คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Underneath{1} - AJxKiseopxSoohyun
Underneath
“หัวหน้าดูสิ่ๆ เจ้าของโรงแรมมานู่นแล้วครับ”
คิม แจซอบหัวหน้าฝ่ายตกแต่งภายในของบริษัทออกแบบชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบทุกๆห้องพักให้กับโรงแรมเปิดใหม่ที่ขึ้นชื่อได้ว่าทันสมัยและหรูหราติดอันดับต้นๆของประเทศ ขณะที่เจ้าตัวกำลังเพลินไปกับบรรยากาศรอบตัวซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาไฮโซและเหล่านักข่าวที่มาร่วมงานเปิดตัวโรงแรมแห่งนี้ก็ถูกหนึ่งในลูกน้องคนสนิทสะกิดให้มองไปที่ประตูทางเข้าเมื่อถึงเวลาที่เจ้าของโรงแรมปรากฎตัวออกมา
ชายหนุ่มสองคนในชุดสูทดูดีราคาแพง คนหนึ่งคือชิน ซูฮยอนที่คนทั้งงานรวมทั้งแจซอบเองรู้จักเป็นอย่างดีเพราะซูฮยอนนี่เองคือเจ้าของโรงแรมแห่งใหม่นี้ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในอีกหลายโรงแรมชื่อดังของเขา วันนี้ซูฮยอนมาในชุดสูทดำเป็นทางการ ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมด้วยเนคไทสีดำทำให้เจ้าตัวดูสง่าและน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก
แต่คนที่ทำให้แจซอบไม่สามารถสายตาจากไปได้กลับเป็นคนที่เดินเคียงคู่มากับซูฮยอนต่างหาก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทขาวพอดีตัวสวมทับเสื้อเชิ้ตสีดำที่ติดกระดุมจนถึงกระดุมคอเม็ดสุดท้ายและกางเกงเข้ารูปสีดำ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูเหมือนจะเริ่มยาวมากขึ้นเลยทำให้เจ้าตัวเซททัดหูเอาไว้ข้างนึง ใบหน้าสวยได้รูป จมูกโด่งจัดไปจนถึงดวงตาคมสวยคู่โตดูน่ามองจนไปอาจละสายตาไปได้
“คนที่มากับคุณซูฮยอนนั่นใครหรอแทฮี?”
“อืม...น้องชายของคุณซูฮยอนนั่นแหล่ะชื่อ ชิน กีซอป นานๆถึงจะพามาออกงานแบบนี้นะครับเนี่ย”
แจซอบพยักหน้ารับก่อนจะกลับไปสนใจคนทั้งคู่อีกครั้ง ซูฮยอนเริ่มทักทายเหล่าแบรรดาแขกเหรื่อในงานพร้อมกับแนะนำน้องชายของตัวเองไปด้วย คนเป็นน้องดูจะพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่แต่ก็ยิ้มหวานรับไมตีจากทุกๆคนอย่างเป็นมิตร
หลักจากแจซอบยืนมองดูคนทั้งคู่มาได้ซักพัก ก็ดูเหมือนกีซอปจะขอแยกตัวออกมาจากพี่ชายและแขกกลุ่มที่ทั้งคู่กำลังยืนคุยด้วยอยู่ ร่างโปร่งเดินตรงมายังทางโต๊ะเครื่องดื่มใกล้กันกับที่แจซอบยืนอยู่พอดี คนถูกมองยืนเลือกเครื่องดื่มอยู่ได้ซักพักก็รู้สึกตัวว่ากำลังถูกมอง กีซอปเงยหน้าขึ้นมองมายังแจซอบที่ยืนอยู่ห่างออกแค่หัวโต๊ะก่อนจะส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจ้องตนเองอยู่ แจซอบที่ดูเหมือนจะตั้งตัวไม่ทันก็ทำให้แค่ผงะตกใจและส่งยิ้มแห้งๆกลับไปให้
“ขอยืนด้วยได้มั้ยครับ?”
หลังจากเลือกเครื่องดื่มมาได้แก้งหนึ่งกีซอปก็เดินเข้ามาหาอีกคนที่ยืนอยู่ตรงริมสุดของโต๊ะ ก่อนจะขออนุญาติซึ่งแจซอบเองก็ไม่ปฎิเสธอยู่แล้ว
“เอ่อ... สวัสดีครับคุณกีซอป ผมคิม แจซอบเป็นหัวหน้าฝ่ายตกแต่งภายในยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เรื่องอะไรที่แจซอบจะปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอยไป เขารีบแนะนำตัวกับอีกฝ่ายทันที กีซอปดูจะตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มรับและส่งมือมาจับกับมือที่ยื่นออกไปของเขา แจซอบรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มที่เขาเคยมองเห็นจากไกลๆนั้นไม่คิดเลยว่าพอได้เห็นใกล้แบบนี้จะทำให้เขารู้สึกดีจนอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลยจริงๆ
“คุณนี่เองคือคุณแจซอบ ผมชอบห้องที่พวกคุณออกแบบมากๆเลยครับ สวยจนอยากได้ไว้ที่บ้านซักห้องนึง”
“ดีใจที่คุณชอบนะครับ”
แจซอบยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำชมจากอีกฝ่าย ก่อนจะก้มหัวน้อยๆเป็นการขอบคุณในคำชมของกีซอปหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มชวนกันพูดคุยเรื่อยเปื่อยรอเวลาที่ซูฮยอนจะขึ้นเปิดงาน พักใหญ่ที่แจซอบได้ใช่เวลาพูดคุยกับกีซอปที่ดูจะพูดเก่งกว่าที่เห็นถึงจะเป็นฝ่ายฟังเขาเสียมากกว่าแต่คนฟังก็มีท่าทีสนอกสนใจในทุกๆสิ่งที่แจซอบพูด
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแจซอบ คือพี่ชายผมโทรมาตามแล้ว”
กีซอปรีบขอตัวเมื่อเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องหรูของเขาดังขึ้น ร่างโปร่งกดรับสายและพูดตอบไปไม่กี่คำก่อนจะตั้งท่าเดินจากไปแต่มือหนากลับรั้งแขนของเขาเอาไว้เสียก่อน
“คือผมอยากรู้ว่า เราจะติดต่อกันได้อีกมั้ย?”
