ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Inspired [Super Junior's Fiction::SiHan

    ลำดับตอนที่ #1 : Love Inspired....Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 51


    Love Inspired..........
    Paring : Siwon x Hankyung And another couple
    Author : Hajima
    .
    .
    ในเนื้อเรื่องอาจมีคำไม่สุภาพปนอยู่บ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ อ่านกันหนุกๆเน๊อะ ^  ^
    .
    .
    .
    Chapter.............1

    ทั้งๆที่ผมอยากจะเลิกกวนประสาทเค้าแล้วแท้ๆ แต่วงหน้าขาวที่ขึ้นสีตอนเวลาโกรธมันกลับทำให้ผมนึกอยากจะมองมันต่อไป เพราะใบหน้าแบบนั้นสินะมันก็เลยทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนๆนี้ได้เลย
    .
    .
    .
    ภายในบ้านหลังกระทัดรัด ร่างบางของใครบางคนกำลังขมักเขม้นอ่านตำราอย่างเคร่งเครียด พรุ่งนี้มีสอบแต่เช้า สำหรับคนที่หัวสมองปานกลางอย่างเค้า การที่จะอ่านแค่รอบเดียวแล้วจำได้เลยนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
    และนี่ก็เป็นรอบที่สามของวันแล้วที่ฮันคยองอ่านวกไปวนมา ไม่จบซะที.....ไม่เข้าใจ  คือสิ่งร่างบางกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
    "เอาไงดีวะ"  กุมขมับ ขยี้ผมจนหัวฟู อ่านจนปวดหัวไปหมดแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
    ป๊อกกกก..................................
    เสียงก้อนอะไรสักอย่างที่ลอยระลิ่วตกลงมากระทบที่ศีรษะอย่างจังจนหัวทิ่ม มือเรียวยกขึ้นมาลูบบริเวณที่ถูกประทุษร้ายเบาๆ ถึงไม่เจ็บมากแต่ก็เล่นเอามึนได้เหมือนกัน
    "อ๊ากกกกก...........อะไรวะเนี่ย"ตะโกนกราดออกไปอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับหยิบวัตถุขนาดใหญ่ที่ลอยเข้ามาทางหน้าต่างขึ้นมาดู.......กระดาษหนังสือพิมพ์ ก้อนโต  แล้วทำไมมันถึงเจ็บอย่างนี้วะ???
    "ใครเล่นบ้าๆแบบนี้วะ อย่าให้พ่อจับได้นะเมิง" ตะโกนขู่ออกไปอย่างอาฆาต  คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ยังมากวนประสาทให้เป็นหนักขึ้นกว่าเก่าเข้าไปอีก แต่ดูท่าว่าคำขู่จะไม่เป็นผล เพราะยังไม่ทันที่ฮันคยองจะเดินกลับไปที่โต๊ะหนังสือตัวเดิมดี กระดาษก้อนที่สองก็ลอยมากระทบหลังอีกระลอก ดีที่มันเบากว่าก้อนแรกมากนัก
    "โว้ย!!!ทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย" ก้มลงหยิบกระดาษทั้งสองก้อนก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน ที่มีคนยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว
    "ไอ้ชีวอน เป็นบ้าอะไรของแกห่ะ เควี้ยงมาทำไมไม่ทราบไอ้กระดาษหนังสือพิมพ์เนี่ย"ยืนเท้าสะเอวตวาดเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าบ้าน ดูมันจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิดให้ตายเถอะ!!
    "ก็แค่ระบายอารมณ์" ตอบออกมาอย่างสบายอารมณ์พลางยักไหล่ทั้งสอง เหมือนว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร....แต่คนมันอารมณ์เสีย นิดเดียวมันก็เป็นเรื่องเข้าใจมั๊ย
    "แล้วไม่มีใครเคยสอนมารยาทแกบ้างรึไงห่ะ ไอ้ชีวอน ฉันอ่านหนังสืออยู่นะ ถ้าจะกวนประสาทหล่ะก็ไปกวนที่อื่นไป๊!!"ฮันคยองปาก้อนกระดาษที่ถืออยู่ในมือไปยังอีกคนอย่างสุดแรง แต่แทนที่มันจะสำนึก ชีวอนกลับปากลับมาอีกรอบ
    "แกะดูข้างในก็จะรู้เอง ผมไปหล่ะ" หันหลังโบกมือให้ ปล่อยให้อีกคนดิ้นเร่าๆอย่างเจ็บใจ มันจะอะไรของมันนักหนาวะเนี่ย
    "แกหมกสร้อยคอทองคำไว้ในไอ้กระดาษบ้านี่รึยังไง"พึมพำประชดออกไป พร้อมๆกับมือเรียวที่เริ่มคลี่ก้อนกระดาษกลมๆให้เแผ่ออกมา
    "อะไรวะเนี่ย"ชูกระป๋องน้ำผลไม้เย็นเฉียบขึ้นมาดู ก้อนที่สองเป็นขนมปังสอดไส้ที่ตนเองชอบ มันให้ดีๆไม่เป็นรึไงนะ ไอ้เด็กบ้านี่.....
