คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Who Are You ?
Dark Paradise
(NO. 7)
‘Who Are You’
ชีวิตที่เหลือของผม
: ฮันบิน
ฮันบินสะดุ้งเพราะเสียงของจินฮวานที่กำลังตะโกนเรียกแล้ววิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ
หันไปมองเพื่อนที่กำลังพยุงตัวเองเพราะกลัวจะล้ม เสียงของจินฮวานทำให้เจ้าตัวละสายตาจากคนที่อยู่ข้างนอก
แต่พอหันไปอีกทีเขาก็หายไปแล้ว
แบบนี้อีกแล้ว!
“ทำไมลุกไปแบบนี้ล่ะ”
จินฉวานดุขณะที่กำลังพยุงฮันบินกลับมาที่รถเข็น
สีหน้ากังวลจนอดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงห่วงขนาดนั้น
“โทษที”
“แล้วไปทำอะไรตรงนั้น”
“เปล่าหรอก แค่อยากจะเห็นวิวข้างนอกน่ะ”
โกหกข้างๆคูๆจนเพื่อนสนิทต้องถอนหายใจถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้จะพูดยังไง
ขนาดตอนไม่เป็นอะไรก็ดื้อ ชอบทำอะไรที่คนอื่นห้ามตลอดเวลา
ฮันบินมองไปที่ระเบียงอีกครั้ง
เหมือนกับว่ายิ่งสงสัย
ก็ยิ่งเพิ่มความอยากรู้และมันก็ยิ่งทำให้เห็นผู้ชายแปลกๆคนนั้นบ่อยขึ้น
ทั้งในความฝันและความเป็นจริง
ถึงตอนนี้ฮันบินแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอน
แต่ใครบางคนกำลังอยู่ใกล้ๆเขาเหมือนเงาตามตัว
.....
“หมอบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว วันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
จินฮวานบอกพรางยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับคนป่วย เขาเบื่อโรงพยาบเต็มทนแล้ว
จะมีก็แต่แทฮยอนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติเหมือนเดิม
ทั้งๆที่หมอก็บอกว่าสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรมาก
ร่างกายก็ตอบสนองดีทุกอย่าง แต่น่าแปลกที่แทฮยอนยังไม่ฟื้น
“ผมเก็บของใช้หมดแล้วนะ”
จุนฮเวเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาโดนจินฮวานสั่งให้ไปเก็บของใช้ของฮันบิน
“ขอบใจ”
“นายจะกลับบ้านเลยรึเปล่า?”
“อื้อ แต่ขอไปหาพี่แทฮยอนก่อนนะ”
เขาควรไปบอกแทฮยอนก่อน ความจริงอยากจะกลับพร้อมกันเลยด้วยซ้ำ
ฮันบินเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปกติที่เพื่อนสนิทเตรียมมาให้
เดินออกมาจากห้องที่อยู่มาเกือบอาทิตย์ จุนฮเวถือของในมือเต็มไปหมด ส่วนจินฮวานเดินอยู่ข้างๆเพราะกลัวว่าเพื่อนจะล้ม
แต่ฮันบินบอกไม่เป็นไรถึงยอมเว้นช่วงห่างให้เดินได้สะดวก
ในห้องที่ยังคงเงียบเหมือนเดิม ตอนนี้แทฮยอนถูกถอดเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องวัดเคลื่อนหัวใจแล้ว
เหลือแค่สายน้ำเกลือที่ยังคงเสียบอยู่ที่หลังมือ ข้างๆเตียงมีดอกกุหลาบสีขาวที่แทฮยอนชอบ
เขาชอบเหมือนกับแม่ ฮันบินมาเปลี่ยนใหทุกวันโดยฝากจินฮวานซื้อมาจากข้างนอก
“วันนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อวานนะ”
