คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Dreams
Dark Paradise
(NO. 7)
‘Dream’
ผมได้เจอใครคนนึง
ในความฝัน : ฮันบิน
ชีวิตหลังความตายมันว่างเปล่าขนาดนี้เลยเหรอ
ฮันบินเดินไปเรื่อยๆในที่ที่มีแค่เพียงทางเดินโล่งๆ
มันขาวโพลนไปหมดจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เขาจำได้ว่าเกิดอุบัติเหตุตอนกำลังจะกลับบ้านกับแทฮยอน
หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
มองไปรอบๆที่มีหมอกสีขาว
อากาศเย็นสบายเหมือนกับกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆนุ่มๆ ฮันบินก้มมองตัวเอง เขาสวมชุดสีขาวขาวสะอาด
แล้วเดินไปโดยไม่รู้จุดหมาย ไม่มีทางเลี้ยว ไม่มีสิ่งรอบกาย เดินไปจนถึงจุดจุดหนึ่ง
ผู้หญิงผมสีน้ำตาลยาวในชุดกระโปรงสีขาวกำลังยืนหันหลังให้
แต่ท่าทางแบบนั้นมันคุ้นตาจนน่าตกใจ
“แม่”
ฮันบินเรียกเบาๆ เธอค่อยๆหันมาพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน
ตึก ตึก!
อะ...ฮันบินสะดุ้งที่จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเดินเข้ามามองไปรอบๆแต่มันก็ยังมีแค่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม
หันกลับมาอีกครั้งผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว
“แม่ครับ!”
เด็กหนุ่มตะโกนเรียกแล้วหมุนไปรอบๆ แต่เธอหายไปแล้วจริงๆ
ตึก ตึก !
เสียงเดินนั่นยังคงดังอยู่และดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังเข้ามาใกล้
เสียงเดินเมื่อกี้...จริงสิ จำได้ว่าก่อนที่จะหมดสติไป
เขาได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหา คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับร่มในมือ
พ่อใช่มั้ย?
มองไปรอบๆอีกครั้งเพราะความหวังว่าเสียงฝีเท้านั้นคือพ่อของตัวเอง
ฮันบินภาวนามาตลอดว่าอยากเจอเขาแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในภพเดียวกันแล้ว
“กลับไปซะ”
!!
เสียงเมื่อกี้ เด็กหนุ่มหันหลังไปมองเสียงของใครบางคนที่กำลังบอกเขา
ไม่ใช่เสียงของพ่อแต่เป็นเสียงแหบทุ้มของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
แต่ว่า...ทำไมแสงจากข้างหลังของผู้ชายคนนั้นมันสว่างขนาดนี้
ฮันบินยกมือขึ้นบังแสงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งคนๆนั้นเดินเข้ามามันก็ยิ่งสว่างจนแทบมองไม่เห็นอะไร
เขาเห็นแค่เงาของคนที่เดินเข้ามา
“ยังไม่ถึงเวลา”
ใคร? เขาเป็นใคร
“ฮันบิน ฮันบิน”
เสียงของใครบางคนกำลังเรียกเขา คนเมื่อกี้เหรอ...
“ฮันบิน”
ไม่ใช่! เสียงนั้นคุ้นเหมือนเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ
เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น เพดานสีขาวตรงหน้ามันดูคล้ายๆกับที่ไหนสักแห่งที่รู้จัก
“เฮ้!”
คนข้างๆที่กำลังพยายามเรียกเขาตั้งแต่เมื่อกี้ ฮันบินหันไปมองกระพริบถี่ๆเพื่อให้มองชัดขึ้น
ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวกำลังยืนเขย่าแขนเขาตั้งแต่เมื่อกี้
“จินฮวาน!”