    "ขอบใจ..."พึมพำกับตัวเอง พร้อมๆกับลอบยิ้มออกมา อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแระ ได้เวลาไปอ่านหนังสือต่อซะทีหลังจากเสียเวลามามากแล้ว
    .
    .
    .
    "โอ๊ย ข้อสอบเอาที่ไหนมาออกวะ ยากฉิบหาย" เดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากห้องสอบ อารมณ์เสียที่อุตส่าห์นั่งท่องทั้งคืน แต่ผลสุดท้ายไอ้ที่ท่องๆมาหน่ะ ไม่มีอยู่ในข้อสอบเลยสักข้อ.....ข้อเดียวก็ไม่มีให้ชื่นใจ
    ดังนั้นผลที่มันออกมาก็คือ ทำเสร็จตั้งแต่ 10 นาทีแรก เพราะหลับหูหลับตากามันลูกเดียว โจทย์ก็ไม่ต้องอ่านให้มันเสียเวลา เพราะถึงยังไงมันก็ตกอยู่วันยังค่ำ  เรียกว่ายกธงขาวตั้งแต่ข้อแรกแล้วหล่ะ!!!
    "เตรียมตัวซ่อมได้เลย" เสียงพูดเนือยๆดังมาจากข้างหลัง อีทึกที่เดินตามหลังมาทำหน้าตาละห้อย บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เป็นพวกเดียวกัน พอกันทั้งคู่ =____=^^^
    "เมื่อวานท่องแทบเป็นแทบตาย ดั๊นไม่ออกซะนี่" บ่นให้เพื่อนสนิทหัวอกเดียวกันฟังอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งคนดีๆอย่างเค้าได้อย่างไรกัน
    "เออ...เหมือนกัน พ่ออุตส่าห์ไม่ดูละครเรื่องโปรดแล้วนะ กะว่าจะตั้งใจอ่านให้เต็มที่ ถ้ารู้ว่าเป็นงี้นะ ไม่อ่านซะยังดีกว่า"บ่นออกมาอย่างหัวเสีย เสียดายเวลาชะมัด อดดูละครที่ชอบอีกต่างหาก เซ็งอารมณ์จริงๆ
    "เออ...บ่นไปมันก็ไม่ได้ทำให้อาจารย์แกเปลี่ยนข้อสอบหรอก ไปหาไรกินกันดีกว่า หิวจะตายอยู่แล้ว" พูดจบก็ลากเพื่อนร่างบางให้เดินไปให้พ้นอาณาบริเวณห้องสอบ ดีไม่ดี อาจารย์ได้ยินเข้าจะซวยกันทั้งคู่
    "ก็ได้ แต่วันนี้ฉันไม่ได้เอาเงินมา นายเลี้ยงฉันนะ" เปลี่ยนจากอารมณ์บูดมาเป็นอารมณ์ออดอ้อนทันที ฮันคยองส่ายหน้าอย่างรู้ทัน เป็นอย่างนี้ทั้งปี
    "ขี้งก จนเกลือจะเรียกพ่อแล้วมั้งนั่น"แกล้งหยอกออกไป อีกคนหน้างอทันทีก่อนที่จะอ้าปากบอกเหตุผลที่สามารถคิดมันขึ้นมาได้ทันที เรื่องแบบนี้แหละเก่งกว่าทำข้อสอบซะอีก
    "ก็ฉันต้องเก็บเงินไว้เป็นค่ารถกลับบ้านนี่นา นายก็รู้ว่าฉันต้องขึ้นรถหลายต่อกว่าจะถึงบ้านหน่ะ แล้วอย่างนี้นายจะ......"
    "พอเถอะๆ เอาเป็นว่าฉันเข้าใจนาย เลี้ยงก็ได้แต่นายต้องเป็นคนไปซื้อนะ" ฮันคยองยื่นข้อเสนอให้อีกคน ซึ่งอีทึกเองก็รีบตกลงอย่างว่าง่าย ของฟรีใครบ้างหล่ะจะไม่ชอบ!!
