คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Love Inspired....Chapter 8 (แก้ไขแล้วได้แค่นี้ - * -)
Love Inspired....Chapter 8
.
.
Edit.........แก้ใหม่แล้วนะคร๊าบบบบบ เนื้อหาแก้เล็กน้อย (เท่านั่นจิงๆ) หรือแทบไม่ได้แก้ แต่ก็มีแก้แหละ
ไม่เชื่อเชิญอ่านใหม่ได้เลย (จิงๆนะ)
.
.
.
.
.
.
.
"ซองมินกินข้าวนิดนึงนะ เดี๋ยวเป็นลมไปจะแย่เอา"บอกออกไปด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว ที่ซองมินไม่แตะต้องของกินเลย เอาแต่นั่งเหม่อ ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะตอบสักเท่าไรจนทงเฮเป็นห่วง
"ฉันไม่หิว ทงเฮกินไปเถอะ" ตอบทั้งๆที่ไม่หันมามอง นัยน์ตาเศร้ามองทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมาย
"แต่นี่ของโปรดซองมินทั้งนั้นเลยนะ ฉันอุตส่าห์ไปต่อคิวซื้อให้ซองมินตั้งแต่เช้าเลย" ยื่นกล่องข้าวให้เพื่อนสนิท ขะยั้นขะยอให้อีกคนรับไป หากแต่ซองมินยังนั่งเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อน
"ซองมินนา~~~~ อย่าทำแบบนี้สิ คนแบบนั้นนายจะไปแคร์อะไรนักหนานะ ในเมื่อเค้าไม่สนใจเรา เราจะไปนั่งคิดให้ช้ำใจทำไมกัน" มือเล็กโอบเข้าที่เอวบางของอีกคน พลางเขย่าเบาๆ เหนื่อยใจกับไข้ใจของเพื่อนตัวอวบคนนี้ซะจริง
"ฉันทำไม่ได้ นายรู้มั๊ยมันเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็นคนที่เราชอบไม่สนใจเราเลยสักนิดหน่ะ สักนิดเดียวฉันก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในสายตาของคยูฮยอนเลย"
"ก็ใช่หน่ะสิ แล้วอย่างนี้ นายจะไปสนใจอีกทำไมอ่ะ เอาเป็นว่านายกินข้าวหน่อยนะ ลองคิดดูสิ ถึงนายจะตรอมใจแค่ไหน หมอนั่นก็ไม่รู้หรอก แต่ในทางกลับกันคนที่เจ็บปวดที่เห็นนายเป็นอย่างนี้หน่ะคือฉันนะ ซองมิน" มือเล็กเอื้อมมาประคองใบหน้าหวานให้เงยมาสบตา แววตาเป็นห่วงที่ส่งออกไปทำให้ซองมินถึงกับบ่อน้ำตาแตกอีกครั้ง
"ฮึก....ทงเฮ ฉัน...ฮึก..ขอโทษนะ ฉันทำให้ทงเฮต้องลำบากใจอีกแล้ว" โผเข้ากอดอีกคน ซบใบหน้าลงกับอกบาง ร้องไห้จนตัวโยน มือบางกอดเอวอีกคนไว้แน่นอย่างต้องการที่พักพิง
"ซองมินไม่เคยทำให้ฉันต้องลำบากใจสักครั้งเลยนะ เอาอย่างงี้ ถ้าซองมินไม่อยากให้ฉันลำบากใจ นายก็ต้องรักตัวเองด้วยสิ " ลูบกลุ่มผมนิ่มของอีกคนอย่างปลอบประโลม ก่อนจะดึงอีกคนออกจากอ้อมกอดให้เงยมาสบตา
"ฉัน..."
