คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : OrcusKiller :CHAPTER 4
เวลา 23:30น.
“ ตื่นได้แล้วฮิมชอล.. ฮิมชอล” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยปลุกให้คนตัวบางที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขให้ตื่นจากความฝัน คนตัวบางที่ได้ยินเสียงเรียกก็ค่อยๆขยับและพลิกตัวไปมาก่อนจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
“ ถึงเวลาแล้วหรอ..” ฮิมชอลพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ อื้อ ใกล้ถึงเวลาที่จองโต๊ะไว้แล้ว” ยงนัมพูดพร้อมกับยืนมองคนตัวบางที่ยังคงขี้เซาอยู่
“ อื้อ.. แล้วฮิมชานล่ะ” ฮิมชอลค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะถามถึงน้องชาย
“ ปานนี้ยงกุกมันคงปลุกแล้วมั้ง” ยงนัมพูด คนตัวบางพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าเข้าใจ
ด้านยงกุกกับฮิมชาน
ยงกุกยืนมองฮิมชานที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ร่างสูงใช้เวลาเรียกร่างบางมาเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เรียกยังไงคนขี้เซาและตื่นยากอย่างฮิมชานก็ไม่ยอมรู้สึกตัวสักที จนร่างสูงเริ่มจะหมดความอดทน
“ ไม่ตื่นดีๆสินะ..” พูดจบยงกุกก็ไม่รอช้า ร่างสูงนั่งลงบนเตียงแล้วช้อนตัวร่างบางขึ้นก่อนจะดันอีกคนให้ตกเตียง
ปึกกก!!
เสียงร่างบางตกเตียงดันสนั่นไปทั่วห้อง แต่เสียงที่ตามมาดูเหมือนจะดังกว่า
“ โอ๊ยยยย!!!!!!!! ทำบ้าอะไรของนาย!!!!!!!!!!!!!!!” ฮิมชานที่ในที่สุดก็ยอมตื่นเพราะความเจ็บโวยวายขึ้นเสียงดังลั่นห้องพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไปให้ร่างสูง
“ ปลุกตั้งนานไม่ตื่นเอง ช่วยไม่ได้..” ยงกุกยังคงน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วมองสบตาร่างบางอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ แล้วจะปลุกดีๆเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้รึไง!” ฮิมชานยังคงแหกปากโวยวายไม่เลิก ร่างบางจับไปที่หลังและบั้นทายของตัวเองอย่างรู้สึกเจ็บ
“ ก็ฉันไม่ใช่คนอื่น ฉันก็คือฉัน” ยงกุกยักไหล่ไม่สนใจ
“ เอะอะเสียงดังอะไรไปถึงข้างนอก” ยงนัมที่ได้ยินเสียงดังโวยวายเปิดประตูเข้ามาในห้องยงกุกแล้วถามขึ้นได้ความสงสัย
“ ก็ไอ้ขี้เก๊กนี่อ่ะมันผลักฉันตกเตียง!” ฮิมชานหันไปพูดกับยงนัมเสียงดัง หน้าตาของร่างบางบ่งบอกได้เลยว่าไม่พอใจแค่ไหน ยงนัมมองไปที่ร่างบางที่อยู่ตรงพื้นข้างเตียง ก่อนจะหันไปมองน้องชายเป็นเชิงถาม
“ ก็กูปลุกตั้งนานแล้ว” ยงกุกเข้าใจที่พี่ชายมองมาแบบนั้นเลยตอบออกไปตามความจริง
“ อื้อ” ยงนัมพยักหน้ารับรู้
“ มีอะไรกันหรอ” ฮิมชอลที่เพิ่งเดินตามเข้ามาทีหลังถามด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปเห็นน้องชายที่ทำหน้าโอดครวญอยู่ที่พื้นข้างเตียง
