ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1
1
เรื่องราวของเจ้าชายทั้งสองเริ่มขึ้นที่สวนดอกไม้
ตอนที่เสียงฝีเท้าซุกซนวิ่งไปมารบกวนการนอนหลับของคนในศาลาไม้ทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ใจกลางสวน
แสงแดดของฤดูร้อนแผดเผา เด็กชายวัย 11 ปีที่หนีมานอนอ่านหนังสือเล่มโปรดใต้ร่มเงาปรือตาขึ้นเมื่อถูกสะกิดให้ออกจากความฝันด้วยเสียงนั้น มือสีแทนหยิบหนังสือที่กางทับอย่างหนักอึ้งออกจากใบหน้าด้วยความรำคาญ มองเลขจำนวนหน้าที่เป็นสีหมึกเจือจางจากเครื่องพิมพ์ดีดแล้วก็ถอนหายใจที่ตัวเองอ่านไปไม่ถึงไหนสักที
เรียวคิ้วขมวดเมื่อได้ยินเสียงเดิมที่ระคายหูอีกครั้ง หนังสือถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวเมื่อเจ้าของของมันพยายามมองหาต้นเสียงโดยการก้าวออกมาจากที่พักผ่อน ตาคมสอดส่องไปทั่วบริเวณหมายจะหาตัวโจรขโมยดอกไม้ให้พบและจับมาลงโทษอย่างทุกครั้ง
ตอนนั้นเองที่เจ้าชายคิมแทฮยองได้พบกับความรักชั่วชีวิตของเขา
ใครสักคนเคยบอกกับเขาว่าคนเรามักจะจำอะไรที่เป็นครั้งแรกได้ดีและเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
เขาไม่เคยลืมแมลงและผีเสื้อที่บินว่อน
ไม่เคยลืมหยาดเหงื่อเม็ดเล็กบนหน้าผากมน
ดอกไม้ที่ถูกเด็ดทิ้งอย่างเรี่ยราดราวกับสิ่งไร้ค่า
ดวงตากลมโตที่ฉายความตกใจราวกับกระต่ายที่ตื่นกลัว
และความอ่อนโยนที่ละลายน้ำแข็งในหัวใจของเขาไปจนสิ้น
แทฮยองไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนตรงหน้า
เด็กเล็กที่หอบดอกไม้ของเขาไว้ในอ้อมอกแน่น มีน้ำตาเล็ดที่หางตาเป็นลางร้ายว่าจะไหลอาบแก้ม ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้ ร่างเล็กก็ยิ่งถอยห่างและยิ่งหวงแหนดอกไม้ช่อนั้นราวกับกลัวว่าจะโดนแย่งของเล่น เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครแต่ดูจากเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าซาตินชั้นดีกับเข็มกลัดพลอยสีฟ้าเม็ดโตแล้วคงไม่ใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาอย่างแน่นอน
บางอย่างบอกให้แทฮยองไล่เด็กชายออกไปเพื่อตัดปัญหาทิ้ง
"ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่น ถ้ายังไม่อยากถูกลงโทษก็รีบหนีไปซะ"
"ฮื่อ"
ไม่ได้ผล เด็กตัวเล็กยืนตัวแข็งอยู่กับที่ ส่งเสียงงุ้งงิ้งฟังไม่ได้ความ อาจจะเพราะว่ากลัวจนก้าวไม่ออกหรือไม่ก็ดื้อรั้นเอาแต่ใจ แทฮยองเดาไม่ถูก
"องค์ชายเล็ก!"
