คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Love Inspired....Chapter 13
Love Inspired...Chapter 13
.
.
.
เสียงฟ้าฝนที่คำรามดังก้องอยู่ภายนอกตั้งแต่เช้า ทำให้ร่างบางของใครบางคนที่นอนก่ายอยู่กับร่างของอีกคนจำต้องลุกขึ้นมาปิดหน้าต่างบานเล็กลงอย่างเนือยๆ
มือเล็กยกขึ้นยีหัวจนฟูก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอีกครั้ง แต่แล้วเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งปลุกเอาไว้เมื่อคืนก็แผดเสียงดังออกมาขัดเวลาการนอน ทำเอาทงเฮถึงกับอารมณ์เสีย มันจะอะไรกันนักหนานะ!!
"เช้าแล้วเหรอ ทงเฮ" เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนจะปรือตาขึ้นมามองนาฬิกาบนหัวเตียง
"อืม จะ7 โมงแล้ว แต่ฟ้าข้างนอกนี่มืดอย่างกับตี 5 แน่ะ" บ่นออกมาอย่างงัวเงียก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
"ฝนจะตกเหรอ"
"อืม" ตอบออกมาเสียงแผ่ว นัยน์ตาเล็กเริ่มปรือลงอีกครา แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกรอบ มืออีกคนก็เอื้อมมาเขย่าปลุกพลางดึงให้ลุกขึ้น
"ซองมินนา ขอต่ออีก 5 นาทีไม่ได้เหรอ ฉันยังง่วงอยู่เลยนะ" อ้อนอย่างกับเด็ก ซองมินส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะออกแรงฉุดเพิ่มไปอีกเท่าตัว
"ไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ" ดันแผ่นหลังคนที่เค้าเพิ่งจะฉุดให้ลุกขึ้นยืนได้เข้าห้องน้ำไปก่อนจะหยิบผ้าขนหนู แล้วกดล็อคประตูห้องน้ำให้เสร็จสรรพ
"แล้วห้ามเข้าไปหลับในห้องน้ำนะทงเฮ"
"รู้แล้วน่า"
.
.
"วันนี้นายยังไม่ต้องไปโรงเรียนหรอกนะ อากาศแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ นอนพักอยู่กับบ้านนี่แหละดีแล้ว" เอ่ยปรามอีกคนที่กำลังทำท่าว่าจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเค้า
"แต่ฉันหยุดเรียนไปหลายวันแล้วนะ กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน" ยู่หน้าอย่างขอร้อง แต่คำตอบของอีกคนยังคงเป็นเหมือนเดิมจนซองมินเบ้ปาก
"อย่าดื้อเข้าใจมั๊ย ยังไม่หายดี อาจารย์เค้ารู้หรอกน่า" เอื้อมมือมายีหัวกลมเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกเป้ขึ้นสะพาย พร้อมกับโบกมือลาอีกคน
"ตอนเย็นเจอกันนะ"
"ทงเฮอา~~ ฉันอยากไปเรียนนี่นา" ตะโกนไล่หลังเพื่อนสนิทไป แต่อีกคนกลับเอาแต่รีบวิ่งเพื่อให้ทันเข้าเรียนก่อนที่ฝนจะตก ซองมินสะบัดตัวเดินเข้าบ้านไปอย่างเซ็งๆก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไม่กลัวเจ็บ
"ชิส์...ก็แค่เป็นลมสลบไปแค่นี้ ทำอย่างกับฉันเป็นอะไรสักอย่างที่ใกล้ตายแล้วอย่างนั้นแหละ" บ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟากว้าง
เวลาผ่านพ้นไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ซองมินเดินไปกดรับอย่างเนือยๆ ก่อนจะเบ้หน้าอีกรอบ มันถึงขนาดนี้เลยเหรอ...
"อืม ทงเฮ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอก ฉันจะไปไหนได้เล่า ก็ฉันไม่สบายอยู่นี่" พูดประชดอีกคนพอเจ็บๆคันๆ เสียงปลายสายหัวเราะกลับมาก่อนจะขอตัววางสายไป ที่ไม่โทรเข้ามือถือก็เพราะว่ามันสามารถนำติดตัวไปไหนก็ได้ โดยที่ปลายสายไม่สามารถรู้ได้เลยว่าบางทีคนที่บอกว่าอยู่บ้านหน่ะ จะอยู่จริงรึป่าวหน่ะสิ!!
