ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Paradise (No.7)

    ลำดับตอนที่ #3 : Who Are You ?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 173
      1
      26 มิ.ย. 59

    Dark Paradise (NO. 7)

    ‘Who Are You’

    ชีวิตที่เหลือของผม : ฮันบิน


     

    ฮันบินสะดุ้งเพราะเสียงของจินฮวานที่กำลังตะโกนเรียกแล้ววิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ หันไปมองเพื่อนที่กำลังพยุงตัวเองเพราะกลัวจะล้ม เสียงของจินฮวานทำให้เจ้าตัวละสายตาจากคนที่อยู่ข้างนอก แต่พอหันไปอีกทีเขาก็หายไปแล้ว


    แบบนี้อีกแล้ว!


    “ทำไมลุกไปแบบนี้ล่ะ”


    จินฉวานดุขณะที่กำลังพยุงฮันบินกลับมาที่รถเข็น สีหน้ากังวลจนอดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงห่วงขนาดนั้น


    “โทษที”


    “แล้วไปทำอะไรตรงนั้น”


    “เปล่าหรอก แค่อยากจะเห็นวิวข้างนอกน่ะ”


    โกหกข้างๆคูๆจนเพื่อนสนิทต้องถอนหายใจถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้จะพูดยังไง ขนาดตอนไม่เป็นอะไรก็ดื้อ ชอบทำอะไรที่คนอื่นห้ามตลอดเวลา


    ฮันบินมองไปที่ระเบียงอีกครั้ง


    เหมือนกับว่ายิ่งสงสัย ก็ยิ่งเพิ่มความอยากรู้และมันก็ยิ่งทำให้เห็นผู้ชายแปลกๆคนนั้นบ่อยขึ้น


    ทั้งในความฝันและความเป็นจริง ถึงตอนนี้ฮันบินแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอน แต่ใครบางคนกำลังอยู่ใกล้ๆเขาเหมือนเงาตามตัว




     

    .....

     




    “หมอบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว วันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”


    จินฮวานบอกพรางยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับคนป่วย เขาเบื่อโรงพยาบเต็มทนแล้ว จะมีก็แต่แทฮยอนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติเหมือนเดิม ทั้งๆที่หมอก็บอกว่าสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรมาก ร่างกายก็ตอบสนองดีทุกอย่าง แต่น่าแปลกที่แทฮยอนยังไม่ฟื้น


    “ผมเก็บของใช้หมดแล้วนะ”


    จุนฮเวเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาโดนจินฮวานสั่งให้ไปเก็บของใช้ของฮันบิน


    “ขอบใจ”


    “นายจะกลับบ้านเลยรึเปล่า?”


    “อื้อ แต่ขอไปหาพี่แทฮยอนก่อนนะ”


    เขาควรไปบอกแทฮยอนก่อน ความจริงอยากจะกลับพร้อมกันเลยด้วยซ้ำ


    ฮันบินเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปกติที่เพื่อนสนิทเตรียมมาให้ เดินออกมาจากห้องที่อยู่มาเกือบอาทิตย์ จุนฮเวถือของในมือเต็มไปหมด ส่วนจินฮวานเดินอยู่ข้างๆเพราะกลัวว่าเพื่อนจะล้ม แต่ฮันบินบอกไม่เป็นไรถึงยอมเว้นช่วงห่างให้เดินได้สะดวก


    ในห้องที่ยังคงเงียบเหมือนเดิม ตอนนี้แทฮยอนถูกถอดเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องวัดเคลื่อนหัวใจแล้ว เหลือแค่สายน้ำเกลือที่ยังคงเสียบอยู่ที่หลังมือ ข้างๆเตียงมีดอกกุหลาบสีขาวที่แทฮยอนชอบ เขาชอบเหมือนกับแม่ ฮันบินมาเปลี่ยนใหทุกวันโดยฝากจินฮวานซื้อมาจากข้างนอก


    “วันนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อวานนะ”


