ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Way For Love[Super Junior's Fiction::SiHan]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3...สารภาพ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 51





    "หลังๆมานี้ลูกกลับดึกขึ้นนะ ไปไหนมา ไหนบอกม๊าว่าจะทำตัวดีๆแล้วไง"ผู้เป็นมารดาถามอย่างเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้เหลือเกิน
    "ผมไปช่วยงาน เอ่อ....เพื่อนอยู่หน่ะครับ"ตอบออกไปอย่างเลี่ยงๆไม่อยากให้ผู้เป็นแม่จับได้
    "ใครกัน.."ถามอย่างจับผิด เพราะเพื่อนของชีวอนแต่ละคนหล่อนก็รู้จักหมดทุกคน
    "เพื่อนใหม่หน่ะครับ"
    "เฮ้อ...ลูกนะลูก เอาเถอะ...ยังไงก็ยังดีกว่าไปทำตัวเถลไถลที่ไหน ว่างๆก็พาเพื่อนมาให้แม่รู้จักบ้างสิ"ลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่
    "ขอบคุณครับม๊า ผมจะพามาแน่"ฉีกยิ้มกว้าง ดีใจเหลือเกินที่ผู้เป็นมารดาไม่ได้ว่าอะไร
    "จะดีใจอะไรขนาดนั้นลูก ดูยิ้มเข้าสิ" แกล้งหยอกลูกชายเล่น ดูท่าเพื่อนคนนี้ชีวอนคงจะให้ความสำคัญมากๆเลยสินะ
    "เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้าไม่ใช่เหรอ"
    "ครับ...งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะครับ"หอมเข้าที่แก้มมารดาหนึ่งฟอดใหญ่ก่อนเดินขึ้นบรรไดเข้าห้องไป
    .
    .
    .
    "เป็นไงบ้างวะ แผนจีบรุ่นพี่คณะศิลปศาสตร์ของนาย ไปถึงไหนแล้ว" ถามทันทีที่เห็นอีกคนเดินเข้ามา เห็นมันตื้อมานาน ถึงขนาดยอมสละเวลาอันมีค่าไปช่วยงานเค้าที่ร้านทุกวัน ก็อยากจะรู้ว่าไปถึงไหนแล้ว
    "ไปได้เรื่อยๆว่ะ"
    "แล้วนายสารภาพรักเค้าไปรึยัง"
    "ยังเลย...ไม่กล้าว่ะ"สารภาพตามตรง ยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของอีกคนที่แสดงออกมาถึงแม้จะสนิทกันถึงขั้นจับมือถือแขนกันได้แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังกลัวว่าถ้าบอกออกไปแล้วคำตอบมันจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ กลัวจะต้องเสียใจ หากคำตอบที่ออกมามันคือ....ไม่......
    "ฉันได้ข่าวว่า มีคนแอบชอบพี่เค้าเยอะเหมือนกันนะโว้ย ถึงจะอยู่ปี 4 แล้วแต่ก็เนื้อหอมน่าดู เดี๋ยวเถอะมึง หมาคาบไปกินแล้วจะมานั่งเสียใจทีหลังไม่ได้นะโว้ย"เตือนเพื่อนรักอย่างหวังดี ไม่อยากให้เจ็บปวดเหมือนคราวที่ผ่านๆมา
    "จริงหรือว่ะ แล้วนายไปรู้มาจากที่ไหนไม่เห็นเค้าเคยบอกฉันเลย"หรี่ตาถามอีกคนอย่างสงสัยทั้งๆที่เค้ากับเพื่อนก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่เห็นมันจะหายไปสนทนากับใครได้เลย
    "ก็...ก็...เอ่อ รุ่นพี่ที่อยู่คณะเดียวกันกับฮันคยองนั่นแหละ"ตอบอย่างเขินๆ จนอีกคนสงสัย
    "ใครว่ะ"
    "แกไม่รู้จักหรอก"พูดปัดๆไป แต่กิริยาที่แสดงออกมามันทำให้เค้าสงสัยมากขึ้น ถามแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงด้วย??