"กินข้าวหน่อยนะ จะได้มีแรงคิดกันไงว่าจะเอาไงต่อไป" เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของอีกคนอย่างเเผ่วเบา ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบกล่องข้างบนโต๊ะ แล้วเปิดป้อนให้อีกคนได้ทาน
"อ้ามมมมม....อ้าปากหน่อยเร๊ว" ส่งยิ้มสดใสให้อีกคน ซองมินยิ้มกลับไปให้เล็กน้อยก่อนจะทำตามใจเพื่อนรักโดยการปล่อยให้อีกคนป้อนข้าวตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย
"ขอบคุณนะทงเฮ" พูดขอบคุณอีกคนด้วยใจจริง ไม่ว่าเมื่อไร ทงเฮก็อ่อนโยนกับเค้าเสมอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
.
.
.
"นี่..."นิ้วเเกร่งสะกิดยิกเข้าที่ต้นแขนบางของอีกคน ทำให้ร่างที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด จำต้องละสายตาจากหนังสือแล้วเงยขึ้นไปมองรุ่นน้องร่างถึกที่มานั่งจ้องหน้าเค้าอยู่ครู่ใหญ่แล้ว
"มีอะไรก็พูดมาสิ เอาแต่จ้องอยู่อย่างนี้แล้วฉันจะรู้มั๊ยหล่ะ" พูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะปิดหนังสือลงอย่างหน่ายๆ
"คือ..ได้ข่าวว่ามีคนมาจีบอีทึกใช่ป่ะ ชื่ออะไรนะ??" ในที่สุดก็พูดไป หลังจากที่เงียบเพราะกำลังเรียงประโยคที่ใช้ถามอีกคนอยู่ว่าจะถามว่าอย่างไงดี
"คยูฮยอน"
"เออ นั่นแหละ คือนายก็รู้แล้วใช่ม๊าว่าฉัน....เออ..."
"อืม รู้แล้ว ชีวอนเป็นคนบอก" ตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่เอาแต่จับนิ้วของเค้าเล่นเกี่ยวกันไปมาอย่างกับเด็ก 5 ขวบ
"เอ่อ...แล้วอีทึกเค้าว่าไงบ้างอ่ะ??" ถามอย่างตื่นเต้น มือแกร่งบิดไปมาอย่างรอลุ้นในคำตอบ
"ก็ปฏิเสธไป แต่ก็น่าเสียดายนะ หล่อขนาดนั้นแท้ๆ" พูดออกไปอย่างเสียดาย จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องกระแอมขึ้นมาเบาๆ
"อะไรติดคอเหรอ ชีวอน??" ถามเสียงเรียบ เหล่ตาไปมอง ก็เห็นเด็กตัวโตนั่งทำหน้างอไม่สบอารมณ์อยู่
"พี่ชมคนอื่นต่อหน้าผมได้ยังไงกัน" พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะเขยิบเข้ามานั่งใกล้อีกคนจนสะโพกแนบชิดกัน
"จะมานั่งเบียดทำไมเล่า ที่ก็เหลืออีกตั้งเยอะ" บิดเข้าที่สีข้างของคนตัวโต เป็นผลให้อีกคนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ ทุกสายตาภายในห้องสมุดต่างจ้องมองมาด้วยสายตาติเตียนครู่ใหญ่ก่อนจะก้มลงกลับไปอ่านหนังสือกันต่อไปอย่างไม่มีใครสนใจใคร
"ผมเจ็บนะ" พูดกระซิบตัดพ้อคนตัวเล็ก มือแกร่งลูบที่สีข้างตัวเองป้อยๆก่อนจะเบ้หน้าเมื่ออีกคนทำไม่สนใจ
"ก็อยากมาลุ่มล่ามก่อนทำไม่กันเล่า ห้องสมุดนะ ไม่ใช่ที่บ้าน" ขว้างค้อนวงใหญ่กลับไป ก่อนจะมีเสียงกระแอมขัดขึ้นมา (สรุปว่าถ้าอยู่ที่บ้านก็ทำได้ใช่ม๊ะ?? :)
"นี่...สนใจฉันหน่อยสิ ฉันก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ" คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างขัดใจ เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนนั้นเงียบแล้วจึงเอ่ยธุระของตัวเองต่อ
