คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : SF-Whatever you call me, Ill call you mine.
Whatever you call me, I’ll call you mine.
2Sop: Jaeseop(AJ) x Kiseop
“เฮ้ แจซอบตื่นยังเนี่ย เฮ้ๆๆๆ อ้วน! ตื่นนนนน!”
มือเรียวเขย่าแขนคนที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะตั้งแต่อาจารย์เริ่มเข้าสอนจนกระทั่งหมดคาบเรียน ร่างสูงที่นั่งอยู่แถวข้างหน้าก็ยังไม่ยกหัวขึ้นมาทักทายกับสิ่งรอบตัวเลย
“ตายแล้วมั้งเนี่ย กีซอบแกปลุกมันไปล่ะกันเดี๋ยวฉันลงไปจองโต๊ะกินข้าวให้ก่อน”
เพื่อนตัวบางที่นั่งโต๊ะข้างกันและก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันขอตัวลงไปข้างล่างก่อน ปล่อยให้ร่างโปร่งจัดการกับคนขี้เซาที่ยังไม่ยอมตื่นซักที
“โอเค เควิ่น เดี๋ยวจะรีบตามลงไปนะ”
พยักหน้ารับก่อนจะเดินสะพายกระเป๋าออกจากห้องไป กีซอบมองตามออกไปก็เห็นว่ามีใครมายืนรออยู่ข้างหน้าห้อง ถึงว่าทำไมถึงรีบออกจากห้องไป
“ไอ่แจซอบ มึงจะตื่นได้รึยังห๊า!”
ร่างโปร่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของอีกคนแล้วตะโกนใส่ด้วยเสียงดังขึ้นกว่าเดิม แล้วก็ได้ผลร่างสูงค่อยยกหัวขึ้นมา ตาปรือๆมองไปรอบตัวก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าแล้วหันมาเจอหน้าเหวี่ยงๆของคนปลุกที่ยืนกอดอกรออยู่
“ไอ่แมวขี้เซา รีบลงไปกินเร็ว กูหิวแล้วเนี่ย”
มือเรียวจัดการลากแขนคนที่กำลังพยายามเรียกสติกลับมาจากโลกแห่งความฝันให้ลุกขึ้นมา มือหนารีบหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินตามร่างโปร่งไปแบบล่องลอย ด้วยผ่านการเดินลงบันไดลงมาสามชั้นจนลงจากตึกเรียนได้ก็พอจะทำให้ร่างสูงมีสติกลับมาครบถ้วนได้แล้วบ้าง ก่อนจะเดินกันไปถึงโรงอาหารก็ถามอะไรบางอย่างขึ้นมาที่ทำเอาคนฟังขมวดคิ้ว
“กีซอบ...กูสงสัยว่าทำไมทีกับเควิ่นมึงพูดดีกับเค้าจัง ทีกูนี่เรียกซะไม่ใช่คน”
ร่างสูงยื้อแขนเอาไว้ให้คนที่จูงเขาหยุดเดินแล้วหันมาตอบคำถามของตัวเอง อีกคนตีหน้าเบื่อโลกใส่ก่อนจะตอบข้อสงสัยให้
“มึงก็ทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนแบบเควิ่นมันก่อนดิ่ แล้วกูจะเรียกมึงดีๆนะครับ ไอ่คุณแจซอบ”
“เอ้า แล้วนี่กูไม่ใช่คนตรงไหน มึงเห็นกูเป็นตัวอะไรอ่ะ?”
“กูเห็นมึงเป็นไอ่อ้วน ไอ่ขี้เซา ไอ่เรื่องมาก ไอ่ขี้บ่น ไอ่!#@$#%&$>+^&(#...”
“พอๆมึงหยุดเลย”
มือหนารีบปิดปากช่างพูดของอีกคนเอาไว้ ก่อนจะลากให้เดินเข้าไปในโรงอาหารด้วยกันกว่าจะถึงโต๊ะก็เหนื่อยพอตัวเพราะคนโดนปิดปากก็ใช่ว่าจะเดินนิ่งๆตามมาเสียเมื่อไหร่
“หวัดดีคิบอม วันนี้มานั่งกินข้าวกับเควิ่นอีกแล้วหรอ?”