.
.
"นี่คยู เดี๋ยวนี้รุ่นพี่ที่น่ารักๆคนนั้นไม่มาหานายแล้วเหรอวะ" เสียงเพื่อนสนิทในกลุ่มเอ่ยขึ้น ร่างสูงละสายตาจากหนังสือเรียนเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างท่าทีไม่ใส่ใจ
"อืม..." สายตายังจับจ้องอยู่กับสูตรเคมี แต่ใจหน่ะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วหล่ะ เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วที่เค้าไม่เห็นซองมิน แม้บางทีที่เดินผ่านห้องเรียนของร่างเล็กแต่กับไร้ร่างที่เคยนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มีเพียงทงเฮที่นั่งอยู่คนเดียว...แล้วซองมินหล่ะไปไหนกัน??
"ได้ข่าวว่าพี่เค้าไม่สบายนี่หว่า เห็นเด็กปี 1 พูดกัน เพราะเห็นพี่เค้าเดินออกมาจากโรงพยาบาล" ยังคงพูดไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเล่าเรื่องคนอื่นให้ฟัง แต่มันทำให้คยูฮยอนเลิกคิ้วสงสัยได้ไม่ยาก...ออกจากโรงพยาบาลงั้นเหรอ
"ช่างเค้าประไร" แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เก็บงำอาการอยากรู้เอาไว้ ก่อนจะปิดสมุดลงพร้อมกับขอตัวไปห้องน้ำโดยที่อีกคนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่มันเปลี่ยนไปเลยสักนิด
ขายาวก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของอีกคนตอนที่เค้าไปพักกลางวันกันหมดแล้ว ยังเหลือนักเรียนอีก 2-3 คนที่ห่อข้าวมากิน แล้วนั่งกินกันอยู่ในห้อง วันนี้ก็เหมือนอย่างเคย ซองมินไม่ได้มาโรงเรียน หลังจากยืนอยู่นานก็รู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดที่ไหล่ สายตาคมหันกลับไปมองก็พบกับทงเฮที่ยืนกอดอกมองมาอยู่
"มาทำไม??" เสียงหวานถามขึ้อย่างห้วนๆ สายตาที่ส่งมามีแต่ความแข็งกร้าว คยูฮยอนปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะโกหกคำโตออกไป
"ผมมาหาเพื่อน แล้วก็กำลังจะกลับ" ตอบเสียงเรียบก่อนจะเชิดหน้าตรงอย่างวางฟอร์ม
"ฉันนึกว่านายจะมาเยาะเย้ยซองมินซะอีก แต่เสียใจด้วยนะที่วันนี้ซองมินไม่ได้มาโรงเรียน"
"แล้วผมต้องถามพี่มั๊ยว่าทำไมพี่ซองมินถึงไม่มาเรียน??" แสร้งทำเป็นกดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน จนคนตัวเล็กหน้าขึ้นสีเพราะความโกรธ
"ไม่ต้อง!! เพราะถึงนายจะถามมันออกมาจริงๆ ฉันก็ไม่มีวันบอกนายหรอก" พูดจบก็เดินกระแทกไหล่ของอีกคนอย่างจงใจ ก่อนจะหันมามองด้วยสายตาที่พร้อมจะเอาเรื่องคนร่างสูงได้ทุกเวลา คยูฮยอนเบ้หน้าออกมาอย่างเจ็บปวดเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินจากไป...คนอะไรวะ ตัวเล็กแต่แรงเยอะฉิบ -^-*
.
.