“เฮ้อ...โล่งอกนึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว”
จินฮวานถอนหายใจออกมาที่เห็นท่าทางของเพื่อนดีขึ้น
ฮันบินขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบๆเขาเห็นจุนฮเวนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้านหลังของเพื่อน
พวกเขาเป็นแฟนกัน
จินฮวานเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัย พวกเขาสนิทกันมาก แต่ไม่ว่าจินฮวานจะไปที่ไหน จุนฮเวก็จะเป็นเงามตามตัวไปทุกที
“ฉันมาที่นี่ได้ยังไง”
“พยาบาลที่ดูแลบอกว่า มีคนโทรมาแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ
แต่น่าแปลกที่พอไปถึงก็เจอแค่นายกับพี่แทฮยนแล้วก็เจ้าของรถที่ขับมาชน”
จินฮวานเล่าตามที่รู้ เขามาที่นี่เพราะโรงพยาบาลโทรไปบอกจากเบอร์ล่าสุดที่ฮันบินโทรออก ทันทีที่รู้ก็รีบมาดู
ฮันบินนอนนิ่งแล้วพยายามนึกเหตุการณ์ตอนนั้น เขาจำได้ว่าตอนที่ทุกอย่างหยุดลงก็พยายามจะพาตัวเองออกมาแต่มันเจ็บ
เจ็บจนขยับไม่ได้ แล้วตอนนั้นก็มีคนเดินเข้ามาหา เขายืนมองคนที่นอนหายใจแผ่วจากนั้นทุกอย่างก็มืดไปหมด
คนๆนั้น!
“นายหลับไปตั้งหลายวันแหนะรู้มั้ย?”
“แล้วพี่แทฮยอนล่ะ”
ฮันบินหันไปถาม จินฮวานถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียง
เขาจับมือฮันบินแล้วบีบเบาๆเป็นการปลอบ แต่มันยิ่งทำให้หัวใจหักวูบจนแทบไม่มีแรง
“ตอนนี้ยังไม่ออกจากห้องไอซียู หมอบอกว่าต้องรอดูอาการอีกสักพัก”
สภาพของแทฮยอนที่ฮันบินเห็นตอนนั้น มันทำให้ฮันบินกลัว
กลัวว่าจะต้องอยู่คนเดียว จินฮวานมองหน้าเพื่อนที่กำลังหวาดกลัวแล้วบีบมืออีกครั้ง
แค่ต้องเสียพ่อกับแม่ไปก็แย่พอแล้วนี่พี่ชายคนเดียวก็ยังมาเจ็บหนักแบบนี้
เป็นใครก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา
“ผมนึกว่าพี่จะไม่รอดด้วยซ้ำ”
จุนฮเวที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเงียบๆมาตลอดพูดขึ้น
แล้วลุกขึ้นมายืนเกาะไหล่จินฮวาน คนโตกว่าเหลือบไปมองแล้วขมวดคิ้ว
“ทำไม?”
“ก็พยาบาลเขาบอกว่าสภาพของพวกพี่ไม่น่ารอด ยิ่งเห็นซากรถที่ไม่เหลือชิ้นดีนั่นนะ
ผมว่าโคตรปาฏิหารย์เลยที่พี่ฟื้นขึ้นมาได้ แถมยังไม่เป็นอะไรเลย”
จุนฮเวพูดพรางทำหน้าตาจริงจัง จินฮวานพยักหน้าตามที่คนรักพูด
แต่มันก็น่าแปลกจริงๆ ตอนนั้นรู้แค่ว่ามันเจ็บ เจ็บมาก เจ็บจนชาไปทั้งตัว
แถมยังเห็นเลือดตัวเองไหลออกมาไม่หยุดด้วย
แต่ทำไมพอตื่นขึ้นมากลับกลายเป็นว่าร่างกายปกติดีทุกอย่าง ขาไมหัก แขนไม่หัก
มีแค่รอยแผลถลอกกับแผลที่ถูกกระจกบาดตามตัวแค่นั้นเอง มันน่าแปลก แปลกเกินไป!
