ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Love Inspired....Chapter 9
Love Inspired....Chapter 9
.
.
.
นิ้วเรียวที่กดโทรหาเพื่อนสนิทนับสิบกว่ารอบ หากแต่ปลายสายไม่รับมันเลยสักครั้งทำให้ทงเฮถึงกับนั่งไม่ติดที่ ซองมินเลี่ยงขอตัวที่จะมาทานไอศกรีมกับเค้าในตอนเย็น โดยอ้างเหตุผลว่าอยากกลับไปนอนพักผ่อน แต่เมื่อเค้าโทรเข้าบ้านไปผู้เป็นป้ากลับบอกว่าซองมินยังไม่กลับ ถ้าอย่างนั้นไปไหนของเค้านะ??
"นี่ๆ นายพกมือถือติดตัวไว้รึป่าวหน่ะ ฉันขอยืมโทรหาเพื่อนหน่อยได้มั๊ย คือฉันเอาเบอร์ฉันโทรไปแล้ว แล้วเค้ายอมไม่รับหน่ะ" เอ่ยถามพนักงานเสริ์ฟที่กำลังเดินมาทางที่เค้านั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงร้อนรน ร่างสูงเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมือถือของตนให้ตามที่อีกคนร้องขอ
"ขอบคุณนะ" เงยหน้ามายิ้มให้น้อยๆก่อนจะรีบกดเบอร์ปลายทางออกไป และมันก็เป็นเหมือนเดิม จนทงเฮใจเสีย
"จะว่าแบตหมดก็ไม่ใช่ ทำไมไม่รับหน่ะ"พึมพำออกมาเบาๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด
"มีอะไรรึป่าวครับ" เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้าเครียด ทงเฮเงยขึ้นมามองก่อนจะส่ายหน้าแล้วยิ้มให้น้อยๆ แล้วคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ
"ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณนะที่ให้ยืม" บอกปัดไป แต่สีหน้ามันช่างไปกันคนละทางกับคำตอบเสียเหลือเกิน
"งั้นขอตัวก่อนนะครับ" เอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ ถึงเวลาเลิกงานสักที ถึงอยากจะอยู่ต่อเพราะลูกค้าหน้าหวานยังไม่กลับก็เถอะ แต่เมื่อคิดไปถึงการบ้านกองพะเนินที่รออยู่กลับทำให้คิบอมต้องตัดใจอย่างยากลำบาก พลางคิดโทษอาจารย์ประจำวิชาว่าทำไมต้องมาสั่งการบ้านเยอะเอาวันนี้ด้วยนะ!!
.
.
.
เมโลดี้เสียงใสที่ดังขึ้นเป็นเวลานานทำให้คิบอมต้องเหลียวหน้าเหลียวหลังไปมองสำรวจ พลางคิดด่าเจ้าของๆมันว่าทำไมไม่กดรับสักทีนะ ไม่หนวกหูบ้างรึยังไง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างๆหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้นหน้าบ้านของเค้า
"เฮ้ย!!คุณ" ปรี่เข้าไปดูก่อนจะจับร่างอวบนั้นหงายหน้าขึ้นมา....ซองมินไม่ใช่เหรอ?? มาทำอะไรแถวนี้นะ??
"ซองมิน....ซองมิน ได้ยินมั๊ย"มือแกร่งตบหน้าหวานของอีกคนเบาๆเพื่อเรียกสติ หากแต่คนตัวเล็กยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย คิบอมจึงจัดการช้อนร่างเล็กแล้วพาขึ้นหลังวิ่งออกไปเรียกรถหน้าปากซอยเพื่อพาไปโรงพยาบาล
.
.
เมื่อถึงมือหมอ คิบอมจึงเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบมือถือของอีกคนติดตัวไปด้วย นิ้วเรียวกดเบอร์ปลายทางออกไปหลังจากชั่งใจอยู่นาน ก่อนที่จะมีเสียงหวานที่เจือความกระวนกระวายกรอกกลับมา
"ซองมินเหรอ นายอยู่ไหนหน่ะ ฉันโทรไปทำไมไม่รับสาย รู้มั๊ยฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนหน่ะฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้หล่ะ"
"เอ่อ...ใจเย็นๆนะครับ" เสียงที่กรอกกลับมาทำเอาทงเฮอึ้งไปพักใหญ่ มันไม่ใช่เสียงของเพื่อนสนิทของเค้า หากแค่เสียงทุ้มนุ่มแบบนั้นมันช่างคุ้นหูเหลือเกิน
"ตอนนี้ซองมินอยู่โรงพยาบาล ผมเลยโทรมาบอกคุณ" คิบอมพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่นจนเกินไป หากแต่ยิ้มมุมปากออกมาอย่างช้าๆ เมื่อคิดว่าเค้าจะต้องเจอกับคนตัวเล็กอีกรอบ
"แล้วซองมินอยู่โรงพยาบาลไหนหล่ะครับ?" เอ่ยถามมาอย่างร้อนรน ใจกระตุกวาบเมื่อปลายสายบอกว่าซองมินอยู่โรงพยาบาล
"โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยคยองฮีหน่ะครับ" บอกชื่อสถานที่ออกไป ปลายสายขานรับอย่างร้อนใจแล้วตัดสายทิ้งไป คิบอมนั่งแช่อยู่หน้าห้องตรวจสักพักจึงหยิบมือถือมาดูเบอร์ปลายทางที่เพิ่งจะโทรออกไปแล้วจัดการเมมใส่เครื่องตัวเองเสียเรียบร้อย
สักพักร่างที่เค้ากำลังนึกถึงก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาพลเมืองดีที่ช่วยเพื่อนของเค้าเอาไว้
"เอ่อ....ขอโทษนะครับ อ้าว!!" อุทานออกมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหนุ่มพนักงานเสิร์ฟของร้านไอศกรีมที่เค้าไปนั่งทานเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา มานั่งอยู่ที่นี่
"เอ่อ...ทงเฮ คือผมเป็นคนโทรเรียกคุณเอง" พูดพร้อมกับอมยิ้มออกมาน้อยๆ ทงเฮทำตาโตกับคำตอบที่ได้รับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซักถามปัญหา ร่างเล็กเดินเข้าไปนั่งหอบอยู่ข้างๆคิบอมก่อนจะถามถึงอาการเพื่อนรัก
"ซองมินเป็นอะไรเหรอ แล้วนายไปเจอซองมินได้ยังไง"
"เค้าเป็นลมอยู่ที่หน้าบ้านของผม"
"หน้าบ้านนาย??" ถามออกไปอย่างแปลกใจ แต่ก็โดนขัดด้วยเสียงประตูที่เปิดออกมาพร้อมๆกับร่างของคุณหมอที่เดินออกมา
"คุณหมอครับ เพื่อนผม..."
