ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Inspired [Super Junior's Fiction::SiHan

    ลำดับตอนที่ #13 : Love Inspired....Chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 51


    Love Inspired...Chapter 13
    .
    .
    .
    เสียงฟ้าฝนที่คำรามดังก้องอยู่ภายนอกตั้งแต่เช้า ทำให้ร่างบางของใครบางคนที่นอนก่ายอยู่กับร่างของอีกคนจำต้องลุกขึ้นมาปิดหน้าต่างบานเล็กลงอย่างเนือยๆ

    มือเล็กยกขึ้นยีหัวจนฟูก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอีกครั้ง แต่แล้วเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งปลุกเอาไว้เมื่อคืนก็แผดเสียงดังออกมาขัดเวลาการนอน ทำเอาทงเฮถึงกับอารมณ์เสีย มันจะอะไรกันนักหนานะ!!

    "เช้าแล้วเหรอ ทงเฮ" เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนจะปรือตาขึ้นมามองนาฬิกาบนหัวเตียง

    "อืม จะ7 โมงแล้ว แต่ฟ้าข้างนอกนี่มืดอย่างกับตี 5 แน่ะ" บ่นออกมาอย่างงัวเงียก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

    "ฝนจะตกเหรอ"

    "อืม" ตอบออกมาเสียงแผ่ว นัยน์ตาเล็กเริ่มปรือลงอีกครา แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกรอบ มืออีกคนก็เอื้อมมาเขย่าปลุกพลางดึงให้ลุกขึ้น

    "ซองมินนา ขอต่ออีก 5 นาทีไม่ได้เหรอ ฉันยังง่วงอยู่เลยนะ" อ้อนอย่างกับเด็ก ซองมินส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะออกแรงฉุดเพิ่มไปอีกเท่าตัว

    "ไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ" ดันแผ่นหลังคนที่เค้าเพิ่งจะฉุดให้ลุกขึ้นยืนได้เข้าห้องน้ำไปก่อนจะหยิบผ้าขนหนู แล้วกดล็อคประตูห้องน้ำให้เสร็จสรรพ

    "แล้วห้ามเข้าไปหลับในห้องน้ำนะทงเฮ"

    "รู้แล้วน่า"
    .
    .
    "วันนี้นายยังไม่ต้องไปโรงเรียนหรอกนะ อากาศแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ นอนพักอยู่กับบ้านนี่แหละดีแล้ว" เอ่ยปรามอีกคนที่กำลังทำท่าว่าจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเค้า

    "แต่ฉันหยุดเรียนไปหลายวันแล้วนะ กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน" ยู่หน้าอย่างขอร้อง แต่คำตอบของอีกคนยังคงเป็นเหมือนเดิมจนซองมินเบ้ปาก

    "อย่าดื้อเข้าใจมั๊ย ยังไม่หายดี อาจารย์เค้ารู้หรอกน่า" เอื้อมมือมายีหัวกลมเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกเป้ขึ้นสะพาย พร้อมกับโบกมือลาอีกคน

    "ตอนเย็นเจอกันนะ"

    "ทงเฮอา~~ ฉันอยากไปเรียนนี่นา" ตะโกนไล่หลังเพื่อนสนิทไป แต่อีกคนกลับเอาแต่รีบวิ่งเพื่อให้ทันเข้าเรียนก่อนที่ฝนจะตก ซองมินสะบัดตัวเดินเข้าบ้านไปอย่างเซ็งๆก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไม่กลัวเจ็บ

    "ชิส์...ก็แค่เป็นลมสลบไปแค่นี้ ทำอย่างกับฉันเป็นอะไรสักอย่างที่ใกล้ตายแล้วอย่างนั้นแหละ" บ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟากว้าง

    เวลาผ่านพ้นไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ซองมินเดินไปกดรับอย่างเนือยๆ ก่อนจะเบ้หน้าอีกรอบ มันถึงขนาดนี้เลยเหรอ...

