ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Paradise (No.7)

    ลำดับตอนที่ #2 : Dreams

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 216
      0
      26 มิ.ย. 59

    Dark Paradise (NO. 7)

    ‘Dream

    ผมได้เจอใครคนนึง ในความฝัน : ฮันบิน


     

    ชีวิตหลังความตายมันว่างเปล่าขนาดนี้เลยเหรอ



    ฮันบินเดินไปเรื่อยๆในที่ที่มีแค่เพียงทางเดินโล่งๆ มันขาวโพลนไปหมดจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เขาจำได้ว่าเกิดอุบัติเหตุตอนกำลังจะกลับบ้านกับแทฮยอน หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย



    มองไปรอบๆที่มีหมอกสีขาว อากาศเย็นสบายเหมือนกับกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆนุ่มๆ ฮันบินก้มมองตัวเอง เขาสวมชุดสีขาวขาวสะอาด แล้วเดินไปโดยไม่รู้จุดหมาย ไม่มีทางเลี้ยว ไม่มีสิ่งรอบกาย เดินไปจนถึงจุดจุดหนึ่ง



    ผู้หญิงผมสีน้ำตาลยาวในชุดกระโปรงสีขาวกำลังยืนหันหลังให้ แต่ท่าทางแบบนั้นมันคุ้นตาจนน่าตกใจ



    “แม่”



    ฮันบินเรียกเบาๆ เธอค่อยๆหันมาพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน



    ตึก ตึก!



    อะ...ฮันบินสะดุ้งที่จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเดินเข้ามามองไปรอบๆแต่มันก็ยังมีแค่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม หันกลับมาอีกครั้งผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว



    “แม่ครับ!



    เด็กหนุ่มตะโกนเรียกแล้วหมุนไปรอบๆ แต่เธอหายไปแล้วจริงๆ



    ตึก ตึก !



    เสียงเดินนั่นยังคงดังอยู่และดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังเข้ามาใกล้



    เสียงเดินเมื่อกี้...จริงสิ จำได้ว่าก่อนที่จะหมดสติไป เขาได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหา คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับร่มในมือ



    พ่อใช่มั้ย?



    มองไปรอบๆอีกครั้งเพราะความหวังว่าเสียงฝีเท้านั้นคือพ่อของตัวเอง ฮันบินภาวนามาตลอดว่าอยากเจอเขาแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในภพเดียวกันแล้ว



    “กลับไปซะ”



    !!



    เสียงเมื่อกี้ เด็กหนุ่มหันหลังไปมองเสียงของใครบางคนที่กำลังบอกเขา ไม่ใช่เสียงของพ่อแต่เป็นเสียงแหบทุ้มของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา แต่ว่า...ทำไมแสงจากข้างหลังของผู้ชายคนนั้นมันสว่างขนาดนี้



    ฮันบินยกมือขึ้นบังแสงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคนๆนั้นเดินเข้ามามันก็ยิ่งสว่างจนแทบมองไม่เห็นอะไร เขาเห็นแค่เงาของคนที่เดินเข้ามา



    “ยังไม่ถึงเวลา”



    ใคร? เขาเป็นใคร








     

    “ฮันบิน ฮันบิน”



    เสียงของใครบางคนกำลังเรียกเขา คนเมื่อกี้เหรอ...



    “ฮันบิน”



    ไม่ใช่! เสียงนั้นคุ้นเหมือนเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น เพดานสีขาวตรงหน้ามันดูคล้ายๆกับที่ไหนสักแห่งที่รู้จัก



    “เฮ้!



    คนข้างๆที่กำลังพยายามเรียกเขาตั้งแต่เมื่อกี้ ฮันบินหันไปมองกระพริบถี่ๆเพื่อให้มองชัดขึ้น ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวกำลังยืนเขย่าแขนเขาตั้งแต่เมื่อกี้



    “จินฮวาน!