    จุนฮเวพูดพรางเดินเข้าไปแล้วก้มลงมองใกล้ๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้สติแต่ผิวพรรณและหน้าตากลับสดชื่นเหมือนคนที่เพิ่งจะนอนหลับไปไม่นาน ฮันบินเองก็รู้สึกแบบนั้นแต่มันทำให้เขารู้สึกดีมากกว่าที่จะสงสัย


    “ผมขอไปหาพ่อกับแม่ก่อนนะ แล้วผมจะกลับมา”


    ฮันบินบอกแล้วจับมือพี่ชายเอาไว้แน่น บีบเบาๆให้อีกคนรับรู้ถึงสิ่งที่อยากบอก


    ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครไปเปลี่ยนดอกไม้บนหลุมศพให้พ่อกับแม่เลย ป่านนี้พวกเขาคงรอลูกชายทั้งสองคนอยู่แน่





     

    จุนฮเวทำหน้าที่เป็นคนขับรถโดยมีจินฮวานนั่งอยู่ข้างๆ และฮันบินนั่งอยู่เบาะหลัง เขากำลังเหม่อออกไปนอกรถที่กำลังผ่านทางที่คุ้นเคย ถนนสายยาวคดเคี้ยวตามรูปเขา ค่อยๆแล่นผ่านจุดที่เกิดอุบัติเหตุ


    ตอนนี้มันเหลือแค่ร่องรอยของรถที่ถไลไปกับพื้น แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ความเจ็บตอนนั้นยังคงฝังอยู่ในใจ จินฮวานมองเพื่อนที่นั่งเหม่ออย่างเป็นห่วง กลัวฮันบินจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อีกคนกลับหันกลับมาแล้วยิ้มให้ ถึงทำให้อีกคนโล่งใจ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรมากมาย


    รถสีดำค่อยๆจอดที่ทางเข้าสุสาน ฮันบินเปิดประตูแล้วลงจากรถ ในมือถือดอกกุหลายสีขาวอย่างเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่ เหลือบมองเพื่อนและคนเด็กกว่าที่มองไปรอบๆพรางลูบแขนตัวเองเหมือนกำลังกลัว


    “พวกนายรอที่รถนี่แหละ ฉันไปไม่นานหรอ”


    “ไม่เป็นไรแน่นะ”


    “อื้อ”


    ในที่แบบนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากมาเท่าไหร่หรอก จินฮวานมองตามหลังเพื่อนที่กำลังเดินเข้าไปในสุสาน มันมีรั้วเหล็กเก่าๆที่ขึ้นสนิมล้อมเอาไว้ ประตูทางเข้าก็พังเสียจนแทบทรงตัวไม่อยู่ หญ้าสีเขียวขึ้นตามรั้วแถมยังได้กลิ่นชื้นอีก มันน่าขนลุกจนต้องขยับไปใกล้ๆคนเด็กกว่าที่ยืนพิงกับรถ


    จุนฮเวมองคนตัวเล็กที่กำลังขยับเข้ามาหาจนแทบจะเบียดกัน ถึงจะอายุมากกว่าแต่ถ้าวัดจากความสูงแล้วจุนฮเวชนะเห็นๆ


    “กลัวเหรอ?”


    ก้มลงแล้วถาม จินฮวานไม่ตอบแต่ยืนนิ่งๆอยู่ใกล้ๆ จุนฮเวยกยิ้มออกมากับท่าทางที่เหมือนเด็กของคนรัก


    “วิญญาณมักจะปรากฎให้คนที่เห็นกลัวนะ”


    “อย่าพูดนะ!


    ตัวเล็กตวาดลั่นทำตาดุใส่ จุนฮเวหัวเราะที่แกล้งคนตัวเล็กได้สำเร็จก่อนจจะยกมือขึ้นโอบไหล่แล้วดึงเข้ามาหาตัว


    “ถ้ากลัวก็อยู่ใกล้ๆผมไว้”


    บรรยากาศแบบนี้ยังจะทำหน้าเจ้าเล่ห์อีก จินฮวานมองด้วยสายตาดุแต่ไม่ได้พูดหรือตอบโต้ เพราะตอนนี้จุนฮเวคือทีพึ่งเดียวที่จะทำให้หายกลัวได้บ้าง





     

    ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงลมเบาๆที่กำลังพัด ฮันบินเดินเข้ามาจนถึงข้างในสุสานหยุดยืนที่หน้าหลุมศพ แต่มันทำให้เขาแปลกใจ ดอกกุหลายสีขาวสดถูกวางไว้แทนที่เดิม


    ใครมาเปลี่ยน?


    นอกจากฮันบินกับแทฮยอนแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าพ่อแม่อยู่ที่นี่ แต่ทำไม...


    ฮันบินย่อตัวลงหยิบดอกกุหลายสีขาวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ มองไปรอบๆเผื่อจะเจอคนที่เอามาเปลี่ยนให้ แต่นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกเลย คนที่รู้ว่าแม่ชอบดอกกุหลาบสีขาวก็มีแค่ฮันบิน


    “แปลก!


    ถึงจะสงสัยก็เถอะ แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมานั่งสงสัยว่าใครมาเป็นคนเปลี่ยนดอกกุหลาบ เขามาที่นี่เพื่อมาบอกพ่อกับแม่ว่าทำไมถึงหายไป ดอกกุหลาบสีขาวถูกวางลงข้างๆกับที่วางอยู่ก่อนหน้า มือเรียวลูบเบาๆที่ชื่อของพ่อกับแม่ที่สลักเอาไว้


    “ขอโทษนะครับที่ผมหายไป”


    เด็กหนุ่มบอกพวกเขา และมั่นใจว่าพวกเขาจะรับรู้ ถึงจะเป็นตอนกลางวันแต่อากาศก็เย็นพอที่จะทำให้รู้สึกหนาว มองไปรอบๆที่เงียบสงบ เขสเกือบจะได้มาอยู่ที่นี่ ที่ที่ไม่มีใครอยากเข้ามาเพราะทุกคนต่างก็กลัว แต่สำหรับฮันบินมันกลับเป็นที่ที่อยากจะมามากที่สุด เพราะมันสามารถหนีจากความวุ่นวายภายนอกได้ จะให้อยู่ที่นี่ทั้งวันก็ไม่ขัด แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอก


    นั่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าจินฮวานกับจุนฮเวรออยู่ถึงลุกขึ้นแล้วบอกลาพ่อกับแม่ เขายิ้มให้เหมือนเช่นทุกครั้งก่อนกลับ หันหลังให้หลุมศพแล้วเดินออกมา แต่ทว่าใครคนนึงกำลังยืนรอเขาอยู่ ยืนอยู่ตรงนั้นมาตลอด ฮันบินชะงักเพราะความตกใจ คนที่อยากเจอมาตลอดตั้งแต่วันนั้น


    ผู้ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำ ดวงตาสีแดง เขากำลังยืนล้วงกระเป๋าแล้วจ้องเด็กหนุ่มที่กำลังอ่อนแออยู่แบบนั้น รอยยิ้มน่าขนลุกผุดขึ้นจนไม่กล้าขยับตัว เขายิ้มให้ฮันบินก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปที่ทางออก อีกคนจะได้สติเขาก็เดินไปไกลแล้ว


    คราวนี้ไม่ใช้ภาพหลอน ไม่ใช่ความฝัน ไม่ได้ตาฝาด แต่เขาเห็นจริงๆ


    มันคือความจริง!


    “เดี๋ยว!


    ตะโกนเรียกแต่คนที่เดินอยู่ข้างหน้ากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน เดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปเรื่อยๆ ฮันบินวิ่งตามหลังไปแต่เขากลับเดินเร็วจนแทบจะตามไม่ทัน


    “เดี๋ยวก่อน!


    ตะโกนเรียกอีกครั้ง เขาเดินตรงไปที่ทางออกโดยไม่หันกลับมา ยิ่งฮันบินวิ่งตามมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น เหมือนพยายามจะหนีแต่ในขณะเดียวกันก็ยังหยุดรอให้วิ่งตามออกมา


    “คุณ...”


    เด็กหนุ่มเรียกอีกครั้ง คราวนี้เขาหยุดเดินอยู่ใกล้ๆทางออก ฮันบินหายใจหอบเพราะความเหนื่อย ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาแล้วยิ้มให้  มันยิ่งทำให้แปลกใจ  เขาเจอผู้ชายคนนี้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวและมันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ บ่อยจนไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไร


    “คุณเป็นใคร?”