    "อืม ทงเฮ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอก ฉันจะไปไหนได้เล่า ก็ฉันไม่สบายอยู่นี่" พูดประชดอีกคนพอเจ็บๆคันๆ เสียงปลายสายหัวเราะกลับมาก่อนจะขอตัววางสายไป ที่ไม่โทรเข้ามือถือก็เพราะว่ามันสามารถนำติดตัวไปไหนก็ได้ โดยที่ปลายสายไม่สามารถรู้ได้เลยว่าบางทีคนที่บอกว่าอยู่บ้านหน่ะ จะอยู่จริงรึป่าวหน่ะสิ!!
    .
    .
    "นี่คยู เดี๋ยวนี้รุ่นพี่ที่น่ารักๆคนนั้นไม่มาหานายแล้วเหรอวะ" เสียงเพื่อนสนิทในกลุ่มเอ่ยขึ้น ร่างสูงละสายตาจากหนังสือเรียนเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างท่าทีไม่ใส่ใจ

    "อืม..." สายตายังจับจ้องอยู่กับสูตรเคมี แต่ใจหน่ะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วหล่ะ เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วที่เค้าไม่เห็นซองมิน แม้บางทีที่เดินผ่านห้องเรียนของร่างเล็กแต่กับไร้ร่างที่เคยนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มีเพียงทงเฮที่นั่งอยู่คนเดียว...แล้วซองมินหล่ะไปไหนกัน??

    "ได้ข่าวว่าพี่เค้าไม่สบายนี่หว่า เห็นเด็กปี 1 พูดกัน เพราะเห็นพี่เค้าเดินออกมาจากโรงพยาบาล" ยังคงพูดไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเล่าเรื่องคนอื่นให้ฟัง แต่มันทำให้คยูฮยอนเลิกคิ้วสงสัยได้ไม่ยาก...ออกจากโรงพยาบาลงั้นเหรอ

    "ช่างเค้าประไร" แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เก็บงำอาการอยากรู้เอาไว้ ก่อนจะปิดสมุดลงพร้อมกับขอตัวไปห้องน้ำโดยที่อีกคนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่มันเปลี่ยนไปเลยสักนิด

    ขายาวก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของอีกคนตอนที่เค้าไปพักกลางวันกันหมดแล้ว ยังเหลือนักเรียนอีก 2-3 คนที่ห่อข้าวมากิน แล้วนั่งกินกันอยู่ในห้อง วันนี้ก็เหมือนอย่างเคย ซองมินไม่ได้มาโรงเรียน หลังจากยืนอยู่นานก็รู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดที่ไหล่ สายตาคมหันกลับไปมองก็พบกับทงเฮที่ยืนกอดอกมองมาอยู่

    "มาทำไม??" เสียงหวานถามขึ้อย่างห้วนๆ สายตาที่ส่งมามีแต่ความแข็งกร้าว คยูฮยอนปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะโกหกคำโตออกไป

    "ผมมาหาเพื่อน แล้วก็กำลังจะกลับ" ตอบเสียงเรียบก่อนจะเชิดหน้าตรงอย่างวางฟอร์ม

    "ฉันนึกว่านายจะมาเยาะเย้ยซองมินซะอีก แต่เสียใจด้วยนะที่วันนี้ซองมินไม่ได้มาโรงเรียน"

    "แล้วผมต้องถามพี่มั๊ยว่าทำไมพี่ซองมินถึงไม่มาเรียน??" แสร้งทำเป็นกดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน จนคนตัวเล็กหน้าขึ้นสีเพราะความโกรธ

    "ไม่ต้อง!! เพราะถึงนายจะถามมันออกมาจริงๆ ฉันก็ไม่มีวันบอกนายหรอก" พูดจบก็เดินกระแทกไหล่ของอีกคนอย่างจงใจ ก่อนจะหันมามองด้วยสายตาที่พร้อมจะเอาเรื่องคนร่างสูงได้ทุกเวลา คยูฮยอนเบ้หน้าออกมาอย่างเจ็บปวดเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินจากไป...คนอะไรวะ ตัวเล็กแต่แรงเยอะฉิบ -^-*
    .
    .
    "พี่!! แม่ผมเรียกให้ไปหาเดี๋ยวนี้เลย" ร่างสูงที่เดินมาหยุดยืนตะโกนอยู่หน้าบ้านทั้งๆที่ในมือยังถือถุงขนมอยู่ ทำให้ฮันคยองต้องปล่อยมือจากพลั่วพรวนดินอันเล็กแล้วหันมามอง

    "คุณน้าเรียก??" เลิกคิ้วเรียวเป็นเชิงถาม และก็ได้รับการพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