แล้วแทฮยอนล่ะเขาเป็นยังไง?
ฮันบินนั่งอยู่บนรถเข็นเขานั่งมองพี่ชายผ่านกระจกของห้องไอซียู เพราะห้ามคนอื่นเข้า
ฮันบินทำได้แค่มองอยู่ข้างนอก สายระโยงระยางตามตัวมันทำให้หัวใจวูบลงแทบจะเต้นไม่ไหว
จินฮวานยืนมองอยู่ข้างๆเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“ไม่เป็นไรหรอกนะ”
ตอนนี้ทำได้แค่ปลอบให้เพื่อนให้รู้สึกดี เด็กหนุ่ทพยักหน้าเบาๆทำให้เห็นว่าตัวเองเข้มแข็งแต่ในใจกลับหวาดกลัว
ถ้าตอนนั้นตายไป คงไม่ต้องรับรู้ความรู้สึกนี้
“กลับกันดีกว่า”
จินฮวานบอกแล้วหันไปพยักหน้าให้จุนฮเว เขาทำหน้าที่เป็นคนพาฮันบินมาที่นี่
ฮันบินมองพี่ชายที่นอนนิ่งอีกครั้ง
ถ้าเป็นไปได้คนที่ควรจะนอนอยู่ตรงนั้นน่าจะเป็นเขามากกว่า แทฮยอนต้องทำทุกอย่าง
ทั้งเรื่องค่าเล่าเรียนค่าเลี้ยงดู แถมยังต้องดูแลฮันบินตอนอยู่บ้านอีก รู้ว่าพี่ชายเหนื่อยแค่ไหนและอยากจะช่วยแบ่งเบาทุกอย่าง
แต่แทฮยอนกลับบอกว่าไม่เป็นไร เขาไม่อยากให้ฮันบินเหนื่อยตามที่พ่อกับแม่เคยบอก
เป็นพี่ต้องดูแลน้อง
แทฮยอนทำหน้าที่นั้นได้ดีมาตลอด จนถึงตอนนี้
พวกเขาเดินกลับไปที่ห้อง ฮันบินนั่งมองไปข้างหน้าเหมือนคนไม่มีสติ เขากำลังเหม่อลอยออกไปแล้วก็เป็นห่วงแทฮยอน
แต่ว่าสายตาที่มองไปข้างนอกกลับเห็นใครบางคนกำลังยืนอยู่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล เขากำลังยืนมองจากตรงนั้น
แต่เห็นแค่ครึ่งเซี้ยวของหน้ากับดวงตาสีแดง
“เดี๋ยวก่อน!”
ฮันบินบอกแล้วพยายามมองไปข้างหน้า จุนฮเวหยุดตามที่บอกแล้วมองหน้าจินฮวานที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มีอะไรเหรอ?”