    ถามออกไปเพราะอยากรู้ แต่กลับได้มาเพียงความเงียบและรอยยิ้มชวนขนลุก มันยิ่งทำหงุดหงิด


    “ผมถามว่าคุณเป็นใคร”


    “...”


    “ตอบมา!


    “พี่ฮันบิน!


    เสียงตะโกนของฮันบินมันดังพอที่จะทำให้คนที่รออยู่ข้างนอกได้ยิน เขาละสายตาจากผู้ชายท่าทางน่ากลัวคนนั้น มองจุนฮเวที่กำลังรีบวิ่งเข้ามาเพราะได้เสียง


    แล้วมองกลับไปที่เดิม...


    แต่เขาหายไปแล้ว


    ไม่จริงน่า เพียงละสายตานิดเดียว ไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ


     “พี่มองอะไร?”


    “เมื่อกี้นายเห็นใครยืนอยู่หรือเปล่า?”


    “หะ! ผมเห็นแค่พี่เนี่ย”


    คำตอบนั้นยิ่งทำให้แปลกใจจนแทบอยากจะระเบิดมันออกมา จุนฮเวมองไปรอบๆอีกครั้งพรางลูบแขนตัวเองเพราะความกลัวและมันทำให้เขาขนลุก อยากจะออกไปจากที่นี่เต็มที


    “ออกไปกันเถอะ ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆ”


    ใช่มันแปลก แปลกมาก! ฮันบินพยักหน้าแล้วไม่ถามเรื่องนั้นต่อเพราะเห็นท่าคนเด็กกว่าที่กำลังจะเผ่นหนี เดินตามจุนฮเวออกไปแต่ก็ไม่วายที่จะหันกลับมา


     มันอะไรกัน!





     

    “ถ้ามีอะไรก็โทรหาได้ตลอดเลยนะ”


    “อื้อ ขอบใจนะ”


    จินฮวานพยักหน้าแต่ก็อดห่วงไม่ได้ เขามองฮันบินอย่างเป็นกังวล หลังจากกลับมาจากสุสานก็พาฮันบินกลับมาที่บ้าน เข้าไปเก็บของช่วยและทำความสะอาดนิดหน่อยเพราะไม่ได้กลับมาหลายวัน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่แค่มีฝุ่นจับนิดหน่อย ทำความสะอาดแปปเดียวก็เสร็จ จินฮวานบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแทฮยอนจะออกจากโรงพยาบาล แต่อีกคนกลับปฏิเสธแล้วบอกว่าเกรงใจจุนฮเว


    ผมมาอยู่ด้วยก็ได้นะ


    นั่นคือคำตอบของคนเด็กกว่า แต่ฮันบินยังเกรงใจอยู่ดี อีกอย่างเขาไม่ใช่เด็กๆทีจะอยู่คนเดียวไม่ได้


    สุดท้ายแล้วจินฮวานก็ยอมให้อยู่คนเดียว แต่ก่อนจะกลับก็เช็คโทรศัพท์ในบ้านว่าใช้ได้ดีหรือเปล่า ทั้งมือถืออีกเพราะกลัวจะติดต่อไม่ได้เผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตอนที่พวกเขากลับไป


    มันทำให้ฮันบินซึ้งในน้ำใจและขอบคุณจนไม่รู้จะตอบแทนความใจดีของพวกเขายังไง


    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พี่ฮันบินไม่ใช่เด็กแล้วนะ”


    จุนฮเวบอกเพราะเห็นหน้าจินฮวานที่กำลังกังวล ถึงจะเด็กกว่าแต่จุนฮเวก็มีอะไรๆที่จินฮวานไม่มี อย่างเช่นจิตใจที่เข้มแข็งกว่า พวกเขาขับรถออกมาไกลจากบ้านฮันบินแล้วแต่ก็ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี


    “ก็มันเป็นห่วงนี่นา”


    “น่าน้อยใจจังนะ”


    “หือ?”