จุนฮเวพูดพรางเดินเข้าไปแล้วก้มลงมองใกล้ๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้สติแต่ผิวพรรณและหน้าตากลับสดชื่นเหมือนคนที่เพิ่งจะนอนหลับไปไม่นาน
ฮันบินเองก็รู้สึกแบบนั้นแต่มันทำให้เขารู้สึกดีมากกว่าที่จะสงสัย
“ผมขอไปหาพ่อกับแม่ก่อนนะ แล้วผมจะกลับมา”
ฮันบินบอกแล้วจับมือพี่ชายเอาไว้แน่น
บีบเบาๆให้อีกคนรับรู้ถึงสิ่งที่อยากบอก
ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครไปเปลี่ยนดอกไม้บนหลุมศพให้พ่อกับแม่เลย
ป่านนี้พวกเขาคงรอลูกชายทั้งสองคนอยู่แน่
จุนฮเวทำหน้าที่เป็นคนขับรถโดยมีจินฮวานนั่งอยู่ข้างๆ
และฮันบินนั่งอยู่เบาะหลัง เขากำลังเหม่อออกไปนอกรถที่กำลังผ่านทางที่คุ้นเคย
ถนนสายยาวคดเคี้ยวตามรูปเขา ค่อยๆแล่นผ่านจุดที่เกิดอุบัติเหตุ
ตอนนี้มันเหลือแค่ร่องรอยของรถที่ถไลไปกับพื้น
แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ความเจ็บตอนนั้นยังคงฝังอยู่ในใจ
จินฮวานมองเพื่อนที่นั่งเหม่ออย่างเป็นห่วง กลัวฮันบินจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่อีกคนกลับหันกลับมาแล้วยิ้มให้ ถึงทำให้อีกคนโล่งใจ
อย่างน้อยมันก็ไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรมากมาย
รถสีดำค่อยๆจอดที่ทางเข้าสุสาน ฮันบินเปิดประตูแล้วลงจากรถ ในมือถือดอกกุหลายสีขาวอย่างเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่
เหลือบมองเพื่อนและคนเด็กกว่าที่มองไปรอบๆพรางลูบแขนตัวเองเหมือนกำลังกลัว
“พวกนายรอที่รถนี่แหละ ฉันไปไม่นานหรอ”
“ไม่เป็นไรแน่นะ”
“อื้อ”
ในที่แบบนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากมาเท่าไหร่หรอก
จินฮวานมองตามหลังเพื่อนที่กำลังเดินเข้าไปในสุสาน
มันมีรั้วเหล็กเก่าๆที่ขึ้นสนิมล้อมเอาไว้
ประตูทางเข้าก็พังเสียจนแทบทรงตัวไม่อยู่
หญ้าสีเขียวขึ้นตามรั้วแถมยังได้กลิ่นชื้นอีก มันน่าขนลุกจนต้องขยับไปใกล้ๆคนเด็กกว่าที่ยืนพิงกับรถ
จุนฮเวมองคนตัวเล็กที่กำลังขยับเข้ามาหาจนแทบจะเบียดกัน
ถึงจะอายุมากกว่าแต่ถ้าวัดจากความสูงแล้วจุนฮเวชนะเห็นๆ
“กลัวเหรอ?”
ก้มลงแล้วถาม จินฮวานไม่ตอบแต่ยืนนิ่งๆอยู่ใกล้ๆ
จุนฮเวยกยิ้มออกมากับท่าทางที่เหมือนเด็กของคนรัก
“วิญญาณมักจะปรากฎให้คนที่เห็นกลัวนะ”
“อย่าพูดนะ!”
ตัวเล็กตวาดลั่นทำตาดุใส่ จุนฮเวหัวเราะที่แกล้งคนตัวเล็กได้สำเร็จก่อนจจะยกมือขึ้นโอบไหล่แล้วดึงเข้ามาหาตัว
“ถ้ากลัวก็อยู่ใกล้ๆผมไว้”
บรรยากาศแบบนี้ยังจะทำหน้าเจ้าเล่ห์อีก
จินฮวานมองด้วยสายตาดุแต่ไม่ได้พูดหรือตอบโต้ เพราะตอนนี้จุนฮเวคือทีพึ่งเดียวที่จะทำให้หายกลัวได้บ้าง
ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงลมเบาๆที่กำลังพัด
ฮันบินเดินเข้ามาจนถึงข้างในสุสานหยุดยืนที่หน้าหลุมศพ แต่มันทำให้เขาแปลกใจ
ดอกกุหลายสีขาวสดถูกวางไว้แทนที่เดิม
ใครมาเปลี่ยน?
นอกจากฮันบินกับแทฮยอนแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าพ่อแม่อยู่ที่นี่ แต่ทำไม...
ฮันบินย่อตัวลงหยิบดอกกุหลายสีขาวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ มองไปรอบๆเผื่อจะเจอคนที่เอามาเปลี่ยนให้
แต่นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกเลย
คนที่รู้ว่าแม่ชอบดอกกุหลาบสีขาวก็มีแค่ฮันบิน
“แปลก!”
ถึงจะสงสัยก็เถอะ แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมานั่งสงสัยว่าใครมาเป็นคนเปลี่ยนดอกกุหลาบ
เขามาที่นี่เพื่อมาบอกพ่อกับแม่ว่าทำไมถึงหายไป ดอกกุหลาบสีขาวถูกวางลงข้างๆกับที่วางอยู่ก่อนหน้า
มือเรียวลูบเบาๆที่ชื่อของพ่อกับแม่ที่สลักเอาไว้
“ขอโทษนะครับที่ผมหายไป”
เด็กหนุ่มบอกพวกเขา และมั่นใจว่าพวกเขาจะรับรู้
ถึงจะเป็นตอนกลางวันแต่อากาศก็เย็นพอที่จะทำให้รู้สึกหนาว มองไปรอบๆที่เงียบสงบ เขสเกือบจะได้มาอยู่ที่นี่
ที่ที่ไม่มีใครอยากเข้ามาเพราะทุกคนต่างก็กลัว
แต่สำหรับฮันบินมันกลับเป็นที่ที่อยากจะมามากที่สุด เพราะมันสามารถหนีจากความวุ่นวายภายนอกได้
จะให้อยู่ที่นี่ทั้งวันก็ไม่ขัด แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอก
นั่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าจินฮวานกับจุนฮเวรออยู่ถึงลุกขึ้นแล้วบอกลาพ่อกับแม่
เขายิ้มให้เหมือนเช่นทุกครั้งก่อนกลับ หันหลังให้หลุมศพแล้วเดินออกมา
แต่ทว่าใครคนนึงกำลังยืนรอเขาอยู่ ยืนอยู่ตรงนั้นมาตลอด ฮันบินชะงักเพราะความตกใจ
คนที่อยากเจอมาตลอดตั้งแต่วันนั้น
ผู้ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำ ดวงตาสีแดง เขากำลังยืนล้วงกระเป๋าแล้วจ้องเด็กหนุ่มที่กำลังอ่อนแออยู่แบบนั้น รอยยิ้มน่าขนลุกผุดขึ้นจนไม่กล้าขยับตัว เขายิ้มให้ฮันบินก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปที่ทางออก อีกคนจะได้สติเขาก็เดินไปไกลแล้ว
คราวนี้ไม่ใช้ภาพหลอน ไม่ใช่ความฝัน ไม่ได้ตาฝาด แต่เขาเห็นจริงๆ
มันคือความจริง!
“เดี๋ยว!”
ตะโกนเรียกแต่คนที่เดินอยู่ข้างหน้ากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน
เดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปเรื่อยๆ ฮันบินวิ่งตามหลังไปแต่เขากลับเดินเร็วจนแทบจะตามไม่ทัน
“เดี๋ยวก่อน!”
ตะโกนเรียกอีกครั้ง เขาเดินตรงไปที่ทางออกโดยไม่หันกลับมา
ยิ่งฮันบินวิ่งตามมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น เหมือนพยายามจะหนีแต่ในขณะเดียวกันก็ยังหยุดรอให้วิ่งตามออกมา
“คุณ...”
เด็กหนุ่มเรียกอีกครั้ง คราวนี้เขาหยุดเดินอยู่ใกล้ๆทางออก
ฮันบินหายใจหอบเพราะความเหนื่อย ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาแล้วยิ้มให้ มันยิ่งทำให้แปลกใจ เขาเจอผู้ชายคนนี้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวและมันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
บ่อยจนไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไร
“คุณเป็นใคร?”