“ ฮิมชาน! เป็นอะไรน่ะ” ฮิมชอลรีบวิ่งเข้าไปดูน้องชายอย่างเป็นห่วงก่อนจะค่อยๆพยุงตัวอีกคนให้ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียง
“ ก็ไอ้ขี้เก๊กมันผลักฉันตกเตียงน่ะสิฮิมชอล” ฮิมชานเมื่อเห็นว่าพี่ชายเข้ามาโอ๋ก็ได้ทีฟ้องยกใหญ่
“ เป็นเพราะนายไม่ยอมตื่นรึป่าว” ฮิมชอลถามน้องชายพร้อมกับยิ้มขำ
“ ฮิมชอลอ่า..” ฮิมชานลากเสียงอย่างงอนๆเรียกรอยยิ้มจากพี่ชายตัวบางได้เป็นอย่างดี
“ โอ๋ๆ ไม่เจ็บแล้วนะ” ฮิมชอลกอดน้องชายและยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ อื้อ ดีขึ้นบ้างแล้ว” ฮิมชานบอกกับพี่ชายก่อนทั้งสองจะหันไปมองที่ยงกุกและยงนัม
“ ถ้าดีขึ้นแล้วก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเลยเวลาซะก่อน” ยงนัมพูดพร้อมกับเดินนำทุกคนออกจากห้อง อีกสามคนที่เหลือก็เดินตามกันออกมา เมื่อเห็นว่าทุกคนออกมากันครบแล้วยงนัมก็ปิดล็อคประตูห้องและเก็บคีย์การ์ดใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
“ ไปถึงก็ทำตัวกันดีๆล่ะ” ยงนัมหันไปพูดกับร่างบางทั้งสองคนก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์และกดไปยังชั้นใต้ดิน ไม่นานนักลิฟท์ก็มาหยุดยังชั้นที่ต้องการ ทั้งสี่คนเดินออกจากลิฟท์ ด้านหน้ามีประตูเหล็กที่ดูหนาแน่นมากอยู่บานนึง ยงนัมพาทุกคนเดินตรงไปที่ประตู ร่างโปร่งหยิบเหรียญทองที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะใส่มันเข้าไปในช่องใส่เหรียญที่ประตู
แกร๊ก..
ทันทีที่เหรียญถูกใส่เข้าไปประตูบานเล็กด้านบนที่ใช้สำหรับตรวจสอบใบหน้าของคนที่จะเข้ามาภายในก็ถูกเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงประตูเหล็กที่ค่อยๆเปิดออก เบื้องหลังประตูเหล็กเป็นเหมือนบาร์เล็กๆ มีทั้งดนตรีและเครื่องดื่มมึนเมาครบครัน ยงนัมเดินนำทุกคนเข้ามาด้านในและตรงไปยังโต๊ะในสุดที่มีใครบางคนนั่งอยู่แล้ว
“ มาสเตอร์จินซอก” ยงนัมเอ่ยทักคนที่นั่งก้มหน้าจดอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะ
“ ยงนัม ยงกุก” จินซอกเงยหน้าขึ้นจากสมุดจดของตัวเองแล้วยิ้มให้กับยงนัมและยงกุก
“ นี่คนที่มาสเตอร์ให้พามา” ยงนัมพูดก่อนจะหันไปมองแฝดร่างบางทั้งสองคน
“ สวัสดีฮิมชอล ฮิมชาน.. พวกนายสี่คนนั่งก่อนสิ” จินซอกทักทายแฝดร่างบางทั้งสองพร้อมกับยิ้มให้แล้วพูดอนุญาติให้ทั้งสี่คนนั่งลง แฝดทั้งสี่จึงค่อยๆเข้าไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับจินซอก โดยที่ฮิมชอลกับฮิมชานนั่งตรงกลาง ส่วนยงนัมกับยงกุกก็นั่งปิดหัวท้ายของโซฟาคนละด้าน