    จินฮวานหันไปมองพรางเลิกคิ้วเพราะสงสัยที่คนรักพูด


    น้อยใจอะไรล่ะนั่น?


    คนตัวโตยกมือข้างหนึ่งท้าวกับขอบกระจกรถอีกข้างจับพวงมาลัยแล้วลดความเร็วลง แกล้งถอนหายใจแล้วมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังงอนคนตัวเล็ก


    “ดูท่าจะห่วงเพื่อนมากกว่าแฟนเสียอีก”


    “อย่ามางี่เง่านะ!


    จุนฮเวพยายามกลั้นหัวเราะที่เห็นจินฮวานปฏิเสธเสียงแข็งแถมยังทำหน้าตึงใส่อีก ความจริงเขาไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก เข้าใจดีว่าคนอย่างจินฮวานรักเพื่อนมากแค่ไหน แต่พอเห็นคนรักทำท่าเป็นกังวลแบบนั้นแล้วมันก็อดแกล้งไม่ได้เสียด้วย


    “ก็มันจริงนี่นา ผมแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้ว”


    “ไอ้เด็กนี่”


    จินฮวานถอนหายใจออกมาแล้วมองเจ้าเด็กยักษ์ที่กำลังทำหน้าเศร้า บางทีเขาอาจจะเป็นห่วงฮันบินเกินไปจริงๆนั่นแหละ ตั้งแต่ที่เพื่อนเข้าโรงพยาบาลก็แทบจะไม่มีเวลาให้จุนฮเวเลย ถึงจะอยู่ด้วยกันตลอดก็จริงแต่ว่าส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ให้ทำโน่นทำนี่ตลอด


    คนเด็กกว่ายังคงแกล้งทำหน้าเศร้า ไม่พูดไม่จา แอบชำเลืองมองคนข้างๆที่กำลังนั่งก้มหน้าเพราะรู้สึกผิด ความจริงก็สงสารอยู่หรอก แต่แบบนี้มันทำให้จุนฮเวกำลังสนุก


    “ขอโทษนะ”


    “หือ?”


    “ก็ที่ทำให้น้อยใจไง”


    “อ่า...”


    จุนฮเวแกล้งพยักหน้าแล้วขับรถต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้หันมามองมันยิ่งทำให้ตัวเล็กรู้สึกผิด จินฮวานหันไปมองคนข้างๆแล้วจ้องอยู่แบบนั้น เอื้อมมือไปจับที่แขนเบาๆ จุนฮเวหันมามองแต่แววตาของอีกคนกลับทำให้หัวใจเต้นแรงจนผิดจังหวะ แววตาของคนที่กำลังรู้สึกผิดและพยายามขอโทษแต่ไม่รู้จะทำยังไง


    จินฮวานขยับตัวเข้าไปแล้วแล้วจับแขนแน่นขึ้น แบบนั้นยิ่งทำให้สติแทบหลุด


    “หายงอนนะ”


    อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ!


    เอี๊ยด!


    “ทะ...ทำอะไรเนี่ย”


    จุนฮเวเหยียบเบรกกระทันหันจนอีกคนหัวทิ่ม หันมาตลวาดเสียงดังแต่คนตัวโตกลับนั่งจ้องหน้าแทน แววตาแบบนั้น...


    “รู้อะไรมั้ย ตอนนี้ผมอยากจะจับพี่ปล้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”


    “วะ...ว่าไงนะ!


    “กลับบ้านกันเถอะ”


    !!


    จินฮวานสะดุ้งเฮือก สีหน้าและแววตาแบบนั้นเขาทำมันจริงๆแน่ จุนฮเวยกยิ้มแล้วขับรถต่อแต่ความเร็วมันเพิ่มขึ้นเหมือนกับว่าอยากจะให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด


    มะ...เมื่อกี้พูดเล่นใช่มั้ย


    เด็กบ้า!