“ได้แน่นอนสิ่ครับ เอาโทรศัพท์ของคุณมาสิ่”
ร่างสูงรีบหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงส่งให้อีกคนทันที กีซอปรับโทรศัพท์ไปกดหมายเลยของตัวเองก่อนส่งโทรศัพท์คืนให้พร้อมกับรอยยิ้มแล้วรีบเดินจากไป แจซอบมองตามจนกระทั่งอีกคนเดินหายไปในกลุ่มแขกเหรื่อแล้วก้มลงมองโทรศัพท์เครื่องหรูในมือตัวเองและยิ้มออกมา นิ้วยาวรีบพิมพ์ชื่อบันทึกหมายเลขเอาไว้ทันที
.
หลังจากงานคืนวันนั้น แจซอบก็หมั่นติดต่อมาหากีซอปอยู่เสมอ ความรู้สึกดีๆที่แจซอบมีให้กับอีกคนยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน แต่เขาเองก็ไม่รู้และไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรกับตัวเอง
“คืนนี้กีซอปว่างรึเปล่า?”
สรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปเมื่อทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น โดยกีซอปเองเป็นฝ่ายขอให้แจซอบเรียกเขาด้วยชื่อเพียงอย่างเดียวและไม่ต้องแทนตัวว่า ’ผม’ หรือ ‘คุณ’ ให้ดูเป็นทางการหรือห่างเหินจนเกินไป
‘อื้ม ว่างสิ่ แจซอบมีอะไรรึเปล่า? จะพาฉันไปกินข้าวอีกแล้วใช่มั้ย?’
“ใช่แล้วครับ หรือว่ากีซอปเบื่อไม่อยากไปทานข้าวกับเราแล้วงั้นหรอ?”
‘ไม่ใช่ซักหน่อยพอดีเมื่อเย็นเรากินข้าวไปแล้วน่ะสิ่ ตอนนี้ยังอิ่มอยู่เลย’
แจซอบยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าอีกคนไม่ได้นึกรำคาญหรือเบื่อที่เขามักจะชวนออกไปทานข้าวหรือไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เขาใช้ความคิดนึกหาร้านของหวานอร่อยๆที่เคยไปทานมาพักนึงก่อนจะนึกออกเลยรีบเอ่ยชวนอีกคน
“ถ้างั้นไปทานเค้กกันมั้ย มีร้านนึงอร่อยมากๆเลยนะ”
‘เอาสิ่ๆ กำลังอยากกินพอดีเลย งั้นมารับฉันเลยนะเดี๋ยวไปขออนุญาติพี่ซูฮยอนก่อน แค่นี้นะแล้วเจอกัน’
“คร้าบผม”
แจซอบรับคำก่อนจะกดตัดสาย เขาเตรียมตัวหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเงินเพื่อออกไปข้างนอกพลางอดนึกไม่ได้ว่าทั้งๆที่กีซอปเองก็อายุเท่ากันกับเขาแต่เวลาจะออกไปไหนกับใครกลับยังต้องคอยขออนุญาติพี่ชายอยู่แบบนั้น
คงเพราะพี่ชายของกีซอปหวงเจ้าตัวมากๆ หรือไม่ก็คงเป็นคนติดพี่ชาย
นั่นเป็นสิ่งที่แจซอบคิดเดาเอาเองมาตลอด...
“พี่ซูฮยอนนนน”
กีซอปรีบวิ่งลงบันไดมายังชั้นล่างก่อนจะตรงมาหาพี่ชายที่นั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาชุดกลางห้องรับแขก ร่างโปร่งแทรกตัวลงนั่งติดกับพี่ชายก่อนจะกอดเอวคนเป็นพี่เอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นคุยกับซูฮยอนที่ละสายตาจากจอโทรทัศน์เครื่องบางตรงหน้ามาสนใจน้องชายขี้อ้อนของเขา
“พี่ซูฮยอนเดี๋ยวผมออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะ”
พอได้ยินประโยคบอกเล่าจากน้องชาย คิ้วเข้มๆของซูฮยอนก็ขมวดแน่น ใบหน้าหล่อดูไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อรู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้ดูเหมือนน้องชายของเขาจะออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยมากขึ้น
“ไปไหนอีกแล้ว แล้วไปกับใคร?”
“ไปทานเค้กครับ ไปกับแจซอบ”
ชื่อของแจซอบถูกพูดออกมาจากปากของน้องชายให้เขาได้ยินอีกครั้งหนึ่งแล้ว ในใจของซูฮยอนรู้สึกโหวงอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นใบหน้าที่มีความสุขทุกทีเมื่อน้องชายพูดถึงคนๆนี้
“ชอบเขารึเปล่า?”