" ฮันคยอง..นายจะช่วยฉันได้มั๊ยอ่ะ??" เอ่ยถามขึ้นมาอย่างออดอ้อน เพราะรู้ว่าร่างบางตรงหน้าก็เชียร์เค้าอยู่เหมือนกัน ถึงจะไม่แสดงอาการก็เถอะ
"ช่วยเรื่องอะไร" เอียงคอถามอย่างสงสัย นิ้วเรียวเกาเข้าที่แก้มเนียน จนชีวอนต้องเอื้อมมาจับให้หยุด...กลัวใครเค้าจะเห็นความน่ารักของคนตัวเล็กที่ต้องมีแต่เค้าเท่านั้นที่จะได้ครอบครองมัน
"พี่อย่าทำท่าน่ารักแบบนั้นสิ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า" เอ็ดออกไปอย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก มือก็ยังจับข้อมือเล็กแน่นไม่ยอมปล่อย
"อะไรของนาย บ้ารึป่าวเนี่ยชีวอน...ประสาท" หันไปแหวะไอ้เด็กตัวโตเกินวัย ส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะหันมาสนใจอยู่กับเรื่องของคังอินใหม่
"คืออย่างนี้นะ ฉันรู้ว่าฉันกวนประสาทเค้าไว้เยอะ แต่นายก็รู้ใช่ม๊า ว่าที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าฉันอยากคุยกับเค้าหน่ะ" พูดไปก็บิดมือไป ใบหน้าคมเข้มเริ่มขึ้นสีระเรื่ออีกรอบก่อนที่จะไปเป็นแดงก่ำ
"แล้วไง"
"ก็เลยอยากให้นายช่วย" พูดอ้อมแอ้ม จ้องมองหน้าหวานอย่างอ้อนวอนเต็มที่
"เออ...ใช่ คังอิน ฉันว่าจะถามนายมานานแล้ว นายกับอีทึกไปรู้จักกันได้ยังไงอ่ะ ฉันถามรายนั้น มันไม่ยอมบอกท่าเดียวเลย"
"อ๋อ....เรื่องนั้นหน่ะเหรอ แหะๆๆ คือ...คือ..." พูดอ้ำอึ้งจนคนฟังทนรอไม่ไหว
"ไม่เป็นไรงั้นที่บอกให้ฉันช่วยก็คงจะรู้คำตอบแล้วนะ" พูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ จนอีกคนร้องโวยขึ้นมา
"ไม่ได้นะ..คือ..ก็ได้ จะเล่าเดี๋ยวนี้แหละ" หยุดไปชั่วอึดใจใหญ่จนฮันคยองต้องกระแอมเตือนขึ้นมาอีกครั้ง
"อ้อ..คือวันนั้น ฉันเพิ่งเลิกจากซ้อมเทควันโด แล้วทีนี้...ตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้วด้วย ชีวอนก็กลับไปแล้ว มันก็เลยเหลือฉันอยู่คนเดียว" พูดจบประโยคก็กลืนน้ำลายเหนียวหนืดก้อนใหญ่ลงคอก่อนจะเล่าต่อไป
"ฉันรู้สึกว่าเหนียวตัวก็เลยกะว่าจะไปอาบน้ำก่อนกลับบ้าน ตอนนั้นฉันไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่ห้องล็อคเกอร์แล้วเพราะมันเย็นจะใกล้ค่ำแล้ว ก็เลยเปิดประตูพรวดเข้าไป แล้วก็......" หยุดอยู่แค่นั้น พอเล่ามาถึงตรงนี้ จู่ๆหน้าของคังอินก็แดงขึ้นมา จนคนฟังทั้งสองสงสัย
"แล้วก็อะไร" เป็นชีวอนที่เร่งถามขึ้นมา คังอินอมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเล่าต่อ
"ฉันได้ยินเสียงน้ำมาจากในห้องน้ำ ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็เดินเข้าไป"
"ทั้งๆที่ได้ยินเสียงน้ำเปิดอยู่แล้วนายยังจะเดินเข้าไปอีกเนี่ยนะ??" ชีวอนถามออกมาอย่างเหลือเชื่อ แต่คังอินก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ตอบกลับมาเท่านั้น
"สุดยอดโรคจิตเลยนายเนี่ย" ฮันคยองต่อท้ายให้ จนร่างสูงเบ้หน้า เข้าห้องอาบน้ำชายทั้งๆที่รู้ว่ามีคนอยู่มันโรคจิตตรงไหนฟระ?? มันก็มีเหมือนๆกันกับเค้านั่นแหละ...