    "เรื่องอะไร"

    "ไม่รู้ รีบมาเถอะ เดี๋ยวคุณแม่รอนาน" เดินไปฉุดคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นพร้อมกับกุมมือเล็กไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนที่จะจูงเดินไปด้วยกัน

    "ชีวอน ไม่ต้องจับมือก็ได้ ฉันเดินเองได้น่า" พยายามแกะมือกาวออกแต่คนอย่างชีวอน มีเหรอที่จะปล่อยมือนิ่มออกง่ายๆ

    "เดี๋ยวพี่ล้ม ไม่เป็นไรหรอก" ตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะเดินนำหน้าไปอย่างไม่สนอาการทั้งสะบัดทั้งแกะมือเค้าออกของคนตัวเล็กเลยสักนิด แต่ยังไม่ทันได้เดินถึงหน้าบ้านดี จู่ๆแขนข้างที่จูงมืออีกคนไว้ถึงกับกระตุกฮวบ ชีวอนรีบหันไปมองหาสาเหตุและก็พบกับ

    "พี่!!" ฮันคยองลงไปนั่งคุกเข่ากองกับพื้นในท่าเทพธิดา(-__-"") พร้อมกับที่เข่ามีเลือดสีสดซึมออกมาประปราย ร่างบางเบ้หน้าอย่างเจ็บปวดก่อนจะพยายามยันตัวเองขึ้นยืน

    "พี่เจ็บมั๊ย ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้หล่ะ" ถามออกไปอย่างร้อนรน มือแกร่งรีบพยุงคนตัวเล็กขึ้นยืนก่อนจะก้มลงไปดูแผล ถึงไม่ใหญ่มาก แต่ก็เรียกเลือดได้เยอะทีเดียว

    "ฉัน...ฉัน..สะดุดขาตัวเองหน่ะ" ส่งยิ้มให้แกนๆ ก่อนจะนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่ออีกคนเอื้อมมือมาแตะบริเวณปากแผล

    "รีบไปทำแผลเถอะ เดี๋ยวเชื้อโรคจะเข้าเอานะ" พูดจบก็ช้อนตัวร่างบางขึ้นมาอุ้มแนบอกเอาไว้ คนตัวเล็กร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ทั้งดิ้นทั้งผลักแต่ก็ไม่เป็นผล

    "แค่แผลถลอก ฉันเดินเองได้น่า ชีวอนปล่อยนะ"

    "อย่าดิ้นสิพี่ ขาเจ็บอยู่นะ" เอ็ดเสียงเข้มออกไป จนฮันคยองนิ่วหน้าอีกรอบ แต่ก็ยอมสงบโดยดี

    "แม่ฮะ ผมขอกล่องยาหน่อยสิฮะ" ตะโกนออกไปทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวผู้เป็นแม่ เสียงขานรับที่ดังมาจากในครัวทำให้ชีวอนแน่ใจว่าผู้เป็นแม่คงจะได้ยินแล้ว

    "ว๊าย!! ตายจริง ฮันคยองไปทำอะไรมาลูก ทำไมถึงได้เลือดออกขนาดนี้หล่ะ" อุทานออกมาอย่างตกใจ มือเรียวพลักตัวชีวอนให้ออกไปห่างๆจนคนเป็นลูกไปนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงดูแผลของคนที่ตนรักเหมือนลูกอีกคน

    "หกล้มนิดหน่อยหน่ะฮะ" ยิ้มให้อย่างแกนๆ ก่อนจะก้มลงไปดูแผลตัวเอง แผลแค่นี้ทำไมถึงต้องตกใจกันซะขนาดนั้นนะ??