"คนไข้เกิดอาการเครียดเกินไปหน่ะครับ อีกทั้งยังพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยทำให้เป็นลมหมดสติ ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง นอนพักซักวันสองวันก็กลับบ้านได้แล้ว" กล่าวจบก็ขอตัวเดินจากไป ทงเฮยืนนิ่งอยู่สักพัก เป็นคิบอมที่สะกิดแขนคนตัวเล็กแล้วชวนกันเข้าไปในห้อง
ร่างบางที่นอนสลบไสลไม่ได้สติพร้อมกับสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงอยู่หัวเตียงทำให้ทงเฮถึงกับกุมขมับเมื่อมาเห็นสภาพของเพื่อนรัก
"ขอบคุณนะที่พาซองมินมาโรงพยาบาล แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ ไหนว่าจะเลิกแล้วไง" หยาดน้ำใสรื้นขึ้นที่หน่วยตา สงสารเพื่อนรักจับใจ พาลนึกเกลียดคนที่ทำให้ซองมินต้องเป็นแบบนี้จนเข้าไส้ หัวเล็กก้มลงซบกับแขนคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคิบอมอีกรอบ
"นายชื่อคิบอมใช่มั๊ย"ถามออกไป ร่างสูงพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นคำตอบ
"นายไปเจอซองมินที่หน้าบ้านนาย แล้วบ้านนายอยู่ไหนเหรอ" ถามออกไปโดยที่ไม่ได้อยากรู้ว่าบ้านของร่างสูงอยู่ไหน แต่สิ่งที่เค้าอยากรู้คือคำตอบที่เค้าคิดอยู่ในใจต่างหากว่าจะใช่ที่เดียวกันหรือป่าว
"ซอยนัมดงหน่ะ" ถูกเป๋งคือคำตอบที่มันตะโกนก้องอยู่ในหัวทงเฮ ซองมินต้องไปหาหมอนั่นแน่ๆ
"ขอบคุณนะ" ขอบคุณออกไปอีกครั้ง ก่อนจะเงยดูเวลาที่บอกอยู่ข้างพนัง สมควรที่เค้าจะกลับบ้านได้แล้ว เพราะตอนที่ออกมาไม่ได้บอกใครไว้เลยสักคน
"นายจะกลับบ้านเลยมั๊ย" เอ่ยปากถามคนที่นั่งสัปหงกอยู่บนโซฟา คิบอมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
"อืม...แล้วซองมินหล่ะ"
"เดี๋ยวฉันโทรไปบอกคุณป้าเอง นายกลับไปเถอะ ดูท่าว่าจะไม่ไหวแล้ว" แกล้งหยอกออกไปเล็กๆ แต่ก็ทำให้ร่างสูงถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินได้เหมือนกัน
"แล้วทงเฮหล่ะ" ถามออกไปอย่างเป็นห่วง เพราะไม่ต้องการให้คนตัวเล็กกลับบ้านเพียงลำพังในช่วงดึกๆแบบนี้ มันอันตราย
"เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่ง" พูดออกไปอย่างเร็ดเร็ว ทงเฮเอียงคอมองอย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ้มกลับมาให้แทนการขอบคุณ
"ไม่เป็นไรหรอก บ้านนายกับบ้านฉันอยู่กันคนละทาง ไม่รบกวนดีกว่า"
"ไม่รบกวนหรอก เต็มใจด้วยซ้ำไป" อมยิ้มจนแก้มป่อง ก่อนจะสังเกตเห็นคนตัวเล็กเริ่มหน้าขึ้นสี
"ทงเฮไม่สบายรึป่าว มองหน้าแดงๆนะ" ถามพลางถือวิสาสะเอื้อมมือไปวัดความร้อนบนแก้มเนียน แต่อีกคนก็ปัดออกมาอย่างมีมารยาท
"อ้อ...ป่าว ไม่ได้เป็นอะไรหรอก" ปฏิเสธเสียงสั่น จะให้บอกได้ยังไงกันว่าที่เค้าหน้าแดงเพราะคำพูดแต่ละคำของร่างสูงตรงหน้านี่แหละ แถมอาการใจเต้นนี่ก็ด้วย ไม่รู้เป็นยังไงเวลาอยู่ใกล้คนๆนี้แล้วมันมักจะมีอาการแบบนี้ตลอด
"กลับเถอะเดี๋ยวผมไปส่ง" พูดพร้อมกับเปิดประตูรอ ทงเฮหยุดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งศีรษะแล้วเดินออกไป คิบอมปิดประตูเสร็จก็เดินมาขนาบข้างคนตัวเล็ก พร้อมกับชวนคุยเรื่องต่างๆไป เรื่อยเปื่อย
ตอนแรกทงเฮเพียงแค่ตอบคำถามของร่างสูงอย่างถามคำตอบคำ ตอนหลังกลับกลายเป็นว่าเป็นร่างสูงเองที่แทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากฟังอีกคนที่เอาแต่จ้อไม่ยอมหยุด จนสุดท้ายเมื่อมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ้านของทงเฮ
"เอ่อ...ถึงบ้านแล้ว ขอบคุณนะที่มาส่ง" ส่งยิ้มกว้างให้อีกคนก่อนจะยืนเตะฝุ่นไปมาแก้เขิน
"ไม่เป็นไรหรอกครับ งั้นผมกลับก่อนนะ"ส่งยิ้มอ่อนโยนให้อีกคนก่อนจะหันหลังเดินกลับไปในมางเดิมที่เพิ่งจะเดินผ่านมันไป หากแต่ขาเรียวเป็นต้องชะงักลง เมื่ออีกคนตะโกนเรียกออกมา
"เอ่อ...คิบอม!! กลับบ้านดีๆนะ" พูดจบก็เดินก้มหน้าเข้าบ้านไป ปล่อยให้อีกคนยืนยิ้มแฉ่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่นาน จนคนที่เดินเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้วต้องตะโกนกลับมาอีกรอบ
"กลับบ้านได้แล้ววว" คิบอมสะดุ้งโหยงกับเสียงแปดหลอดนั้น แต่ก็เงยหน้าไปมองพร้อมกับโบกมือให้ก่อนจะจำใจเดินลากเท้ากลับไปพร้อมๆกับอารมณ์ที่เรียกว่าถึงขั้นดีอย่างสุดขีด
....การบ้งการบ้านไม่ต้องทำมันแล้ว......
