คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : I'm with you
Dark Paradise
(NO. 7)
I’m with you
“เอ๋! ร้านกาแฟ ?”
“ครับ”
ฮันบินพยักหน้าตอบ
หลังจากบอกพี่ชายว่าอยากมีร้านกาแฟ
ถึงจะเรียนจบแล้วก็จริงแต่เพราะเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมาทำให้ไม่อยากห่างกัน
“ผมมีทุนไว้อยู่แล้ว
ไม่รบกวนพี่หรอก”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่พี่ห่วงหรอกนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก
เพราะมีจินฮวานเป็นหุ้นส่วนด้วย”
“แล้วแน่ใจเหรอว่าไม่อยากทำงานอย่างอื่น
?”
“ผมไม่อยากอยู่ไกลน่ะ”
แววตาจริงจังที่พยายามแสดงออกมาให้เห็นว่าน้องชายคนนี้โตมากพอที่จะต้องเรียนรู้สิ่งรอบข้างแล้ว
แทฮยอนไม่ได้คัดค้านอะไร
เขาแค่ห่วงที่ฮันบินจะเริ่มทำงานหนักโดยที่ไม่มีเขาเข้าไปมีส่วนร่วม
“อื้อ
พพี่เอาใจช่วย”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นแบบนี้มานานแล้ว
บรรยากาศที่มีแค่สองคนพี่น้องนั่งพูดคุยเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาแค่สองคน
แม้จะไม่รู้สึกเหงาแต่ลึกๆแล้วพวกเขายังต้องการคนที่เป็นที่พึ่ง
นี่จะเรียกว่าเป็นก้าวแรกของการเป็นผู้ใหญ่ได้หรือเปล่า
?
“ฉันเกรงใจพี่แทฮยอนจัง”
จินฮวานว่าพรางมองไปรอบๆอาคารขนาดกลางชั้นเดียวแต่กว้างพอจะรองรับลูกค้าได้หลายคน
“ฉันก็บอกแล้วนะว่าเดี๋ยวพวกเราจะทยอยจ่ายเอง”
“ผมว่าพี่แทฮยอนคงไม่อยากให้พวกพี่ลำบาก”
ก็อาจจะจริงอย่างที่จุนฮเวพูดก็ได้
หลังจากที่พูดเรื่องที่อยากเปิดร้านกาแฟไป
แทฮยอนก็จัดการซื้ออาคารหลังนี้ให้โดยให้เหตุผลว่า
‘นี่เป็นของขวัญสำหรับการเรียนจบ’
ถึงจะพยายามปฏิเสธไปหลายสิบครั้งแต่พี่ชายที่แสนใจดีคนนั้นก็ยังยืนยันที่จะซื้อให้
สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายแพ้ก็ทำได้แค่ยอมรับมาแต่โดยดี
“ถ้าพวกเราทำมันเจ๊งคงรู้สึกผิดมากแน่เลย”
“งั้นเรามาพยายามกันเถอะ”
เพราะไม่อยากเป็นภาระให้พี่ชาย
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจากไปไหน นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
จินฮวานกับจุนฮเวเดินไปจนทั่วแม้จะเป็นแค่พื้นที่โล่งๆ
เพราะต้องตกแต่งร้านอีกเยอะเพื่อให้ดูน่าสนใจ
ฮันบินรับหน้าที่ดูแลเมนูและวัสดุในการทำกาแฟและของหวาน
ไม่ง่ายเลยที่ต้องเริ่มต้นด้วยมือตัวเองตั้งแต่
1
“วันนี้คงพอแค่นี้แหละ
เดี่ยวพรุ่งนี้ให้ช่างมาดูว่าต้องทำตรงไหนก่อน”
จินฮวานบอกหลังจากที่เปลี่ยนแบบกันมาทั้งวัน
ทั้งจุนฮเวเองก็เอาแต่บอกให้เพิ่มตรงนั้นตรงนี้แถมบางครั้งยังชอบเถียงอีก
แต่ก็เป็นการเถียงที่ได้ไอเดียดีๆเพิ่มขึ้นมา
“พวกนายกลับก่อนเลย
ฉันอยากคิดเมนูเพิ่มอีกหน่อย”
“นี่ก็เยอะแล้วนะ”
เมนูกาแฟและของหวานที่ฮันบินลองเขียนคร่าวๆออกมามากกว่าสิบอย่าง
แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ความจริงจะเอาไปให้แทฮยอนกับมินโฮช่วยเลือก
เพราะสองคนนั้นชอบไม่เหมือนกัน คนนึงหวานคนนึงเข้ม
“อีกสองสามเมนูก็จะกลับแล้ว”
“อย่ากลับดึกล่ะ
ถึงจะอยู่ใกล้ก็เถอะ”
“อื้อ! พวกนายก็ขับรถดีๆล่ะ”
“ต้องบอกคนขับที่ไปสตาร์ทรถรอแล้วล่ะ”
คนขับที่หิวจนแทบจะกินคนรักได้ทั้งตัว
ก็ทั้งวันเล่นไม่ยอมพักกันเลยนี่นา
ฮันบินมองตามแสงไฟจากท้ายรถที่แล่นออกไปจากหน้าร้าน
จริงอยู่ที่ว่าจินฮวานเป็นเพื่อนรักที่ดีมากคนนึง แต่บางครั้งก็อดที่จะเกรงใจจุนฮเวที่เป็นคนรักของเขาไม่ได้
แต่นับว่ายังโชคดีอยู่ไม่น้อยที่เด็กคนนั้นเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็น
บางครั้งก็อิจฉาเหมือนกันนะ
คนที่อยู่ข้างๆเวลาที่เราไม่มีใครแล้วแบบนั้น
เมนูสุดท้ายถูกเขียนในสมุดหน้าสุดท้าย
เด็กหนุ่มที่มุ่งมั่นจนลืมแม้แต่ที่จะห่วงตัวเองยอมละสายตาจากหน้ากระดาษสีขาว
เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม
แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านั่งอยู่ที่นี่เพียงลำพังนานแค่ไหน
ฮันบินจัดการเก็บของใส่กระเป๋าแล้วปิดประตูร้าน ยืนมองอาคารขนาดกลางจากข้างหน้า
จริงๆแล้วความฝันของเขาคืออะไรกันแน่
แทฮยอนเลือกที่ที่อยู่ใกล้ๆบ้านเพื่อเวลากลับน้องชายจะได้ไม่ลำบาก
ถึงจะเสนอให้ขับรถไปก็เถอะแต่เจ้าตัวเอาแต่ปฏิเสธ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้
เพราะทุกครั้งต่อให้ใกล้แค่ไหนแทฮยอนก็ยืนยันที่จะออกมารับ
ถ้ามัวแต่ให้พี่ชายดูแลแล้วเมื่อไหร่จะโตสักที
สองเท้าเล็กๆเดินย่ำไปบนทางเท้า
สองข้างทางที่มีร้านของชำและร้านอาหารเล็กๆอยู่ห่างกันออกไป
ทั้งๆที่บรรยากาศไม่น่าจะมีคนพลุกพล่านแต่กลับยังเปิดจนถึงเที่ยงคืน
ห่างกันออกไปไม่มากมีร้านหนังสือที่ก่อนหน้านั้นฮันบินชอบเข้าไปอุดหนุนอยู่บ่อยๆ
เวลาที่ได้อยู่กับตัวเองแบบนี้ทำให้เราได้ทบทวน
ชีวิตที่ผ่านมาเราใช้มันคุ้มค่าแล้วหรือเปล่า
ทว่าแวบนึงของความคิดกลับมีภาพของใครบางคนลอยเข้ามา
คนที่อยู่ๆก็หายไป
คนคนนั้น...
“มนุษย์มักจะคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคย
แม้จะได้ยินไม่บ่อยแต่จำได้ราวกับถูกบันทึกเอาไว้ในหู
ยมทูตผู้เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
คิม จีวอน
“ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง”
“ไม่บอกก็รู้”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนต้องผวาตกใจแล้ววิ่งหนี
แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายไปหมดแล้ว
เหตุการณ์หลายๆอย่างทำให้เข้าใจอะไรๆมากขึ้น
จากความกลัวกลายเป็นการยอมรับโดยสิ้นเชิง
ยมทูตผู้เป็นดั่งเส้นชะตาของชีวิตปรากฎตรงหน้า
ทุกครั้งที่เจอกันบรรยากาศรอบข้างมักจะเปลี่ยนไปคงเพราะชุดสูทสีดำและนัยน์ตาสีแดงของเขา
“คุณหายไปนานเลยนะ”
“คิดถึงฉันหรือไง
?”
