คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Please
Dark Paradise
(NO. 7)
‘Please’
ได้เวลาแล้ว ?
จู่ๆแอร์ในร้านก็เย็นจนขนลุก ฮันบินมองไปรอบๆว่ามีใครเห็นหรือเปล่า
แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีใครสักคน แม้แต่พนักงานในร้าน ทั้งๆที่ตอนแรกยังมีคนอื่นๆยืนซื้อของ
ตอนนี้เหลือเพียงความเงียบ นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเวลาที่ถูกมองมันเหมือนกับว่าเขากำลังจะสาปแช่งให้ตายอย่างนั้นล่ะ
“คุณเป็นใครกันแน่?”
ฮันบินถามขณะที่กำลังถอย เดินถอยหลังเพราะความกลัว
แต่เขากลับเดินเข้ามาเหมือนกำลังจะต้อนให้จนมุม
“นายอยากรู้จริงๆน้ะหรอ”
น้ำเสียงเย็นชาเหมือนกับตอนนั้น แต่ทำไมคราวนี้ถึงกลัวมากกว่าทุกครั้ง
กลัวจนไม่อยากอยู่ใกล้
...กลัวจนต้องถอยออกมา
ตอนนั้นเหมือนฮันบินจะเป็นคนต้อนเขา แต่คราวนี้เขากลับไล่ต้อน...ไม่สิ
เหมือนกำลังล่าอยู่ต่างหาก ฮันบินถอยหลังออกมาจนชนกับประตูร้าน
“คำตอบของฉัน นายกล้าที่จะฟังจริงๆน่ะเหรอ”
คำตอบแบบไหนกัน ฮันบินยืนพิงกับประตูร้านขยับไปไหนไม่ได้ ยิ่งเวลาที่ก้าวเข้ามาใกล้เสียงหัวใจก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
เดินเข้ามาจนอยู่ตรงหน้าเขายังคงยืนจ้องอยู่แบบนั้น เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก
รวบรวมความกล้าเพื่อจะเผชิญหน้ากับเขา
“บอกมาสิ”
ทำเสียงแข็งแต่จริงๆกลับกลัวจนแทบคุมตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้
รอยยิ้มเหมือนกำลังพอใจผุดขึ้น ฮันบินแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ตอนนี้ตัวชาจนขยับไม่ได้แล้ว
เขาเดินเข้ามา แต่กลับยิ่งทำให้เย็นลงเรื่อยๆ ราวกับว่าเขามาพร้อมกับอุณหภูมิที่ติดลบ
ทุกครั้งที่เจอผู้ชายคนนี้จะเกิดขึ้นกับความจริงและความฝัน ตอนนี้เริ่มไม่ได้แน่ใจแล้วว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า
“บอกผมมาสิ”
น้ำเสียงแข็งกร้าวแต่แววตากลับอ้อนวอนอย่างร้องขอ
“ดูที่มือของนายสิ”
มือ? ฮันบินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ค่อยๆยกมือข้างหนึ่งของตัวเองขึ้นเพราะมันรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือแปลกๆ
เหมือนมีอะไรที่คมพอจะกรีดเนื้อได้ มันแสบและร้อน
!!
JIWON
ตัวอักษรที่เหมือนไฟไหม้ตรงฝ่ามือมันปรากฎชื่อของคนตรงหน้า
ฮันบินมือสั่นเพราะความตกใจและเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
เงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้าแต่ทว่ามันทำให้ฮันบินหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็นสีดำทั้งดวง หน้าขาวซีดกำลังจ้องฮันบินเหมือนกับจะฉีกร่างให้ขาดออกเป็นชิ้น
แสยะยิ้มออกมายิ่งกว่าปีศาจร้าย เด็กหนุ่มตัวสั่นเพราะความกลัว
หลับตาลงซ่อนความหวาดกลัวที่ปรากฎในนัยน์ตากลมของตัวเอง
“คุณต้องการอะไร?”