จินฮวานถามแล้วมองตาม แต่เขาไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า
ฮันบินมองไปที่เดิมอีกครั้งตรงมุมเล็กๆที่จะเลี้ยวไปตรงบันได
แต่ตอนนี้เขาหายไปแล้ว
“ฉันเห็น...ไม่มีอะไร”
ถึงจะบอกไปว่าเห็นใครกำลังยืนอยู่ตรงนั้น จินฮวานก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรแน่
จุนฮเวยักไหล่กับแล้วพาคนไข้กลับไปที่ห้อง
แต่ตลอดทางที่กลับมาฮันบินเอาแต่คิดถึงคนที่ยืนมองเขาอยู่
ผู้ชายตัวสูงสวมชุดสุทสีดำ
ท่าทางและรูปร่างของเขามันเหมือนกับคนที่ฮันบินเห็นตอนนั้นแล้วก็เหมือนคนในความฝัน
ถึงจะไม่เห็นชัดแต่แค่แวบเดียวมันก็ทำให้จำได้
มันเหมือน...เหมือนมาก
หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ภาพหลอน
“พวกนายกลับไปพักผ่อนก็ได้นะ”
ฮันบินบอกขณะที่จุนฮเวกำลังพยุงเขาขึ้นเตียง
จินฮวานมองหน้าเพื่อนอย่างเป็นห่วง เขาไม่อยากจะปล่อยฮันบินไว้คนเดียว
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
ถึงจะพูดอย่างนั้นเถอะ
จินฮวานกำลังจะอ้าปากพูดแต่ถูกจุนฮเวจับมือเอาไว้แล้วส่ายหัวเป็นเชิงห้าม
บางทีฮันบินอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้
“โทรหาได้ตลอดเลยนะ”
“อื้อ”
เด็กหนุ่มยิ้มให้กับทั้งคู่ เขาอยากจะอยู่คนเดียวจริงๆนั้นแหละ อยากจะเข้มแข็งด้วยตัวเองโดยไม่มีใครมาคอยปลอบ
ดีใจที่จินฮวานคอยห่วงและดูแล แต่มันก็เป็นแบบนั้นตลอดไปไม่ได้ จินฮวานเองก็มีจุนฮเวอยู่ด้วยถ้าหากเขามัวแต่เอาเวลามาห่วงเพื่อนจนลืมใส่ใจคนรักพวกเขาอาจจะมีปัญหากันก็ได้
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฮันบินถึงอยากจะเข้มแข็งด้วยตัวเอง
มันเหมือนกับเข็มนาฬิกาที่เดินวนไปเรื่อยๆ มันไม่มีวันเดินกลับหลัง ชีวิตคนเราเองก็เช่นกัน ต้องก้าวไปข้างหน้าถ้ามัวแต่จมอยู่กับความอ่อนแอของตัวเอง บางทีเขาอาจจะตายไปโดยที่ไม่มีค่าอะไรเลยก็ได้
ชีวิตน่ะ...มันสั้นนะ
ฮันบินยังคงนอนอยู่บนเตียง ตั้งแต่จินฮวานกับจุนฮเวกลับไป เอาแต่คิดทบทวนเรื่องทั้งหมดที่ผ่านม่
คนเราเมื่อถึงเวลาใกล้จะตายมันจะคิดแบบนี้กันทุกคนเลยเหรอ
มันเหมือนกับฝันร้ายที่ผ่านเข้ามาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไป
ฮันบินหลับตาลงเมื่อคิดถึงพ่อกับแม่ อดีตครั้งหลังยังคงติดอยู่ในหัวต่อให้พยายามสะบัดออกแค่ไหนก็ไม่เป็นผล
ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนกับกำลังตอกย้ำตัวเองให้รู้ว่าชีวิตต่อจากนี้เขาจะต้องอยู่คนเดียว
แทฮยอนที่ยังไม่พ้นขีดอันตรายก็กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อให้ตัวเองฟื้นขึ้นมาอยู่เคียงข้างน้องชาย
เขาคงกำลังพยายามอย่างหนัก
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่คิดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนเผลอหลับ ในห้องมืดๆสีเหลี่ยมที่มีเพียงแค่เสียงลงหายใจแผ่วๆของคนในห้อง
ฮันบินหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อย
ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดคือช่วงที่อยู่ในห้วงนิทรา
เพราะมันมีแค่ความว่างเปล่าไม่ต้องคิดอะไร
แต่ในความเงียบมันทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน
ตึก!
เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะเหมือนได้ยินเสียงของใครบางคนเดินเข้ามา
เขาลืมตาในความมืดแล้วมองไปรอบๆ
!!