    "แล้วถ้านายไม่บอก ฉันจะรู้มั๊ยหล่ะ"ดูจากท่าทางเขินอายของเพื่อนตัวโตก็พอจะเดาได้ไม่ยาก
    "เค้าชื่ออีทึกหน่ะ เป็นเพื่อนร่วมห้องของฮันคยองเค้า"ในที่สุดก็ยอมพูดออกมา พร้อมกับเอามือทาบที่แก้มตัวเองสองข้างเพื่อปกปิดแก้มที่ขึ้นสี หันซ้ายทีขวาทีแล้วก็กลับมานั่งอมยิ้มอย่างกับคนบ้า
    "คนพิเศษงั้นสิ" ถามอย่างรู้ใจ คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ ดูท่าทางที่มันเขินแล้วก็อดขำไม่ได้ ก็ลองคิดดูสิคนตัวโตอย่างนั้นแต่แสดงอาการขวยเขินกระมิดกระม้วนออกมาอย่างกับเด็กสาวเพิ่งจะมีความรัก มันขัดกันมั๊ยหล่ะ...
    "ก็คงงั้นแหละ" ซุกหน้าเข้ากับโต๊ะเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำ
    "เออ...ไอ้นี่ ไม่เจอกันสองวันดอดไปมีแฟนซะแล้ว"ยังหยอกเล่นไม่เลิก พลางนึกถึงตัวเอง ถ้าเค้ากับฮันคยองเป็นอย่างนี้บ้างมันก็คงจะดีไม่น้อย
    "นายก็เหมือนกัน รีบๆหน่อยนะโว้ย เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน"เงยหน้าขึ้นมาพูดเสร็จก็ฟุบลงไปใหม่
    "เออ..ก็กำลังพยายามอยู่"พูดอย่างใจลอย ในหัวเอาแต่คิดเรื่องที่เพื่อนเพิ่งบอกไป
    "วันนี้นายจะไปช่วยเค้าอีกรึป่าว"
    "ฉันก็ไปเกือบทุกวันอยู่แล้ว"
    "เออ...เดี๋ยวถ้างั้นวันนี้ฉันแวะไปหานะ"ตบไหล่เพื่อนปุๆ แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากห้องไป
    "จะไปไหนวะ"ตะโกนถามไล่หลัง ดูมันจะหลั่นล้ามากไปหน่อยรึป่าว ตามอารมณ์มันไม่ทันแล้วจิงๆ
    "ไปตึกศิลปศาสตร์ จะไปด้วยมั๊ยหล่ะ"ตอบออกไปทั้งๆที่ยังไม่หยุดเดิน
    "ไปดิ่วะ...แม่งไม่ชวนตอนมึงไปถึงตึกแล้วซะเลยหล่ะ"พูดค่อนขอดอีกคนในขณะที่ยังวิ่งตามอยู่ ดีเหมือนกันจะได้ไปหาคนที่อยากเห็นหน้าอยู่ตลอดเวลา อยากรู้จังว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่???>~~<
    .
    .
    "ส่วนมากปี 4 จะเรียนกันที่ตึกไหนวะ"ถามออกไปอย่างตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่มาหาฮันคยองถึงที่คณะนี่ ปกติแล้วเค้ากับฮันคยองจะเจอกันเฉพาะเลิกเรียนแล้วเท่านั้น และส่วนใหญ่เป็นเค้าที่มาดักรอร่างบางอยู่หน้ามหาลัยเพื่อรอไปร้านด้วยกัน
    .....แต่ชีวอนจะรู้มั๊ยนะว่าฮันคยองเองก็แอบคอยร่างสูงอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อรอให้ชีวอนมายืนรอเค้าที่หน้ามหาลัย พอเห็นว่ามารอแล้ว จึงเดินออกมาก็เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่ามารออยู่เหมือนกัน!!