.
.
"ชีวอนฝากดูพี่เค้าด้วยนะจ๊ะ ป้าต้องกลับไปจีนด่วน เพราะป๊าของฮันเค้าไม่สบายหน่ะจ้ะ" เสียงผู้เป็นป้าเอ่ยขึ้นมาตอนที่ร่างสูงกำลังช่วยยกของใส่ท้ายรถที่จะเดินทางไปสนามบิน ฮันคยองเอาแต่ทำหน้างอพร้อมกับร้องตามไปด้วยเหมือนเด็กๆ หากแต่ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ตามใจ เพราะมันไม่ใช่วันหยุด
"แต่ม๊าจพทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ" พูดอย่างตัดพ้อ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ร่างบางทำหน้างอหนักเข้าไปอีกเท่าตัว
"ใครว่าอยู่คนเดียว เดี๋ยวน้องก็มาอยู่เป็นเพื่อน ม๊าขออนุญาตคุณน้าเค้าไว้แล้วหล่ะ"
"แต่ผมไม่อยากอยู่กับหมอนี่ที่บ้านเลยนี่นา มันชอบแกล้งผม" เถียงออกไปขาดใจ ขืนอยู่กับชีวอนเป็นเค้าเองที่ต้องเสียประสาทไปกับความกวนเบื้องล่างของเด็กรุ่นน้องคนนี้อย่างแน่นอน
"ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไปอยู่กับผมที่บ้านผมสิ ถ้าไม่อยากอยู่กับผมที่นี่" ตอกกลับไปอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ก็ได้ฝ่ามืองามๆ ประทับลงมาที่หัวไหล่ของอีกคนเต็มแรง
"อย่าหวังเลย" พูดจบก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ปล่อยให้เด็กตัวสูงยืนหัวเราะชอบใจในท่าทีแสนงอนของพี่ชายข้างบ้านจนอีกคนต้องหันมาถลึงตาใส่ จะหัวเราะอะไรนักหนานะ -^ -
"เอาหล่ะ ม๊าต้องไปแล้ว ดูแลบ้านให้ดีๆหล่ะ"พูดจบก็ขึ้นรถออกไป ไม่แม้กระทั่งให้ลูกชายตัวดีได้ทันกล่าวลา
"ฮึ" สะบัดหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าเข้าบ้านไป
.
.
"นี่ชีวอน!! บ้านนายไม่มีทีวีดูรึไง ถึงมาดูที่บ้านคนอื่นเค้าเนี่ย" กระแทกหมอนเข้าไปที่ท้องแกร่งของคนที่กำลังดูทีวีไปด้วย ส่วนมือก็หยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปากไม่หยุด
"มีแต่ไม่ดู ดูที่บ้านพี่ได้อารมณ์กว่ากันเยอะ" ลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปยื้อหมอนที่อีกคนทำท่าจะฟาดมาที่เค้าอีกรอบ
"อารมณ์อะไรของนาย" กระแทกเสียงถาม ก่อนจะปล่อยหมอนที่อีกคนยื้ออยู่จน ชีวอนหงายหลัง
"ก็อารมณ์แบบนี้ไง" พูดจบก็ฉุดตัวร่างเล็กเข้าหาตัว พร้อมๆกับกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย จนคนตัวเล็กเบ้หน้า
"มันอึดอัดนะไอบ้า ปล่อยยยยย..." ฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว แต่มีเหรอจะทำให้คนอย่างชเว ชีวอนสะทกสะท้านได้
"ดูสิ ดูทีวีที่บ้านพี่ ได้หมอนข้างนิ่มๆ แถมฟรีมาอีกด้วยเนี่ย แถมกลิ่นก็ห๊อมหอม ไม่รู้ว่าไปซื้อมาจากที่ไหน" พูดพลางก้มลงไปฝั่งริมฝีปากเข้าที่ไหล่ลาดของอีกคน ทำเอาฮันคยองถึงกับสะดุ้งโหยง เดี๋ยวนี้ดูท่าว่าร่างสูงที่เค้านั่งตักอยู่ท่าจะรุกเข้าบ่อยเกินไปเสียแล้ว
"แกทำอะไรวะ" หันไปยันหน้าคนที่ทำท่าจะก้มลงมาตักตวงความหอมบนตัวเค้าอีกรอบ มือที่ยังเป็นอิสระอยู่อีกข้างจัดการบิดเข้าที่หน้าท้องแกร่งของคนมือไว้ได้ทันก่อนที่จมูกโด่งจะสัมผัสเข้าที่ซอกคอ
"โอ๊ย!! พี่ผมเจ็บนะ" สะดุ้งสุดตัวก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวบาง ฮันคยองดีดตัวขึ้นมายืนมองอย่างซะใจก่อนจะตอกกลับไปอย่างนักเลง
"ให้มันรู้มั้ง ว่าฮันคยองคนนี้มันก็สู้คนเหมือนกันนะโว้ย ไอเด็กหื่น ขืนแกยังทำแบบนี้ได้โดนดีดกลับบ้านแน่ๆ" พูดจบก็วิ่งหนีขึ้นห้องไป ปล่อยให้ชีวอนนั่งลูบท้องอยู่ป้อยๆ แต่เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่าฮันคยองเขินขนาดไหน ที่ทำเป็นเอ่ะอ่ะโวยวายก็เพราะกลบเกลื่อนเท่านั้นแหล่ะ
.