เสียงนิ่งเรียบจากพี่ชายทำเอารอยยิ้มของกีซอปหุบฉับลงทันที เขารู้สึกไม่ดีมากๆเวลาที่เห็นพี่ชายเป็นแบบนี้ ท่าทีเย็นชาที่กีซอปไม่ชอบเอาเสียเลย มันไม่เหมาะกับพี่ชายผู้แสนอบอุ่นของเขาเลยแม้แต่น้อย ... แต่คำถามของซูฮยอนในครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกแปลกใจในความรู้สึกของตัวเองอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องตอบออกไป
“ไม่...ผมไม่ได้ชอบเขา ผมรักพี่ซูฮยอนคนเดียวนะ”
คำตอบจากกีซอปทำให้ซูฮยอนยิ้มออกมา ร่างสูงกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะกอดอีกคนแน่นๆอีกครั้ง กีซอปก็กอดตอบพี่ชายแน่นเช่นกัน
“พี่ก็รักกีซอปคนเดียวเหมือนกัน รักมากที่สุด”
พูดจบกีซอปก็ถูกดันออกจากอ้อมกอดแกร่ง มือหนาเชยคางเรียวให้เชิดสูงขึ้นก่อนซูฮยอนจะค่อยๆโน้มตัวเข้าใกล้กับริมฝีปากอิ่มของคนเป็นน้อง แต่ไม่ทันจะได้สัมผัสเสียงบีบแตรรถที่หน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน กีซอปสะดุ้งตกใจก่อนจะผละตัวออกมา เขาส่งยิ้มให้พร้อมกับกดจูบหนักๆลงบนแก้มของพี่ชายแล้วจึงเดินออกไปข้างนอกบ้าน
คล้อยหลังเมื่อน้องชายเดินพ้นจากประตูบ้านออกไป ซูฮยอนก็ลุกขึ้นตามไปยืนดูที่หน้าต่างบานกระจกใหญ่หน้าบ้าน มองดูกีซอปกำลังขึ้นไปบนรถยุโรปคันหรูแล้วจากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไป สายตาเรียบนิ่งเกินกว่าจะคาดการณ์สิ่งใดได้
“ไหนบอกว่าจะพามากินเค้กไง ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้อ่ะแจซอบ”
หลังรถยนต์หยุดจอดกีซอปก็กวาดมองไปรอบตัวและพบว่าที่ที่เขามาถึงไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ร้านเบเกอร์รี่’ แต่อย่างใด สวนสาธารณะร้างผู้คนที่มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟริมทางเดินที่ทำให้รู้ว่ายังเป็นสถานที่ที่เป็นของคน
“แล้วเราบอกตอนไหนว่าจะพาไปทานที่ร้านเค้ก”
“เอ้า! ก็แจซอบบอกว่าจะพาไปทานเค้กก็ต้องไปที่ร้านเค้กสิ่ ที่นี้มันจะมีเค้กขายรึไงกัน?”
แจซอบหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นคนที่เริ่มโวยวายเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะไม่ได้ทานเค้กอย่างที่ตัวเองต้องการ ร่างสูงเอื้อมตัวไปยังเบาะหลังรถเพื่อหยิบกล่องกระดาษสีสวยออกมาถือโชว์ให้กีซอปดู
“นี่ไงเค้ก ทีนี้ยังจำเป็นต้องไปถึงที่ร้านอยู่รึเปล่าครับ?”
กีซอปที่ห็นกล่องเค้กก็เถียงไม่ออก ก่อนจะเม้มปากอย่างขัดใจแต่ก็ยังอุตส่าห์ส่ายหน้าตอบคำถามของอีกคน เจ้าของรถยิ้มอีกทีก่อนจะเปิดประตูรถออกมาและรอให้อีกคนออกมาจากรถด้วยเช่นกัน แจซอบเดินนำไปยังม้านั่งตัวยาวริมทางเดินที่อยู่ใกล้โคมไฟมากที่สุดเพื่อไม่ให้มืดน่ากลัวจนเกินไปเพราะเขารู้ดีว่ากีซอปนั้นไม่ค่อยถูกกับความมืดเท่าไหร่ เมื่อนั่งลงแล้วร่างสูงก็จัดการเปิดกล่องเค้กออกให้เรียบร้อย เทียนแท่งเรียวยาวสองสามแท่งที่อยู่ในกล่องถูกหยิบขึ้นปักลงบนหน้าเค้กช๊อกโกแลตรูปร่างน่าทาน มือหนาล้วงหยิบไฟแช็คออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเกตและจัดการจุดไฟให้เทียนไขส่องแสง
“วันเกิดแจซอบงั้นหรอ?”
“อืม ใช่”
“ย๊า! ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ ฉันจะได้เตรียมของขวัญวันเกิดให้”
แจซอบส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของอีกคนเมื่อรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ปากบางอมยิ้มไว้จนริมฝีปากบนของแจซอบเป็นรอยหยักรูปตัว w ที่ดูน่ารักเหมือนปากแมว
“ไม่ต้องหรอกแค่กีซอปออกมากินเค้กกับเราก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีมากๆแล้ว”
“ได้ไงล่ะ เค้กนี่นายก็ซื้อเองนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า มาๆร้องเพลงแฮปปี้เบิธเดย์กัน เราจะได้ขอพร”
ร่างโปร่งที่ยังกังวลกับเรื่องของขวัญสำหรับเจ้าของวันเกิดพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่ก็เริ่มร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้แจซอบ พร้อมกับปรบมือไปด้วย ตาคู่สวยมองแสงเปลวไฟตรงหน้าสลับกับใบหน้าของเจ้าเปื้อนรอยยิ้มของเจ้าของวันเกิด เพลงร้องจนถึงรอบสุดท้ายก่อนแจซอบจะหลับตาลงอธิฐานเพียงครู่เดียวและเป่าเทียนจนดับหมดทั้งสามเล่มในครั้งเดียว พร้อมกับเสียงปรบมือแสดงความยินดีของคนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
“เฮฮฮ สุขสันต์วันเกิดนะแจซอบอา ขอให้นายมีความสุขมากๆ”
“ขอบคุณนะกีซอป ทานเค้กกันเถอะ”
แจซอบพูดชวนพลางดึงเทียนแต่ละเล่มออกจากหน้าเค้ก ช้อนพลาสติกสองอันถูกใช้เป็นอุปกรณ์รับประทานเค้ก ทั้งคู่ร่วมทานเค้กวันเกิดของแจซอบคุยกันพร้อมกับทานเค้กไปด้วย ไม่นานเค้กก้อนขนาดสองปอนด์ก็ถูกจัดการจนหมดด้วยฝีมือผู้ชายทั้งสองคน ทั้งคู่นั่งพักกระเพราะด้วยการนั่งมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนในเมืองหลวงใหญ่ที่ถึงแม้จะมองไม่เห็นดาวเลยแม้แต่ดวงเดียว แต่ท้องฟ้าที่เป็นสีดำสนิทก็ทำให้กีซอปมองดูโดยไม่ละสายตาไปไหน ถึงแม้จะไม่ชอบความมืดแต่สีดำกลับเป็นสีโปรดของเจ้าตัวทั้งเสื้อผ้าและของใช้ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นสีดำ
“แย่จังนะ ท้องฟ้าในเมืองแบบนี้มองไม่เห็นดาวเลยซักดวง”
กีซอปพูดขึ้นโดยยังไม่ละสายตาไปจากผืนท้องฟ้า แจซอบที่นั่งข้างกันกลับเลิกมองจ้องท้องฟ้าสีดำสนิทมาจ้องมองใบหน้าสวยของคนข้างๆแทน
ถ้าหากเขาพูดไปว่ามองเห็นดาว...ที่ไม่ใช่ดาวบนท้องแต่เป็นดาวที่สวยและสว่างยิ่งกว่าที่ชื่อกีซอปล่ะ
ร่างสูงหลุดหัวเราะเบาๆกับความคิดของตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ ใบหน้าหล่อหันกลับไปมองจ้องท้องฟ้าสีดำอีกครั้งก่อนจะพูดออกมาโดยยังไม่ละสายตาไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ถ้าเราขอของขวัญตอนนี้จะได้มั้ย”
“หืม แจซอบอยากได้อะไรล่ะ?”