     






    ถ้าในโลกของความฝันจะทำให้เรามีความสุข มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่เราอยากจะหลับโดยที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีก


    ฮันบินนอนหลับสนิทใต้ผ้าห่มผืนหน้า หลังจากเข้าไปทำความสะอาดห้องให้แทฮยอนเสร็จมันแปลกนิดหน่อยที่พี่ชายไม่อยู่ แต่อีกไม่นานเขาจะกลับมา ฮันบินเชื่อแบบนั้น


    เสียงลมหายใจแผ่วของคนที่กำลังหลับบนเตียงนุ่มของตัวเอง


    แต่ทว่ามีใครคนหนึ่งกำลังนั่งลงข้างๆเขา น้ำหนักตัวทำให้พื้นเตียงยุบลงนิดหน่อยแต่แค่นั้นก็ทำรู้สึกตัวแล้ว ดวงตากลมค่อยๆลืมขึ้นในความมืด หลับตาลงช้าๆแล้วลืมขึ้นเพื่อให้มองได้ชัด


    ได้ยินเสียงหายใจของอีกคนที่ไม่ใช่เขาอยู่ใกล้ๆ


    ใกล้เหมือนกับว่าเขานั่งอยู่ข้างๆ


    ฮันบินสะดุ้งเบิกตาโพรงหายใจแรงเพราะความกลัว รู้สึกเหมือนกำลังมีใครจ้องเขาอยู่ด้านหลัง เสียงหายใจนั่นอยู่ใกล้เหมือนกับเขากำลังโน้มตัวเข้ามา


    ค่อยๆหันไปมองพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นรัว


    !!


    “อะ....”


    ไม่ทันจะได้ส่งเสียง มือหนาของคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆก็ยกขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ดวงตาสีแดงคู่นั้นจำมันได้ดีและไม่เคยลืม ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว แต่คราวมนี้เขาสัมผัสตัวได้มือข้างนั้นเย็นราวกับน้ำแข็ง


    ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ ใกล้จนแทบจะชนกันยิ่งเห็นดววงตาคู่นั้นชัดเจน


    มันแข็งกร้าว เย็นชา และน่ากลัว


    ฮันบินดิ้นไปมาพยายามจะแกะมือของเขาออก แต่กลับกลายเป็นว่าแรงกดที่ปากยิ่งหนักมากขึ้นจนรู้สึกเจ็บ รอยยิ้มน่าขนลุกผุดขึ้นอีกครั้ง


    ตอนนี้มันคือความฝันหรือความจริง?


    “อย่ากลัว”


    เสียงแหบทุ้มแบบนั่น


    เด็กนอนแข็งทื่อเวลาที่ถูกมองด้วยสายตาที่เหมือนกำลังออกคำสั่งมันยิ่งทำให้ขัดขืนไม่ได้


    “เด็กดี”


    เขากระสิบเบาๆที่หู แต่มันยิ่งทำให้กลัว


    ช่วยด้วย


    !!


    ฮันบิ้นสะดุ้งเฮือก รู้สึกเจ็บที่คอเหมือนกับกำลังโดนกัด


    “อื้อ!!


    ร้องเสียงอู้อี้แล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ


    ปล่อยนะ!


    !!


    มะ...เมื่อกี้


    ฮันบินสะดุ้งตื่น หายใจหอบราวกับไปวิ่งมาอย่างนั้น เหงื่อโชกจนเปียกไปทั้งตัว เอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วมองไปรอบๆ ฝันอีกแล้วเหรอ?


    ทำไมถึงฝันถึงผู้ชายคนนั้น ทำไม?


    “โอ้ย...”


    ร้องโอยออกมาเพราะรู้สึกเจ็บมือเรียวเล็กลูบเบาๆที่ต้นคอ มันรู้สึกเจ็บแปลกๆเหมือนโดนอะไรกัดอย่างนั้นล่ะ หรือว่า...ฮันบินชะงักเมื่อนึกถึงความฝัน


    ไม่จริง!


    วิ่งลงจากเตียงตรงไปที่กระจก เอียงคอเพื่อให้เห็นชัดๆ แต่มันทำให้ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น


    “ไม่จริง!


    รอยฟันกัดที่คอ มันกำลังกลายเป็นสีแดงหน่อยๆ ถึงจะไม่ได้เป็นแผลแต่มันก็เจ็บไม่น้อย


    นี่มันอะไร? ความฝันที่เกิดขึ้นจริงๆนะเหรอ?




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×