“ คุณรู้จักเราสองคนด้วยหรอครับ” ฮิมชอลที่สงสัยว่าทำไมคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าถึงรู้ชื่อตัวเองกับน้องชายเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ ใช่” จินซอกตอบพร้อมกับยิ้มให้ร่างบางทั้งสองคนอีกครั้ง
“ มาสเตอร์..” ยงกุกที่มีเรื่องคาใจอยากถามจินซอกเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดจบคนตรงหน้าก็ขัดขึ้นซะก่อน
“ นายจะถามเรื่องวันตายของพ่อแม่นายสองคนกับวันตายของพ่อแม่ฮิมชอลกับฮิมชานใช่รึป่าว” จินซอกหันไปมองยงกุกและถามขึ้นเหมือนรู้อยู่แล้วว่าร่างสูงกำลังคิดอะไร
“ ครับ..” ยงกุกพยักหน้า
“ มาสเตอร์รู้หรอ” ยงนัมถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ มาถึงตอนนี้แล้วก็คงจะได้เวลาที่ฉันต้องบอกเรื่องทุกอย่างกับพวกนายทั้งสี่คน” จินซอกพูดพร้อมกับมองไปที่แฝดทั้งสี่
“ เรื่องอะไรครับ” ยงนัมถามต่อ
“ พ่อแม่ของพวกนายทั้งสี่คนเป็นเพื่อนรักกัน พ่อแม่ของฮิมชอลกับฮิมชานเคยเป็นนักฆ่ามาก่อนเหมือนยงกุกกับยงนัม แต่ทั้งสองคนขอถอนตัวเพราะไม่อยากให้ลูกต้องมีชีวิตที่เสี่ยงตาย แล้วเรื่องที่พ่อแม่ของพวกนายตายวันเดียวกันนั้นก็เป็นเพราะพ่อแม่ของฮิมชอลและฮิมชานถูกตั้งค่าหัว หลังจากที่ทั้งสองคนขอถอนตัวไปได้ไม่นาน พอพ่อแม่ของยงกุกกับยงนัมรู้เรื่องค่าหัวและเรื่องวันลงมือของนักฆ่าที่จะไปฆ่าพ่อแม่ของฮิมชอลกับฮิมชานพวกเค้าก็รีบไปช่วยเพื่อนในทันที แต่ว่าฝ่ายนู้นเตรียมนักฆ่าฝีมือดีมามากเกินกว่าที่พ่อแม่ของพวกนายสี่คนจะรับไหว พ่อแม่ของพวกนายก็เลยโดนฆ่าตาย พวกเค้าเองรู้อยู่แล้วว่าคงจะรับมือไม่ไหว ก่อนตายพวกเค้าโทรหาฉัน และบอกฉันให้ดูแลพวกนาย นั้นเลยเป็นเหตุให้นายสองคนต้องรับงานแรกเร็วกว่ากำหนดหนึ่งปีเพื่อที่จะได้อยู่ในสองตาฉันตลอดเวลา..” พูดถึงตรงนี้จินซอกก็หันไปมองหน้ายงนัมกับยงกุกสลับกัน ก่อนจะค่อยๆหันไปมองแฝดร่างบางทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงกลาง
“ ส่วนนายสองคน หลังจากที่พ่อแม่พวกนายตายฉันไม่สามารถรับพวกนายมาดูแลได้ เนื่องจากพ่อแม่ของนายสองคนถอนตัวออกจากองค์กร พวกนายสองคนจึงไม่มีรายชื่ออยู่ในองค์กรและไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กร นายสองคนเลยถูกรับเลี้ยงโดยญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ คิมแทซง.. เค้าไม่ได้เป็นนักฆ่าเหมือนพ่อแม่ของพวกนาย แต่เค้าเป็นลูกน้องคนสนิทของเจ้าของธุระกิจมืดคนนึงที่เป็นคนตั้งค่าหัวพ่อกับแม่พวกนายขึ้นมา แทซงเลือกที่จะฆ่าน้องชายเพื่อให้ตัวเองมีทุกสิ่ง แต่เมื่อไม่นานนี้แทซงก็ถูกตั้งค่าหัวขึ้นมาจากใครบางคนที่อยากกำจัดเค้าทิ้งเพราะการช่อโกงของเค้า ยงกุกกับยงนัมถูกมอบหมายงานนี้และไปกำจัดลุงของนายสองคน จนพวกนายได้เจอกัน” จินซอกเมื่อเล่าเรื่องทุกอย่างจบเค้าก็ยื่นมือไปหยิบวิสกี้ของตัวเองที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาจิบ
“ แสดงว่ามาสเตอร์ก็รู้อยู่แล้วว่าผมสองคนต้องไปเจอกับเด็กสองคนนี้” ยงกุกเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
“ พวกฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ!!” ฮิมชานที่ได้ยินร่างสูงเรียกตัวเองกับพี่ชายว่าเด็กโวยวายขึ้น
“ ฮิมชาน” ฮิมชอลหันไปดุน้องที่โวยวายไม่รู้เวลา ฮิมชานก็ไม่ได้ขัดอะไรพี่ชาย ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจส่งไปให้ร่างสูง
“ อื้อ ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันถึงส่งงานนี้ให้นายสองคน เพื่อให้พวกนายไปพาตัวฮิมชอลกับฮิมชานมาที่นี่ เพราะมันถึงเวลาที่ทั้งสองคนต้องเลือกแล้วว่าจะเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนที่พ่อแม่เลือกให้ หรือเป็นนักฆ่าอยู่ในองค์กร..” จินซอกพูดแล้วยิ้มบางให้กับแฝดร่างบางทั้งสอง
“ เลือกงั้นหรอครับ..” ฮิมชอลถามด้วยความสงสัย
“ ใช่ ถ้าพวกนายเลือกเป็นแค่คนธรรมดาพวกนายก็จะไม่สามารถเข้ามาในองค์กรนี้ได้อีก เพราะมันเป็นกฎ และหากพวกนายเลือกที่จะเป็นคนธรรมดาแล้วพวกนายก็ต้องดูแลชีวิตตัวเอง แต่ถ้าพวกนายเลือกเป็นนักฆ่าพวกนายก็จะสามารถอยู่ในองค์กรนี้ได้ และพวกนายก็จะอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลา” จินซอกพูดจบก็ยกวิสกี้ขึ้นจิบต่อ
“ ฮิมชอลฉันอยากแก้แค้นให้พ่อกับแม่ ฉันอยากฆ่าไอ้คนที่มันสั่งฆ่าพ่อกับแม่เรา” ฮิมชานหันไปพูดกับพี่ชาย ตอนนี้ในใจของร่างบางยังคงมีแต่ความแค้น
“ แต่ฮิมชาน เราสู้กันไม่เป็นเลยนะ แม้แต่จับปืนยังไม่เคย” ฮิมชอลคัดค้านในสิ่งที่น้องชายพูด ไม่ใช่ว่าคนตัวบางไม่อยากแก้แค้นให้พ่อกับแม่ แต่พวกเค้าสู้ไม่เป็นด้วยซ้ำ แม้แต่ชกต่อยกับใครก็ยังไม่เคย
“ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง มีคนค่อยฝึกให้พวกนายอยู่แล้ว” จินซอกวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะแล้วมองมาที่แฝดร่างบางทั้งสองคน
“ งั้นผมตก..!” ยังไม่ทันที่ฮิมชานจะได้พูดจบมือของคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างยงกุกก็ยกมือขึ้นมาปิดปากร่างบางซะก่อน
“ ผมว่าให้เวลาพวกเค้าคิดอีกหน่อยดีกว่า..” ยงกุกไม่ได้มองไปที่ร่างบางที่พยายามแกะมือตัวเองออกและดิ้นไปมาอยู่ข้างๆ แต่กลับหันไปพูดกับจินซอก
“ หึ นั้นสินะ.. แต่ถึงพวกเค้าจะยังไม่เลือกในตอนนี้ พวกนายสองคนก็ควรพาพวกเค้าไปฝึกเหมือนกัน เพราะฉันเชื่อว่าอีกไม่นานค่าหัวพวกนายสี่คนก็คงจะออกมา หากเจ้านายของแทซงรู้ว่าแทซงโดนนายสองคนฆ่าตาย และฮิมชอลกับฮิมชานมากับพวกนาย เค้าอาจจะคิดว่าพวกนายสี่คนจะรวมตัวกันเพื่อแก้แค้น และสั่งคนตามล่าพวกนายแน่ๆ” จินซอกสบตากับยงกุก
“ ครับ ผมสองคนจะรับหน้าที่ฝึกให้พวกเค้าเอง” ยงกุกตอบรับด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