กีซอปหันมาถามเจ้าของวันเกิดและรอจนอีกคนหันกลับมาตอบ ดวงตาคมจ้องคนตรงหน้าไม่วางตาซึ่งกีซอปเองก็ไม่ได้หลบสายตาไปไหนเพราะกำลังรอคำตอบจากอีกฝ่าย
“กีซอปหลับตาก่อนสิ่”
“อะไรของนายเนี่ย?”
“เหอะหน่า หลับตาก่อนเร็วๆ”
คิ้วเรียวขมวดน้อยๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ยอมหลับตาลงแต่โดยดี กีซอปนั่งนิ่งเพื่อรอว่าแจซอบจะทำอะไร ไม่นานนักเขาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่ริมฝีปากของตัวเอง สัมผัสแค่งเพียงนิดเดียวประทับเอาไว้แล้วผละออกไป คนโดนขโมยจูบลืมตาขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะมือเรียวจะยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตน
“นี่แหล่ะของขวัญที่เราอยากได้ จะโกรธเราก็ได้นะแต่เราอยากบอกว่าเราชอบกีซอบ”
“แจซอบอา...”
“ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ไป กลับกันเถอะเดี๋ยวเราไปส่งที่บ้าน”
แจซอบรู้ดีว่าออกจะกระทันหันไปหน่อยกับสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป แต่เขาคิดแล้วว่าเวลานี้คงจะเหมาะที่สุดเพราะอยากจะเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำที่ดี ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมกับเก็บกล่องเค้กเตรียมนำไปทิ้งแต่ไม่ทันจะได้ก้าวขาก็ถูกมือเรียวดึงข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“ขอเวลาก่อนนะ เรารู้สึกดีกับแจซอบมากๆ แต่...เรายังไม่รู้ว่าเราจะรักนายได้มั้ย”
.
ชิน ซูฮยอนนักธุรกิจหนุ่มที่สามารถสร้างชื่อเสียงและขยายสาขากิจการโรงแรมชื่อดังของครอบครัวที่เป็นมรดกตกทอดมายังรุ่นของเขาและน้องชายเพียงคนเดียว พ่อและแม่ของทั้งคู่จากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อซูฮยอนเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยจบและกีซอปเองก็ยังเด็กอยู่มาก ซูฮยอนผู้พี่ไม่ยอมรับการเลี้ยงดูจากเหล่าญาติทั้งยังประกาศกร้าวว่าจะดูแลน้องชายผู้เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่และกิจการของบ้านเอาไว้ให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าคนมุ่งมั่นและเก่งรอบตัวอย่างซูฮยอนย่อมทำได้สำเร็จ เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุที่สมควรจะมีครอบครัวได้แล้วแต่กลับไม่มีข่าวคราวว่านักธุรกิจหนุ่มรูปหล่ออย่างเขาจะมีคนเข้ามาเป็นคู่ชีวิตเสียที หลายคนคิดว่าเขาทำงานหนักเลยทำให้ยังไม่มีเวลามองหาใครซักคนและอีกหลายคนก็คิดว่าเขารักน้องชายมากๆจนไม่อยากจะทิ้งไปไหน
มีไม่กี่คนที่รู้ดีว่าภายใต้หน้ากากแห่งครอบครัวที่แสนอบอุ่น พี่ชายผู้รักและแสนเป็นห่วงน้องชายเพียงคนเดียว จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเพียงความรักแบบพี่น้อง มีบางอย่างระหว่างซูฮยอนและกีซอปที่ลึกซึ้งเกินเลยไปมากกว่านั้น...
“ป้าชินจูครับ พี่ซูฮยอนเข้านอนรึยังครับ?”