"พ่อจิน!" เด็กแสบที่ถูกมองอย่างคาดโทษวิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาผู้ใหญ่ที่ปรากฏตัวตรงหน้าประตูสวน
"ต้องขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงด้วยนะครับ องค์ชายใหญ่" ชายหนุ่มเดินมาโค้งคำนับให้เขาและพูดขอขมาอย่างลนลาน ในขณะที่เจ้าตัวดีแอบอยู่ด้านหลังขาเรียวยาวและโผล่หน้ามาเล็กน้อยเพื่อแอบดูเขา
แทฮยองรู้สึกคุ้นเคยกับชายคนนี้ ใช้เวลาไม่นานในการขุดคุ้ยความทรงจำก็นึกออก
องครักษ์คนสนิทของพระราชาแห่งแคว้นวิงส์ คิมซอกจิน
เขารำลึกถึงงานฉลองครั้งยิ่งใหญ่ที่วิงส์และสปริงเดย์ผูกพันธไมตรีและรวมเป็นปึกแผ่นเดียวกันหลังจากที่สงครามอันยาวนานจบลง ตอนที่เขานั่งเบื่อเพราะงานเต้นรำไม่เคยเป็นที่จรรโลงใจสำหรับเขา ซอกจินเป็นคนมาเล่นกับเขาจนวันรุ่งขึ้นเขาก็งอแงยกใหญ่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายกลับแคว้น
ภาพความทรงจำในวันวานทำให้อดที่จะยิ้มไม่ได้
แต่นั่นก็ผ่านมาหกปีแล้ว
เป็นเวลาเดียวกันที่มีข่าวอันน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับเจ้าชายอีกองค์ที่ได้ลืมตาดูโลก ทำให้แผ่นดินใหญ่ที่ถูกปกครองโดยสองราชวงศ์มีเจ้าชายสององค์
และเป็นที่มาของสมญานามองค์ชายใหญ่กับองค์ชายเล็ก
แทฮยองเคยใฝ่ฝันอยากมีน้องชาย อย่างไรก็ดีเขาต้องยอมรับความรู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาทิ้งความเหงาไว้กับสวนดอกไม้และหนังสือเสมอยามที่ต้องการฆ่าเวลาและยามที่ไม่มีใครฟังเรื่องเล่าของเขา
แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับจอนจองกุก
คนที่ทำให้เขาถวิลหาความรู้สึกอยากมีเพื่อนและคนที่อยากปกป้องในเวลาเดียวกัน
"จองกุก"
"อย่ามาเรียกเราแบบนั้นนะ!" เท้าเล็ก ๆ ของเจ้าชายตัวน้อยกระทืบย่ำอยู่กับที่แสดงอาการไม่พอใจ แก้มยุ้ยพองลมป่องจนคนมองอยากจะเอาเข็มจิ้มให้แตก
"ทำไมล่ะครับ? ชื่อออกจะเพราะ" องค์ชายใหญ่ผู้ถูกปลุกความสงสัยย่อตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กอายุหกขวบ
"มันออกเสียงเหมือนซุปถั่ว! ใคร ๆ ก็ล้อเรา"
แทฮยองเงยหน้ามองซอกจินราวกับขอความช่วยเหลือแต่ได้แค่รอยยิ้มแหย ๆ กลับมา
"กุกกี้?"
"โธ่เอ๊ย ไม่มีความคิดที่มันสร้างสรรค์กว่านี้แล้วเหรอ"
"โอเค ไม่เอากุกกี้..."
เขาพยายามนึกหาชื่อเล่นที่เหมาะสม ในขณะนั้นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์พอที่จะนำมาตั้งเป็นชื่อเรียกได้ก็มีแต่เนตรอันมีเสน่ห์ชวนมองตั้งแต่แรกพบ
เขาควรจะเรียกคนที่มีดวงตาส่องประกายความบริสุทธิ์เช่นนี้ว่าอย่างไร? ดวงตาโตและใสราวกับลูกกวางยากจะหาที่เปรียบแบบนี้
"ตาหวาน"
"สิ้นคิดชะมัด" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่รอยยิ้มกว้างที่เปื้อนใบหน้าน่ารักบ่งบอกสิ่งที่ตรงกันข้าม คนฟังแทนที่จะโกรธกลับยิ้มตามไปด้วย
แน่ใจได้เลยว่าหลังจากนั้นองค์ชายเล็กจะไปเล่าให้ใครต่อใครฟังถึงชื่อใหม่ของเขาและเขาโปรดปรานมันมากแค่ไหน
มือที่ใหญ่กว่าเขย่ามือนุ่มนิ่มของเด็กน้อย
"ยินดีที่ได้รู้จัก"
จุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ออกดอกของทั้งคู่ นัยน์ตาคู่งามซ่อนความดีใจในการได้เพื่อนใหม่แทบจะไม่อยู่
จองกุกรู้ชื่อของเขาและเรียกเขาว่าฮยองงี่เหตุผลแค่ว่าแทฮยองงี่ยาวเกินไป
นับตั้งแต่นั้นเขาก็เป็นฮยองงี่ของตาหวานเพราะจองกุกตัดสินใจให้เป็นแบบนั้น
"ฮยองงี่ปลูกดอกไม้พวกนี้เองเหรอ?"
"ใช่แล้วล่ะ"
"ทุกดอกเลยเหรอ?"