“ งั้นก็ตกลงตามนี้ ต่อจากนี้ก็ให้ฮิมชอลกับฮิมชานไปอยู่กับพวกนายที่บ้าน” จินซอกพูดสรุปและยิ้มให้แฝดทั้งสี่คน
“ ครับ งั้นพวกผมขอตัว” ยงกุกพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงมือฮิมชานให้ลุกขึ้นตามมาด้วย
“ ขอตัวนะครับ” ยงนัมที่เห็นน้องชายลากฮิมชานออกจากโต๊ะไปแล้วก็ลุกขึ้นพาฮิมชอลเดินตามไป ฮิมชอลโค้งหัวให้จินซอกอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะพร้อมยงนัม
“ ไอ้ขี้เก๊กปล่อยฉัน! ใครบอกว่าฉันจะไปอยู่บ้านนายฮะ!!” เสียงของฮิมชานโวยวายขึ้นทันทีที่ปากโดนปล่อยให้เป็นอิสระ
“ นายคิดให้มันดีๆก่อนจะพูดอะไรจะดีกว่า อย่าปากไวพูดไม่คิด..” ยงกุกเมื่อเห็นฮิมชานเริ่มโวยวายก็ปล่อยมือจากข้อมือบางที่เข้าจับให้เดินออกมาจากโต๊ะ และหันไปมองร่างบางด้วยสายตาเย็นชา
“ ฉัน..” ฮิมชานชะงักเมื่อสบเข้ากับสายตาของร่างสูงและคำที่ร่างสูงพูด
“ ยงกุก” ยงนัมเดินเข้ามาตบบ่าน้องชายเบาๆเป็นเชิงว่าเข้าใจในสิ่งที่น้องชายคิดก่อนจะพากันเดินนำร่างบางทั้งสองเพื่อออกจากบาร์
“ ไอ้แฝดปีศาจ!!” ยังไม่ทันที่แฝดทั้งสี่คนจะก้าวไปถึงประตูทางออกก็มีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกยงกุกและยงนัมขึ้นซะก่อน ทั้งสองคนหันไปตามเสียงเรียก
“ อ้าว เฮียนิวแชมป์ มาทำอะไรอ่ะ” ยงนัมเอ่ยทักคนที่เดินเข้ามาหา
“ มาทวงค่าเก็บกวาดของกูที่ผับนั่นไง” นิวแชมป์หยุดยืนตรงหน้ายงกุกกับยงนัมพร้อมกับมองอย่างเคืองๆ
“ ยงนัม..” ยงกุกหันไปมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาตำหนิเป็นเชิงว่า.. อีกแล้วหรอ
“ ฮ่าๆๆๆ โทษทีเฮีย ผมลืม” ยงนัมหัวเราะก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบเหรียญทองออกมาส่งให้นิวแชมป์
“ พวกมึงก็ลืมทุกรอบอ่ะ” นิวแชมป์พูดพร้อมกับรับเหรียญมาจากยงนัม ก่อนสายตาของนิวแชมป์จะหันไปสังเกตเห็นร่างบางทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังยงกุกกับยงนัม
“ แฝดอีกคู่งั้นหรอ นี่แมร่งเนื้อคู่ชัดๆ” นิวแชมป์พูดพร้อมกับเดินวนรอบร่างบางทั้งสองก่อนจะหันมามองและยิ้มให้กับยงนัมและยงกุก ร่างบางทั้งสองคนที่ยืนฟังอยู่ก็ถึงกับหน้าขึ้นสี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ เฮียอยากเจอตีนคู่ไหม..” ยงกุกพูดหน้าตายมองหน้านิวแชมป์
“ อะไรวะ แซวแค่นี้ก็ต้องโมโห” นิวแชมป์เบ้หน้าอย่างเซ็งๆ
“ ไปแดกเหล้าต่อไปเฮีย เดี๋ยวเจอตีนคู่ไอ้ยงกุกแล้วจะแดกไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ยงนัมหัวเราะพร้อมกับเดินไปตบบ่านิวแชมป์
“ เออๆ ไปก็ได้วะ แล้วทีหลังมึงสองคนอย่าลืมจ่ายกูอีกล่ะ ลืมอีกทีนี้กูคิดสองเท่านะเว้ย” นิวแชมป์พูดแล้วมองหน้าร่างสูงทั้งสองคน