.
"ไอ้เด็กบ้า ทำฉันใจสั่นอีกอล้วนะ" พูดขึ้นหลังจากลงไปนอนแผ่หราอยู่บนเตียงนุ่ม มือเล็กยกขึ้นทาบหน้าอกที่มันกระเพื่อมไปตามจังหวะการเต้นถี่ของหัวใจ รู้สึกแปลกที่ร่างสูงแกล้งก็ชอบ สัมผัสก็ชอบ หรือว่าเค้าจะ........
....ไม่น๊าาาาาาาาา........เค้าหลวมตัวไปชอบไอเด็กปากจัดนั่นเข้าให้แล้วเหรอนี่ !!!!
"ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน" เรียวปากบางพร่ำแต่พูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือเล็กยกขึ้นยีหัวจนฟูไปหมด แต่ไอ้อาการแบบนี้นมันก็ยังไม่ยอมหายไปสักที...อาการใจเต้นเมื่อคิดถึงสัมผัสที่อีกคนมอบให้
"เห...นี่มันรอยอะไรกัน" สายตาเหลือบไปเห็นรอยแดงๆที่ประทับอยู่บนไหล่ที่โผล่มาพ้นเสื้อกล้ามขนาดพอดีตัว แล้วยกมือขึ้นลูบ ยุงกัดเค้าอย่างนั้นเหรอ ทำไมไม่ยักจะรู้สึกวะ??
ฮันคยองเดินไปหยุดอยู่ที่กระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อดูให้ชัดยิ่งขึ้น แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว รอยใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามันเป็นยุงมันคงจะเป็นยุงพันธุ์ยักษ์แน่ๆ เลยทีเดียว
"พี่ทำอะไรอยู่อ่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาหลังจากเดินเข้าห้องมาหยุดนั่งอยู่ที่ปลายเตียง เมื่ออีกคนยังทำไม่สนใจจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับยืนคร่อมหลังร่างที่กำลังง่วนอยู่กับการหาสาเหตุของการเกิดรอยประหลาดบนไหล่ของเค้าจนไม่ทันสังเกตว่าอีกคนว่าเค้ายืนอยู่ข้างหลัง
"อ๊ะ!! ชีวอน มายืนอะไรตรงนี้เล่า หลีกไป" เอามือยันอกของอีกฝ่ายให้ห่างจากตัว ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างชวนมองก่อนจะเดินเลี่ยงไปหยุดนั่งที่ปลายเตียง
"ก็ผมถามพี่แล้วพี่ไม่ตอบ ผมก็เลยเดินมาดู นึกว่ายืนหลับคาโต๊ะเครื่องแป้งไปซะแล้ว" พูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะออกมา จู่ๆฮันคยองก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"นี่ๆ ชีวอน นายมานี่หน่อยสิ คือที่ไหล่ฉันมันมีรอยอะไรก็ไม่รู้อ่ะ จะว่ายุงกัดก็ไม่ใช่ อีกอย่างฉันก็แน่ใจว่าไม่ได้เดินไปกระแทกที่ไหนมาด้วย แต่ทำไมมันถึงมีรอยนี้ก็ไม่รู้" บอกกับอีกคนอย่างร้อนใจ หากแต่ทั้งหมดที่ร่างบางพูดไปทำให้ชีวอนถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างปิดไม่มิด
"ยิ้มอะไรกันเล่า คนยิ่งกลุ้มๆอยู่นะ" แหวะใส่อีกคนที่ยังยิ้มไม่หุบ
"รู้อย่างนี้ไม่บอกดีกว่า" หันไปมองตาขวางก่อนจะหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่พอใจ
"ผมรู้ว่าพี่ไปโดนอะไรมา" พูดขึ้นด้วยซุ่มเสียงเจ้าเล่ห์ เป็นผลให้ฮันคยองหันไปมองขวับอย่างอยากรู้
"นายรู้เหรอ ชิส์...ฉันไม่เชื่อหรอก นายจะรู้ได้ไง ในเมื่อนายไม่ได้เป็นแบบฉัน"
"ผมรู้เพราะผมเป็นคนทำมันขึ้นมาเองไงหล่ะครับพี่" ยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ฮันคยองได้แต่มองกลับมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงพูดเลย
"นายเป็นคนทำเหรอ?? ทำยังไง" ถามออกไปอย่างใสซื่อ จนอีกคนแทบจะทนไม่ไหว
"พี่อยากรู้เหรอ" ส่งสายตาเป็นประกายมาให้ จนฮันคยองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
"มะ..ไม่อยากรู้แล้ว"
"แต่ผมอยากจะสาธิตให้ดูนี่ครับ พี่" พูดจบก็โถมตัวเข้าหาร่างบางจนอีกคนหงายตึงไปกับเตียงนุ่ม
"แล้วพี่ก็จะรู้ว่าจะทำให้เกิดรอยแบบนี้น เค้าทำกันยังไง"
.
.
.
.
.
TBC.............................................................................................................................................
รีบแว๊บบบบบ อกจากบอร์ดโดยไว เตรียมตัวไปจองบัตรคอนพรุ่งนี้อย่างเต็มที่
6000 คอยเค้าด้วยน๊า
.