“ยังรอคุณหนูเล็กอยู่ในห้องทำงานอยู่เลยค่ะ รีบไปหาเธอเถอะค่ะ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับป้า”
ร่างโปร่งส่งยิ้มบางให้กับหญิงวัยกลางคนที่คอยรับใช้และช่วยดูแลพวกเขาทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก ขาเรียวพาตัวเองเดินขึ้นบันไดไปยังห้องขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ด้านในสุดของชั้นบนถูกใช้เป็นห้องทำงานของพี่ชาย ประตูบานเลื่อนที่ตกแต่งด้วยกระจกแผ่นหนามองเห็นด้านในซึ่งซูฮยอนกำลังนั่งประจำอยู่ตรงโต๊ะทำงานของตนเองรอเขาอยู่แล้ว
มือเรียวเลื่อนเปิดบานประตูเข้าไปโดยไม่จำเป็นต้องเคาะประตูขออนุญาติ น่าแปลกที่ซูฮยอนกลับแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเดินเข้ามาในห้องของน้องชาย บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมตามอารมณ์ของเจ้าของห้องที่กีซอปรับรู้ได้ทันที คนเป็นน้องเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่กั้นกลางเอาไว้
“ดึกแล้วนะครับพี่ซูฮยอน เข้านอนเถอะ”
“ดึกแล้วทำไมถึงเพิ่งกลับ”
“ผมออกไปเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง แล้วนี่ก็ยังไม่ถึงเที่ยงคืนด้วยซ้ำ”
หลังปากกาในมือถูกวางลงซูฮยอนก็เงยหน้าขึ้นมาคุยกับอีกคนตรงๆเสียที ใบหน้าหล่อคมดูเรียบนิ่งเหมือนกับท้องทะเลที่สงบเงียบก่อนหน้าจะมีพายุใหญ่เข้าซัดชายฝั่ง
“พี่ไม่ชอบ พี่เป็นห่วงที่นายกลับบ้านดึก และการที่นายออกไปกับหมอนั่นยิ่งทำให้พี่ไม่ชอบ”
“แต่แจซอบเป็นเพื่อนของผมนะครับ อีกอย่างผมก็โตแล้วด้วย”
“มันกำลังจีบนายดูก็รู้ แล้วทำไมถึงยังออกไปไหนมาไหนกับมัน”
แต่ละคำพูดของซูฮยอนเริ่มทำให้กีซอปรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นทุกที เขารู้สึกว่าเหตุผลของพี่ชายออกจะงี่เง่าเกินไปกับเรื่องของเขาและแจซอบ ทั้งๆที่กีซอปก็ได้บอกให้ซูฮยอนแน่ใจไปแล้วกับเรื่องนี้
“ผมว่าเราเริ่มจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วนะ ถ้าผมไม่เอาด้วยแค่นั้นมันก็จบผมบอกพี่ไปแล้วนี่!”
กีซอปกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมแข็งกร้าวขึ้นจนคนมองสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนไป เด็กน้อยของซูฮยอนกำลังโตขึ้นเรื่อยๆและเริ่มต่อต้าน
“คืนนี้ผมจะไปนอนที่ห้องตัวเอง ราตรีสวัสดิ์”
พูดจบก่อนเดินจากไป ซูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพิงกายลงกับพนักเก้าอี้ มือใหญ่ทุบลงบนโต๊ะแรงๆครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการระบายอารมณ์โกรธที่เก็บเอาไว้ เขาไม่เคยพูดแรงๆหรือดุว่าน้องชายเลยแม้แต่น้อยเพราะกีซอปเองเป็นเด็กดีมาตลอด พี่ชายคือผู้ชายที่แสนอบอุ่นและใจดีสำหรับกีซอปเสมอมา
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ จัดการปิดไฟในห้องลงทั้งหมดแล้วตรงไปที่หน้าห้องส่วนตัวของกีซอป มือใหญ่ลองหมุนลูกบิดประตูดูก่อนจะต้องเดินกลับห้องของตนเองไปเมื่อพบว่ามันล๊อคเอาไว้ ปกติแล้วส่วนใหญ่กีซอปจะมานอนกับเขาที่ห้องนอนใหญ่หรือถึงแม้จะอยู่ในห้องของตัวเองก็จะไม่ล๊อคประตูเอาไว้แบบนี้
.
“คุณหนูเล็ก ตื่นมาทานอาหารเช้าได้แล้วนะคะ”
เสียงเรียกและเสียงเคาะประตูปลุกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงให้งัวเงียลุกขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ร่างโปร่งลากตัวเองไปยังประตูห้องและกดปลดล๊อคลูกบิดประตูให้แม่บ้านคนสนิทเข้ามาในห้องของเขาได้
“ตื่นเถอะค่ะ นี่มันก็สายมาแล้ว”
หญิงวัยกลางคนว่าพลางดันหลังคุณหนูขี้เซาให้เข้าห้องน้ำไปเสียที จากนั้นเธอจึงจะลงไปจัดเตรียมอาหารเช้าให้
“พี่ซูฮยอนล่ะครับ วันนี้วันหยุดไม่ใช่หรอ? หรือว่าอยู่ในห้องทำงาน”
ทันทีที่ลงมาถึงโต๊ะอาหารชั้นล่างกีซอปก็ถามถึงพี่ชายที่ยังไม่เห็นหน้าเลยตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมา คิดเอาเองว่าคงจะอยู่ในห้องทำงาน ไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้นไปตามอีกคนที่ห้องทำงาน แม่บ้านวัยกลางคนก่อนขัดเอาไว้เสียก่อน
“คุณซูฮยอนออกไปตั้งแต่เช้าแล้วไงค่ะ ป้านึกว่าเธอคุยกับคุณหนูเล็กแล้วซะอีก”
“คุยเรื่องอะไรครับ?”
สีหน้างุนงงของแม่บ้านยิ่งทำให้กีซอปไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังพูด เมื่อคืนที่เข้าไปหาพี่ชายในห้องทำงานก็มีเพียงเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นสำคัญอย่างการที่เขาออกไปกับแจซอบ
จู่ๆหญิงวัยกลางคนกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ควรให้คุณหนูคนเล็กของบ้านรับรู้ ทั้งๆที่เมื่อคืนเธอก็ได้คุยกับซูฮยอนแล้วว่าควรจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับกีซอปเสียก่อนแต่ถ้าหากเจ้าตัวเองยังไม่รู้ หรือบางทีพี่ชายคนโตอย่างซูฮยอนอาจจะไม่ต้องการให้กีซอปรับรู้
“...เรื่องอะไรครับป้าชินจู บอกผมได้มั้ย?”