    “เฮ้อ...โล่งอกนึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว”



    จินฮวานถอนหายใจออกมาที่เห็นท่าทางของเพื่อนดีขึ้น ฮันบินขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบๆเขาเห็นจุนฮเวนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้านหลังของเพื่อน พวกเขาเป็นแฟนกัน



    จินฮวานเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัย พวกเขาสนิทกันมาก แต่ไม่ว่าจินฮวานจะไปที่ไหน จุนฮเวก็จะเป็นเงามตามตัวไปทุกที



    “ฉันมาที่นี่ได้ยังไง”



    “พยาบาลที่ดูแลบอกว่า มีคนโทรมาแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ แต่น่าแปลกที่พอไปถึงก็เจอแค่นายกับพี่แทฮยนแล้วก็เจ้าของรถที่ขับมาชน”



    จินฮวานเล่าตามที่รู้ เขามาที่นี่เพราะโรงพยาบาลโทรไปบอกจากเบอร์ล่าสุดที่ฮันบินโทรออก ทันทีที่รู้ก็รีบมาดู



    ฮันบินนอนนิ่งแล้วพยายามนึกเหตุการณ์ตอนนั้น เขาจำได้ว่าตอนที่ทุกอย่างหยุดลงก็พยายามจะพาตัวเองออกมาแต่มันเจ็บ เจ็บจนขยับไม่ได้ แล้วตอนนั้นก็มีคนเดินเข้ามาหา เขายืนมองคนที่นอนหายใจแผ่วจากนั้นทุกอย่างก็มืดไปหมด  



    คนๆนั้น!



    “นายหลับไปตั้งหลายวันแหนะรู้มั้ย?”



    “แล้วพี่แทฮยอนล่ะ”



    ฮันบินหันไปถาม จินฮวานถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียง เขาจับมือฮันบินแล้วบีบเบาๆเป็นการปลอบ แต่มันยิ่งทำให้หัวใจหักวูบจนแทบไม่มีแรง



    “ตอนนี้ยังไม่ออกจากห้องไอซียู หมอบอกว่าต้องรอดูอาการอีกสักพัก”



    สภาพของแทฮยอนที่ฮันบินเห็นตอนนั้น มันทำให้ฮันบินกลัว กลัวว่าจะต้องอยู่คนเดียว จินฮวานมองหน้าเพื่อนที่กำลังหวาดกลัวแล้วบีบมืออีกครั้ง แค่ต้องเสียพ่อกับแม่ไปก็แย่พอแล้วนี่พี่ชายคนเดียวก็ยังมาเจ็บหนักแบบนี้ เป็นใครก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา



    “ผมนึกว่าพี่จะไม่รอดด้วยซ้ำ”



    จุนฮเวที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเงียบๆมาตลอดพูดขึ้น แล้วลุกขึ้นมายืนเกาะไหล่จินฮวาน คนโตกว่าเหลือบไปมองแล้วขมวดคิ้ว



    “ทำไม?”



    “ก็พยาบาลเขาบอกว่าสภาพของพวกพี่ไม่น่ารอด ยิ่งเห็นซากรถที่ไม่เหลือชิ้นดีนั่นนะ ผมว่าโคตรปาฏิหารย์เลยที่พี่ฟื้นขึ้นมาได้ แถมยังไม่เป็นอะไรเลย”



    จุนฮเวพูดพรางทำหน้าตาจริงจัง จินฮวานพยักหน้าตามที่คนรักพูด



    แต่มันก็น่าแปลกจริงๆ ตอนนั้นรู้แค่ว่ามันเจ็บ เจ็บมาก เจ็บจนชาไปทั้งตัว แถมยังเห็นเลือดตัวเองไหลออกมาไม่หยุดด้วย แต่ทำไมพอตื่นขึ้นมากลับกลายเป็นว่าร่างกายปกติดีทุกอย่าง ขาไมหัก แขนไม่หัก มีแค่รอยแผลถลอกกับแผลที่ถูกกระจกบาดตามตัวแค่นั้นเอง มันน่าแปลก แปลกเกินไป!