.
.
นิ้วเรียวที่กดโทรหาเพื่อนสนิทนับสิบกว่ารอบ หากแต่ปลายสายไม่รับมันเลยสักครั้งทำให้ทงเฮถึงกับนั่งไม่ติดที่ ซองมินเลี่ยงขอตัวที่จะมาทานไอศกรีมกับเค้าในตอนเย็น โดยอ้างเหตุผลว่าอยากกลับไปนอนพักผ่อน แต่เมื่อเค้าโทรเข้าบ้านไปผู้เป็นป้ากลับบอกว่าซองมินยังไม่กลับ ถ้าอย่างนั้นไปไหนของเค้านะ??
"นี่ๆ นายพกมือถือติดตัวไว้รึป่าวหน่ะ ฉันขอยืมโทรหาเพื่อนหน่อยได้มั๊ย คือฉันเอาเบอร์ฉันโทรไปแล้ว แล้วเค้ายอมไม่รับหน่ะ" เอ่ยถามพนักงานเสริ์ฟที่กำลังเดินมาทางที่เค้านั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงร้อนรน ร่างสูงเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมือถือของตนให้ตามที่อีกคนร้องขอ
"ขอบคุณนะ" เงยหน้ามายิ้มให้น้อยๆก่อนจะรีบกดเบอร์ปลายทางออกไป และมันก็เป็นเหมือนเดิม จนทงเฮใจเสีย
"จะว่าแบตหมดก็ไม่ใช่ ทำไมไม่รับหน่ะ"พึมพำออกมาเบาๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด
"มีอะไรรึป่าวครับ" เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้าเครียด ทงเฮเงยขึ้นมามองก่อนจะส่ายหน้าแล้วยิ้มให้น้อยๆ แล้วคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ
"ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณนะที่ให้ยืม" บอกปัดไป แต่สีหน้ามันช่างไปกันคนละทางกับคำตอบเสียเหลือเกิน
"งั้นขอตัวก่อนนะครับ" เอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ ถึงเวลาเลิกงานสักที ถึงอยากจะอยู่ต่อเพราะลูกค้าหน้าหวานยังไม่กลับก็เถอะ แต่เมื่อคิดไปถึงการบ้านกองพะเนินที่รออยู่กลับทำให้คิบอมต้องตัดใจอย่างยากลำบาก พลางคิดโทษอาจารย์ประจำวิชาว่าทำไมต้องมาสั่งการบ้านเยอะเอาวันนี้ด้วยนะ!!
.
.
.
เมโลดี้เสียงใสที่ดังขึ้นเป็นเวลานานทำให้คิบอมต้องเหลียวหน้าเหลียวหลังไปมองสำรวจ พลางคิดด่าเจ้าของๆมันว่าทำไมไม่กดรับสักทีนะ ไม่หนวกหูบ้างรึยังไง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างๆหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้นหน้าบ้านของเค้า
"เฮ้ย!!คุณ" ปรี่เข้าไปดูก่อนจะจับร่างอวบนั้นหงายหน้าขึ้นมา....ซองมินไม่ใช่เหรอ?? มาทำอะไรแถวนี้นะ??
"ซองมิน....ซองมิน ได้ยินมั๊ย"มือแกร่งตบหน้าหวานของอีกคนเบาๆเพื่อเรียกสติ หากแต่คนตัวเล็กยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย คิบอมจึงจัดการช้อนร่างเล็กแล้วพาขึ้นหลังวิ่งออกไปเรียกรถหน้าปากซอยเพื่อพาไปโรงพยาบาล
.
.
เมื่อถึงมือหมอ คิบอมจึงเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบมือถือของอีกคนติดตัวไปด้วย นิ้วเรียวกดเบอร์ปลายทางออกไปหลังจากชั่งใจอยู่นาน ก่อนที่จะมีเสียงหวานที่เจือความกระวนกระวายกรอกกลับมา
"ซองมินเหรอ นายอยู่ไหนหน่ะ ฉันโทรไปทำไมไม่รับสาย รู้มั๊ยฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนหน่ะฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้หล่ะ"
"เอ่อ...ใจเย็นๆนะครับ" เสียงที่กรอกกลับมาทำเอาทงเฮอึ้งไปพักใหญ่ มันไม่ใช่เสียงของเพื่อนสนิทของเค้า หากแค่เสียงทุ้มนุ่มแบบนั้นมันช่างคุ้นหูเหลือเกิน
"ตอนนี้ซองมินอยู่โรงพยาบาล ผมเลยโทรมาบอกคุณ" คิบอมพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่นจนเกินไป หากแต่ยิ้มมุมปากออกมาอย่างช้าๆ เมื่อคิดว่าเค้าจะต้องเจอกับคนตัวเล็กอีกรอบ
"แล้วซองมินอยู่โรงพยาบาลไหนหล่ะครับ?" เอ่ยถามมาอย่างร้อนรน ใจกระตุกวาบเมื่อปลายสายบอกว่าซองมินอยู่โรงพยาบาล
"โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยคยองฮีหน่ะครับ" บอกชื่อสถานที่ออกไป ปลายสายขานรับอย่างร้อนใจแล้วตัดสายทิ้งไป คิบอมนั่งแช่อยู่หน้าห้องตรวจสักพักจึงหยิบมือถือมาดูเบอร์ปลายทางที่เพิ่งจะโทรออกไปแล้วจัดการเมมใส่เครื่องตัวเองเสียเรียบร้อย
สักพักร่างที่เค้ากำลังนึกถึงก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาพลเมืองดีที่ช่วยเพื่อนของเค้าเอาไว้
"เอ่อ....ขอโทษนะครับ อ้าว!!" อุทานออกมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหนุ่มพนักงานเสิร์ฟของร้านไอศกรีมที่เค้าไปนั่งทานเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา มานั่งอยู่ที่นี่
"เอ่อ...ทงเฮ คือผมเป็นคนโทรเรียกคุณเอง" พูดพร้อมกับอมยิ้มออกมาน้อยๆ ทงเฮทำตาโตกับคำตอบที่ได้รับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซักถามปัญหา ร่างเล็กเดินเข้าไปนั่งหอบอยู่ข้างๆคิบอมก่อนจะถามถึงอาการเพื่อนรัก
"ซองมินเป็นอะไรเหรอ แล้วนายไปเจอซองมินได้ยังไง"
"เค้าเป็นลมอยู่ที่หน้าบ้านของผม"
"หน้าบ้านนาย??" ถามออกไปอย่างแปลกใจ แต่ก็โดนขัดด้วยเสียงประตูที่เปิดออกมาพร้อมๆกับร่างของคุณหมอที่เดินออกมา
"คุณหมอครับ เพื่อนผม..."