    "งั้นฉันไปนั่งรออยู่ตรงโน้นนะ"นิ้วเรียวชี้ไปที่ม้านั่งยาวที่ว่างอยู่ให้อีกคนได้เห็น อีทึกผยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในโรงอาหาร
    "เฮ้ย.....ไรวะ" สบถออกมาเสียงดัง อารมณ์เสียที่มีคนมาชิงนั่งตัดหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ไอ้เด็กบ้าข้างบ้านชีวอนพร้อมกับเพื่อนร่างหมีควายคังอินนั่นเอง
    "ชีวอน แกลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ โต๊ะนี้ฉันเจอก่อน แกไม่มีสิทธิ์" เดินไปดึงแขนของอีกคนให้ลุกขึ้น แต่ทำยังไงๆมันก็ไม่ยอมขยับสักที
    "พี่เจอก่อน แต่ผมนั่งก่อน ฉะนั้นมันก็ต้องเป็นของผมสิถึงจะถูก"ส่ายหน้าช้าๆ พูดอย่างผู้ชนะ แต่ก็ขัดใจกับคำพูดของรุ่นพี่คนนี้เหลือเกิน เมื่อไรจะเลิกพูดวะพูดโว้ยซะทีนะ มันไม่ได้เข้ากับหน้าหวานๆนั้นเลยให้ตายเถอะ
    "อย่ามาขี้ตู่ ฉันเป็นคนเจอมันก่อน มันก็ต้องเป็นของฉัน ไอ้หมาขี้ขโมย โต๊ะอื่นก็มีตั้งถมเถ ทำไมต้องมานั่งโต๊ะนี้ด้วยวะ" พูดอย่างเอาแต่ใจ มือก็ยังไม่หยุดดึงแขนไอ้น้องชายให้ลุกขึ้น เริ่มจะเหนื่อยแล้วนะ!!
    "พี่!!มันจะอะไรนักหนาหา  กะอีแค่โต๊ะตัวเดียวเนี่ย เอาเป็นว่านั่งมันด้วยกันเลยเนี่ยแหละ" ออกแรงดึงแขนเล็กที่ดึงเค้าอยู่กลับจนคนขี้โวยวายเซลงมากองตุ้บอยู่บนตัก ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะเมื่อมือหนาเอื้อมมาโอบที่เอวบางเอาไว้
    "อ๊ะ.....อะ....ไอ้ชีวอน ปล่อยนะโว้ย"ดิ้นขลุกขลัก แต่อีกคนกลับหัวเราะชอบใจที่เห็นคนตัวเล็กหน้าขึ้นสี ไม่บอกก็รู้ว่าอายแค่ไหน
    "ก็นั่งด้วยกันไง พี่อยากนั่งโต๊ะตัวนี้ ผมก็ให้พี่นั่งแล้วไง" พูดอย่างคนเหนือกว่า ในขณะที่มือยังกอดเอวอีกคนไว้แน่น ไม่สนใจว่าไอ้เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆมันจะทำหน้าตะลึงตกใจมากแค่ไหน
    "แต่ไม่ใช่อย่างนี้ ปล่อยสิ"หันขวับมาตะโกนใส่หน้าเด็กรุ่นน้องจอมเจ้าเล่ห์ มือเรียวออกแรงแกะมือปลาหมึกให้ออกจากเอวตัวเองเป็นพัลวัน ทำไมแรงเยอะอย่างนี้ฟระ
    "เอ่อ......แกจะนั่งกินแบบนั้นจริงๆเหรอวะไอ้ฮัน" อีทึกที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เอ่ยขึ้นมา
    "อ้าว นายก็มาด้วยเหมือนกันเหรอ อีทึก" คังอินที่เมื่อครู่ดูจะไม่มีปากมีเสียงอะไร เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นอีกคนเดินมาหยุดที่โต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่
    "ไม่เกี่ยวกับนาย" ตอบออกไปเสียงเย็น เห็นหน้าแล้วอารมณ์เสียขึ้นมาทันใด ไอ้เด็กปีนเกลียว
    "อ้าวพูดอย่างนี้ก็ไม่สวยสิ ฉันอุตส่าห์พูดด้วยดีๆนะ" ลุกขึ้นเดินไปหาคนที่ยืนถือกล่องข้าวอยู่ตรงหน้า ส่วนไอ้คู่ที่เล่นยึดกันอยู่เมื่อครู่ขอเวลาพักศึก พร้อมใจกันหันไปมองกันเป็นตาเดียว มันไปโกรธกันมาตั้งแต่เมื่อไรวะ???