“ชีวิตนาย ดวงวิญญาณดวงที่เจ็ด”
มะ...ไม่จริง ฮันบินสะดุ้งเฮือก ลืมตายขึ้นแล้วหันกลับไปมอง ความเจ็บที่ฝ่ามือหายไปพร้อมกับชื่อของยมทูต
เมื่อกี้คล้ายกับถูกดึงลงไปในมหาสมุทรที่ลึกที่สุด
เหมือนปีศาจร้ายตัวใหญ่ที่กำลังจ้องจะกินเนื้อมนุษย์
แต่จีวอนไม่ใช่ปีศาจเขาคือยมทูต
กรี๊ดดดดดดดดดด!!
เสียงหวีดร้องของหญิงสาวทำให้ฮันบินสะดุ้งเฮือก ละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วมองออกไปนอกร้าน
ความกลัวเมื่อกี้ยังไม่หาย แต่สิ่งที่กำลังเห็นยิ่งเพื่มความหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น
ผู้หญิงผมยาว ผิวขาว สีหน้าหวาดกลัวและกำลังร้องไห้ เธอวิ่งหนีสุดชีวิต
หนีผู้ชายร่างสูง สวมหมวก กับแว่นตาและผ้าปิดปาก ในมือถือมีดปลายแหลมคม
สะท้อนกับแสงไฟ แต่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น
ไม่มีเลยสักคน
เธอเสียหลักล้มลง คลานไปกับพื้นเพื่อหนีความตายอย่างอนาถ
แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังเดินตามไม่หยุด เดินเข้าไปใกล้
เสียงร้องไห้ อ้อนวอนขอชีวิตมันน่าหดหู่ ฮันบินยืนมอง อยากจะออกไปช่วยแต่ทำไม่ได้
แค่จะหนีออกไปจากตรงนี้ยังยากเกินจะทำ
ฉึก!
!!
ไม่จริง!
กายบางแทบหยุดหายใจ เบิกตามกว้างที่เห็นการฆาตกรรมของผู้โหดเหี้ยม
ผู้ชายคนนั้นนั่งคร่อมเธอไว้แล้วกระหน่ำแทงลงไปซ้ำๆกลางอกจนเลือดสีแดงกระเด็นไปทั่วพื้น
“มนุษย์ใช้เวลาไม่นานหรอกที่จะตาย”
แทบจะลืมไปเลยว่าตอนนี้ยังมีอีกคนอยู่ใกล้ๆ
ฮันบินหันกลับมาเผชิญหน้ากับจีวอน
แกร็ก!
ปะตูร้านถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังถูกปิดตายอยู่เลย เด็กหนุ่มที่หลุดพ้นจากพันธนาการผลักประตูแล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้น
วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยุดมองไปตรงที่เกิดเหตุเมื่อกี้
แต่...มันหายไปแล้ว ทั้งผู้หญิงที่ถูกฆ่า และผู้ชายที่เป็นฆาตกร ไม่มีแม้แต่รอยของเลือด
นี่มันอะไร
เด็กหนุ่มวิ่งออกมาโดยที่ไม่หันกลับไปมองที่ร้านนั้นอีก
ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากผู้ชายคนนั้น
“นายหนีไม่พ้นหรอก”
จีวอนโผล่ออกมาตรงหน้า ฮันบินชะงักจนแทบล้ม หันหลังกลับแล้ววิ่งไปอีกทาง
มองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเป็นเหมือนเมืองร้าง
ร้านค้า ตึกสูง ร้านอาหาร หรือแม้แต่คลับ มีแค่แสงไฟที่สาดออกมาข้างนอก
แต่ไม่มีผู้คน ไม่มีแม้แต่สัตว์ ไม่มีอะไรเลย นอกจากความหนาวเย็น
มันทำให้ฮันบินกลัว
หยุดวิ่งแล้วหันกลับไปมองด้านหลัง จีวอนกำลังยืนมองเขาอยู่ริมถนน ฮันบินแทบไม่รู้ตัวว่าวิ่งออกมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตรงกลางถนนที่ไม่มีรถวิ่ง
ทำไม...ทำไมทุกอย่างมันเหมือนถูกควบคุมด้วยผู้ชายคนนั้น
แม้แต่ชีวิตของเขา
เขาเป็นยมทูตจริงๆเหรอ
ฮันบินหายใจหอบเพราะความเหนื่อย แต่แสงไฟสว่างจ้ากำลังสาดมาที่เขา ยกมือขึ้นบังเพราะแสบตาจนมองไม่เห็น แต่ทว่า...มันคล้ายกับเสียงรถที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว
จะก้าวขาวิ่งต่อ แต่เหมือนจะช้าไป มันใกล้เข้ามาแล้ว
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
!!