"คนไข้เกิดอาการเครียดเกินไปหน่ะครับ อีกทั้งยังพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยทำให้เป็นลมหมดสติ ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง นอนพักซักวันสองวันก็กลับบ้านได้แล้ว" กล่าวจบก็ขอตัวเดินจากไป ทงเฮยืนนิ่งอยู่สักพัก เป็นคิบอมที่สะกิดแขนคนตัวเล็กแล้วชวนกันเข้าไปในห้อง
ร่างบางที่นอนสลบไสลไม่ได้สติพร้อมกับสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงอยู่หัวเตียงทำให้ทงเฮถึงกับกุมขมับเมื่อมาเห็นสภาพของเพื่อนรัก
"ขอบคุณนะที่พาซองมินมาโรงพยาบาล แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ ไหนว่าจะเลิกแล้วไง" หยาดน้ำใสรื้นขึ้นที่หน่วยตา สงสารเพื่อนรักจับใจ พาลนึกเกลียดคนที่ทำให้ซองมินต้องเป็นแบบนี้จนเข้าไส้ หัวเล็กก้มลงซบกับแขนคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคิบอมอีกรอบ
"นายชื่อคิบอมใช่มั๊ย"ถามออกไป ร่างสูงพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นคำตอบ
"นายไปเจอซองมินที่หน้าบ้านนาย แล้วบ้านนายอยู่ไหนเหรอ" ถามออกไปโดยที่ไม่ได้อยากรู้ว่าบ้านของร่างสูงอยู่ไหน แต่สิ่งที่เค้าอยากรู้คือคำตอบที่เค้าคิดอยู่ในใจต่างหากว่าจะใช่ที่เดียวกันหรือป่าว
"ซอยนัมดงหน่ะ" ถูกเป๋งคือคำตอบที่มันตะโกนก้องอยู่ในหัวทงเฮ ซองมินต้องไปหาหมอนั่นแน่ๆ
"ขอบคุณนะ" ขอบคุณออกไปอีกครั้ง ก่อนจะเงยดูเวลาที่บอกอยู่ข้างพนัง สมควรที่เค้าจะกลับบ้านได้แล้ว เพราะตอนที่ออกมาไม่ได้บอกใครไว้เลยสักคน
"นายจะกลับบ้านเลยมั๊ย" เอ่ยปากถามคนที่นั่งสัปหงกอยู่บนโซฟา คิบอมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
"อืม...แล้วซองมินหล่ะ"
"เดี๋ยวฉันโทรไปบอกคุณป้าเอง นายกลับไปเถอะ ดูท่าว่าจะไม่ไหวแล้ว" แกล้งหยอกออกไปเล็กๆ แต่ก็ทำให้ร่างสูงถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินได้เหมือนกัน
"แล้วทงเฮหล่ะ" ถามออกไปอย่างเป็นห่วง เพราะไม่ต้องการให้คนตัวเล็กกลับบ้านเพียงลำพังในช่วงดึกๆแบบนี้ มันอันตราย
"เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่ง" พูดออกไปอย่างเร็ดเร็ว ทงเฮเอียงคอมองอย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ้มกลับมาให้แทนการขอบคุณ
"ไม่เป็นไรหรอก บ้านนายกับบ้านฉันอยู่กันคนละทาง ไม่รบกวนดีกว่า"
"ไม่รบกวนหรอก เต็มใจด้วยซ้ำไป" อมยิ้มจนแก้มป่อง ก่อนจะสังเกตเห็นคนตัวเล็กเริ่มหน้าขึ้นสี
"ทงเฮไม่สบายรึป่าว มองหน้าแดงๆนะ" ถามพลางถือวิสาสะเอื้อมมือไปวัดความร้อนบนแก้มเนียน แต่อีกคนก็ปัดออกมาอย่างมีมารยาท
"อ้อ...ป่าว ไม่ได้เป็นอะไรหรอก" ปฏิเสธเสียงสั่น จะให้บอกได้ยังไงกันว่าที่เค้าหน้าแดงเพราะคำพูดแต่ละคำของร่างสูงตรงหน้านี่แหละ แถมอาการใจเต้นนี่ก็ด้วย ไม่รู้เป็นยังไงเวลาอยู่ใกล้คนๆนี้แล้วมันมักจะมีอาการแบบนี้ตลอด
"กลับเถอะเดี๋ยวผมไปส่ง" พูดพร้อมกับเปิดประตูรอ ทงเฮหยุดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งศีรษะแล้วเดินออกไป คิบอมปิดประตูเสร็จก็เดินมาขนาบข้างคนตัวเล็ก พร้อมกับชวนคุยเรื่องต่างๆไป เรื่อยเปื่อย
ตอนแรกทงเฮเพียงแค่ตอบคำถามของร่างสูงอย่างถามคำตอบคำ ตอนหลังกลับกลายเป็นว่าเป็นร่างสูงเองที่แทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากฟังอีกคนที่เอาแต่จ้อไม่ยอมหยุด จนสุดท้ายเมื่อมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ้านของทงเฮ
"เอ่อ...ถึงบ้านแล้ว ขอบคุณนะที่มาส่ง" ส่งยิ้มกว้างให้อีกคนก่อนจะยืนเตะฝุ่นไปมาแก้เขิน
"ไม่เป็นไรหรอกครับ งั้นผมกลับก่อนนะ"ส่งยิ้มอ่อนโยนให้อีกคนก่อนจะหันหลังเดินกลับไปในมางเดิมที่เพิ่งจะเดินผ่านมันไป หากแต่ขาเรียวเป็นต้องชะงักลง เมื่ออีกคนตะโกนเรียกออกมา
"เอ่อ...คิบอม!! กลับบ้านดีๆนะ" พูดจบก็เดินก้มหน้าเข้าบ้านไป ปล่อยให้อีกคนยืนยิ้มแฉ่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่นาน จนคนที่เดินเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้วต้องตะโกนกลับมาอีกรอบ
"กลับบ้านได้แล้ววว" คิบอมสะดุ้งโหยงกับเสียงแปดหลอดนั้น แต่ก็เงยหน้าไปมองพร้อมกับโบกมือให้ก่อนจะจำใจเดินลากเท้ากลับไปพร้อมๆกับอารมณ์ที่เรียกว่าถึงขั้นดีอย่างสุดขีด
....การบ้งการบ้านไม่ต้องทำมันแล้ว......