    "ปี 4 เหรอ เหอๆๆฉันจะรู้มั๊ยเนี่ย ฉันก็เรียนอยู่กับนายเนี่ย แต่ไม่เป็นไร ฉันมีวิธี"พูดจบก็หยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ปลายทางออกไป สักพักก็ได้ยินเสียงหวานตอบกลับมา
    "เออ..พี่อีทึกตอนนี้ พี่เรียนอยู่ตึกไหนอ่ะผมกำลังจะไปหา คิดถึงพี่จะแย่"พูดเสียงหวานชนิดที่อีกคนแทบอ๊วก ทีพูดกับเพื่อนแทบจะกินหัวกันเลยทีเดียว ทีกับแฟนหล่ะ มดจมกองน้ำตาลตายเลยก็ว่าได้
    "งั้นเดี๋ยวผมไปหานะ"พูดจบก็กดวางสาย ชีวอนมองหน้าเพื่อนอย่างมีความหวัง
    "ป่ะ...ไปกัน"เก็บโทรศัพท์เข้าที่แล้วโอบคอเพื่อนรักให้เดินตรงไปยังตึกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า "คณะศิลปศาสตร์"
    .
    .
    "อยู่ชั้นไหนวะ ลิฟท์มีก็ไม่เสือกขึ้น"บ่นกระปอดกระแปดที่อีกคนลากให้เดินขึ้นบรรไดมาแทนที่จะใช้ลิฟท์
    "เออ..อีกนิดเดียว"หอบจนตัวโยนไม่แพ้กัน ที่เค้าเลือกจะเดินขึ้นบรรไดแทนการขึ้นลิฟท์ก็เพราะว่าอีทึกบอกว่าฮันคยองชอบมานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงที่นั่งตรงบริเวณระเบียงตึก แต่เค้าก็ดันโง่ลืมถามว่าชั้นไหน ผลที่ออกมามันก็เลยต้องเดินสำรวจมันทุกชั้นอย่างนี้แหละ
    "อ๊ะ!!!นั่นไง นั่งอยู่ตรงนั้นไง"ชี้นิ้วที่สั่นระริกเพราะความเหนื่อยไปยังเจ้าของร่างที่นั่งพิงระเบียงอ่านหนังสืออยู่อย่างเงียบๆ
    "โอ้...ให้ตายเถอะ"เอามือกุมสีข้างตัวเอง จุกจนเดินแทบไม่ไหว 11 ชั้นที่เค้าทั้งสองต้องเดินขึ้นมา
    "ฉันไปก่อนนะ ป่านนี้พี่อีทึกคงรอฉันอยู่แล้วหล่ะ"บอกลาเพื่อนพลางเดินลากเท้าขึ้นลิฟท์ไป
    "ฮัน~~~"พูดอย่างเหนื่อยหอบแล้วลงไปนั่งกองอยู่ที่ม้านั่งเดียวกันกับร่างบางที่ดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยกับสภาพของร่างสูงในตอนนี้
    "ชีวอน!!ไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมสภาพมันถึงได้เหมือนลูกหมาตกน้ำอย่างนี้หล่ะ"กล้ำหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อีกคนเอาไปซับเหงื่อพร้อมกับวาดหนังสือโบกเพื่อเพิ่มความเย็นให้แก่คนตรงหน้า
    "ก็มาหาฮันนั่นแหละ"จากนั่งกลายเป็นนอน โดยมีหมอนหนุนเป็นตักนุ่มของอีกคน
    "ชีวอนทำอะไรหน่ะ ลุกออกไปนะ"ทำตาโตพลางพลักหัวอีกคนให้ออกไปจากตักตัวเอง กลัวคนอื่นมาเห็นเข้า
    "ขอยืมตักใช้เป็นหมอนหนุนไม่ได้เหรอ คนเค้าเหนื่อยจะแย่ อย่าใจร้ายนักสิ"ร้องขอความเห็นใจจากร่างบางที่ยังคงใช้มือเรียวพลักหัวเค้าอยู่
    "ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ"บิดเข้าที่สีข้างของคนตัวโตอย่างไม่เบามือนัก
    "โอ๊ย!!!ฮัน ผมเจ็บนะ"เด้งตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พลางลูบที่สีข้างป้อยๆมือหนักเป็นบ้า