"ทุกดอกเลย"
จากพื้นที่ที่เคยเป็นดินโล่ง ๆ อยู่ด้านหลังปราสาทเขารังสรรค์มันจนกลายเป็นสถานที่ที่มีดอกไม้ที่สวยที่สุดในสปริงเดย์ สถานที่ที่ใคร ๆ ก็ลือกันว่าเปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน
สวนดอกไม้คือความภาคภูมิใจของแทฮยอง
"รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าเด็ดดอกไม้ทิ้งอีกนะครับ ถ้าไม่ใช่ตาหวานพี่ลงโทษหนักไปแล้วรู้มั้ย" คนโตกว่าสอนเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา ส่งมือไปลูบผมนุ่มของคนน้องที่ก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
"ก็-ก็ท่านลุงให้มาเล่นในนี้ได้ ตาหวานก็นึกว่าคนสวนเป็นคนปลูก"
"จะใครปลูกก็ไม่ควรเด็ดทิ้งขว้างเพราะดอกไม้ทุกดอกมีค่า"
"ขอโทษครับ" มือเล็กขย้ำกางเกงขาสั้นเหนือเข่าจนยับยู่
"ไม่เป็นไรแล้ว ไปเก็บต่อเถอะ"
สีหน้าเศร้าสร้อยเปลี่ยนเป็นยินดีปรีดาในทันทีจนปรับอารมณ์ตามไม่ทัน แทฮยองส่ายหน้ามองตามหลังจองกุกที่วิ่งไปอีกฟาก
"ว่าแต่พวกเจ้ามีกิจอันใดถึงได้มาที่นี่" องค์ชายใหญ่หันไปถามองครักษ์ที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ
"องค์ชายทราบเกี่ยวกับข้อตกลงที่ทั้งสองแคว้นตั้งไว้หรือเปล่าครับ?"
รัชทายาทของวิงส์และสปริงเดย์จะต้องแต่งงานกันเพื่อรวมสองวงศ์ตระกูลให้เป็นหนึ่งเดียว เขาเคยได้ยินมาว่าอย่างนั้น ถึงมันจะเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงแต่มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังยาวไกลเกินกว่าที่เด็กอย่างเขาจะสนใจ
ถ้านั่นเป็นความจริง จองกุกก็คือคนที่ควรจะได้เป็นคู่หมั้นของเขา
"เนื่องจากรัชทายาททั้งสองเป็นผู้ชายและไม่มีท่าทีว่าองค์ราชินีจะให้กำเนิดพระธิดาออกมาอีก องค์ราชาจึงมาขอยกเลิกข้อสัญญาและทำการขอแลกแหวนหมั้นคืนครับ"
แทฮยองมองเด็กที่กำลังเก็บดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ณ เวลานั้นเขาไม่รู้เลยว่าในอนาคตเขาจะเสียดายรอยยิ้มแสนสดใสนั้นมากแค่ไหน
"เข้าใจแล้ว"
แสงแดดของฤดูร้อนยังคงแผดเผา
เขาควรไปหาหนังสือเล่มใหม่อ่านสักหน่อย
"ฮยองงี่!"
เสียงเล็กดังขึ้นใกล้ ๆ แทฮยองเบนสายตาจากกระดาษสีเหลืองอ่อนเก่า ๆ ไปหาคนที่ยืนข้างโซฟา คลี่ยิ้มเอ็นดูให้คนที่ดึงความสนใจของเขา
"ว่าไง"
"คือว่า...ตาหวานมีของจะไถ่โทษ"
"ไถ่โทษ? เรื่องดอกไม้น่ะเหรอ?"
เด็กน้อยพยักหน้ารับ เท้าข้างหนึ่งเขี่ยพื้นไปมา ก่อนจะเผยให้เห็นสิ่งที่ตัวเองถือซ่อนไว้ข้างหลังแต่แทฮยองก็เห็นมันก่อนหน้านั้นแล้วเพราะคนตัวเล็กบังไม่มิด
"ตาหวานไม่อยากให้ดอกไม้ที่ฮยองงี่ปลูกเสียเปล่าเลยไปเก็บดอกไม้ที่พื้นมาด้วย"
กลิ่นของมงกุฎดอกไม้ที่ตาหวานร้อยลอยคละคลุ้ง สมบัติอีกชิ้นที่เขาจะเก็บไว้ในห้องนอนจวบจนวันที่มันแห้งเหี่ยวและตายไป
"ตอนแรกตาหวานว่าจะทำของตัวเองอันเดียวแต่ตาหวานอยากขอโทษฮยองงี่ก็เลยทำมาอีกอัน"
เหตุผลที่จองกุกเก็บดอกไม้ไปตั้งมากมาย
"ฮยองงี่หายโกรธตาหวานแล้วนะ?"