.
.
"ชีวอนฝากดูพี่เค้าด้วยนะจ๊ะ ป้าต้องกลับไปจีนด่วน เพราะป๊าของฮันเค้าไม่สบายหน่ะจ้ะ" เสียงผู้เป็นป้าเอ่ยขึ้นมาตอนที่ร่างสูงกำลังช่วยยกของใส่ท้ายรถที่จะเดินทางไปสนามบิน ฮันคยองเอาแต่ทำหน้างอพร้อมกับร้องตามไปด้วยเหมือนเด็กๆ หากแต่ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ตามใจ เพราะมันไม่ใช่วันหยุด
"แต่ม๊าจพทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ" พูดอย่างตัดพ้อ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ร่างบางทำหน้างอหนักเข้าไปอีกเท่าตัว
"ใครว่าอยู่คนเดียว เดี๋ยวน้องก็มาอยู่เป็นเพื่อน ม๊าขออนุญาตคุณน้าเค้าไว้แล้วหล่ะ"
"แต่ผมไม่อยากอยู่กับหมอนี่ที่บ้านเลยนี่นา มันชอบแกล้งผม" เถียงออกไปขาดใจ ขืนอยู่กับชีวอนเป็นเค้าเองที่ต้องเสียประสาทไปกับความกวนเบื้องล่างของเด็กรุ่นน้องคนนี้อย่างแน่นอน
"ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไปอยู่กับผมที่บ้านผมสิ ถ้าไม่อยากอยู่กับผมที่นี่" ตอกกลับไปอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ก็ได้ฝ่ามืองามๆ ประทับลงมาที่หัวไหล่ของอีกคนเต็มแรง
"อย่าหวังเลย" พูดจบก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ปล่อยให้เด็กตัวสูงยืนหัวเราะชอบใจในท่าทีแสนงอนของพี่ชายข้างบ้านจนอีกคนต้องหันมาถลึงตาใส่ จะหัวเราะอะไรนักหนานะ -^ -
"เอาหล่ะ ม๊าต้องไปแล้ว ดูแลบ้านให้ดีๆหล่ะ"พูดจบก็ขึ้นรถออกไป ไม่แม้กระทั่งให้ลูกชายตัวดีได้ทันกล่าวลา
"ฮึ" สะบัดหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าเข้าบ้านไป
.
.
"นี่ชีวอน!! บ้านนายไม่มีทีวีดูรึไง ถึงมาดูที่บ้านคนอื่นเค้าเนี่ย" กระแทกหมอนเข้าไปที่ท้องแกร่งของคนที่กำลังดูทีวีไปด้วย ส่วนมือก็หยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปากไม่หยุด
"มีแต่ไม่ดู ดูที่บ้านพี่ได้อารมณ์กว่ากันเยอะ" ลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปยื้อหมอนที่อีกคนทำท่าจะฟาดมาที่เค้าอีกรอบ
"อารมณ์อะไรของนาย" กระแทกเสียงถาม ก่อนจะปล่อยหมอนที่อีกคนยื้ออยู่จน ชีวอนหงายหลัง
"ก็อารมณ์แบบนี้ไง" พูดจบก็ฉุดตัวร่างเล็กเข้าหาตัว พร้อมๆกับกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย จนคนตัวเล็กเบ้หน้า
"มันอึดอัดนะไอบ้า ปล่อยยยยย..." ฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว แต่มีเหรอจะทำให้คนอย่างชเว ชีวอนสะทกสะท้านได้
"ดูสิ ดูทีวีที่บ้านพี่ ได้หมอนข้างนิ่มๆ แถมฟรีมาอีกด้วยเนี่ย แถมกลิ่นก็ห๊อมหอม ไม่รู้ว่าไปซื้อมาจากที่ไหน" พูดพลางก้มลงไปฝั่งริมฝีปากเข้าที่ไหล่ลาดของอีกคน ทำเอาฮันคยองถึงกับสะดุ้งโหยง เดี๋ยวนี้ดูท่าว่าร่างสูงที่เค้านั่งตักอยู่ท่าจะรุกเข้าบ่อยเกินไปเสียแล้ว
"แกทำอะไรวะ" หันไปยันหน้าคนที่ทำท่าจะก้มลงมาตักตวงความหอมบนตัวเค้าอีกรอบ มือที่ยังเป็นอิสระอยู่อีกข้างจัดการบิดเข้าที่หน้าท้องแกร่งของคนมือไว้ได้ทันก่อนที่จมูกโด่งจะสัมผัสเข้าที่ซอกคอ
"โอ๊ย!! พี่ผมเจ็บนะ" สะดุ้งสุดตัวก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวบาง ฮันคยองดีดตัวขึ้นมายืนมองอย่างซะใจก่อนจะตอกกลับไปอย่างนักเลง
"ให้มันรู้มั้ง ว่าฮันคยองคนนี้มันก็สู้คนเหมือนกันนะโว้ย ไอเด็กหื่น ขืนแกยังทำแบบนี้ได้โดนดีดกลับบ้านแน่ๆ" พูดจบก็วิ่งหนีขึ้นห้องไป ปล่อยให้ชีวอนนั่งลูบท้องอยู่ป้อยๆ แต่เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่าฮันคยองเขินขนาดไหน ที่ทำเป็นเอ่ะอ่ะโวยวายก็เพราะกลบเกลื่อนเท่านั้นแหล่ะ
.