"พี่!! แม่ผมเรียกให้ไปหาเดี๋ยวนี้เลย" ร่างสูงที่เดินมาหยุดยืนตะโกนอยู่หน้าบ้านทั้งๆที่ในมือยังถือถุงขนมอยู่ ทำให้ฮันคยองต้องปล่อยมือจากพลั่วพรวนดินอันเล็กแล้วหันมามอง
"คุณน้าเรียก??" เลิกคิ้วเรียวเป็นเชิงถาม และก็ได้รับการพยักหน้ารับเป็นคำตอบ
"เรื่องอะไร"
"ไม่รู้ รีบมาเถอะ เดี๋ยวคุณแม่รอนาน" เดินไปฉุดคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นพร้อมกับกุมมือเล็กไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนที่จะจูงเดินไปด้วยกัน
"ชีวอน ไม่ต้องจับมือก็ได้ ฉันเดินเองได้น่า" พยายามแกะมือกาวออกแต่คนอย่างชีวอน มีเหรอที่จะปล่อยมือนิ่มออกง่ายๆ
"เดี๋ยวพี่ล้ม ไม่เป็นไรหรอก" ตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะเดินนำหน้าไปอย่างไม่สนอาการทั้งสะบัดทั้งแกะมือเค้าออกของคนตัวเล็กเลยสักนิด แต่ยังไม่ทันได้เดินถึงหน้าบ้านดี จู่ๆแขนข้างที่จูงมืออีกคนไว้ถึงกับกระตุกฮวบ ชีวอนรีบหันไปมองหาสาเหตุและก็พบกับ
"พี่!!" ฮันคยองลงไปนั่งคุกเข่ากองกับพื้นในท่าเทพธิดา(-__-"") พร้อมกับที่เข่ามีเลือดสีสดซึมออกมาประปราย ร่างบางเบ้หน้าอย่างเจ็บปวดก่อนจะพยายามยันตัวเองขึ้นยืน
"พี่เจ็บมั๊ย ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้หล่ะ" ถามออกไปอย่างร้อนรน มือแกร่งรีบพยุงคนตัวเล็กขึ้นยืนก่อนจะก้มลงไปดูแผล ถึงไม่ใหญ่มาก แต่ก็เรียกเลือดได้เยอะทีเดียว
"ฉัน...ฉัน..สะดุดขาตัวเองหน่ะ" ส่งยิ้มให้แกนๆ ก่อนจะนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่ออีกคนเอื้อมมือมาแตะบริเวณปากแผล
"รีบไปทำแผลเถอะ เดี๋ยวเชื้อโรคจะเข้าเอานะ" พูดจบก็ช้อนตัวร่างบางขึ้นมาอุ้มแนบอกเอาไว้ คนตัวเล็กร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ทั้งดิ้นทั้งผลักแต่ก็ไม่เป็นผล
"แค่แผลถลอก ฉันเดินเองได้น่า ชีวอนปล่อยนะ"
"อย่าดิ้นสิพี่ ขาเจ็บอยู่นะ" เอ็ดเสียงเข้มออกไป จนฮันคยองนิ่วหน้าอีกรอบ แต่ก็ยอมสงบโดยดี
"แม่ฮะ ผมขอกล่องยาหน่อยสิฮะ" ตะโกนออกไปทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวผู้เป็นแม่ เสียงขานรับที่ดังมาจากในครัวทำให้ชีวอนแน่ใจว่าผู้เป็นแม่คงจะได้ยินแล้ว
"ว๊าย!! ตายจริง ฮันคยองไปทำอะไรมาลูก ทำไมถึงได้เลือดออกขนาดนี้หล่ะ" อุทานออกมาอย่างตกใจ มือเรียวพลักตัวชีวอนให้ออกไปห่างๆจนคนเป็นลูกไปนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงดูแผลของคนที่ตนรักเหมือนลูกอีกคน
"หกล้มนิดหน่อยหน่ะฮะ" ยิ้มให้อย่างแกนๆ ก่อนจะก้มลงไปดูแผลตัวเอง แผลแค่นี้ทำไมถึงต้องตกใจกันซะขนาดนั้นนะ??