"อ้าว...ก็ฉันคิดว่าผู้ชายเหมือนกันนี่ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนจะเข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำผู้ชายหรอกจริงมั๊ย แล้วจะฟังกันมั๊ยเนี่ย" กระแทกเสียงถามก่อนจะมองตาขวางมาที่บุคคลทั้งสองที่สุมหัวกระซิบกระซาบนินทราอะไรเค้าอยู่ก็ไม่รู้ได้
"อ่า...ฟังสิฟัง เล่าต่อสิ" ฮันคยองยิ้มให้น้อยๆก่อนจะหันไปง้างกำปั้นทำท่าต่อยร่างสูงที่นั่งลวนลามเค้าอยู่ข้างๆอยู่เป็นระลอก...เผลอเป็นโอบ เผลอเป็นกอดทุกทีสิน่า!!
"แล้วทีนี้พอฉันเข้าไป ฉันก็...ฉันก็..."ก้มหน้างุด มือแกร่งยิ่งบิดไปมาหนักเข้าไปอีก เมื่อถึงเหตุการณ์ที่เค้าไม่เคยลืมเลย
"ก็อะไรเล่า" สองเสียงร้องประสานออกมา เมื่ออีกคนยัง ฉันก็...ไม่เลิก
"คือฉันก็เห็นอีทึกอยู่ในห้องอาบน้ำ แต่เค้าก็อาบเสร็จแล้วหล่ะ" หยุดไว้ตรงนี้ เพราะปฏิกิริยาจากเพื่อนสนิทและรุ่นพี่หน้าหวานทำเอาเค้าไปไม่ถูก ทั้งสองนั่งอ้าปากค้าง ก่อนจะหันไปมองหน้ากันสลับกับหน้าเค้า มันก็เลยยิ่งทำให้คังอินหน้าแดงขึ้นไปอีก
"แล้วเห็นมั๊ย" เป็นฮันคยองที่ถามขึ้นมา จนชีวอนต้องหันหน้าขวับไปมองอย่างไม่เชื่อหู พี่ฮันคยองนี่ก็ลามกเหมือนกันนะเนี่ย -__ -
"เอ่อ...ไม่เห็นหรอก เพราะไอน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่นมันเยอะ ฉันก็เลย..."
"ชวด" ชีวอนเอ่ยต่อให้ คังอินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก...คิดแล้วก็เสียดายชะมัด
"แล้วมันไม่เห็นจะเกี่ยวกับที่นายกับอีทึกทะเลาะกันเป็นประจำสักหน่อย " ชีวอนถามออกมาอย่างสงสัย พอมาถึงตรงนี้แล้ว มันก็กลับทำให้เค้างงขึ้นไปอีก แล้วต้นเหตุที่ต้องทะเลาะกันมันคืออะไรหล่ะ??
"ก็ต่อจากนี้ที่ฉันจะเล่าอยู่นี่ไงหล่ะ ต้นเหตุ คือหลังจากที่ฉันเข้าไปแล้วใช่ม๊า เค้าก็เห็นฉัน แล้วก็ถามว่าเข้ามาทำไม ไม่รู้รึไงว่ามีคนอยู่ ไอ้ฉันก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วก็เลยตอบไปว่า มาหาเมียมั้ง เท่านั้นแหละสบู่ลอยมาโดนหน้าฉันเต็มๆเลย" พูดอย่างเซ็งๆ แต่คนฟังหน่ะพูดไม่ออก....มันตอบว่ามาหาเมียเนี่ยนะ สมควร!!