แต่มันยิ่งทำให้ตกใจ ผู้ชายร่างสูงกำลังยืนมองเขาอยู่ข้างเตียง ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ
ท่าทางนิ่งๆ แต่ดวงตากลับเป็นสีแดงน่ากลัว เขากำลังจ้องฮันบินอยู่ใกล้ๆในความมืด
แววตาคู่นั้นมันคล้ายกับคนที่ฮันบินเจอเมื่อตอนกลางวัน
“คะ...คุณเป็นใคร”
“ไม่ต้องกลัว”
เสียงแหบทุ้มเหมือนเคยได้ยิน
ฮันบินกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วจ้องเขาอยู่แบบนั้น พยายาจะขยับตัวแต่ทำไม่ได้
ราวกับว่ามีอะไรมากดตัวเอาไว้กับเตียง ทำได้แค่นอนแน่นิ่ง
มือหนากำลังเอื้อมมาใกล้ ฮันบินตัวสั่นเพราะความกลัว
ยิ่งมันเข้ามาใกล้หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจนเสียงดังหนวกหู หลับตาลงเพราะความกลัว
แต่ทว่า...
“ยังไม่ถึงเวลา”
“เอ๊ะ...”
แววตาหวาดกลัวค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่แผ่วเบาตรงหน้าผาก
มือหนาของผู้ชายคนนั้นกำลังแตะที่หน้าผากของเขาแต่มันเย็นราวกับมีน้ำแข็งมาวางไว้
“แต่อีกไม่นาน!”
!!
ฮันบินสะดุ้งลืมตาขึ้นในความมืดอีกครั้ง
เหงือเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามตัวและหน้าจนเปียกโชกไปหมด มองไปรอบๆที่มีแต่ความว่างเปล่า
หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะมันเสียงดังจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงอื่น
เขาหายไปแล้ว! ไม่สิ...
“ฝันเหรอ?”
ถ้าเป็นฝัน คงเป็นฝันที่แปลกและเหมือนจริง ทั้งสัมผัส น้ำเสียง และแววตา
ราวกับว่าเขาเพิ่งจะมายืนอยู่ข้างๆเมื่อกี้
เสียงแหบทุ้มมันคล้ายกับเสียงที่ได้ยินในความฝันตอนนั้น
นัยน์ตาคู่นั้นก็เช่นกัน
ในห้องไอซียูได้ยินแค่เสียงคลื่นหัวใจกำลังทำงานอยู่
แทฮยอนยังคงนอนนิ่งอยู่แบบนั้น เสียงหายใจแผ่วน่าหดหู่เมื่อได้ยิน ใครคนนึงกำลังยืนมองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวด
ผิวกายที่ตอนนี้ช้ำไปทั้งตัว แก้มนวลมีรอยแดงเพราะแรงกระแทกยิ่งบีบหัวใจจนแทบจะแหลกสลาย
เขายืนมองอยู่แบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปใกล้แตะเบาๆที่นิ้วเรียวก่อนจะประสานเข้าหากัน
โน้มตัวลงไปใกล้แล้วจุมพิตเบาๆที่หน้าผาก มืออีกข้างลูบเบาๆที่ผมสีดำนุ่ม
“ตื่นเถอะ ที่รัก”
เสียงทุ้มกระซิบเบาๆแล้วจุมพิตอีกครั้งที่เดิม
กุมมืออีกข้างแน่นเพื่อปลุกให้คนที่กำลังหลับตื่น
นิ้วเรียวกระตุกเบาๆเหมือนจะตอบว่าได้ยินที่พูด
รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกคนที่กำลังมองเขาอยู่
แทฮยอนหายใจแรงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาตอบสนองแล้ว
“ผมจะอยู่ข้างๆคุณ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาและอ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเหมือนคำสัญญา
แต่คนที่ยังคงหลับกลับทำได้แค่ตอบรับเพียงเล็กน้อย แล้วหายเข้าไปในภวังค์คงเดิม
.....
‘ยังไม่ถึงเวลา’
‘แต่อีกไม่นาน’
เพราะความฝันนั่นทำให้คนป่วยหลับไม่ลง นอนทบทวนคำพูดปริศนาซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกำลังจะตอกย้ำอะไรบางอย่าง
ฮันบินเอนหลังพิงกับเตียงแล้วนั่งคิดอยู่แบบนั้น
“หมายถึงอะไร...”