.
"ไอ้เด็กบ้า ทำฉันใจสั่นอีกอล้วนะ" พูดขึ้นหลังจากลงไปนอนแผ่หราอยู่บนเตียงนุ่ม มือเล็กยกขึ้นทาบหน้าอกที่มันกระเพื่อมไปตามจังหวะการเต้นถี่ของหัวใจ รู้สึกแปลกที่ร่างสูงแกล้งก็ชอบ สัมผัสก็ชอบ หรือว่าเค้าจะ........
....ไม่น๊าาาาาาาาา........เค้าหลวมตัวไปชอบไอเด็กปากจัดนั่นเข้าให้แล้วเหรอนี่ !!!!
"ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน" เรียวปากบางพร่ำแต่พูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือเล็กยกขึ้นยีหัวจนฟูไปหมด แต่ไอ้อาการแบบนี้นมันก็ยังไม่ยอมหายไปสักที...อาการใจเต้นเมื่อคิดถึงสัมผัสที่อีกคนมอบให้
"เห...นี่มันรอยอะไรกัน" สายตาเหลือบไปเห็นรอยแดงๆที่ประทับอยู่บนไหล่ที่โผล่มาพ้นเสื้อกล้ามขนาดพอดีตัว แล้วยกมือขึ้นลูบ ยุงกัดเค้าอย่างนั้นเหรอ ทำไมไม่ยักจะรู้สึกวะ??
ฮันคยองเดินไปหยุดอยู่ที่กระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อดูให้ชัดยิ่งขึ้น แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว รอยใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามันเป็นยุงมันคงจะเป็นยุงพันธุ์ยักษ์แน่ๆ เลยทีเดียว
"พี่ทำอะไรอยู่อ่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาหลังจากเดินเข้าห้องมาหยุดนั่งอยู่ที่ปลายเตียง เมื่ออีกคนยังทำไม่สนใจจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับยืนคร่อมหลังร่างที่กำลังง่วนอยู่กับการหาสาเหตุของการเกิดรอยประหลาดบนไหล่ของเค้าจนไม่ทันสังเกตว่าอีกคนว่าเค้ายืนอยู่ข้างหลัง
"อ๊ะ!! ชีวอน มายืนอะไรตรงนี้เล่า หลีกไป" เอามือยันอกของอีกฝ่ายให้ห่างจากตัว ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างชวนมองก่อนจะเดินเลี่ยงไปหยุดนั่งที่ปลายเตียง
"ก็ผมถามพี่แล้วพี่ไม่ตอบ ผมก็เลยเดินมาดู นึกว่ายืนหลับคาโต๊ะเครื่องแป้งไปซะแล้ว" พูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะออกมา จู่ๆฮันคยองก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"นี่ๆ ชีวอน นายมานี่หน่อยสิ คือที่ไหล่ฉันมันมีรอยอะไรก็ไม่รู้อ่ะ จะว่ายุงกัดก็ไม่ใช่ อีกอย่างฉันก็แน่ใจว่าไม่ได้เดินไปกระแทกที่ไหนมาด้วย แต่ทำไมมันถึงมีรอยนี้ก็ไม่รู้" บอกกับอีกคนอย่างร้อนใจ หากแต่ทั้งหมดที่ร่างบางพูดไปทำให้ชีวอนถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างปิดไม่มิด
"ยิ้มอะไรกันเล่า คนยิ่งกลุ้มๆอยู่นะ" แหวะใส่อีกคนที่ยังยิ้มไม่หุบ
"รู้อย่างนี้ไม่บอกดีกว่า" หันไปมองตาขวางก่อนจะหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่พอใจ
"ผมรู้ว่าพี่ไปโดนอะไรมา" พูดขึ้นด้วยซุ่มเสียงเจ้าเล่ห์ เป็นผลให้ฮันคยองหันไปมองขวับอย่างอยากรู้
"นายรู้เหรอ ชิส์...ฉันไม่เชื่อหรอก นายจะรู้ได้ไง ในเมื่อนายไม่ได้เป็นแบบฉัน"
"ผมรู้เพราะผมเป็นคนทำมันขึ้นมาเองไงหล่ะครับพี่" ยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ฮันคยองได้แต่มองกลับมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงพูดเลย
"นายเป็นคนทำเหรอ?? ทำยังไง" ถามออกไปอย่างใสซื่อ จนอีกคนแทบจะทนไม่ไหว
"พี่อยากรู้เหรอ" ส่งสายตาเป็นประกายมาให้ จนฮันคยองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
"มะ..ไม่อยากรู้แล้ว"
"แต่ผมอยากจะสาธิตให้ดูนี่ครับ พี่" พูดจบก็โถมตัวเข้าหาร่างบางจนอีกคนหงายตึงไปกับเตียงนุ่ม
"แล้วพี่ก็จะรู้ว่าจะทำให้เกิดรอยแบบนี้น เค้าทำกันยังไง"
.
.
.
.
.
TBC.............................................................................................................................................
รีบแว๊บบบบบ อกจากบอร์ดโดยไว เตรียมตัวไปจองบัตรคอนพรุ่งนี้อย่างเต็มที่
6000 คอยเค้าด้วยน๊า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น