“วันนี้คุณซูฮยอนต้องไปดูตัวค่ะ”
ประโยคคำตอบจากอีกฝ่ายทำให้กีซอปรู้สึกสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ ก่อนในหัวจะมีแต่คำว่า ‘ดูตัว’ ของพี่ชาย
หมายความว่าพี่ชายกำลังจะมีผู้หญิงเข้ามาอยู่เคียงข้างกัน จะมีผู้หญิงเข้ามาแทนที่ความสำคัญของเขาและพี่ชายจะรักเธอได้อย่างออกหน้าออกตาไม่ต้องหลบซ่อนและปกปิดเหมือนกับเขา
แค่ความคิดของตัวเองกีซอปก็รู้สึกกลัวจับใจ จานอาหารเช้าถูกปฎิเสธโดยการที่ร่างโปร่งลุกขึ้นและเดินกลับขึ้นห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังเสียงของใครเลย โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องหรูโทรออกเบอร์ที่คุ้นเคยซ้ำไปซ้ำมา แต่ปลายสายอย่างซูฮยอนกลับไม่รับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว นั่นทำให้น้ำตาใสหยดไหลออกมาโดยที่กีซอปห้ามเอาไว้ไม่อยู่เลย
.
Rrrrrrrrrrrrrrr
‘กีซอปอา’
แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงของเขาทำให้ซูฮยอนต้องหยิบออกมาดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา และก็พบกับชื่อของน้องชายเพียงคนเดียวกับรูปภาพผู้โทรเป็นรูปคู่กันของเขากับกีซอปที่คนเป็นน้องเป็นคนจัดการถ่ายเองและตั้งให้เองเสร็จสรรพ ดวงตาคมทำเพียงแค่มองดูและวางคว่ำลงบนโต๊ะอาหารเอาไว้ ก่อนจะกลับไปส่งยิ้มให้กับหญิงสาวแขกคนสำคัญของเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
การดูตัวครั้งนี้เกิดขึ้นจากความต้องการของหนึ่งในผู้บริหารที่เป็นเพื่อนเก่าแก่กับพ่อแม่ของเขา เป็นบุคคลที่ซูฮยอนให้การนับถือ ท่านเองเลยหวังดีและต้องการให้ลูกสาวของท่านและซูฮยอนได้เกี่ยวดองกันเอาไว้ ซูฮยอนยอมรับว่าสาวสวย น่ารักและฉลาดพูดฉลาดคุยคนนี้ถือเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่แค่เพียงในหัวใจของเขาตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างในคงไม่สามารถรับใครเข้ามาเพิ่มได้อีกแล้ว
ตอนนี้กีซอปคงรู้แล้วว่าพี่ชายของตัวเองออกมาทำอะไร คงโกรธ เสียใจหรืออะไรก็ตามที่ซูฮยอนรู้ดีว่าน้องชายของเขาจะต้องไม่พอใจ แต่แค่ขอให้กีซอปรอก่อน รอให้พี่ชายกลับไปอธิบายทุกๆอย่างและบอกว่าคนที่ซูฮยอนเลือกและต้องการมีแค่น้องชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น
“ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆเลยนะครับ”
ซูฮยอนบอกเสียงนุ่มก่อนจะปิดประตูรถให้หญิงสาวและรอจนกระทั่งรถของเธอเคลื่อนตัวหายลับไป มือใหญ่รีบหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองออกมาต่อสายถึงคนที่กระหน่ำโทรหาเขาไม่หยุดจนกระทั่งยอมแพ้ไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ไม่ต้องรอนานปลายสายก็กดรับอย่างรวดเร็ว
“กีซอป...”
‘คุณหนูใหญ่ นี่ป้าเองนะคะ’
“ป้าชินจู...แล้วน้องไปไหนล่ะครับ?”
‘เธอออกไปข้างนอกคนเดียวค่ะเอาเสื้อผ้าไปด้วย ป้าห้ามยังไงก็ไม่ฟังแล้วนี่ก็ทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ด้วย’
ร่างสูงไม่พูดอะไรอีก เขารีบตัดสายทิ้งก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถของตัวเองแล้วรีบต่อสายไปยังซอคจินเลขาส่วนตัวของเขาทันที
“ซอคจิน รีบหาที่อยู่ของคิม แจซอบหัวหน้าฝ่ายอินทีเรียที่มาตกแต่งโรงแรมใหม่ให้ฉันที ด่วนที่สุด เดี๋ยวนี้!”
.
เสียงกดกริ่งห้องพักของเขาดังขึ้นไม่หยุดจนแจซอบต้องรีบละมือจากงานตรงหน้าทุกอย่างเพื่อไปเปิดประตู พอได้เห็นใบหน้าของแขกที่มาหาก็ทำเอาแจซอบทั้งตกใจและดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“กีซอป มาได้ไงเนี่ย?”
“ก็มาหานายนั่นแหล่ะ ยุ่งอยู่หรือเปล่าขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย?”
ร่างสูงส่ายหน้าปฎิเสธทันทีก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้อีกคนได้เข้ามาภายในห้องพักของเขา เจ้าของห้องรีบเดินตรงนำแขกคนสำคัญไปยังโซฟานั่งเล่นทันที ไม่ทันจะได้เดินไปเตรียมน้ำดื่มให้ก็ถูกกีซอบรั้งเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกแจซอบ ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับนาย”
“อะไรล่ะ? พูดมาได้เลย”
“ฉันหนีออกจากบ้าน ขอมารบกวนนายจะได้มั้ย?”