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงจินฮวานดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามา
ฉุดความคิดของฮันบินให้หลุดออกไปจากหัว
หันไปมองเพื่อนที่เดินเข้ามาโดยมีจุนฮเวเดินตามหลัง ในมือถือถุงเต็มไปหมด จินฮวานฉีกยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้
“ซื้ออะไรมา ?”
“ก็ผลไม้กับของกินที่นายชอบ”
“ผมบอกให้ซื้อแค่ผลไม้ก็ไม่เชื่อ”
จุนฮเวบ่นอุบพรางทำหน้าไม่สบอารมณ์เพราะถูกใช้ให้หิ้วของทั้งสองมือ คนรักที่ตัวเล็กกว่า
(มาก) หันไปทำหน้าดุใส่คนตัวโตถึงยอมเลิกบ่นแล้วเอาของไปเก็บเงียบๆ
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ดีขึ้นแล้ว”
“เมื่อกี้ฉันแวะไปดูพี่แทฮยอน หมอบอกว่าออกจากห้องไอซียูได้แล้วนะ”
“จริงเหรอ?”
ฮันบินตาลุกวาวที่ได้ยินแบบนั้น มันเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับเขา
จนยิ้มออกมาเพราะความดีใจลืมเรื่องความฝันแปลกๆไปชั่วขณะ
“อยากไปเยี่ยมมั้ยล่ะ”
ไม่ต้องถามก็จะขอให้พาไปอยู่แล้ว เด็กหนุ่ทพยักหน้าทำท่าจะลุกจากเตียงลำบากเพื่อนสนิมต้องรีบเข้าไปพยุงแล้วเร่งจุนฮเวที่มัวแต่หยิบผลไม้จากถุงมากินให้เข้ามาช่วย
คนเด็กกว่าทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยแต่ก็ยอมมาช่วยแต่โดยดี
ตอนนี้ฮันบินอยากเจอแทฮยอนจนแทบจะทนไม่ไหว มีหลายเรื่องที่เขาอยากจะถามและคุยกับพี่ชายถึงเขาจะยังไม่ฟื้นก็เถอะ
จินฮวานกับจุนฮเวพาเขามาที่ห้องของแทฮยอน มันอยู่ไม่ไกลนัก
ฮันบินพยายามที่จะเดินมาด้วยตัวเองแต่เพื่อนสนิทไม่ยอมแถมยังบอกให้จุนฮเวจับเขามานั่งที่รถเข็นอีก
ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่ามีเพื่อนสนิทหรือมีแม่บุญธรรม
ในห้องสีขาวคล้ายกับห้องของตัวเอง เสียงเครื่องวัดการเต้นของหัวใจดังก้อง
จุนฮเวกำลังพาเขาเข้าไปในห้องโดยมีจินฮวานเดินอยู่ข้าง
พี่ชายที่แสนดีกำลังหลับอยู่บนเตียง
ตอนนี้ไม่มีสายระโยงระยางเหมือนเมื่อวานแล้ว มีแค่สายออกซิเจนกับสายเล็กๆอีกไม่กี่สาย
ตามตัวมีรอยถลอกและรอยแผล จินฮวานเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างเข้ามาแล้วมองฮันบินที่ทำสีหน้าเจ็บปวดเวลาที่มองพี่ชาย
แต่มันก็น่าแปลกใจที่แทฮยอนดูดีกว่าเมื่อวานมมาก
ใบหน้ามีเลือดฝาดขึ้นมาแล้วต่างจากตอนแรก ทั้งๆที่ไม่น่าจะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้
แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสามารถออกมาอยู่ห้องธรรมดาได้เพียงแค่ไม่กี่วัน
แต่เรื่องนั้นฮันบินไม่สนอยู่แล้ว ขอแค่แทฮยอนฟื้นก็พอ
“ออกไปกันเถอะ”