“ เฮียแมร่งหน้าเลือดชิบ” ยงนัมบ่นพร้อมกับยิ้มขำ
“ เออ กูเป็นคนแบบนี้แหละ” นิวแชมป์พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
“ อ้าว นี่เฮียเป็นคนด้วยหรอ?! ฮ่าๆๆๆๆๆ” ยงนัมตะโกนไล่หลังนิแชมป์ไป เป็นเหตุให้คนที่เดินไปแล้วยกนิ้วกลางขึ้นชูส่งมาให้ ร่างโปร่งไม่ได้ตอบกลับอะไรเอาแต่ยืนหัวเราะ
“ มึงจะหัวเราะอีกนานไหม..” ยงกุกมองยงนัมอย่างเอื่อมๆ
“ เออๆ มึงนี่ไม่มีอารมณ์ขันเลยรึไงวะ เฮ้ออ” ยงนัมพูดก่อนจะกอดคอน้องชายและทั้งสองก็เดินออกจากบาร์ไปตามด้วยร่างบางทั้งสองที่เดินตามมาไม่ห่าง เมื่อออกมาจากบาร์แล้วทั้งสี่คนก็ตรงกลับเข้าห้องพักทันที ยงนัมหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วแตะที่ประตู
“ เดี๋ยวนายสองคนนอนห้องฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันนอนกับยงกุก” ยงนัมที่เดินกอดคอยงกุกนำเข้ามาในห้องพูดขึ้น
“ อื้อ” แฝดร่างบางทั้งสองคนพยักหน้าตอบรับ แล้วทั้งสี่คนก็แยกไปเข้าห้องตามที่ตกลงกันไว้ ยงนัมกับยงกุกเดินเข้าไปในห้องของตัวเองและล้มตัวลงนอนทันทีด้วยความเหนื่อยล้า ต่างจากแฝดทั้งสองที่ได้พักไปบ้างแล้ว ร่างบางทั้งสองล้มตัวลงนอนบนเตียง
“ นี่ฮิมชอล นายว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันบังเอิญเกินไปไหม” ฮิมชานเงยหน้ามองเพดานพร้อมกับเอ่ยถามพี่ชาย
“ ในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญหรอกฮิมชาน ฉันเชื่อว่าทุกอย่างมันคือพรหมลิขิต มันคือเรื่องที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าจะให้มันเป็นแบบนี้” ฮิมชอลตอบน้องชาย คนตัวบางเองก็เงยหน้ามองเพดานไม่ต่างกัน
“ งั้นหรอ..” ฮิมชานพูด
“ อื้อ” ฮิมชอลตอบรับพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“ เข้าใจแล้วล่ะ งั้นเรานอนกันดีกว่า” ฮิมชานหันมามองพี่ชายพร้อมกับยิ้มบางส่งให้
“ อื้อ ฝันดีฮิมชาน” ฮิมชอลหันมายิ้มตอบน้องชายอย่างอ่อนโยน
“ ฝันดีฮิมชอล..” เมื่อฮิมชานพูดจบร่างบางทั้งสองก็ค่อยๆหลับตาลงและหลับไปในที่สุด..
------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็แต่งตอนที่สี่ได้สำเร็จ ใช้เวลาเรียบเรียงอยู่นานพอควร แต่เวลาของความขี้เกียจนี่เยอะกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ มาถึงตอนนี้ก็ยังคงมีเม้นน้อยเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ในทุกตอนที่ลงมีคนมาเม้นบ้างก็พอมีกำลังใจแต่งต่อแล้วคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิคเรื่องนี้นะคะ ไรท์หวังว่าทุกคนจะชอบฟิคเรื่องนี้และติดตามไปจนจบ และตอนนี้ไรท์ก็อยากบอกว่าไรท์จะติดแท็กฟิคแล้วนะคะ เข้าไปติดแท็กแล้วให้กำลังใจไรท์กันได้เลยนะคะ รักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ
ความคิดเห็น