ถามออกไปเพราะอยากรู้ แต่กลับได้มาเพียงความเงียบและรอยยิ้มชวนขนลุก มันยิ่งทำหงุดหงิด
“ผมถามว่าคุณเป็นใคร”
“...”
“ตอบมา!”
“พี่ฮันบิน!”
เสียงตะโกนของฮันบินมันดังพอที่จะทำให้คนที่รออยู่ข้างนอกได้ยิน เขาละสายตาจากผู้ชายท่าทางน่ากลัวคนนั้น
มองจุนฮเวที่กำลังรีบวิ่งเข้ามาเพราะได้เสียง
แล้วมองกลับไปที่เดิม...
แต่เขาหายไปแล้ว
ไม่จริงน่า เพียงละสายตานิดเดียว ไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ
“พี่มองอะไร?”
“เมื่อกี้นายเห็นใครยืนอยู่หรือเปล่า?”
“หะ!
ผมเห็นแค่พี่เนี่ย”
คำตอบนั้นยิ่งทำให้แปลกใจจนแทบอยากจะระเบิดมันออกมา
จุนฮเวมองไปรอบๆอีกครั้งพรางลูบแขนตัวเองเพราะความกลัวและมันทำให้เขาขนลุก
อยากจะออกไปจากที่นี่เต็มที
“ออกไปกันเถอะ ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆ”
ใช่มันแปลก แปลกมาก! ฮันบินพยักหน้าแล้วไม่ถามเรื่องนั้นต่อเพราะเห็นท่าคนเด็กกว่าที่กำลังจะเผ่นหนี
เดินตามจุนฮเวออกไปแต่ก็ไม่วายที่จะหันกลับมา
มันอะไรกัน!
“ถ้ามีอะไรก็โทรหาได้ตลอดเลยนะ”
“อื้อ ขอบใจนะ”
จินฮวานพยักหน้าแต่ก็อดห่วงไม่ได้ เขามองฮันบินอย่างเป็นกังวล
หลังจากกลับมาจากสุสานก็พาฮันบินกลับมาที่บ้าน เข้าไปเก็บของช่วยและทำความสะอาดนิดหน่อยเพราะไม่ได้กลับมาหลายวัน
ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่แค่มีฝุ่นจับนิดหน่อย ทำความสะอาดแปปเดียวก็เสร็จ
จินฮวานบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแทฮยอนจะออกจากโรงพยาบาล แต่อีกคนกลับปฏิเสธแล้วบอกว่าเกรงใจจุนฮเว
‘ผมมาอยู่ด้วยก็ได้นะ’
นั่นคือคำตอบของคนเด็กกว่า แต่ฮันบินยังเกรงใจอยู่ดี
อีกอย่างเขาไม่ใช่เด็กๆทีจะอยู่คนเดียวไม่ได้
สุดท้ายแล้วจินฮวานก็ยอมให้อยู่คนเดียว
แต่ก่อนจะกลับก็เช็คโทรศัพท์ในบ้านว่าใช้ได้ดีหรือเปล่า
ทั้งมือถืออีกเพราะกลัวจะติดต่อไม่ได้เผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตอนที่พวกเขากลับไป
มันทำให้ฮันบินซึ้งในน้ำใจและขอบคุณจนไม่รู้จะตอบแทนความใจดีของพวกเขายังไง
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พี่ฮันบินไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
จุนฮเวบอกเพราะเห็นหน้าจินฮวานที่กำลังกังวล
ถึงจะเด็กกว่าแต่จุนฮเวก็มีอะไรๆที่จินฮวานไม่มี อย่างเช่นจิตใจที่เข้มแข็งกว่า
พวกเขาขับรถออกมาไกลจากบ้านฮันบินแล้วแต่ก็ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ก็มันเป็นห่วงนี่นา”
“น่าน้อยใจจังนะ”
“หือ?”
จินฮวานหันไปมองพรางเลิกคิ้วเพราะสงสัยที่คนรักพูด
น้อยใจอะไรล่ะนั่น?