    แล้วแทฮยอนล่ะเขาเป็นยังไง?






     

    ฮันบินนั่งอยู่บนรถเข็นเขานั่งมองพี่ชายผ่านกระจกของห้องไอซียู เพราะห้ามคนอื่นเข้า ฮันบินทำได้แค่มองอยู่ข้างนอก สายระโยงระยางตามตัวมันทำให้หัวใจวูบลงแทบจะเต้นไม่ไหว จินฮวานยืนมองอยู่ข้างๆเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน



    “ไม่เป็นไรหรอกนะ”



    ตอนนี้ทำได้แค่ปลอบให้เพื่อนให้รู้สึกดี เด็กหนุ่ทพยักหน้าเบาๆทำให้เห็นว่าตัวเองเข้มแข็งแต่ในใจกลับหวาดกลัว



    ถ้าตอนนั้นตายไป คงไม่ต้องรับรู้ความรู้สึกนี้



    “กลับกันดีกว่า”



    จินฮวานบอกแล้วหันไปพยักหน้าให้จุนฮเว เขาทำหน้าที่เป็นคนพาฮันบินมาที่นี่



    ฮันบินมองพี่ชายที่นอนนิ่งอีกครั้ง ถ้าเป็นไปได้คนที่ควรจะนอนอยู่ตรงนั้นน่าจะเป็นเขามากกว่า แทฮยอนต้องทำทุกอย่าง ทั้งเรื่องค่าเล่าเรียนค่าเลี้ยงดู แถมยังต้องดูแลฮันบินตอนอยู่บ้านอีก รู้ว่าพี่ชายเหนื่อยแค่ไหนและอยากจะช่วยแบ่งเบาทุกอย่าง แต่แทฮยอนกลับบอกว่าไม่เป็นไร เขาไม่อยากให้ฮันบินเหนื่อยตามที่พ่อกับแม่เคยบอก



    เป็นพี่ต้องดูแลน้อง



    แทฮยอนทำหน้าที่นั้นได้ดีมาตลอด จนถึงตอนนี้



    พวกเขาเดินกลับไปที่ห้อง ฮันบินนั่งมองไปข้างหน้าเหมือนคนไม่มีสติ เขากำลังเหม่อลอยออกไปแล้วก็เป็นห่วงแทฮยอน แต่ว่าสายตาที่มองไปข้างนอกกลับเห็นใครบางคนกำลังยืนอยู่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล เขากำลังยืนมองจากตรงนั้น แต่เห็นแค่ครึ่งเซี้ยวของหน้ากับดวงตาสีแดง



    “เดี๋ยวก่อน!



    ฮันบินบอกแล้วพยายามมองไปข้างหน้า จุนฮเวหยุดตามที่บอกแล้วมองหน้าจินฮวานที่ยืนอยู่ข้างๆ



    “มีอะไรเหรอ?”



    จินฮวานถามแล้วมองตาม แต่เขาไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า ฮันบินมองไปที่เดิมอีกครั้งตรงมุมเล็กๆที่จะเลี้ยวไปตรงบันได แต่ตอนนี้เขาหายไปแล้ว



    “ฉันเห็น...ไม่มีอะไร”



    ถึงจะบอกไปว่าเห็นใครกำลังยืนอยู่ตรงนั้น จินฮวานก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรแน่ จุนฮเวยักไหล่กับแล้วพาคนไข้กลับไปที่ห้อง



    แต่ตลอดทางที่กลับมาฮันบินเอาแต่คิดถึงคนที่ยืนมองเขาอยู่ ผู้ชายตัวสูงสวมชุดสุทสีดำ ท่าทางและรูปร่างของเขามันเหมือนกับคนที่ฮันบินเห็นตอนนั้นแล้วก็เหมือนคนในความฝัน ถึงจะไม่เห็นชัดแต่แค่แวบเดียวมันก็ทำให้จำได้