    "ชีวอนไปเอาน้ำมาล้างแผลให้พี่เค้าทีสิ"ออกปากสั่ง มือบางแกะกล่องยาเพื่อหยิบสำลีมาเช็ดเลือด ก่อนจะใช้สำลีจุ่มน้ำเพื่อเช็ดแผลหลังจากที่อีกคนนำมันมาวางไว้ข้างๆ

    "เจ็บมั๊ยจ๊ะ" เงยหน้าขึ้นมาถามอย่างเป็นห่วง ฮันคยองส่ายหน้าให้น้อยๆ เป็นเชิงตอบก่อนจะหันไปมองชีวอนที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่

    "แม่ให้ผมทำให้ก็ได้ แม่ไปทำกับข้าวต่อเถอะ" ไล่ทางอ้อม แต่หญิงวัยกลางคนที่ตัวเองเรียกว่าแม่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไป

    "แม่ฮะ" ส่งสายตาตัดพ้อไปให้ ทำเอาคนเป็นแม่ต้องยิ้มออกมาอย่างขันๆก่อนจะยกหน้าที่พยาบาลจำเป็นให้คนเป็นลูกได้ทำหน้าที่ต่ออย่างสมใจ ดูเหมือนจะแปลกประหลาดไปสักหน่อยในความคิดฮันคยอง เมื่อเปรียบเทียบครอบครัวชีวอนกับครอบครัวของเค้าเอง

    ฝ่ายชีวอนดูเหมือนว่าคุณน้าจะเอาอกเอาใจเค้าเป็นพิเศษบางทีดูเหมือนจะใส่ใจมากกว่าลูกของตัวเองซะอีก ส่วนทางฝั่งของเค้าดูเหมือนว่าหม่าม้าจะดูแลเอาใจชีวอนเป็นพิเศษ จนบางทีเค้าเองก็แอบอิจฉาอยู่หลายๆครั้ง แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอแบบนี้หน่ะ.....

    "พี่เจ็บมั๊ย" ถามขึ้นเมื่อจิ้มสำลีที่โชกไปด้วยน้ำยาล้างแผลลงไปที่ปากแผล ริมฝีปากเรียวเป่าลมลงไปที่ปากแผลกันอีกคนรู้สึกแสบ ฮันคยองส่ายหน้าไปให้เป็นคำตอบ ก่อนที่พลาสเตอร์ยาจะถูกแปะลงไปบนหัวเข่ามน

    "ขอบใจ" ก้มดูหัวเข่าตัวเองพลางลูบไปมาเบาๆ ชีวอนขึ้นมานั่งข้างๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเข่าของอีกคนเป็นเชิงปลอบ

    "เดี๋ยวก็หายแล้ว"

    "ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย นายกลัวไปเองทั้งนั้น" ทำหน้างอเมื่อเห็นอีกคนยกยิ้มอย่างไม่เชื่อ

    "ยิ้มอะไร" เอ่ยถามเสียงห้วนเมื่อเห็นอีกคนยังไม่มีทีท่าว่าจะหุบยิ้มลงง่ายๆ

    "ก็ขำพี่หน่ะสิ ปากก็บอกว่าไม่เจ็บ แต่ตอนที่ผมล้างแผลให้นะ หน้างี้เบี้ยวเชียว" แกล้งหยอกออกไป จนได้ค้อนวงใหญ่ขว้างกลับมาให้เป็นรางวัล

    "มาทานข้าวกันได้แล้วจ๊ะ อาหารเสร็จแล้ว ชีวอนพยุงพี่เค้าให้ดีๆนะ" ตะโกนเรียกมาจากห้องครัว พร้อมกับสั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้ดูแลเด็กหนุ่มข้างบ้านอย่างเป็นพิเศษ ชีวอนขานรับเสียงใสก่อนจะโอบเอวร่างบางแล้วพาเข้าห้องครัวไป

    "เอ่อ...ที่คุณน้าให้ชีวอนไปเรียกผมมีอะไรเหรอครับ" เอ่ยขึ้นหลังนั่งลงบนเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นน้ากลั้วหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป

    "ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ น้าให้ชีวอนไปเรียกก็เพราะน้าอยากจะชวนเรามาทานข้าวด้วยกัน อยู่บ้านคนเดียวคงจะลำบาก"

    "ไม่ลำบากหรอกฮะแม่ พี่ฮันเค้าทำกับข้าวเก่งจะตายไป อยู่คนเดียวยังไงก็ไม่อดตายหรอก" ตอบแทนคนที่กำลังเคี้ยวข้าวหนุบหนับอยู่ ฮันคยองหันมาถลึงตาใส่ให้เป็นเชิงต่อว่าว่าพูดมาก หากแต่อีกคนกลับยิ้มกวนๆมาให้อย่างเป็นต่อ