แจซอบตาโตเมื่อได้ยินเรื่องของอีกฝ่าย คงต้องเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรที่ทำให้เด็กดีอย่างกีซอบหนีออกมาจากบ้าน หนีออกมาจากพี่ชายแบบนี้
“ไม่เห็นจะรบกวนเลย แต่ทำไมนายต้องหนีออกมาด้วยล่ะ เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันจะบอกสาเหตุที่ทำให้ฉันยังรักนายไม่ได้... ถ้านายรู้แล้วจะรังเกียจฉันก็ไม่เป็นไรนะแค่อย่าเพิ่งไล่ฉันกลับไปก็พอ”
“เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องรังเกียจนายกันเล่า”
เมื่อเห็นสายตาจริงจังของกีซอบ ทำเอาเขาไม่กล้าจะแกล้งหัวเราะออกมาเพื่อพยายามปลอบให้อีกคนคลายเครียดลงได้ แจซอบเงียบลงเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกคนจะเล่าต่อไป
“ฉันรักพี่ชายของตัวเอง ไม่ใช่รักแบบพี่น้องแต่เป็นความรักที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครได้ เพราะงั้นฉันเลยรักนายไม่ได้ เรามีอะไรกันทั้งๆที่เป็นพี่น้องกัน เรารักกันแบบคนรักแต่ไม่เปิดเผยออกไป แต่วันนี้พี่ซูฮยอนกลับออกไปดูตัว พี่ชายของฉันกำลังจะแต่งงาน มันเป็นเรื่องที่ฉันน่าจะยินดีกับเขาแต่ฉันทำไม่ได้! ที่ฉันทำมันผิด มันไม่สมควร ดูสิ่ฉันมันไม่เหมาะสมจะให้นายรักเลยด้วยซ้ำ”
แจซอบนิ่งงันไปทันทีเมื่อได้ยินคำสารภาพบาปจากอีกฝ่าย สิ่งที่เขาเคยคิดผิดไปหมดเมื่อได้รับรู้ความเป็นจริง ทำไมซูฮยอนถึงหวงน้องชายของเขานักหนาเพราะมันไม่ใช่แค่ความรักแบบพี่น้องที่คู่พี่น้องปกติทั่วไปจะมีให้กัน แต่เขากลับโกรธกีซอปไม่ลง คงเป็นเพราะความรักที่มันมีมากกว่าอะไรทำให้เขาไม่สามารถโกรธหรือรังเกียจคนตรงหน้านี้ได้
“นายออกมาตอนนี้ยังทันนี่กีซอป ออกมาจากเขาซะแล้วมาเริ่มต้นใหม่กับฉัน ลบความผิดนี่ออกไปจากหัวใจนายซะ”
“แจซอบ... แต่ฉันมันทุเรศ น่าเกลียด”
“ไม่! ตั้งแต่นี้ไปนายจะเป็นคนรักของฉัน ไม่ใช่ของเขา ฉันจะทำให้นายไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้นอีกแล้ว”
มืออันสั่นเทาของกีซอปพยายามยกขึ้น แค่เพียงต้องการกอดคนตรงหน้าแต่กลับไม่มั่นใจเลยว่าตนเองยังเหมาะสมที่จะได้รับอ้อมกอดจากใครได้อีกหรือไม่ สองมือรวบอีกฝ่ายเข้ามากอดด้วยความเต็มใจ แจซอบเชื่อมั่นว่าตัวเองจะคอยปลอยโยนและลบเลือนทุกสิ่งทุกอย่างในหัวใจและสมองของคนๆนี้ออกไปให้ได้
.....................................
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเรียกให้คนที่กำลังสนใจอยู่กับภาพในหน้าจอโทรทัศน์รีบร้อนลุกไปเปิดประตูให้ เพราะคิดว่าเจ้าของห้องคงจะลืมของเอาไว้และย้อนกลับมาเอา
“แจซอบลืมอะไรหรอ?”
ร่างทั้งร่างชะงักงันเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง ปากอิ่มเม้มแน่นก่อนจะรีบดันประตูปิดแต่ก็ไม่ทันฝ่ามือหนาที่กระชากบานประตูเอาไว้ได้เสียก่อน
“กีซอป กลับบ้าน”
ร่างสูงพยายามกดเสียงให้สงบนิ่งและเย็นที่สุดแม้ในหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยไฟร้อนก็ตาม คนเป็นน้องส่ายหน้าปฎิเสธเขาและพยายามยื้อแย่งเพื่อจะปิดประตูลงให้ได้ ซูฮยอนดันอีกคนให้ถอยหลังไปแล้วสอดตัวเข้ามาในห้องแทน ประตูห้องถูกดึงปิดดังลั่นโดยไม่เกรงว่าจะโดนใครโผล่หน้าอออกมาต่อว่า
“ทำไมถึงไม่กลับ หนีออกมาจากบ้านทำไม พี่ทำอะไรให้นายไม่พอใจถึงต้องทำขนาดนี้”
“ผมไม่อยากกลับไปแล้ว พี่กำลังจะแต่งงาน เดี๋ยวผู้หญิงของพี่ก็จะต้องเข้ามาอยู่ในบ้าน ผมทนไม่ได้หรอก”
ซูฮยอนสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อได้ยินเหตุผลของน้องชายเพียงคนเดียว เขาไม่คิดว่าแค่การที่เขาออกไปตามนัดการดูตัวโดยที่ไม่ได้บอกจะทำให้กีซอปโกรธขนาดนี้
“แล้วที่นายหนีออกมาจากบ้าน มาอยู่กับมัน ไม่กลัวจะโดนมองบ้างหรอว่าเป็นคนยังไง?”
“พี่จะบอกว่าผมง่ายอย่างนั้นสิ่นะ ใช่ไง...ผมมันง่ายตั้งแต่ยอมอ้าขาให้พี่แล้วล่ะ ผมมันง่ายเอง!”
“กีซอป!”
มือหนาคว้าจับต้นแขนของอีกคนเอาไว้แน่น ใบหน้าสวยเหยเกเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบรัดที่มากมายจนทำให้เขารู้สึกเจ็บไปหมด พยายามแกะมือของอีกคนให้หลุดออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล
“พี่ปล่อยผมเถอะ ตอนนี้เราควรจะจบเรื่องของเราได้แล้วกลับไปเป็นพี่น้องธรรมดา พี่จะต้องมีครอบครัวของพี่ ส่วนผมจะออกมาเอง ผมจะออกมามีชีวิตของผมเองกับคนที่ผม... รัก”
เว้นววรคลมหายใจช่วงสุดท้ายไปครู่หนึ่งกีซอปจึงจะพูดคำสุดท้ายนั้นออกมาได้ คำเดียวที่เขามีให้กับซูฮยอนมาตลอดนับตั้งแต่พ่อและแม่ตายจากไป ซูฮยอนเป็นคนเดียวที่กีซอปมอบคำว่ารักให้ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนก็ตามเพราะเมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคน คนๆนี้จึงเป็นทั้ง พ่อ พี่ชายและคนรัก
แต่ตอนนี้คำว่ารักคำนี้เขาจะต้องขอคืนกลับมา เพื่อจะเก็บไว้ให้กับคนอื่นที่เขาสมควรจะรักมากกว่า
“นายจะรักมันใช่มั้ย นายถึงได้ทำแบบนี้”
“ใช่ ผมจะรักเขา...ผมจะรักเขาให้มากกว่าที่ผมรักพี่”
กีซอปพูดออกมาเต็มเสียงและไม่ละสายตาไปจากดวงตาคู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย พลันมือของซูฮยอนก็ผ่อนแรงและร่วงหล่นทันทีก่อนจะเดินหันหลังเปิดประตูห้องจากไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ร่างโปร่งทรุดลงนั่งกองกับพื้นทันที ไม่เคยรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขนาดนนี้มาก่อน สองขาตั้งขึ้นนั่งกอดตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลทะลักออกมาจนเขาเองไม่อาจจะกลั้นหยุดมันเอาไว้ได้
.