“ผมไม่ใช่ดวงวิญญาณนะที่จะได้คิดถึงยมทูตแบบคุณ”
ฮันบินพูดติดตลกกลบเกลื่อนความเศร้าที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้ดวงตากลมใสซื่อนั่น บทสนทนาเมื่อครู่ต่างไปจากเมื่อก่อนมาก เหมือนมนุษย์ที่คุยกับมนุษย์
เด็กหนุ่มเดินต่อไปเรื่อยๆบนถนนเส้นเดิมโดยมียมทูตผู้เป็นเจ้าของดวงวิญญาณเดินอยู่ข้างๆ
“คุณบอกผมได้ไหม
ว่าผมจะตายเมื่อไหร่ ?”
“ชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ฉันบอกไม่ได้หรอก”
“คุณนี่
พูดอะไรเข้าใจยากจังเลยนะ”
จีวอนหัวเราะหึในลำคอแล้วความเงียบก็เข้ามาแทนที่อีกครั้ง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เสียงฝีเท้าเล็กๆที่ยังเดินมีเพียงเสียงเท้าของคนๆเดียว
แม้คนข้างๆจะยังเดินอยู่ด้วยก็ตาม
มนุษย์กับยมทูตที่เดินเคียงคู่กันไปจนถึงจุดหมาย
“คุณจะเข้าไปไหม
?”
“ชวนยมทูตเข้าบ้านงั้นเหรอ
?”
“มันเป็นมารยาทที่ดีของมนุษย์ไม่ใช่หรือไง
?”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนตรงหน้า
มีเพียงรอยยิ้มที่ยากจะเดาความหมายส่งกลับมาแทน
ร่างไร้เงาของคนที่เพียงแค่เดินมาเป็นเพื่อนค่อยๆหายไปในความมืด
เขามาเพื่ออะไรกันแน่!
ฮันบินละสายตาจากความว่างเปล่าแล้วเดินเข้าบ้านไป
ขี้เกียจจะตั้งคำถามที่ไม่มีวันได้รู้คำตอบ
เหนื่อยที่จะต้องดิ้นรนหาคำตอบที่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางหาเจอ
แค่ปล่อยมันไปตามกาลเวลาเพราะไม่ว่ายังไงยมทูตตนนั้นก็เป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของเขาอยู่ดี
ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง
“ทำไมกลับดึกจังล่ะ”
แทฮยอนที่นั่งรอน้องชายมาตลอดถามทันทีที่ฮันบินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“มีหลายอย่างให้ทำเลยครับ”
“มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีฮะ
เพราะจินฮวานกับจุนฮเวช่วยกันคิดน่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว”
คนเป็นพี่ส่งยิ้มหวานให้
ไม่อยากจะเซ้าซี้อีกคนให้เหนื่อยที่จะต้องมานั่งตอบคำถามของตัวเอง
“พี่ครับ”
ฮันบินเอ่ยเรียกพี่ชายของตัวเองเสียงเบา
“มีอะไร ?”
“ถ้าเกิด...”
“หือ ?”
“ถ้าเกิดวันนึงไม่มีผม
พี่จะอยู่ได้ไหม ?”
“ฮันบิน...”
...
“กฏข้อที่ 1432 ยมทูตห้ามผูกจิตกับดวงวิญญาณ”
มินโอแกล้งอ่านกฎของยมทูตเสียงดังเมื่อน้องชายเข้ามาในบ้าน
“ตอกย้ำตัวเองอยู่หรือไง
?”
“เปล่า
ฉันแค่ย้ำเผื่อนายจะลืม”
“ลืมอะไร ?”
“ลืมคำพูดของตัวเอง
ถึงฉัจะทำผิดกฎก็จริงแต่อย่างน้อยฉันก็ยอมรับในสิ่งที่ฉันทำ”
“อยากจะพูดอะไร
ก็พูดมา”
จีวอนทำเสียงเข้มจ้องพี่ชายของตัวเองที่เอาแต่ยียวนกวนประสาทตั้งแต่เมื่อกี้
“นายน่าจะรู้ตัวเองดีนะ
คิม จีวอน”
ความคิดเห็น