    "ดี  สมน้ำหน้า อยากมารุ่มร่ามแถวนี้ทำไมหล่ะ"พูดอย่างงอนๆ แต่หน้านี่แดงเถือกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
    "ก็ผมเหนื่อยอ่ะ เดินขึ้นมาตั้ง 11 ชั้น"พูดอย่างอ้อนๆและเริ่มเนียนลงไปนอนตักอีกรอบ
    "แล้วลิฟท์มีทำไมไม่ขึ้นมาหล่ะ"ถามอย่างไม่เข้าใจร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้า พอตระหนักได้ว่าอีกคนเริ่มลงมานอนบนตักอีกรอบ มือเรียวก็เริ่มทำหน้าที่ของมันอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่หัวเท่านั้น ความรู้สึกถึงการถูกโอบเอวเอาไว้ ทำให้ร่างบางต้องก้มลงไปดู(ความรู้สึกช้าจริงนะป๋า)
    "ก็อยากให้ฮันเห็นไง ว่าไม่ว่าจะยากลำบากขนาดไหน ผมก็จะมาหาฮันให้จนได้นั้นแหละ"แถได้อย่างข้างๆคูๆ ทำเอาอีกคนถึงกับหน้าแดงอีกรอบ อยู่ใกล้คนๆนี้นานๆมีหวังเค้าได้จมกองน้ำตาลตายเข้าสักวันแน่ๆ
    "บ้าสิ"เสหน้าหันไปทางอื่น เพื่อปกปิดรอยยิ้มที่ฉาบขึ้นบนใบหน้าหวานอย่างปิดไม่มิด
    "วันนี้ เราออกไปพร้อมกันนะ"
    "วันนี้ผมไม่ได้เปิดร้านหน่ะ อยากพักสักวัน"พูดพร้อมกับปิดหนังสือในมือลงแล้วเก็บมันใส่กระเป๋า กะเตรียมตัวที่จะกลับบ้านหลังจากที่สามารถเอาคนที่นอนหนุนตักลุกขึ้นได้
    "งั้นวันนี้ฮันก็ว่างทั้งวันเลยหน่ะสิ"ลุกพรวดขึ้นมาอย่างเร็ว จนชนเข้ากับคางของอีกคนอย่างแรงจนหน้าหงาย
    "ฮัน...ผมขอโทษเป็นอะไรมากมั๊ย"มือใหญ่ปักป่ายไปทั่วใบหน้าหวานที่ขึ้นสี ปวดหนึบไปทั้งหน้าจนพูดไม่ออก น้ำตาคลออยู่บริเวณหน่วยตาดีที่กลั้นมันไว้ได้
    "มะ...ไม่เป็นไร"พยายามพูดในขณะที่มือยังกุมอยู่ที่คาง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเจ็บปวดเหลือประมาณ
    "แล้วชีวอนหล่ะเป็นยังไงบ้าง โดนกระแทกแรงเหมือนกันนี่"ส่งสายตาไปที่หน้าผากที่แดงก่ำของอีกคนอย่างเป็นห่วง
    "ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่มึนๆนิดหน่อยหน่ะ"ยิ้มน้อยๆให้กับคนตรงหน้า ดีใจที่อีกคนแสดงอาการเป็นห่วง
    "ว่าแต่ฮันเถอะ เป็นห่วงผมใช่ม๊า~~"จ้องมองเสี้ยวหน้าหวานอย่างจับผิด พอใจที่จะมองใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อของอีกคนต่อไปเรื่อยๆ
    "ป่าวซักหน่อย"หันหน้าไปอีกทางปกปิดอาการเขินอายที่ร่างสูงทำให้มันเกิดขึ้นมาอย่างง่ายดาย
    "ไม่เป็นไร ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าวันนี้เราไปเที่ยวกันนะ ไหนๆฮันก็ว่างแล้ว"
    "แต่ผมอยากพักผ่อนมากกว่านะชีวอน"
    "โธ่ ฮันอ่ะ ไปเที่ยวก็เหมือนการพักผ่อนนั้นแหละ ไปกันนะ"อ้อนให้ถึงที่สุด จนอีกคนเริ่มหน้าเสีย
    "ก็ได้ ถ้าฮันต้องการอย่างนั้น"จากโหมดลั่นล้ามาเป็นโหมดรันทด นั่งคอตกเป็นหมาหงอย จนร่างบางเริ่มจะใจอ่อน(อ่อนใจ)