    "ทำไม แกจะทำไมไอ้เด็กเวร"พูดออกไปอย่างหาเรื่อง ไม่กลัวเลยสักนิดกับร่างโตๆที่ย่างสามขุมเข้ามา จะไปกลัวทำไม ก็แค่วิ่งหนีหากมันคิดจะอัดเค้าให้ยับไปกองกับพื้นหน่ะ แค่นี้กลัวทำไม =____=^^^
    "คำก็บ้า สองคำก็เวร มันจะมากไปแล้วนะอีทึก"เดินไปกระชากแขนคนที่ตั้งท่าจะวิ่งหนีได้ทันก่อนที่ขาเรียวๆจะทันได้ออกก้าว ไม่ได้โกรธ แต่อยากแกล้งคนอวดดีให้กลัวก็เท่านั้น
    "เฮ้ยพอได้แล้ว ทั้งคู่นั้นแหละ ปล่อยสิชีวอน" ตะโกนห้ามมวย ก่อนที่จะหันมาแหวะใส่ไอ้คนที่ยังกอดเอวเค้าไว้ตลอด มันจะไม่ช่วยกันห้ามเลยใช่มั๊ย??
    "เพราะฮันขอหรอกนะ ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้เลย"ปล่อยแขนอีกคนลงไม่แรงนัก สะบัดหน้าไปอีกทางทำเหมือนว่าโกรธเต็มที่ แต่ใครจะรู้ที่หันหนีแบบนั้นมันเป็นเพราะอาการที่กลั้นหัวเราะเอาไว้อยู่ มันจะหลุดอยู่ลอมล่อแล้วต่างหาก
    "ฉะ..ก็เหมือนกัน โด่ ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่ฉันก็เกรงใจไอ้ฮันมันเหมือนกัน"ยื่นกล่องข้าวให้เพื่อนถือพลางจัดเสื้อให้เข้าที่ เจ็บแขนฉิบ หันไปนิ่วหน้าแล้วก็รีบหันกลับมาเหมือนอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    "อีทึก ไปนั่งโต๊ะอื่น ขืนอยู่ที่นี่กินข้าวไม่ลงกันพอดี"หันมามองด้วยหางตา แล้วสะบัดหน้าอย่างไว้เชิง ก่อนจะเดินจากไปพร้อมๆกับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากปากของอีกคน
    "พี่นี่ จริงๆเล๊ย ยังโก๊ะได้อีกนะเนี่ย นายว่ามั๊ย"หันไปหาอีกคนที่นั่งอมยิ้มอยู่เหมือนคนบ้า
    "ฉันได้จับแขนเค้าด้วยว่ะ"พูดออกมาอย่างดีใจ แกล้งยั่วให้อีกคนโมโหมาก็นาน แต่ได้สัมผัสร่างบางจริงๆก็วันนี้แหละวะ
    "เออ....ไอ้คนแผนสูง แม่งเล่นซะเนียนเลยนะเมิง" เอ่ยปากออกไปไม่รู้ว่าชมหรือด่ากันแน่
    "เออ....แกก็เหมือนกันนั่นแหละ เล่นเอาฮันเค้าหมดฤทธิ์ไปเลยไม่ใช่เหรอ"ยกกำปั้นต่อยเข้าที่แขนอีกคนเบาๆ สรุปแล้วหัวคิดพอกันทั้งคู่!!!
    .
    .
    "ถ้านายไม่ห้ามไว้ก่อนนะ ฉันได้อัดไอ้บ้านั่นไปแล้วไอ้ฮัน" อีกคนยังติดใจกับเรื่องเมื่อกลางวันไม่หาย เลยต้องมาระบายกันตอนเดินกลับบ้านแบบนี้
    "ฉันว่าแกจะถูดอัดมากกว่านะอีทึก แกไม่เห็นตัวไอ้คังอินมันรึไง แค่มันเหวี่ยงแกทีเดียว ขี้คร้านแกจะลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว" เป็นคำพูดที่ช่างเฉือดเฉือนจิตใจคนฟังซะเหลือเกิน
    "อ้าวไอ้นี่ เห็นฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็....."หยุดการคุยโวไปชั่วขณะเมื่อเห็นไอ้คนที่มีเรื่องด้วยเมื่อตอนกลางวันนั่งอยู่บนรถเบนซ์คันงามที่แล่นผ่านหน้าไป โอ้!!พระเจ้าช่วย ไอ้หมอนั่นมันเป็นลูกเศรษฐีหรือนี่????