    มันเหมือน...เหมือนมาก



    หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ภาพหลอน



    “พวกนายกลับไปพักผ่อนก็ได้นะ”



    ฮันบินบอกขณะที่จุนฮเวกำลังพยุงเขาขึ้นเตียง จินฮวานมองหน้าเพื่อนอย่างเป็นห่วง เขาไม่อยากจะปล่อยฮันบินไว้คนเดียว



    “ฉันไม่เป็นไรแล้ว”



    ถึงจะพูดอย่างนั้นเถอะ จินฮวานกำลังจะอ้าปากพูดแต่ถูกจุนฮเวจับมือเอาไว้แล้วส่ายหัวเป็นเชิงห้าม บางทีฮันบินอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้



    “โทรหาได้ตลอดเลยนะ”



    “อื้อ”



    เด็กหนุ่มยิ้มให้กับทั้งคู่ เขาอยากจะอยู่คนเดียวจริงๆนั้นแหละ อยากจะเข้มแข็งด้วยตัวเองโดยไม่มีใครมาคอยปลอบ ดีใจที่จินฮวานคอยห่วงและดูแล แต่มันก็เป็นแบบนั้นตลอดไปไม่ได้ จินฮวานเองก็มีจุนฮเวอยู่ด้วยถ้าหากเขามัวแต่เอาเวลามาห่วงเพื่อนจนลืมใส่ใจคนรักพวกเขาอาจจะมีปัญหากันก็ได้



    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฮันบินถึงอยากจะเข้มแข็งด้วยตัวเอง



    มันเหมือนกับเข็มนาฬิกาที่เดินวนไปเรื่อยๆ มันไม่มีวันเดินกลับหลัง ชีวิตคนเราเองก็เช่นกัน ต้องก้าวไปข้างหน้าถ้ามัวแต่จมอยู่กับความอ่อนแอของตัวเอง บางทีเขาอาจจะตายไปโดยที่ไม่มีค่าอะไรเลยก็ได้



    ชีวิตน่ะ...มันสั้นนะ



    ฮันบินยังคงนอนอยู่บนเตียง ตั้งแต่จินฮวานกับจุนฮเวกลับไป เอาแต่คิดทบทวนเรื่องทั้งหมดที่ผ่านม่ คนเราเมื่อถึงเวลาใกล้จะตายมันจะคิดแบบนี้กันทุกคนเลยเหรอ



    มันเหมือนกับฝันร้ายที่ผ่านเข้ามาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไป ฮันบินหลับตาลงเมื่อคิดถึงพ่อกับแม่ อดีตครั้งหลังยังคงติดอยู่ในหัวต่อให้พยายามสะบัดออกแค่ไหนก็ไม่เป็นผล ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนกับกำลังตอกย้ำตัวเองให้รู้ว่าชีวิตต่อจากนี้เขาจะต้องอยู่คนเดียว แทฮยอนที่ยังไม่พ้นขีดอันตรายก็กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อให้ตัวเองฟื้นขึ้นมาอยู่เคียงข้างน้องชาย เขาคงกำลังพยายามอย่างหนัก



    ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่คิดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนเผลอหลับ ในห้องมืดๆสีเหลี่ยมที่มีเพียงแค่เสียงลงหายใจแผ่วๆของคนในห้อง ฮันบินหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อย



    ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดคือช่วงที่อยู่ในห้วงนิทรา เพราะมันมีแค่ความว่างเปล่าไม่ต้องคิดอะไร



    แต่ในความเงียบมันทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน



    ตึก!



    เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะเหมือนได้ยินเสียงของใครบางคนเดินเข้ามา เขาลืมตาในความมืดแล้วมองไปรอบๆ



    !!