    "ก็ได้ แต่อย่ากลับดึกนะ พรุ่งนี้มีสอบแต่เช้า"เม้มริมฝีปากแดงเข้าหากันก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณให้ร่างสูงรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังลำบากใจแค่ไหน แต่ทั้งๆที่รู้ก็อยากจะขอเอาแต่ใจสักครั้งหนึ่งละกัน เพราะโอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆเลย
    "ครับกะพ๊ม"ฉุดร่างของอีกคนให้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกุมมือเล็กไปอย่างไม่สนใจสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองมาอย่างเสียดาย อีกคนเป็นถึงอดีตดาวคณะศิลปศาสตร์ และอีกคนก็เป็นหนึ่งในผู้ชายที่ฮอตที่สุดของมหาลัย โฮกกกก.......
    .
    .
    .
    สวนสนุกที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่พากันมาเที่ยวชมโลกแห่งจินตนาการ และเครื่องเล่นสีสันสดใสที่ดึงดูดใจให้หลายๆคนอยากที่จะลองเล่นมัน ผิดกับร่างบางของใครบางคนที่เทียวจะหนีห่างมันทุกครั้งที่อีกคนพยายามที่จะดึงเข้าไปเล่นด้วยกัน
    "ฮัน...เหนื่อยแล้วเหรอ ผมว่าไปนั่งพักกันตรงนู้นก่อนนะ"ลากคนที่เพิ่งจะขวัญหนีดีฝ่อจากบ้านผีสิงไปหมาดๆเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ทางสวนสนุกจัดหาไว้ให้
    "จะไม่ไหวแล้ว"พูดเสียงสั่น ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านผีสิงนั้น ร่างบางได้แต่เกาะหลังอีกคนไม่ยอมปล่อย ยิ่งตอนที่มีปีศาจโผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยแล้วแทบจะกระโดดขึ้นขี่คอเลยก็ว่าได้
    "หิวน้ำมั๊ย"พยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบ
    "งั้นก็นั่งรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมมา"สั่งยังกับว่าร่างบางนั้นเป็นเด็กน้อยที่มากับผู้ปกครองอย่างนั้นแหละ
    "เร็วๆนะ"หันซ้ายหันขวาก่อนจะสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเสียเต็มปอด ไม่นานนักกระป๋องน้ำผลไม้ก็ยื่นมาทาบบนแก้มใส
    "เร็วใช่ม๊า"ยิ้มจนตาหยีก่อนจะนั่งลงข้างๆร่างบางที่กำลังดื่มน้ำอย่างหิวกระหาย
    "ไม่เล่นแล้วนะ จะอ๊วกแล้ว"พูดออกไปหลังจากที่เห็นอีกคนกำลังให้ความสนใจกับเครื่องเล่นที่ลอยระลิ้วอยู่ตรงหน้า"ไวกิ้ง"
    "แค่นี้เอง ไม่น่ากลัวหรอก"คะยั้นคะยอให้อีกคนเล่น แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็ยังคือ "ไม่"เหมือนเดิม
    "อยากกลับบ้านแล้ว"
    "อย่าเพิ่งกลับสิ ก็ได้ งั้นไปเล่นอะไรที่มันเบาๆหน่อยก็แล้วกัน"ดึงคนที่ร่ำๆจะกลับบ้านให้เดินไปหยุดอยู่หน้าเครื่องเล่นที่เสียวที่สุดในโลก"รถคุณปู่"
    "เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ชีวอน"พูดพลางมองสำรวจไปรอบๆ มีเเต่เด็กๆทั้งนั้น!!!