คนตัวโตยกมือข้างหนึ่งท้าวกับขอบกระจกรถอีกข้างจับพวงมาลัยแล้วลดความเร็วลง
แกล้งถอนหายใจแล้วมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังงอนคนตัวเล็ก
“ดูท่าจะห่วงเพื่อนมากกว่าแฟนเสียอีก”
“อย่ามางี่เง่านะ!”
จุนฮเวพยายามกลั้นหัวเราะที่เห็นจินฮวานปฏิเสธเสียงแข็งแถมยังทำหน้าตึงใส่อีก
ความจริงเขาไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก เข้าใจดีว่าคนอย่างจินฮวานรักเพื่อนมากแค่ไหน
แต่พอเห็นคนรักทำท่าเป็นกังวลแบบนั้นแล้วมันก็อดแกล้งไม่ได้เสียด้วย
“ก็มันจริงนี่นา ผมแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้ว”
“ไอ้เด็กนี่”
จินฮวานถอนหายใจออกมาแล้วมองเจ้าเด็กยักษ์ที่กำลังทำหน้าเศร้า บางทีเขาอาจจะเป็นห่วงฮันบินเกินไปจริงๆนั่นแหละ
ตั้งแต่ที่เพื่อนเข้าโรงพยาบาลก็แทบจะไม่มีเวลาให้จุนฮเวเลย
ถึงจะอยู่ด้วยกันตลอดก็จริงแต่ว่าส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ให้ทำโน่นทำนี่ตลอด
คนเด็กกว่ายังคงแกล้งทำหน้าเศร้า ไม่พูดไม่จา
แอบชำเลืองมองคนข้างๆที่กำลังนั่งก้มหน้าเพราะรู้สึกผิด ความจริงก็สงสารอยู่หรอก แต่แบบนี้มันทำให้จุนฮเวกำลังสนุก
“ขอโทษนะ”
“หือ?”
“ก็ที่ทำให้น้อยใจไง”
“อ่า...”
จุนฮเวแกล้งพยักหน้าแล้วขับรถต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้หันมามองมันยิ่งทำให้ตัวเล็กรู้สึกผิด
จินฮวานหันไปมองคนข้างๆแล้วจ้องอยู่แบบนั้น เอื้อมมือไปจับที่แขนเบาๆ
จุนฮเวหันมามองแต่แววตาของอีกคนกลับทำให้หัวใจเต้นแรงจนผิดจังหวะ
แววตาของคนที่กำลังรู้สึกผิดและพยายามขอโทษแต่ไม่รู้จะทำยังไง
จินฮวานขยับตัวเข้าไปแล้วแล้วจับแขนแน่นขึ้น แบบนั้นยิ่งทำให้สติแทบหลุด
“หายงอนนะ”
อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ!
เอี๊ยด!
“ทะ...ทำอะไรเนี่ย”
จุนฮเวเหยียบเบรกกระทันหันจนอีกคนหัวทิ่ม
หันมาตลวาดเสียงดังแต่คนตัวโตกลับนั่งจ้องหน้าแทน แววตาแบบนั้น...
“รู้อะไรมั้ย ตอนนี้ผมอยากจะจับพี่ปล้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“วะ...ว่าไงนะ!”
“กลับบ้านกันเถอะ”
!!
จินฮวานสะดุ้งเฮือก สีหน้าและแววตาแบบนั้นเขาทำมันจริงๆแน่
จุนฮเวยกยิ้มแล้วขับรถต่อแต่ความเร็วมันเพิ่มขึ้นเหมือนกับว่าอยากจะให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด
มะ...เมื่อกี้พูดเล่นใช่มั้ย
เด็กบ้า!