"ชีวอนไปเอาน้ำมาล้างแผลให้พี่เค้าทีสิ"ออกปากสั่ง มือบางแกะกล่องยาเพื่อหยิบสำลีมาเช็ดเลือด ก่อนจะใช้สำลีจุ่มน้ำเพื่อเช็ดแผลหลังจากที่อีกคนนำมันมาวางไว้ข้างๆ
"เจ็บมั๊ยจ๊ะ" เงยหน้าขึ้นมาถามอย่างเป็นห่วง ฮันคยองส่ายหน้าให้น้อยๆ เป็นเชิงตอบก่อนจะหันไปมองชีวอนที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่
"แม่ให้ผมทำให้ก็ได้ แม่ไปทำกับข้าวต่อเถอะ" ไล่ทางอ้อม แต่หญิงวัยกลางคนที่ตัวเองเรียกว่าแม่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไป
"แม่ฮะ" ส่งสายตาตัดพ้อไปให้ ทำเอาคนเป็นแม่ต้องยิ้มออกมาอย่างขันๆก่อนจะยกหน้าที่พยาบาลจำเป็นให้คนเป็นลูกได้ทำหน้าที่ต่ออย่างสมใจ ดูเหมือนจะแปลกประหลาดไปสักหน่อยในความคิดฮันคยอง เมื่อเปรียบเทียบครอบครัวชีวอนกับครอบครัวของเค้าเอง
ฝ่ายชีวอนดูเหมือนว่าคุณน้าจะเอาอกเอาใจเค้าเป็นพิเศษบางทีดูเหมือนจะใส่ใจมากกว่าลูกของตัวเองซะอีก ส่วนทางฝั่งของเค้าดูเหมือนว่าหม่าม้าจะดูแลเอาใจชีวอนเป็นพิเศษ จนบางทีเค้าเองก็แอบอิจฉาอยู่หลายๆครั้ง แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอแบบนี้หน่ะ.....
"พี่เจ็บมั๊ย" ถามขึ้นเมื่อจิ้มสำลีที่โชกไปด้วยน้ำยาล้างแผลลงไปที่ปากแผล ริมฝีปากเรียวเป่าลมลงไปที่ปากแผลกันอีกคนรู้สึกแสบ ฮันคยองส่ายหน้าไปให้เป็นคำตอบ ก่อนที่พลาสเตอร์ยาจะถูกแปะลงไปบนหัวเข่ามน
"ขอบใจ" ก้มดูหัวเข่าตัวเองพลางลูบไปมาเบาๆ ชีวอนขึ้นมานั่งข้างๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเข่าของอีกคนเป็นเชิงปลอบ
"เดี๋ยวก็หายแล้ว"
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย นายกลัวไปเองทั้งนั้น" ทำหน้างอเมื่อเห็นอีกคนยกยิ้มอย่างไม่เชื่อ
"ยิ้มอะไร" เอ่ยถามเสียงห้วนเมื่อเห็นอีกคนยังไม่มีทีท่าว่าจะหุบยิ้มลงง่ายๆ
"ก็ขำพี่หน่ะสิ ปากก็บอกว่าไม่เจ็บ แต่ตอนที่ผมล้างแผลให้นะ หน้างี้เบี้ยวเชียว" แกล้งหยอกออกไป จนได้ค้อนวงใหญ่ขว้างกลับมาให้เป็นรางวัล
"มาทานข้าวกันได้แล้วจ๊ะ อาหารเสร็จแล้ว ชีวอนพยุงพี่เค้าให้ดีๆนะ" ตะโกนเรียกมาจากห้องครัว พร้อมกับสั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้ดูแลเด็กหนุ่มข้างบ้านอย่างเป็นพิเศษ ชีวอนขานรับเสียงใสก่อนจะโอบเอวร่างบางแล้วพาเข้าห้องครัวไป
"เอ่อ...ที่คุณน้าให้ชีวอนไปเรียกผมมีอะไรเหรอครับ" เอ่ยขึ้นหลังนั่งลงบนเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นน้ากลั้วหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
"ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ น้าให้ชีวอนไปเรียกก็เพราะน้าอยากจะชวนเรามาทานข้าวด้วยกัน อยู่บ้านคนเดียวคงจะลำบาก"
"ไม่ลำบากหรอกฮะแม่ พี่ฮันเค้าทำกับข้าวเก่งจะตายไป อยู่คนเดียวยังไงก็ไม่อดตายหรอก" ตอบแทนคนที่กำลังเคี้ยวข้าวหนุบหนับอยู่ ฮันคยองหันมาถลึงตาใส่ให้เป็นเชิงต่อว่าว่าพูดมาก หากแต่อีกคนกลับยิ้มกวนๆมาให้อย่างเป็นต่อ
"งั้นเหรอจ๊ะ ดีจัง ผิดกับลูกชายน้าซะจริง รายนี้ปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวทีไร ต้มรามยอนกินทั้งปี" เป็นฝ่ายฮันคยองบ้างที่หัวเราะออกมาอย่างสะใจ ใบหน้าหวานยกยิ้มมุมปากให้อย่างล้อเลียน แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยให้ตายสิ
"ใครบอกแม่หล่ะฮะ แม่ไม่อยู่ผมก็ไปฝากท้องอยู่ที่บ้านคุณป้าเค้าบ่อยไป เน๊อะพี่ฮันเน๊อะ" ยักคิ้วให้อย่างมีชัย ฮันคยองเบ้หน้าออกมาก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
"แล้วไปรบกวนคุณป้าเค้ารึป่าวหน่ะ" ถามเสียงเข้ม ชีวอนส่ายหน้าให้น้อยๆก่อนจะรีบกลืนข้าวลงท้อง เพื่อตอบคำถามนี้โดยเฉพาะ
"ไม่นี่ฮะ แถมคุณป้ายังบอกให้มาเมื่อไรก็ได้อีกด้วยสิ คุณป้าเค้าใจดีหน่ะฮะไม่เหมือนใครบางคน" ตอบด้วยสุ่มเสียงที่เป็นต่อจนฮันคยองต้องวางตะเกียบลง
"นายว่าใครชีวอน" ขึ้นเสียงดัง ถามกลับออกไปทันควัน จนคนเป็นน้าสะดุ้ง
"ก็ใครหล่ะ น่าจะรู้ตัวดีนี่นา"
"ชีวอน!!"
"เอาอีกแล้ว เถียงกันอีกแล้ว ชีวอนอย่าไปแหย่พี่เค้าสิ ฮันคยองใจเย็นๆนะ" หันไปซ้ายทีขวาที มึนหัวกับสงครามน้ำลายของเด็กทั้งสองนี่จริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนกันเลยให้ตายสิ -*-
"ก็คุณน้าดูสิฮะ ชีวอนว่าผมก่อน"
"ผมไม่ได้เอ่ยชื่อซะหน่อย"
"แต่ใครๆเค้าก็รู้ว่านายว่าฉัน"
"พี่ร้อนตัวไปเอง"
"หยุดดดดดดดดดดดด" และแล้วก็ทนไม่ไหว จนต้องตะเบงเสียงดังห้ามออกมา ภายในห้องครัวเงียบกริบลงทันที เด็กหนุ่มสองคนเชิดหน้าใส่กันไปคนละทางก่อนสุ่มเสียงประกาศิตจะออกมาอีกระลอก
"เถียงกันเป็นเด็กๆไปได้ พอกันทั้งคู่เลย เมื่อไรจะโตกันสักทีนะ" เอ็ดออกไปย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก ชีวอนหันกลับมามองพี่ชายข้างบ้านก็เห็นว่ากำลังก้มหน้าก้มตาสำนึกผิดอยู่....ซะเมื่อไร
"อ่า~~~ขอโทษครับคุณน้า อย่าโกรธน๊า อารมณ์เสียบ่อยๆแล้วมันไม่ดีต่อสุขภาพจิตนะครับ" มือเรียวเอื้อมไปบีบนวดต้นแขนเล็กเพื่อเอาใจ ทำเอาคนเป็นน้าถึงกับถอนหายใจแล้วอมยิ้มออกมากับความประจบประแจงของคนข้างๆ (แล้วมันดีมั๊ยหล่ะนั่น??)
"เอาเถอะจ้ะ น้าหายโกรธแล้วก็ได้ ฮันคยองนี่น๊า" ลูบศีรษะทุยๆอย่างรักใคร่ก่อนจะเหล่ตามามองลูกชายสุดที่รัก(?)