    "จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็เล่นได้ทั้งนั้นแหละ"พลางดันแผ่นหลังบางให้ขึ้นไปนั่งบนรถที่จอดอยู่แล้วพาตัวเองขึ้นตามไปนั่งคู่กัน
    "ไปนั่งอีกข้างหลังสิ ข้างหน้านี้มันเต็มแล้วนะ"
    "นั่งคู่กันนี่แหละ จะได้อุ่นๆ"อ้างขึ้นมาได้อย่างข้างๆคูๆ
    "มันอึดอัด" พลางทำท่าฟึดฟัดที่แสดงให้เห็นว่า มันอึดอัดจริงๆนะ!!!
    "แต่ผมว่ามันอุ่นดีออก"ขยับเข้าไปชิดอีกคนที่มีแต่จะเขยิบหนี
    "เขยิบไปซะติดขอบแบบนั้น เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก"พูดแกล้งอีกคนให้อายเล่น และแล้วรถคุณปู่ก็ถึงเวลาเคลื่อนขบวน
    "ผมเป็นสารถีให้เองนะ"
    "แต่พวงมาลัยมันอยู่ข้างผมนะ"เถียงออกไปอย่างต้องการเอาชนะ มือเรียวกำพวงมาลัยไว้แน่นราวกับเด็กหวงของเล่น
    "ไม่เป็นไร ขับคนละข้างก็ได้"ว่าแล้วก็เอื้อมมืออ้อมไปข้างหลังร่างบาง ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับทั้งพวงมาลัยและมือนิ่มไว้พร้อมกัน เรียกได้ว่าร่างของอีกคนกำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตซะมากกว่า
    "ไม่อยากขับแล้ว"ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยก่อนจะยันตัวเองให้ไปนั่งที่นั่งข้างหลังที่ยังว่างอยู่
    "ลุกออกไปอย่างนั้นมันอันตรายนะ"เอ็ดออกไปอย่างตกใจ
    "ขับไปเถอะ เดี๋ยวก็ตกรางหรอก"พูดใส่หน้าอย่างงอนๆ มือเรียวผลักหน้าของอีกคนให้หันไปสนใจพวงมาลัย ชีวอนได้แต่หัวเราะในท่าทีแสนงอนของฮันคยองอย่างเอ็นดู
    "ขี้งอนจริง"พูดอุบอิบแต่ก็ดังพอที่อีกคนจะได้ยินมัน
    "ว่าไงนะ"
    "ป่าว ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณหนู"กวนอารมณ์ไม่เลิก จนร่างบางอยากจะประทับฝ่ามือลงไปบนหัวทุยๆนั่นสักป้าบสองป้าบ
    "เริ่มเย็นมากแล้ว ผมว่าเรากลับกันเถอะ" สังเกตว่าท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มแล้วชวนคนตัวโตกลับ
    "เดี๋ยวครับ คือ...ผมมีอะไรอยากจะบอก"รั้งข้อมือของอีกคนเอาไว้ สูดหายใจเข้าไปซะเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าที่จะบอกบางสิ่งบางอย่างที่เก็บมันไว้นาน วันนี้แหละจะต้องบอกให้ได้!!!
    "อะไรเหรอ" เอียงคอถามอย่างสงสัย แต่ก็ต้องแปลกใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อ ร่างสูงควักกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
    "คือ...."
    "ชีวอน....."เสียงแหลมเล็กของใครหนึ่งคนดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคนทั้งคู่ ร่างสูงหันไปมองตามเสียงเรียก สายตาปรับโฟกัสให้ชัดขึ้นเพื่อจะมองเจ้าของเสียงให้ชัดๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน
    "ยุนอา!!!"
    .
    .
    .
    TBC................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×