    แต่มันยิ่งทำให้ตกใจ ผู้ชายร่างสูงกำลังยืนมองเขาอยู่ข้างเตียง ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ท่าทางนิ่งๆ แต่ดวงตากลับเป็นสีแดงน่ากลัว เขากำลังจ้องฮันบินอยู่ใกล้ๆในความมืด แววตาคู่นั้นมันคล้ายกับคนที่ฮันบินเจอเมื่อตอนกลางวัน



    “คะ...คุณเป็นใคร”



    “ไม่ต้องกลัว”



    เสียงแหบทุ้มเหมือนเคยได้ยิน ฮันบินกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วจ้องเขาอยู่แบบนั้น พยายาจะขยับตัวแต่ทำไม่ได้ ราวกับว่ามีอะไรมากดตัวเอาไว้กับเตียง ทำได้แค่นอนแน่นิ่ง



    มือหนากำลังเอื้อมมาใกล้ ฮันบินตัวสั่นเพราะความกลัว ยิ่งมันเข้ามาใกล้หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจนเสียงดังหนวกหู หลับตาลงเพราะความกลัว แต่ทว่า...



    “ยังไม่ถึงเวลา”



    “เอ๊ะ...”



    แววตาหวาดกลัวค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่แผ่วเบาตรงหน้าผาก มือหนาของผู้ชายคนนั้นกำลังแตะที่หน้าผากของเขาแต่มันเย็นราวกับมีน้ำแข็งมาวางไว้



    “แต่อีกไม่นาน!



    !!



    ฮันบินสะดุ้งลืมตาขึ้นในความมืดอีกครั้ง เหงือเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามตัวและหน้าจนเปียกโชกไปหมด มองไปรอบๆที่มีแต่ความว่างเปล่า หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะมันเสียงดังจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงอื่น



    เขาหายไปแล้ว! ไม่สิ...



    “ฝันเหรอ?”



    ถ้าเป็นฝัน คงเป็นฝันที่แปลกและเหมือนจริง ทั้งสัมผัส น้ำเสียง และแววตา ราวกับว่าเขาเพิ่งจะมายืนอยู่ข้างๆเมื่อกี้ เสียงแหบทุ้มมันคล้ายกับเสียงที่ได้ยินในความฝันตอนนั้น



    นัยน์ตาคู่นั้นก็เช่นกัน


     





    ในห้องไอซียูได้ยินแค่เสียงคลื่นหัวใจกำลังทำงานอยู่



    แทฮยอนยังคงนอนนิ่งอยู่แบบนั้น เสียงหายใจแผ่วน่าหดหู่เมื่อได้ยิน  ใครคนนึงกำลังยืนมองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวด ผิวกายที่ตอนนี้ช้ำไปทั้งตัว แก้มนวลมีรอยแดงเพราะแรงกระแทกยิ่งบีบหัวใจจนแทบจะแหลกสลาย



    เขายืนมองอยู่แบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปใกล้แตะเบาๆที่นิ้วเรียวก่อนจะประสานเข้าหากัน โน้มตัวลงไปใกล้แล้วจุมพิตเบาๆที่หน้าผาก มืออีกข้างลูบเบาๆที่ผมสีดำนุ่ม



    “ตื่นเถอะ ที่รัก”



    เสียงทุ้มกระซิบเบาๆแล้วจุมพิตอีกครั้งที่เดิม กุมมืออีกข้างแน่นเพื่อปลุกให้คนที่กำลังหลับตื่น นิ้วเรียวกระตุกเบาๆเหมือนจะตอบว่าได้ยินที่พูด



    รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกคนที่กำลังมองเขาอยู่ แทฮยอนหายใจแรงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาตอบสนองแล้ว



    “ผมจะอยู่ข้างๆคุณ”



    เสียงกระซิบแผ่วเบาและอ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเหมือนคำสัญญา



    แต่คนที่ยังคงหลับกลับทำได้แค่ตอบรับเพียงเล็กน้อย แล้วหายเข้าไปในภวังค์คงเดิม





     

    .....