จุนฮเวเดินเข้าไปกระซิบ
ถึงจะชอบทำท่าหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาแต่เขาเป็นคนที่อ่านสถานการณ์ออก
“อื้อ”
พวกเขาออกไปแล้ว
จินฮวานรู้ว่ามีหลายอย่างที่ฮันบินกำลังคิดอยู่แต่เขาแค่ไม่อยากจะพูดออกมา
ภายในห้องที่ตอนนี้มีแค่สองคนพี่น้อง
ฮันบินเอื้อมมือไปจับกับมือข้างหนึ่งของพี่ชายแล้วกุมเอาไว้แน่น
น้ำตาใสๆค่อยๆคลอออกมาทั้งสองข้างอย่างห้ามไม่ได้
“พี่ครับ”
เสียงแหบพร่าและเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เสียงสะเอื้อนไห้เพราะความกลัวกำลังดังขึ้นแทน
ฮันบินฟุบลงกับมือของแทฮยอนและกุมเอาไว้แบบนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง
“อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว”
น้ำเสียงสั่นเครือมันช่างเจ็บปวด แทฮยอนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงแต่น้ำใสๆกำลังไหลออกมาจากตาที่ยังคงปิดสนิททั้งสองข้าง
ในห้วงนิทราที่ว่างเปล่าเขาได้ยินเสียงฮันบินชัดเจนเพียงแต่ยังออกมาปลอบไม่ได้
“ผมกลัว”
กุมมือพี่ชายเอาไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาราวกับด็กน้อย
ฮันบินสงสัยมาตลอดว่าทำไมแทฮยอนถึงเข้มแข็ง
ทำไมถึงทำเป็นแข็งแกร่งเวลาที่อยู่ด้วยกัน ทั้งๆที่เขาสามารถอ่อนแอได้
คนเดียวที่กล้าร้องไห้ กล้าแสดงด้านที่อ่อนแอให้เห็นคือ พี่ชายคนนี้
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาทั้งสองช้าง แต่จังหวะนั้นที่มองออกไปข้างนอกตรงระเบียง
!!
อีกแล้ว ใครบางคนกำลังยืนมองเขาผ่านกระจกกั้น
คนๆนั้นอีกแล้ว
คราวนี้ไม่ใช่ความฝัน เขากำลังยืนมองอยู่จริงๆถึงจะเห็นแค่ครึ่งหน้าแต่ดวงตาสีแดงคู่นั้นฮันบินจำมันได้
เด็กหนุ่มค่อยๆดันตัวเองให้ลุกจากรถเข็น ตอนนี้เขาไม่เจ็บมากพอจะเดินไหว
พยุงตัวเองในชุดโรงพยาบาลแล้วเดินไปที่ระเบียงช้าๆ
ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขากำลังยกยิ้มพอใจกับอะไรบางอย่าง
เขาเป็นใคร
ฮันบินเดินเข้าไปช้าๆ
หัวใจกำลังเต้นแรงหนวกหูแข่งกับเสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจในห้อง
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ยิ่งเห็นดวงตาคู่นั้นชัดเจน มันน่ากลัว
น่ากลัวเหลือเกิน
เงาสะท้อนตัวเองในกระจกมันทำให้เห็นร่างกายที่อ่อนเพลีย ฮันบินเห็นร่างของตัวที่อีกฝั่งเป็นใครอีกคน
ดวงตาคู่นั้นจ้องเขาเหมือนกำลังบอกให้อีกคนย้อนดูตัวเอง
อะไร...ความรู้สึกแบบนี้
ความกลัวเหรอ?
“ฮันบิน”
!!
![นิยายแฟร์ 2024](https://image.dek-d.com/contentimg/2024/writer/assets/fair/07/reader_850x90.webp)
ความคิดเห็น