ใครจะไปโกรธเด็กน่ารักขนาดนี้ลงกัน
"หายแล้วล่ะ"
รอยยิ้มแห่งความดีใจของจองกุกค่อย ๆ หุบลง เกิดเป็นความกังวลของแทฮยองขึ้นมาแทน
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น?"
"เรื่องจริงหรือเปล่าที่ฮยองงี่ลงโทษทุกคนที่ขโมยดอกไม้ในสวน" ก่อนที่แทฮยองจะได้ถามไถ่ว่าใครกันที่ปากโป้ง เด็กตัวน้อยก็ตอบคำถามนั้นแล้ว
"ตอนที่ตาหวานหอบดอกไม้ไปหาท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าฮยองงี่หวงดอกไม้ในสวนมากและสั่งเฆี่ยนตีทุกคนที่มาขโมย ท่านลุงงงว่าฮยองงี่ปล่อยให้ตาหวานเก็บดอกไม้มาเยอะแยะได้ยังไง"
"ก็คนพวกนั้นสมควรโดนแล้วนี้" คนพี่พูดอย่างไม่เห็นความผิดของตัวเองในขณะที่คนน้องคิดแตกต่างออกไป
"ฮยองงี่นิสัยไม่ดี"
"ว่าไงนะ..."
"คนขี้งกเป็นคนนิสัยไม่ดี"
ใบหน้าบึ้งตึงตัดพ้อ มันทำให้คนเริ่มครุ่นคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องแล้วจริง ๆ หรือเปล่า
"ฮยองงี่มีดอกไม้ตั้งเยอะแยะ ให้คนอื่นไปบ้างจะเป็นไร"
"ดอกไม้พวกนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของพี่ จะให้คนอื่นมามักง่ายขโมยไปเฉย ๆ สร้างผลประโยชน์ให้ตัวเองงั้นเหรอ?"
"คนขโมยก็เพราะเขาขาดแคลน ถ้าเรามีเหลือเฟือก็ควรจะแบ่งปัน ฮยองงี่ไม่ดีใจเหรอที่ดอกไม้ของฮยองงี่ช่วยเหลือผู้คนได้น่ะ"
ถ้อยคำที่ไม่น่าออกมาจากปากของเด็กอายุหกขวบทำให้แทฮยองหมดคำพูดเสียเอง เหตุหนึ่งเพราะเขาเพิ่งจะตระหนักถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นคนไม่มีจิตใจที่กว้างขวางพอที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างที่จองกุกว่า
แทฮยองไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีจนกระทั่งจองกุกเดินเข้ามาทำให้เขาเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
หลังจากที่ทั้งสองราชวงศ์นั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารตัวยาวและรับประทานดินเนอร์ด้วยกันแล้ว แทฮยองก็กลับไปที่ห้องสมุดเพื่อจมตัวเองลงในเรื่องราวที่กำลังน่าตื่นเต้นต่อ
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครหลัก เสียงของเด็กที่เขาได้ยินมาเกือบจะทั้งวันก็ดังขึ้นอีกครั้ง เด็กขี้อายไม่ยอมพูดยอมจาในตอนแรกบัดนี้เหลือเพียงคนช่างพูดกับประตูหัวใจที่ถูกเปิดออกของเขา
"ชอบอ่านหนังสือเหรอ?"