.....
“ฮันบิน!!”
แทฮยอนสะดุ้งตื่นกลางดึก
ตะโกนเรียกชื่อน้องชายเสียงดังลั่นจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องลุกขึ้นมาดู
มินโฮจับมือแทฮยอนแน่นเพราะอีกคนกำลังหายใจหอบ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาจนเปียกโชก
“ฝันร้ายเหรอ?”
“ผมฝันถึงฮันบิน”
“ฮันบิน?”
มินโฮถามย้ำแล้วมองหน้าแทฮยอนที่กำลังเหลือบมองนาฬิกาที่อยู่ข้างๆ
มันกำลังบอกเวลาเที่ยงคืน
“ฮันบินต้องตายวันนี้ใช่มั้ย?”
น้ำเสียงสั่นเครือของคนรักทำให้มินโฮอดห่วงไม่ได้
อยากจะตอบว่าไม่ใช่มันก็จะเป็นการโกหก
“ตามอายุขัย ก็เป็นวันนี้”
คำตอบนั้นทำให้แทฮยอนหน้าเศร้าลง
หัวใจที่กำลังเต้นรัวอ่อนแรงลงจนแทบจะไม่ทำงาน แม้ว่าจะพยายามทำใจมาตลอดแต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง
แทฮยอนรู้...รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้องชายคนเดียวของเขาจะต้องตาย
และรู้ว่ามินโฮคืออะไร ความจริงแทฮยอนต้องตายไปพร้อมกับพ่อแม่แล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะมินโฮที่ช่วยเขาไว้
ดวงวิญญาณที่มินโฮจะต้องมารับในตอนนั้นคือคนคนนี้ คนที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่เขาลับทำผิด
ทำผิดกฎร้ายแรงของยมทูต การให้ชีวิตของตัวเองกับมนุษย์มันก็ทำให้อายุขัยของดวงวิญญาณลดลง
แม่ตนจะเป็นยมทูตก็ตาม ทุกวันนี้แทฮยอนจะอยู่ด้วยความหวาดกลัว
กลัวว่าวันหนึ่งคนรักจะหายไป
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มินโฮอยู่ข้างๆเขาจะคอยบอกเสมอว่า ต่อให้อยู่ไกลกันคนละภพ
เขาจะหาทางกลับมาให้ได้
และมินโฮไม่เคยผิดคำพูดสักครั้ง
‘ขอบคุณนะ’
ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงอ่อนโยนพูดมันทุกครั้งที่คนรักลับมา
“คุณช่วยฮันบินไม่ได้เหรอ?”
คนรักเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่มีความหวัง แต่มินโฮทำแบบนั้นไม่ได้
หน้าที่ของเขาคือรับดวงวิญญาณของแทฮยอน
ถ้าเขายังทำไม่สำเร็จก็ไม่สามารถไปรับดวงวิญญาณดวงอื่นได้
และที่แย่กว่านั้นฮันบินไม่ใช่หน้าที่ของเขา มินโฮไม่มีสิทธิ์ตัดสิน
“ไม่ได้หรอก”
“ขอร้องจีวอนไม่ได้เหรอ”
มินโฮถอนหายใขเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อพูดถึงน้องชาย
แค่จะคุยกันดีๆแต่ละครั้งยังทำไมได้เลย
แล้วนับประสาอะไรจะไปขอร้องให้จีวอนทำผิดเหมือนที่ตัวเองทำ
ถ้าเทียบกันแล้วจีวอนเย็นชากว่าหลายร้อยเท่า
เขาเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งเดินได้เลยล่ะ
แทฮยอนละสายจากคนรักแล้วนอนเหม่อไปอีกทาง
แม้จะพยายามหาทางช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีทางไหนช่วยฮันบินได้เลย
น้ำตาใสๆค่อยๆไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่มีน้องชายที่เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้
เสียงสะอื้นทำให้หัวใจยมทูตเจ็บปวด
“ผมจะลองคุยกับจีวอนดู ตอนนี้น่าจะพอมีเวลา”
ความหวังสุดท้าย แทฮยอนหันไปมองคนรักที่กำลังยิ้มให้
ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่าแต่อย่างน้อยก็ขอบคุณที่พยายาม
มินโฮก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนจะหายไปจากตรงนั้น
ได้แต่ภาวนาว่าจีวอนจะอ่อนโยนเหมือนพี่ชายบ้าง
.....
ห้องนอนขนาดใหญ่ของบ้านในอีกภพหนึ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจมาถึง จีวอนกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนเตียงของตัวเอง ในมือถือหนังสือเล่มหนาสีน้ำตาลเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างใจเย็น
แกร็ก!
“ไง?”
พูดทักทายพี่ชายที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
มินโฮเดินตรงเข้ามาหาก่อนจะหยุดมองน้องชายที่ไม่ได้เงยหน้ามามองตนเลย
“ไปรับฮันบินมาหรือยัง?”
“ใครใช้ให้มาถามหรือไง”
พูดอย่างไม่สนใจแล้วอ่านหนังสือต่อ
“ไม่ต้องมีใครใช้ ฉันก็จะถามอยู่แล้ว”
จีวอนปิดหนังสือแล้วเงยหน้ามองพี่ชายที่กำลังรอคำตอบ
แสยะยิ้มออกมาเหมือนกำลังยั่วอารมณ์ให้คนโตกว่าหงุดหงิด
“ถ้าตอบว่ายังจะเชื่อหรือเปล่า”
“ฉันต้องการความจริง”
“ความจริงก็คือ มันเป็นเรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถาม”
บอกแล้วว่าการคุยกันดีๆของพวกเขาคือเรื่องยาก มินโฮกำหมัดแน่นเพราะความโกรธ
จริงๆแล้วก็เป็นแบบนี้ตลอด
“ฮันบินเป็นเด็กน่าสงสาร ถ้าเป็นไปได้ขอเวลาให้เขาอีกหน่อยแล้วกัน”
มินโฮพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป
“ขอเวลางั้นเหรอ?”
จีวอนพูดกับตัวเอง วางหนังสือลงบนโต๊ะใกล้ๆเอนหัวพิงกับขอบเตียงแล้วหลับตา
ดวงวิญญาณดวงนั้นเป็นของเขา มันถึงเวลาที่จะต้องพาเขาไปในที่ที่ควรจะไป
ภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังยืนอยู่กลางถนน
มองแสงไฟของรถที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ทั้งๆที่ควรจะหนีแต่ทำไมยังคงยืนยืนนิ่งเฉย
หันกลับมาผมทูตที่ยืนยิ้มเหมือนกำลังรอเวลา ฮันบินตัวสั่นเพราะความกลัว
แทนที่จะร้องไห้และอ้อนวอนกลับหลับตาลงเพื่อยอมรับทุกอย่าง แววของเด็กที่ยังอยากเรียนรู้อะไรอีกมากมาย
อยากเข้มแข็งมากกว่านี้ อยากจะอยู่ต่ออีกหน่อย
จีวอนยืนมองสิ่งที่เขาสั่งให้เกิด เด็กหนุ่มที่ยอมรับความตาย
ไม่แม้แต่จะร้องขอชีวิต
เอี๊ยด!!
ความคิดเห็น