่งแล้วหันกลับไปมองด้านหลัง จีวอนกำลังยืนมองเขาอยู่ริมถนน ฮันบินแทบไม่รู้ตัวว่าวิ่งออกมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตรงกลางถนนที่ไม่มีรถวิ่ง


    ทำไม...ทำไมทุกอย่างมันเหมือนถูกควบคุมด้วยผู้ชายคนนั้น


    แม้แต่ชีวิตของเขา


    เขาเป็นยมทูตจริงๆเหรอ


    ฮันบินหายใจหอบเพราะความเหนื่อย แต่แสงไฟสว่างจ้ากำลังสาดมาที่เขา ยกมือขึ้นบังเพราะแสบตาจนมองไม่เห็น แต่ทว่า...มันคล้ายกับเสียงรถที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว


    จะก้าวขาวิ่งต่อ แต่เหมือนจะช้าไป มันใกล้เข้ามาแล้ว


    ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!


    !!


     



    .....

     




    “ฮันบิน!!


    แทฮยอนสะดุ้งตื่นกลางดึก ตะโกนเรียกชื่อน้องชายเสียงดังลั่นจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องลุกขึ้นมาดู มินโฮจับมือแทฮยอนแน่นเพราะอีกคนกำลังหายใจหอบ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาจนเปียกโชก


    “ฝันร้ายเหรอ?”


    “ผมฝันถึงฮันบิน”


    “ฮันบิน?”


    มินโฮถามย้ำแล้วมองหน้าแทฮยอนที่กำลังเหลือบมองนาฬิกาที่อยู่ข้างๆ มันกำลังบอกเวลาเที่ยงคืน


    “ฮันบินต้องตายวันนี้ใช่มั้ย?”


    น้ำเสียงสั่นเครือของคนรักทำให้มินโฮอดห่วงไม่ได้ อยากจะตอบว่าไม่ใช่มันก็จะเป็นการโกหก


    “ตามอายุขัย ก็เป็นวันนี้”


    คำตอบนั้นทำให้แทฮยอนหน้าเศร้าลง หัวใจที่กำลังเต้นรัวอ่อนแรงลงจนแทบจะไม่ทำงาน แม้ว่าจะพยายามทำใจมาตลอดแต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง แทฮยอนรู้...รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้องชายคนเดียวของเขาจะต้องตาย


    และรู้ว่ามินโฮคืออะไร ความจริงแทฮยอนต้องตายไปพร้อมกับพ่อแม่แล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะมินโฮที่ช่วยเขาไว้ ดวงวิญญาณที่มินโฮจะต้องมารับในตอนนั้นคือคนคนนี้ คนที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่เขาลับทำผิด


    ทำผิดกฎร้ายแรงของยมทูต การให้ชีวิตของตัวเองกับมนุษย์มันก็ทำให้อายุขัยของดวงวิญญาณลดลง แม่ตนจะเป็นยมทูตก็ตาม ทุกวันนี้แทฮยอนจะอยู่ด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าวันหนึ่งคนรักจะหายไป แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มินโฮอยู่ข้างๆเขาจะคอยบอกเสมอว่า ต่อให้อยู่ไกลกันคนละภพ เขาจะหาทางกลับมาให้ได้


    และมินโฮไม่เคยผิดคำพูดสักครั้ง


    ขอบคุณนะ


    ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงอ่อนโยนพูดมันทุกครั้งที่คนรักลับมา


    “คุณช่วยฮันบินไม่ได้เหรอ?”


    คนรักเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่มีความหวัง แต่มินโฮทำแบบนั้นไม่ได้ หน้าที่ของเขาคือรับดวงวิญญาณของแทฮยอน ถ้าเขายังทำไม่สำเร็จก็ไม่สามารถไปรับดวงวิญญาณดวงอื่นได้ และที่แย่กว่านั้นฮันบินไม่ใช่หน้าที่ของเขา มินโฮไม่มีสิทธิ์ตัดสิน


    “ไม่ได้หรอก”


    “ขอร้องจีวอนไม่ได้เหรอ”


    มินโฮถอนหายใขเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อพูดถึงน้องชาย แค่จะคุยกันดีๆแต่ละครั้งยังทำไมได้เลย แล้วนับประสาอะไรจะไปขอร้องให้จีวอนทำผิดเหมือนที่ตัวเองทำ ถ้าเทียบกันแล้วจีวอนเย็นชากว่าหลายร้อยเท่า


    เขาเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งเดินได้เลยล่ะ


    แทฮยอนละสายจากคนรักแล้วนอนเหม่อไปอีกทาง แม้จะพยายามหาทางช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีทางไหนช่วยฮันบินได้เลย น้ำตาใสๆค่อยๆไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่มีน้องชายที่เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้


    เสียงสะอื้นทำให้หัวใจยมทูตเจ็บปวด


    “ผมจะลองคุยกับจีวอนดู ตอนนี้น่าจะพอมีเวลา”


    ความหวังสุดท้าย แทฮยอนหันไปมองคนรักที่กำลังยิ้มให้ ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่าแต่อย่างน้อยก็ขอบคุณที่พยายาม มินโฮก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนจะหายไปจากตรงนั้น


    ได้แต่ภาวนาว่าจีวอนจะอ่อนโยนเหมือนพี่ชายบ้าง



     

    .....

     



    ห้องนอนขนาดใหญ่ของบ้านในอีกภพหนึ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจมาถึง จีวอนกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนเตียงของตัวเอง ในมือถือหนังสือเล่มหนาสีน้ำตาลเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างใจเย็น


    แกร็ก!


    “ไง?”


    พูดทักทายพี่ชายที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต มินโฮเดินตรงเข้ามาหาก่อนจะหยุดมองน้องชายที่ไม่ได้เงยหน้ามามองตนเลย


    “ไปรับฮันบินมาหรือยัง?”


    “ใครใช้ให้มาถามหรือไง”


    พูดอย่างไม่สนใจแล้วอ่านหนังสือต่อ


    “ไม่ต้องมีใครใช้ ฉันก็จะถามอยู่แล้ว”


    จีวอนปิดหนังสือแล้วเงยหน้ามองพี่ชายที่กำลังรอคำตอบ แสยะยิ้มออกมาเหมือนกำลังยั่วอารมณ์ให้คนโตกว่าหงุดหงิด


    “ถ้าตอบว่ายังจะเชื่อหรือเปล่า”


    “ฉันต้องการความจริง”


    “ความจริงก็คือ มันเป็นเรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถาม”


    บอกแล้วว่าการคุยกันดีๆของพวกเขาคือเรื่องยาก มินโฮกำหมัดแน่นเพราะความโกรธ จริงๆแล้วก็เป็นแบบนี้ตลอด


    “ฮันบินเป็นเด็กน่าสงสาร ถ้าเป็นไปได้ขอเวลาให้เขาอีกหน่อยแล้วกัน”


    มินโฮพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป


    “ขอเวลางั้นเหรอ?”


    จีวอนพูดกับตัวเอง วางหนังสือลงบนโต๊ะใกล้ๆเอนหัวพิงกับขอบเตียงแล้วหลับตา


    ดวงวิญญาณดวงนั้นเป็นของเขา มันถึงเวลาที่จะต้องพาเขาไปในที่ที่ควรจะไป


    ภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังยืนอยู่กลางถนน มองแสงไฟของรถที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ทั้งๆที่ควรจะหนีแต่ทำไมยังคงยืนยืนนิ่งเฉย หันกลับมาผมทูตที่ยืนยิ้มเหมือนกำลังรอเวลา ฮันบินตัวสั่นเพราะความกลัว


    แทนที่จะร้องไห้และอ้อนวอนกลับหลับตาลงเพื่อยอมรับทุกอย่าง แววของเด็กที่ยังอยากเรียนรู้อะไรอีกมากมาย อยากเข้มแข็งมากกว่านี้ อยากจะอยู่ต่ออีกหน่อย


    จีวอนยืนมองสิ่งที่เขาสั่งให้เกิด เด็กหนุ่มที่ยอมรับความตาย ไม่แม้แต่จะร้องขอชีวิต


    เอี๊ยด!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×