    "งั้นเหรอจ๊ะ ดีจัง ผิดกับลูกชายน้าซะจริง รายนี้ปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวทีไร ต้มรามยอนกินทั้งปี" เป็นฝ่ายฮันคยองบ้างที่หัวเราะออกมาอย่างสะใจ ใบหน้าหวานยกยิ้มมุมปากให้อย่างล้อเลียน แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยให้ตายสิ

    "ใครบอกแม่หล่ะฮะ แม่ไม่อยู่ผมก็ไปฝากท้องอยู่ที่บ้านคุณป้าเค้าบ่อยไป เน๊อะพี่ฮันเน๊อะ" ยักคิ้วให้อย่างมีชัย ฮันคยองเบ้หน้าออกมาก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

    "แล้วไปรบกวนคุณป้าเค้ารึป่าวหน่ะ" ถามเสียงเข้ม ชีวอนส่ายหน้าให้น้อยๆก่อนจะรีบกลืนข้าวลงท้อง เพื่อตอบคำถามนี้โดยเฉพาะ

    "ไม่นี่ฮะ แถมคุณป้ายังบอกให้มาเมื่อไรก็ได้อีกด้วยสิ คุณป้าเค้าใจดีหน่ะฮะไม่เหมือนใครบางคน" ตอบด้วยสุ่มเสียงที่เป็นต่อจนฮันคยองต้องวางตะเกียบลง

    "นายว่าใครชีวอน" ขึ้นเสียงดัง ถามกลับออกไปทันควัน จนคนเป็นน้าสะดุ้ง

    "ก็ใครหล่ะ น่าจะรู้ตัวดีนี่นา"

    "ชีวอน!!"

    "เอาอีกแล้ว เถียงกันอีกแล้ว ชีวอนอย่าไปแหย่พี่เค้าสิ ฮันคยองใจเย็นๆนะ" หันไปซ้ายทีขวาที มึนหัวกับสงครามน้ำลายของเด็กทั้งสองนี่จริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนกันเลยให้ตายสิ -*-

    "ก็คุณน้าดูสิฮะ ชีวอนว่าผมก่อน"

    "ผมไม่ได้เอ่ยชื่อซะหน่อย"

    "แต่ใครๆเค้าก็รู้ว่านายว่าฉัน"

    "พี่ร้อนตัวไปเอง"

    "หยุดดดดดดดดดดดด" และแล้วก็ทนไม่ไหว จนต้องตะเบงเสียงดังห้ามออกมา ภายในห้องครัวเงียบกริบลงทันที เด็กหนุ่มสองคนเชิดหน้าใส่กันไปคนละทางก่อนสุ่มเสียงประกาศิตจะออกมาอีกระลอก

    "เถียงกันเป็นเด็กๆไปได้ พอกันทั้งคู่เลย เมื่อไรจะโตกันสักทีนะ" เอ็ดออกไปย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก ชีวอนหันกลับมามองพี่ชายข้างบ้านก็เห็นว่ากำลังก้มหน้าก้มตาสำนึกผิดอยู่....ซะเมื่อไร

    "อ่า~~~ขอโทษครับคุณน้า อย่าโกรธน๊า อารมณ์เสียบ่อยๆแล้วมันไม่ดีต่อสุขภาพจิตนะครับ" มือเรียวเอื้อมไปบีบนวดต้นแขนเล็กเพื่อเอาใจ ทำเอาคนเป็นน้าถึงกับถอนหายใจแล้วอมยิ้มออกมากับความประจบประแจงของคนข้างๆ (แล้วมันดีมั๊ยหล่ะนั่น??)

    "เอาเถอะจ้ะ น้าหายโกรธแล้วก็ได้ ฮันคยองนี่น๊า" ลูบศีรษะทุยๆอย่างรักใคร่ก่อนจะเหล่ตามามองลูกชายสุดที่รัก(?)