"ตอนนั้นฉันโกรธมากที่จู่ๆเค้าก็เอาสบู่ปาใส่ฉัน ก็เลยเดินเข้าไปกระชากแขนเค้าใช่ป่ะ"
"ใช่มั้ง" ชีวอนตอบออกมาอย่างกวนๆ ก็เลยได้รางวัลเป็นลูกบิดพิฆาตเข้าที่สีข้างอีกที ข้อหากวนได้ทุกที่ ทุกเวลา
"เล่าต่อเถอะคังอิน ไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกามันหรอก" พูดกัดอีกคนพอเป็นพิธี ก่อนจะให้รุ่นน้องเล่าต่อไป
"คือ สงสัยฉันจะกระชากแรงไปหน่อย ผ้าเช็ดตัวที่เค้านุ่งก็เลยหลุด แหะๆๆ" ยิ้มอย่างขอลุแก่โทษ แต่ในใจชอบเป็นบ้า เมื่อนึกถึงผิวเนียนขาวของอีกคนบวกกับกลิ่นกายหอมกรุ่นที่ลอยมากระทบจมูก กลิ่นอ่อนๆของสบู่ผสมกับผิวกายนุ่มนิ่มยังติดตราอยู่ในหัวไม่มีจางหาย ยิ่งคิดก็ยิ่งเพ้อ....เฮ้อ....
"นี่!! อย่าเพิ่งเหม่อสิ เล่าต่อ" สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง พูดค้างๆคาๆอยู่แบบนี้ ไม่จบแน่ๆ
"แล้วนายเห็นมั๊ย" ชีวอนรีบแย่งพูดขึ้นมาทันที กลัวคนเป็นพี่จะชิงพูดขึ้นก่อนเหมือนคราวที่แล้ว
"ไม่เห็น เพราะหมอนั่นใส่บ๊อกเซอร์" ตอบเสียงเรียบ จนได้รับเสียงโห่เสียดายตอบกับมา....ทำไมวันนี้ฮันคยองกับชีวอนถึงได้ดูหื่นกันจิงนะ??
"โธ่ ฉันก็นึกว่า...." ชีวอนพูดออกมาด้วยความเสียดาย นึกว่าจะได้ฟังเรื่องเร็ทซะแล้ว
"อย่าลามกให้มาก ชีวอน" ฮันคยองหันมาทำตาขวางใส่รุ่นน้องเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจคังอินต่อ
"โธ่ พี่ก็ใช่ย่อย ผมเห็นนั่งตั้งใจฟังซะเงียบเชียว อยากลองบ้างมั๊ยหล่ะ เดี๋ยววันนี้ผมจะได้ไปอาบน้ำกับพี่เลย เรื่องที่เราคิดๆกันมันจะได้เป็นจริงไง"พูดออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เป็นผลให้อีกคนอายจนหน้าแดงก่อนจะฝังประทับรอยนิ้วลงบนแผ่นหลังกว้างของอีกคน ข้อหาคิดลามกกับเค้า ถึงเค้าจะแอบคิดอยู่เล็กๆบ้างก็เถอะ..(อ้าว)
"จบแล้วเหรอ"หันไปถามคังอิน หลังจากทำโทษได้เด็กหน้าหล่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ยัง"
"หา~~~~"
"อีกนิดเดียว"
"งั้นก็เล่ามา"
"คือหลังจากที่ผ้าเช็ดตัวเค้าหลุด ฉันก็ทำอะไรไม่ถูก กะว่าจะหยิบให้เค้า แต่เค้าก็ดันมาเตะผ่าหมากฉันซะก่อน ยังมีเสยคางแถมด้วยนะ จากนั้นเค้าก็วิ่งหนีไป อ้อมีตะโกนบอกฉันด้วยนะว่า ไอ้โรคจิต ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กลามก อย่าให้ฉันเจออีกแล้วกัน อะไรทำนองนี้แหละ แต่หลังจากนั้นเราก็เจอกันทุกวัน เค้าก็เริ่มจะด่าฉันทุกวัน ก็เลยเป็นอย่างที่พวกนายเห็นนั่แหละ จบแล้ว"
"อ๋อ...ถึงว่าสิ ฉันถามอีทึกกี่ทีๆมันก็ไม่ยอมเล่าสักที เอาแต่บอกว่า ไว้วันหลังๆ อยู่พรรค์นั้นแหละ" ในที่สุดฮันคยองก็ถึงบางอ้อ (ที่เกาหลีมีด้วยเหรอ) ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขำขัน ที่แท้ก็เรื่องแบบนี้นี่เอง คงจะอายที่จะเล่าสินะ
"เอาเป็ว่า ฉันเล่าให้นายฟังหมดแล้ว ทีนี้นายจะช่วยฉันได้รึยังอ่ะ ฮัน" หยิบยกสัญญาที่รุ่นพี่หน้าหวานเคยพูดไว้มาอ้าง ฮันคยองยิ้มให้น้อยๆก่อนจะตกปากรับคำไป
....ได้สิ ฉันจะช่วยนายให้เต็มที่เลยคอยดู คังอิน....