     




    ยังไม่ถึงเวลา



    แต่อีกไม่นาน



    เพราะความฝันนั่นทำให้คนป่วยหลับไม่ลง นอนทบทวนคำพูดปริศนาซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกำลังจะตอกย้ำอะไรบางอย่าง ฮันบินเอนหลังพิงกับเตียงแล้วนั่งคิดอยู่แบบนั้น



    “หมายถึงอะไร...”



    “ตื่นแล้วเหรอ?”



    เสียงจินฮวานดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ฉุดความคิดของฮันบินให้หลุดออกไปจากหัว หันไปมองเพื่อนที่เดินเข้ามาโดยมีจุนฮเวเดินตามหลัง ในมือถือถุงเต็มไปหมด จินฮวานฉีกยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้



    “ซื้ออะไรมา ?”



    “ก็ผลไม้กับของกินที่นายชอบ”



    “ผมบอกให้ซื้อแค่ผลไม้ก็ไม่เชื่อ”



    จุนฮเวบ่นอุบพรางทำหน้าไม่สบอารมณ์เพราะถูกใช้ให้หิ้วของทั้งสองมือ คนรักที่ตัวเล็กกว่า (มาก) หันไปทำหน้าดุใส่คนตัวโตถึงยอมเลิกบ่นแล้วเอาของไปเก็บเงียบๆ



    “เป็นยังไงบ้าง?”



    “ดีขึ้นแล้ว”



    “เมื่อกี้ฉันแวะไปดูพี่แทฮยอน หมอบอกว่าออกจากห้องไอซียูได้แล้วนะ”



    “จริงเหรอ?”



    ฮันบินตาลุกวาวที่ได้ยินแบบนั้น มันเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับเขา จนยิ้มออกมาเพราะความดีใจลืมเรื่องความฝันแปลกๆไปชั่วขณะ



    “อยากไปเยี่ยมมั้ยล่ะ”



    ไม่ต้องถามก็จะขอให้พาไปอยู่แล้ว เด็กหนุ่ทพยักหน้าทำท่าจะลุกจากเตียงลำบากเพื่อนสนิมต้องรีบเข้าไปพยุงแล้วเร่งจุนฮเวที่มัวแต่หยิบผลไม้จากถุงมากินให้เข้ามาช่วย คนเด็กกว่าทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยแต่ก็ยอมมาช่วยแต่โดยดี



    ตอนนี้ฮันบินอยากเจอแทฮยอนจนแทบจะทนไม่ไหว มีหลายเรื่องที่เขาอยากจะถามและคุยกับพี่ชายถึงเขาจะยังไม่ฟื้นก็เถอะ



    จินฮวานกับจุนฮเวพาเขามาที่ห้องของแทฮยอน มันอยู่ไม่ไกลนัก ฮันบินพยายามที่จะเดินมาด้วยตัวเองแต่เพื่อนสนิทไม่ยอมแถมยังบอกให้จุนฮเวจับเขามานั่งที่รถเข็นอีก



    ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่ามีเพื่อนสนิทหรือมีแม่บุญธรรม



    ในห้องสีขาวคล้ายกับห้องของตัวเอง เสียงเครื่องวัดการเต้นของหัวใจดังก้อง จุนฮเวกำลังพาเขาเข้าไปในห้องโดยมีจินฮวานเดินอยู่ข้าง



    พี่ชายที่แสนดีกำลังหลับอยู่บนเตียง ตอนนี้ไม่มีสายระโยงระยางเหมือนเมื่อวานแล้ว มีแค่สายออกซิเจนกับสายเล็กๆอีกไม่กี่สาย ตามตัวมีรอยถลอกและรอยแผล จินฮวานเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างเข้ามาแล้วมองฮันบินที่ทำสีหน้าเจ็บปวดเวลาที่มองพี่ชาย



    แต่มันก็น่าแปลกใจที่แทฮยอนดูดีกว่าเมื่อวานมมาก ใบหน้ามีเลือดฝาดขึ้นมาแล้วต่างจากตอนแรก ทั้งๆที่ไม่น่าจะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสามารถออกมาอยู่ห้องธรรมดาได้เพียงแค่ไม่กี่วัน