“คุณแจซอบครับ ท่านประธานเชิญคุณให้ไปพบท่านหน่อยครับ”
เสียงที่แจซอบรู้สึกคุ้นหูดังขึ้นอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบกับผู้ชายที่เขาจำได้ทันทีว่าเป็นเลขาส่วนตัวของชิน ซูฮยอน ร่างสูงรู้สึกหน้าตึงไปเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกพบแบบนี้ไม่ต้องถามว่าเรื่องอะไรแจซอบก็พอจะรู้ดี เขาพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินตามชายหนุ่มออกไปโดยไม่ลืมที่จะฝากงานไว้กับลูกน้อง
แจซอบถูกพาตัวขึ้นรถยุโรปคันหรูขับพาเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าปลอดผู้คนและไม่รู้ว่าตั้งอยู่บนส่วนไหนของประเทศนี้ เลขาส่วนตัวของซูฮยอนเชิญเขาลงจากรถด้วยความสุภาพไม่มีทีท่าว่าจะพาเขามาทำร้ายแต่อย่างใด ก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในโกดังใหญ่ที่ซึ่งซูฮยอนรออยู่ด้านในก่อนแล้ว ชายหนุ่มเปิดประเด็นทันทีเมื่อแจซอบเดินเข้ามาถึง
“นายคงรู้ว่าฉันให้ลูกน้องไปพานายมาพบฉันเพราะเรื่องอะไร”
“ผมรู้เรื่องระหว่างคุณกับกีซอปแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะครับ”
“หึ...นายแน่ใจแล้วใช่มั้ยที่พูดกับฉันแบบนี้?”
ซูฮยอนเค่นหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินสิ่งที่แขกของเขาบอกออกมา แค่เห็นแววตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มเขาก็รับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เอาจริงกับเรื่องระหว่างตนเองกับน้องชายของเขา
“ผมแน่ใจ ให้กีซอปออกมาจากชีวิตของคุณซะเถอะ ผมเชื่อว่าผมจะดูแลเขาได้ดีไม่แพ้คุณหรอก”
“ฉันไม่ให้”
มือหนาของซูฮยอนตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกคนทันที หมัดหนักๆต่อยกระแทกใบหน้าของแจซอบอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะตามลงไปอีกหลายต่อหลายหมัดแต่ทว่าแจซอบกลับไม่ต่อสู้ปล่อยให้ซูฮยอนทำร้ายร่างกายอยู่อย่างนั้น
“ทำไมไม่สู้ล่ะห๊ะ! ลุกขึ้นมาต่อยฉันสิ่! ฉันจะซ้อมนายจนไม่กล้าจะพูดออกมาอีกว่าให้ฉันปล่อยกีซอปไป!”
ซูฮยอนปล่อยคนที่เอาแต่นิ่งไม่ยอมตอบโต้ลงกับพื้นก่อนจะลุกขึ้นเตะอัดใส่หน้าท้องของอีกคนจนแจซอบต้องงอตัวด้วยความจุก ก่อนจะระดมเตะอัดอย่างไม่ยั้งใส่คนบนพื้น ทุกการกระทำออกมาพร้อมกับแรงโทสะที่มีอยู่ในตัวของซูฮยอน ทุกความโกรธเก็บเอาไว้ตอนนี้ทะลักออกมาและเป็นแจซอบที่โชคร้ายรับเคราะห์ไป
...จะพูดว่าแจซอบเป็นผู้โชคร้ายก็คงจะไม่ถูกนักเพราะสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซูฮยอนโกรธได้ขนาดนี้ก็มาจากตัวแจซอบเองด้วยเช่นกัน
หลังจากอดทนนิ่งให้อีกคนทำร้ายร่างกายอยู่ โดนทั้งหมัด เท้ารวมไปถึงไม้เบสบอลทำเอาแจซอบถึงกับหมดสติไปในที่สุด ซูฮยอนเตะเข้าที่กลางหลังของแจซอบเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเห็นว่าอีกคนสลบไปแล้ว ร่างสูงทรุดนั่งลงหอบอยู่ข้างๆร่างที่ไร้สติ เกือบหนึ่งชั่วโมงที่เขาคนเดียวใช้แรงทั้งหมดทำร้ายร่างกายของแจซอบ แต่ชายหนุ่มกลับปิดปากเงียบไม่แม้กระทั่งจะขอร้องให้เขาหยุดหรือยอมแพ้เลย
“ซอคจิน พามันไปส่งโรงพยาบาล รักษาให้ดีและก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย”
ร่างสูงออกคำสั่งก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถส่วนตัวและขับออกไปด้วยความเร็ว ล้อยางบดลงบนพื้นถนนจนเกิดควันลอยฟุ้งรวมถึงเสียงเครื่องยนต์หลายร้อยแรงม้าดังกระหึ่มทันที่ที่เคลื่อนตัวออกไป
TBC…
…………………………………
นึกครึ้มอยากแต่งอะไรที่มันดูดาร์กๆ
ความคิดเห็น