"อื้อ ชอบ" แทฮยองยิ้มให้กับตัวเอง
เขาไม่มีอะไรอย่างอื่นจะทำต่างหาก
"ตาหวานเจอหนังสือที่ฮยองงี่ลืมไว้ในศาลาด้วยแหละ" หนังสือเล่มหนาที่ว่าถูกยกขึ้นมาเปิดพลิกหนาไปมาในมือน้อย ๆ
"เอาไปอ่านสิ พี่ให้"
"อ่านไม่ออกง่ะ"
สุดท้ายหนังสือที่แทฮยองกำลังติดงอมแงมก็ต้องถูกวางลง สองเจ้าชายที่มีมงกุฎดอกไม้วางอยู่รอบศีรษะนั่งอ่านหนังสือเล่มเดียวกันโดยที่เด็กตัวเล็กนั่งบนตักเด็กตัวใหญ่กว่า เสียงที่ยังไม่แตกหนุ่มอ่านตัวอักษรตั้งแต่บนกระดาษหน้าแรกของหนังสือ ไม่แคร์ว่าตัวเองจะเคยอ่านมันไปแล้ว แม้ว่าเขาจะชื่นชอบหนังสือเล่มนี้เพราะหลงใหลในภาษาอันประณีตของผู้เขียน เขากลับอ่านมันไปได้แค่หนึ่งในสามของเนื้อหาทั้งหมดเพราะมันทำให้เขาหลับทุกทีในขณะอ่าน
และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เขาคนเดียวที่เป็นแบบนั้นเพราะจู่ ๆ ร่างเล็กก็คอพับ ไม่มีเสียงขานรับเมื่อถูกเรียก อาจจะเพราะอาหารมื้อเย็นที่หนักท้องด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ แทฮยองจับให้อีกฝ่ายเอาหัวนอนพิงเขา เกรงว่าน้องจะเมื่อยหากปล่อยให้อยู่ในท่านั้นนาน ๆ
หนังสือเล่มโปรดถูกทิ้งไว้ให้โดดเดี่ยวอีกครั้ง เขาตั้งใจแล้วว่าจะอ่านมันด้วยกันกับจองกุกเท่านั้น ก่อนจะหยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมาอ่านต่อจนกว่าจะถึงเวลาเข้านอน มีเด็กตัวน้อยวิ่งเล่นในแดนความฝันอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เจ้าชายในชุดบรรทมติดนิสัยมองสวนของเขาจากทางหน้าต่างบานใหญ่ก่อนเข้านอน เขาชอบมองดอกไม้ที่กำลังหลับใหลภายใต้แสงจันทร์เพราะมันทำให้เกิดความสงบสุขในจิตใจ
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียว
รูปร่างและเงาของใครบางคนกำลังขยับในความมืด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แทฮยองจะพบเห็นโจรในยามวิกาล ที่เขาชอบยืนมองสวนดอกไม้อยู่นานสองนานก็เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบบุกรุกเข้ามาขโมยของของเขา
ชั่ววินาทีเดียวที่เจ้าชายกำลังคิดจะไปบอกให้ทหารรักษาความปลอดภัยจับตัวคนร้าย ก็เกิดมีความขัดแย้งกับตัวเองเมื่อหวนนึกถึงคำสัญญาที่เขามีให้กับเด็กที่นอนหลับสบายบนตักของเขาจนขาเป็นตะคริว
'ฮยองงี่สัญญากับตาหวานนะว่าจะไม่ลงโทษคนที่มาขโมยดอกไม้อีก'
ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม
เด็กโง่
มงกุฎดอกไม้ที่ห้อยอยู่ข้างผนังมองเขาอย่างเศร้าโศก
สัมผัสที่นิ้วก้อยของเขาโดนเกี่ยวในตอนนั้นยังคงติดค้างอยู่ที่ผิวหนัง
เขาพ่ายแพ้แล้ว พ่ายแพ้ต่อคนที่ชื่อจอนจองกุก
ถ้าเขายอมให้ตาหวานเก็บดอกไม้ได้ เขาก็น่าจะยอมให้คนอื่นทำได้เหมือนกัน
ถ้าสวนดอกไม้ของเขาจะกลายเป็นสถานที่ช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้ มันก็เป็นเรื่องดี
องค์ชายใหญ่หันหลังให้กับหน้าต่างและเดินจากไปด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า ในคืนนั้นแทฮยองได้กลายเป็นเจ้าชายผู้มีความเมตตากรุณาอย่างที่เจ้าชายคนหนึ่งควรจะเป็น
ด้วยสัญญาที่เขาไม่จำเป็นต้องรักษาเสียด้วยซ้ำ
จองกุกจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นเหมือนดั่งแสงตะวัน
ที่ส่องลงมาบนหัวใจที่มืดมิดของเขา
✿
เรื่องนี้เรื่อยๆนะ คือพักจากความกามมาอ่านอะไรแบบนี้บ้างเถอะ นรกจะกินกบาล555555
เราไม่หวังอะไรกับเม้นแล้วเพราะรู้ว่ามันไม่น่าตื่นเต้น แต่เรื่องนี้ไม่ยาวมากน่าจะมี 5-6 ตอน
#ficsmeraldovk
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น