    แต่เรื่องนั้นฮันบินไม่สนอยู่แล้ว ขอแค่แทฮยอนฟื้นก็พอ



    “ออกไปกันเถอะ”



    จุนฮเวเดินเข้าไปกระซิบ ถึงจะชอบทำท่าหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาแต่เขาเป็นคนที่อ่านสถานการณ์ออก



    “อื้อ”



    พวกเขาออกไปแล้ว จินฮวานรู้ว่ามีหลายอย่างที่ฮันบินกำลังคิดอยู่แต่เขาแค่ไม่อยากจะพูดออกมา



     ภายในห้องที่ตอนนี้มีแค่สองคนพี่น้อง ฮันบินเอื้อมมือไปจับกับมือข้างหนึ่งของพี่ชายแล้วกุมเอาไว้แน่น น้ำตาใสๆค่อยๆคลอออกมาทั้งสองข้างอย่างห้ามไม่ได้



    “พี่ครับ”



    เสียงแหบพร่าและเบาจนแทบไม่ได้ยิน เสียงสะเอื้อนไห้เพราะความกลัวกำลังดังขึ้นแทน ฮันบินฟุบลงกับมือของแทฮยอนและกุมเอาไว้แบบนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง



    “อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว”



    น้ำเสียงสั่นเครือมันช่างเจ็บปวด แทฮยอนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงแต่น้ำใสๆกำลังไหลออกมาจากตาที่ยังคงปิดสนิททั้งสองข้าง ในห้วงนิทราที่ว่างเปล่าเขาได้ยินเสียงฮันบินชัดเจนเพียงแต่ยังออกมาปลอบไม่ได้



    “ผมกลัว”



    กุมมือพี่ชายเอาไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาราวกับด็กน้อย ฮันบินสงสัยมาตลอดว่าทำไมแทฮยอนถึงเข้มแข็ง ทำไมถึงทำเป็นแข็งแกร่งเวลาที่อยู่ด้วยกัน ทั้งๆที่เขาสามารถอ่อนแอได้



    คนเดียวที่กล้าร้องไห้ กล้าแสดงด้านที่อ่อนแอให้เห็นคือ พี่ชายคนนี้



    เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาทั้งสองช้าง แต่จังหวะนั้นที่มองออกไปข้างนอกตรงระเบียง



    !!



    อีกแล้ว ใครบางคนกำลังยืนมองเขาผ่านกระจกกั้น



    คนๆนั้นอีกแล้ว



    คราวนี้ไม่ใช่ความฝัน เขากำลังยืนมองอยู่จริงๆถึงจะเห็นแค่ครึ่งหน้าแต่ดวงตาสีแดงคู่นั้นฮันบินจำมันได้ เด็กหนุ่มค่อยๆดันตัวเองให้ลุกจากรถเข็น ตอนนี้เขาไม่เจ็บมากพอจะเดินไหว พยุงตัวเองในชุดโรงพยาบาลแล้วเดินไปที่ระเบียงช้าๆ ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขากำลังยกยิ้มพอใจกับอะไรบางอย่าง



    เขาเป็นใคร



    ฮันบินเดินเข้าไปช้าๆ หัวใจกำลังเต้นแรงหนวกหูแข่งกับเสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจในห้อง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ยิ่งเห็นดวงตาคู่นั้นชัดเจน มันน่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน



    เงาสะท้อนตัวเองในกระจกมันทำให้เห็นร่างกายที่อ่อนเพลีย ฮันบินเห็นร่างของตัวที่อีกฝั่งเป็นใครอีกคน ดวงตาคู่นั้นจ้องเขาเหมือนกำลังบอกให้อีกคนย้อนดูตัวเอง



    อะไร...ความรู้สึกแบบนี้



    ความกลัวเหรอ?



    “ฮันบิน”



    !!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×