    "วันหลังก็อย่าไปหาเรื่องพี่เค้าอีกหล่ะ ชีวอน แม่ก็เห็นนะว่าพี่เค้านั่งของเค้าอยู่ดีๆ แต่เราไปแหย่พี่เค้าก่อนหน่ะ" เป็นงั้นไป....ได้ข่าวว่าผมเป็นลูกแม่ไม่ใช่เหรอคร๊าบบบบบ

    "แม่อ่ะ  ผมลูกแม่นะ" ทำปากยื่นแก้มป่องอย่างงอนๆ มือแกร่งยกขึ้นกอดอกก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

    "กินข้าวกันต่อเถอะจ๊ะ อย่าไปสนใจเด็กไม่ยอมโตเลย" หันไปบอกฮันคยองก่อนจะตักกับข้าวให้ ร่างบางเหล่ตามามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้คนเป็นน้า...นายอ้อนม๊าฉันได้ ฉันก็อ้อนม๊านายได้เหมือนกัน ชีวอน..หึหึ

    หลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อย ร่างบางก็อาสาช่วยล้างจานโดยมีลูกมือเป็นเด็กหนุ่มสุดหล่อที่ดูยังไงๆ ฮันคยองก็ไม่ได้เต็มใจให้มาช่วยเลยสักนิด ถ้าไม่ติดที่คุณน้าบอกว่า ช่วยกันสองคนจะได้เสร็จไวๆ

    และก็ดูเหมือนว่าจะเป็นฮันคยองซะมากกว่าที่ต้องล้าง เพราะอีกคนเอาแต่เล่นเป่าฟองไปมาจนเลอะซิงค์ล้างจานไปหมด ทำให้อีกคนต้องเหนื่อยตามล้างตามเช็ดไปอีก จนทนไม่ไหว

    "ชีวอน!!ถ้านายไม่ช่วยก็ออกไปซะ เกะกะน่ารำคาญ" หันมาขู่ฟ่อ ก่อนจะปาฟองน้ำลงอ่างไปอย่างเหลืออด  ชีวอนเหล่ตามามองก่อนจะหันกลับไปสนใจอยู่กับผ้ากันเปื้อนที่มันเริ่มเปียกโชกแล้วทำการแกะมันออก

    "ไม่ไปหรอก อยู่กับพี่ในนี่ดีกว่าออกไปข้างนอกเป็นไหนๆ" ลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะเดินไปนั่งมองคนที่หน้าขึ้นสีเพราะความโกรธที่โต๊ะทานข้าวที่เพิ่งจะเคลียร์เสร็จ

    "ทำไปสิ ผมจะนั่งเป็นกำลังใจให้" ผายมือเชิงให้เกียรติก่อนจะนั่งอมยิ้มมองคนที่กำลังกระแทกจานลงล้างอย่างไม่ค่อยจะเบามือนัก ริมฝีปากบางบ่นงุบงิบไปตลอดเวลาที่ล้างจนเสร็จ

    "เสร็จแล้วก็ออกไปกันเถอะ ข้างในนี้ร้อนจะแย่" ลุกขึ้นยืดตัวยืนเต็มความสูง เมื่อคนตัวเล็กทำการดึงผ้ากันเปื้อนออกจากตัว แต่ด้วยความที่พื้นลื่น (ซึ่งเกิดจากฝีมือของไอ้เด็กหน้าหล่อที่มันเล่นฟองน้ำยาล้างจานไปก่อนหน้านั้น) ทำให้ฮันคยองถึงกับเสียหลักลื่นล้ม แต่ก่อนที่ปั้นท้ายงามๆจะจั๊มบ๊ะลงกับพื้นกระเบื้องก็มีมือหนาคว้าเอวเอาไว้ทันเสียก่อน

    อกบางประทะเข้ากับแผ่นอกแกร่งของอีกคนตามแรงกระฉาก พร้อมๆแก้มใสที่ถูกสันจมูกโด่งได้รูปฝังประทับอยู่ตอนไหนก็ไม่รู้ ฮันคยองอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะได้สติ ขยับตัวออกมาจากวงแขนแกร่ง ชีวอนมองลงมาอย่างล้อๆก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนในอ้อมกอดหน้าขึ้นสี

    "ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั๊ย" ก้มลงไปกระซิบข้างหูนิ่ม แต่ก็ได้ความเงียบตอบกลับมา ฮันคยองไม่ได้พูดอะไรออกไป จะพูดให้ถูกฮันคยองไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปากขึ้นพูดเลยต่างหากหล่ะ.....เพราะอะไรหน่ะเหรอ

    .....ก็เพราะเรียวขายาวที่สอดมาอยู่ระหว่างหว่างขาของเค้าหน่ะสิ!!........
    .
    .
    .
    .
    TBC.......................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×