ถ้าในโลกของความฝันจะทำให้เรามีความสุข มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่เราอยากจะหลับโดยที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีก
ฮันบินนอนหลับสนิทใต้ผ้าห่มผืนหน้า
หลังจากเข้าไปทำความสะอาดห้องให้แทฮยอนเสร็จมันแปลกนิดหน่อยที่พี่ชายไม่อยู่
แต่อีกไม่นานเขาจะกลับมา ฮันบินเชื่อแบบนั้น
เสียงลมหายใจแผ่วของคนที่กำลังหลับบนเตียงนุ่มของตัวเอง
แต่ทว่ามีใครคนหนึ่งกำลังนั่งลงข้างๆเขา น้ำหนักตัวทำให้พื้นเตียงยุบลงนิดหน่อยแต่แค่นั้นก็ทำรู้สึกตัวแล้ว
ดวงตากลมค่อยๆลืมขึ้นในความมืด หลับตาลงช้าๆแล้วลืมขึ้นเพื่อให้มองได้ชัด
ได้ยินเสียงหายใจของอีกคนที่ไม่ใช่เขาอยู่ใกล้ๆ
ใกล้เหมือนกับว่าเขานั่งอยู่ข้างๆ
ฮันบินสะดุ้งเบิกตาโพรงหายใจแรงเพราะความกลัว รู้สึกเหมือนกำลังมีใครจ้องเขาอยู่ด้านหลัง
เสียงหายใจนั่นอยู่ใกล้เหมือนกับเขากำลังโน้มตัวเข้ามา
ค่อยๆหันไปมองพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นรัว
!!
“อะ....”
ไม่ทันจะได้ส่งเสียง มือหนาของคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆก็ยกขึ้นมาปิดปากเอาไว้
ดวงตาสีแดงคู่นั้นจำมันได้ดีและไม่เคยลืม ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว
แต่คราวมนี้เขาสัมผัสตัวได้มือข้างนั้นเย็นราวกับน้ำแข็ง
ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ ใกล้จนแทบจะชนกันยิ่งเห็นดววงตาคู่นั้นชัดเจน
มันแข็งกร้าว เย็นชา และน่ากลัว
ฮันบินดิ้นไปมาพยายามจะแกะมือของเขาออก แต่กลับกลายเป็นว่าแรงกดที่ปากยิ่งหนักมากขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
รอยยิ้มน่าขนลุกผุดขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้มันคือความฝันหรือความจริง?
“อย่ากลัว”
เสียงแหบทุ้มแบบนั่น
เด็กนอนแข็งทื่อเวลาที่ถูกมองด้วยสายตาที่เหมือนกำลังออกคำสั่งมันยิ่งทำให้ขัดขืนไม่ได้
“เด็กดี”
เขากระสิบเบาๆที่หู แต่มันยิ่งทำให้กลัว
‘ช่วยด้วย’
!!
ฮันบิ้นสะดุ้งเฮือก รู้สึกเจ็บที่คอเหมือนกับกำลังโดนกัด
“อื้อ!!”
ร้องเสียงอู้อี้แล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ
ปล่อยนะ!
!!
มะ...เมื่อกี้
ฮันบินสะดุ้งตื่น หายใจหอบราวกับไปวิ่งมาอย่างนั้น เหงื่อโชกจนเปียกไปทั้งตัว
เอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วมองไปรอบๆ ฝันอีกแล้วเหรอ?
ทำไมถึงฝันถึงผู้ชายคนนั้น ทำไม?
“โอ้ย...”
ร้องโอยออกมาเพราะรู้สึกเจ็บมือเรียวเล็กลูบเบาๆที่ต้นคอ
มันรู้สึกเจ็บแปลกๆเหมือนโดนอะไรกัดอย่างนั้นล่ะ หรือว่า...ฮันบินชะงักเมื่อนึกถึงความฝัน
ไม่จริง!
วิ่งลงจากเตียงตรงไปที่กระจก เอียงคอเพื่อให้เห็นชัดๆ
แต่มันทำให้ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น
“ไม่จริง!”
รอยฟันกัดที่คอ มันกำลังกลายเป็นสีแดงหน่อยๆ
ถึงจะไม่ได้เป็นแผลแต่มันก็เจ็บไม่น้อย
นี่มันอะไร? ความฝันที่เกิดขึ้นจริงๆนะเหรอ?
![นิยายแฟร์ 2024](https://image.dek-d.com/contentimg/2024/writer/assets/fair/07/reader_850x90.webp)
ความคิดเห็น