    "เป็นอะไรไปวะอีทึก ยืนอ้าปากค้างซะจนแมลงวันเข้าไปไข่ได้แล้วเนี่ย" ขมวดคิ้วอย่างงงๆ เมื่อกี้นี้โม้อยู่ดีๆ ตอนนี้ไบ้กินไปซะแระ
    "แกเห็นอะไรมั๊ยไอ้ฮัน เมื่อกี้นี้แกเห็นอะไรมั๊ย" หันไปถามเพื่อนอย่างตื่นเต้น เหมือนเจออะไรที่มันมหัศจรรย์ใจเข้าอย่างนั้นแหละ
    "เห็นอะไรวะ"เกาแก้มเนียนตัวเองอย่างสงสัย
    "ก็ไอ้หมีควายคังอินไง มัน...เมื่อกี้นี้ฉันเห็นมันนั่งอยู่ในรถเบนซ์ที่วิ่งผ่านหน้าเราไปเมื่อกี้นี้ไง"
    "อ๋อ.....อืม ที่บ้านเค้าก็มารับมาส่งทุกวัน ไม่เห็นแปลก" ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก็ในเมื่อใครๆเค้าก็รู้ว่าคังอินเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาหลี คงจะมีแต่ไอ้นี่เท่านั้นหล่ะกระมังที่ตกข่าวอยู่คนเดียว
    "หา....นายก็รู้เหรอเนี่ย  แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องหล่ะ" เลิกคิ้วตกใจ เค้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้ผ่านหูไปได้ยังไงเนี่ย??
    "แล้วนายมัวแต่ไปงมหอยโข่งอยู่ที่มหาสมุทรไหนอยู่หล่ะ"เหล่ตาหันไปมอง ดูจะสนใจเหลือเกินนะทีนี้ เมื่อกลางวันยังท้าต่อยกับเค้าอยู่เลย
    "ถึงว่าสิ มองมันไม่เคยกลัวใครหน้าไหนเลย ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง"เบ้ปากอย่างดูถูก ก็แค่รูปหล่อ พ่อรวย แต่นิสัย แย่ชะมัด
    "ฉันว่าเค้าก็หาเรื่องนายแค่คนเดียวนะอีทึก ไปทำอะไรไว้รึป่าว หมอนั่นถึงได้ดูเกลียดขี้นายนายอย่างนั้นหน่ะ" แกล้งถามให้อีกคนใจเสียเล่นๆ ชอบใจที่ได้เห็นเพื่อนทำหน้าหวาดกลัว (อ้าวเลวแระ)
    "ฉัน....ฉันก็แค่ชอบด่ามันเท่านั้นแหละ ก็นายลองคิดดูสิ มันชอบมากวนตรีนใส่ฉันนี่ เป็นนาย นายก็ทนไม่ได้หรอกใช่มั๊ย" ช้อนตามองเพื่อนร่างโปร่งที่ยืนกลั้นหัวเราะไว้อยู่ พลางทำหน้านิ่ว มันจะตลกอะไรนักวะ ??
    "ฉันล้อเล่นน่า คังอินมันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย"
    "ไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วเมื่อตอนกลางวันจะต่อยฉันเนี่ยนะ" ทำตาโตเมื่อได้ยินที่อีกคนพูดมันออกมา
    "เค้าก็แค่ล้อเล่นน่า ว่าแต่นายเถอะ ไปรู้จักกับคังอินได้ไงกัน ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยหล่ะ"ถามออกไปอย่างสงสัย ก็คนอย่างอีทึกที่วันๆหมกตัวอยู่กับเค้าแล้วก็คิดไม่ออกว่าไปเจอกันตอนไหน
    "ฉัน....เอ่อ เอาเป็นว่าเรื่องมันยาวเดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง รีบกลับเถอะ"เฉไฉเปลี่ยนเรื่อง เดินริ่วนำหน้าไปอย่างนั้น มันยิ่งทำให้สงสัยขึ้นไปอีกนะอีทึก!!
    "เฮ้!!รอด้วยสิ จะรีบไปตามกวางที่ไหนวะ" กระชับกระเป๋าสะพายให้แน่นขึ้นก่อนจะวิ่งตามอีกคนไป อะไรมันจะรีบขนาดนั้นนะ??
    .
    .
    .
    .
    TBC.............................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×