"วันหลังก็อย่าไปหาเรื่องพี่เค้าอีกหล่ะ ชีวอน แม่ก็เห็นนะว่าพี่เค้านั่งของเค้าอยู่ดีๆ แต่เราไปแหย่พี่เค้าก่อนหน่ะ" เป็นงั้นไป....ได้ข่าวว่าผมเป็นลูกแม่ไม่ใช่เหรอคร๊าบบบบบ
"แม่อ่ะ ผมลูกแม่นะ" ทำปากยื่นแก้มป่องอย่างงอนๆ มือแกร่งยกขึ้นกอดอกก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
"กินข้าวกันต่อเถอะจ๊ะ อย่าไปสนใจเด็กไม่ยอมโตเลย" หันไปบอกฮันคยองก่อนจะตักกับข้าวให้ ร่างบางเหล่ตามามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้คนเป็นน้า...นายอ้อนม๊าฉันได้ ฉันก็อ้อนม๊านายได้เหมือนกัน ชีวอน..หึหึ
หลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อย ร่างบางก็อาสาช่วยล้างจานโดยมีลูกมือเป็นเด็กหนุ่มสุดหล่อที่ดูยังไงๆ ฮันคยองก็ไม่ได้เต็มใจให้มาช่วยเลยสักนิด ถ้าไม่ติดที่คุณน้าบอกว่า ช่วยกันสองคนจะได้เสร็จไวๆ
และก็ดูเหมือนว่าจะเป็นฮันคยองซะมากกว่าที่ต้องล้าง เพราะอีกคนเอาแต่เล่นเป่าฟองไปมาจนเลอะซิงค์ล้างจานไปหมด ทำให้อีกคนต้องเหนื่อยตามล้างตามเช็ดไปอีก จนทนไม่ไหว
"ชีวอน!!ถ้านายไม่ช่วยก็ออกไปซะ เกะกะน่ารำคาญ" หันมาขู่ฟ่อ ก่อนจะปาฟองน้ำลงอ่างไปอย่างเหลืออด ชีวอนเหล่ตามามองก่อนจะหันกลับไปสนใจอยู่กับผ้ากันเปื้อนที่มันเริ่มเปียกโชกแล้วทำการแกะมันออก
"ไม่ไปหรอก อยู่กับพี่ในนี่ดีกว่าออกไปข้างนอกเป็นไหนๆ" ลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะเดินไปนั่งมองคนที่หน้าขึ้นสีเพราะความโกรธที่โต๊ะทานข้าวที่เพิ่งจะเคลียร์เสร็จ
"ทำไปสิ ผมจะนั่งเป็นกำลังใจให้" ผายมือเชิงให้เกียรติก่อนจะนั่งอมยิ้มมองคนที่กำลังกระแทกจานลงล้างอย่างไม่ค่อยจะเบามือนัก ริมฝีปากบางบ่นงุบงิบไปตลอดเวลาที่ล้างจนเสร็จ
"เสร็จแล้วก็ออกไปกันเถอะ ข้างในนี้ร้อนจะแย่" ลุกขึ้นยืดตัวยืนเต็มความสูง เมื่อคนตัวเล็กทำการดึงผ้ากันเปื้อนออกจากตัว แต่ด้วยความที่พื้นลื่น (ซึ่งเกิดจากฝีมือของไอ้เด็กหน้าหล่อที่มันเล่นฟองน้ำยาล้างจานไปก่อนหน้านั้น) ทำให้ฮันคยองถึงกับเสียหลักลื่นล้ม แต่ก่อนที่ปั้นท้ายงามๆจะจั๊มบ๊ะลงกับพื้นกระเบื้องก็มีมือหนาคว้าเอวเอาไว้ทันเสียก่อน
อกบางประทะเข้ากับแผ่นอกแกร่งของอีกคนตามแรงกระฉาก พร้อมๆแก้มใสที่ถูกสันจมูกโด่งได้รูปฝังประทับอยู่ตอนไหนก็ไม่รู้ ฮันคยองอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะได้สติ ขยับตัวออกมาจากวงแขนแกร่ง ชีวอนมองลงมาอย่างล้อๆก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนในอ้อมกอดหน้าขึ้นสี
"ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั๊ย" ก้มลงไปกระซิบข้างหูนิ่ม แต่ก็ได้ความเงียบตอบกลับมา ฮันคยองไม่ได้พูดอะไรออกไป จะพูดให้ถูกฮันคยองไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปากขึ้นพูดเลยต่างหากหล่ะ.....เพราะอะไรหน่ะเหรอ
.....ก็เพราะเรียวขายาวที่สอดมาอยู่ระหว่างหว่างขาของเค้าหน่ะสิ!!........
.
.
.
.
TBC.......................................................................................................................
ความคิดเห็น