.
.
.
ร่างสูงของเด็ก ม.ต้น ปีสามที่นั่งฟังไอพอดอยู่อย่างสบายอารมณ์ จนไม่ทันว่ามีร่างเล็กของใครคนหนึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เสียงหวานที่เรียกชื่อตนทำให้คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมอง
"มีอะไรอีกหล่ะฮะ"ถามอย่างเซ็งในอารมณ์ เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นใคร จะตื้อเค้าไปอีกนานแค่ไหนนะ??
"คือว่า..นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะมากวนใจนาย ช่วยรับนี่ไปหน่อยได้มั๊ย"ยื่นกล่องของขวัญขนาดย่อมให้อีกคน คยูฮยอนหยุดชั่งใจในคำพูดของรุ่นพี่หน้าหวานสักครู่ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ
"ขอบใจนะ แล้วก็ลาก่อน" เหยียดยิ้มเศร้าสร้อยอย่างที่คยูฮยอนไม่เคยได้เห็นเลยจากร่างเล็กตรงหน้า สายตาคมมองพิจารณาอย่างแปลกใจ วันนี้จะมาไม้ไหนกันอีกนะ พี่ซองมิน??
"ไม่ต้องห่วงแล้วหล่ะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่มาให้นายรำคาญใจอีกแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่งนะ ถึงแม้ว่านายจะไม่เห็นมันอยู่ในสายตาก็เถอะ" พูดจบก็จ้ำเดินออกจากห้องไป คยูฮยอนมองตามแผ่นหลังบางไปจนลับตาก่อนที่จะมาให้ความสนใจอยู่ที่กล่องใบเล็กที่เพิ่งจะได้รับมันมาจากคนที่เค้าคิดว่าน่ารำคาญที่สุด
"อะไรของเค้านะ" ฉีกกระดาษห่อของขวัญสีสันสดใสออกอย่างไม่เบามือนัก มือเรียวจัดการเปิดฝากล่องออกจึงพบกับผ้าพันคอไหมพรมสีชมพูอ่อน พร้อมโน๊ตแผ่นเล็กอีกหนึ่งใบวางไว้อยู่ข้างใน คยูฮยอนยกขึ้นมาพิจารณาดูเล็กน้อยก่อนจะสบถออกมาเบาๆ
"หึ..จะให้ฉันพันผ้าพันคอสีนี้เนี่ยนะ ตลกแล้ว...." จับยัดใส่กล่องอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะโยนกล่องใบเดิมเข้าใต้โต๊ะแล้วเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านไป
.
.
เสียงกริ่งที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้ร่างสูงที่กำลังเพลิดเพลินกับการนอนเล่นเกมส์อยู่ต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูให้อย่างเลี่ยงไม่ได้
"เฮ้ย!! อะไรอีกเนี่ยพี่!!สบถออกมาเสียงดัง ทันทีที่เปิดประตูไปแล้วเจอกับซองมินที่ยืนกอดกล่องของขวัญไว้แน่น ใบหน้าหวานยังมีคราบน้ำตาติดอยู่จางๆ สภาพแทบไม่บ่งบอกว่าเป็นซองมินกระต่ายน้อยน่ารักเลยสักนิด
"มีอะไรอีกเหรอฮะ" ถามเสียงหน่ายก่อนจะเหล่ตาไปมองของที่คนตัวเล็กกอดอยู่แนบอก...อย่าบอกนะว่าไปเอามาจากใต้โต๊ะ แล้วตามมาให้ถึงที่บ้านหน่ะ
"คือ...นาย..ลืมของขวัญ..ของฉันไว้ที่ห้องหน่ะ..ก็..ก็..เลยเอามาให้ที่บ้าน" พูดออกมาอย่างยากลำบากเพราะก้อนสะอื้นที่มันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แม้จะเลิกร้องให้ไปแล้วก็เถอะ
"อ้อ...ขอบคุณนะ แต่ผมตั้งใจจะเก็บมันไว้ที่นั่นก่อนต่างหาก ในห้องของผมมันไม่มีที่เก็บแล้วหน่ะ" เอื้อมมือไปดึงกล่องเล็กในมือของอีกคน ก่อนจะออกปากเป็นเชิงไล่
"ใกล้ค่ำแล้ว พี่กลับบ้านไปได้แล้ว มันอันตราย" พูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร ซองมินพยักหน้าให้น้อยๆก่อนจะหันหลังให้กับร่างสูงแล้วออกเดินไป....คยูฮยอนเลิกคิ้วเชิงสงสัย วันนี้ทำไมพูดง่ายจังนะ ทีเมื่อก่อนนี้ตื้อไม่เลิกไม่ไล่ไม่เลิก แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเค้าก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
เสียงปิดประตูไล่หลังทำให้หัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ถึงกับตกวูบ น้ำตาที่กลั้นมันเอาไว้ถูกปล่อยให้ไหลออกมาอีกระลอก ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ใจดวงนี้มันได้แหลกสลายไปพร้อมกับอีกคนที่ปิดประตูไล่เค้าไปแล้ว
...ไม่เหลือที่เก็บแล้วงั้นเหรอ....
...แค่ผ้าพันคอผืนเล็กๆ ที่เค้าอดหลับอดนอนถักมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มันไม่มีที่ว่างพอจะเก็บมันเลยเหรอ...
...แค่ที่ว่างเล็กๆ ก็ไม่มีไว้สำหรับเค้าเลยเหรอ....
...ไม่มี หรือไม่อยากจะมีกันแน่.....
ซองมินยิ้มสมเพชให้กับตัวเองก่อนเปลือกตาจะปิดลงพร้อมๆกับร่างที่ทรุดฮวบลงไปกับพื้นอย่างไร้สติ
.
.
.
.
.
TBC.....................................................................................................................
พาร์ทนี้มองมันไม่ได้ดั่งใจไรเตอร์เลยอ่า~~~
รู้สึกเหมือนมันขรุขระยังไงชอบกล ไม่ลื่นเลยอ่ะ ขอโทษด้วยนะคะ
ตอนนี้ไรเตอร์ออกจะงงๆกับตัวเองอยู่เล็กน้อย
หลังจากไปตรวจสุขภาพมา มันนอยไปหมด T ^ T
คุณหมอพูดให้คิด เครียดนะเนี่ย.....
เฮ้อ....เศร้า ถ้ามันเป็นจริงๆหล่ะก็นะ
แต่ก็เพี้ยง!!!! ขอให้คำสันนิษฐานของคุณลุงหมอไม่เป็นจริง
หนูกลัวอ่า~~~
.
.
พาร์ทนี้ไปแล้วนะคะ ไม่รู้จะพูดอะไร มันตันไปหมดแล้ว
ยังไงก็จะสู้ๆ Fighting ค่ะ สู้ต่อไปไอ้ตัวเล็ก!!
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ทานอาหารมีประโยชน์ (จะพูดเพื่อ) จะได้แข็งแรงๆ
ขอบคุณทุกเม้นที่ให้กำลังใจนะคะ รู้สึกดีมากๆที่รู้ว่ามีคนชอบฟิคของเรา
ไปจิงๆแล้วคะ รักคนเม้น คนอ่าน คนโหวตนะคะ รักมากๆด้วย
บ๊ายยยย....บายยยยยยย = 3 =
ความคิดเห็น