ร่างสูงทักทายเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนนอกจากเควิ่นเพื่อนร่วมกลุ่ม คนถูกทักทายก็ยิ้มรับก่อนจะมองไปทางคนที่ยังยืนดิ้นเร่าพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดจากพันธนาการ ร่างสูงถึงได้ยอมปล่อยมือออกจากปากคนที่เริ่มตั้งท่าจะพ่นน้ำลายใส่มือหนาเข้าแล้ว
“เฮ้ย! กีซอบ! อย่าพ่นน้ำลายใส่มือกูเด้”
“โหยย ไอ่แมวอ้วน กว่าจะปล่อยกูได้นะ แทบตาย”
ทันทีที่สะบัดหน้าหลุดออกมาได้ ร่างโปร่งก็รีบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดก่อนตั้งท่าจะหันไปลงไม้ลงมือกับร่างสูงข้างๆแต่ก็ถูกเพื่อนห้ามทัพเอาไว้ก่อน
“พวกแกสองคนหยุดตีกันก่อนรีบไปซื้อข้าวกินซะเดี๋ยวก็หมดกันพอดี”
เพื่อนตัวบางโบกมือไล่ให้ทั้งคู่ไปซื้อข้าวกลางวันกินก่อนจะเสียเวลามากไปกว่านี้ ไล่หลังทั้งสองคนไปเพื่อนใหม่ที่มาร่วมโต๊ะหลายครั้งแล้วก็ถามถึงเรื่องที่เขากำลังสนใจอยู่
“สองคนนี้ตีกันตลอดเลยเนอะเควิ่น ตลกดี”
“เป็นงี้ตั้งแต่รู้จักกันแล้วล่ะ กีซอบน่ะทั้งว่าทั้งด่าแจซอบ แต่แจซอบก็ไม่เคยโกรธนะแถมยังไม่เคยด่ากลับด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง ฮ่ะๆ แปลกเนอะทำไมแค่นี้กีซอบยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าจะรู้อยู่แล้วแต่ไม่พูด”
ในที่สุดคิบอมก็สรุปข้อสันนิษฐานของเขาได้ แต่คนตัวบางกลับไม่เข้าใจตามที่อีกคนรู้
“รู้ตัว? รู้เรื่องอะไรอ่ะคิบอม?”
“เอ้า เควิ่นแค่นี้นายดูไม่ออกหรอ ใครกันจะยอมให้คนอื่นมาด่ามาว่าโดยไม่ตอบกลับอะไรเลยซักคำ ถ้าไม่ใช่...”
“...แจซอบน่ะแอบชอบกีซอบอยู่ไงเล่า”
บางทีก็จริงอย่างที่คิบอมพูดเอาไว้ เควิ่นเองก็เคยตั้งข้อสงสัยมาหลายครั้งแล้วว่าทำไมแจซอบถึงไม่โกรธหรือว่าอะไรกีซอบเลยซักครั้ง แถมยังดูเหมือนจะชอบให้อีกคนคอยว่าตัวเองด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเป็นพวกมาโซคิสรึเปล่า...
.
“ฮัลโหล”
“กีซอบ มึงว่างอยู่ป่าว?”
เมื่อได้ยินคำพูดจากปลายสาย มือเรียวก็ละจากกองการบ้านในมือแล้วตอบกลับไป แบบที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เป็นที่สุด
“ว่างอยู่ๆ มึงมีอะไรอ่ะแจซอบ?”
“จะชวนไปเที่ยวกัน กูขี้เกียจอยู่บ้าน”
ปากอิ่มเบะใส่โทรศัพท์อย่างหมั้นไส้อยากจะถามเหลือเกินว่าการบ้านของตัวเองน่ะทำเสร็จหมดแล้วหรือไง ถึงได้มีเวลาว่างเสียจนเบื่อการอยู่บ้านเฉยๆน่ะ แต่ถ้าถามไปก็กลัวอีกฝ่ายจะจับได้ว่าเขายังทำการบ้านไม่เสร็จ
“เลี้ยงกูป่าวล่ะ ถ้าเลี้ยงฟรีจะไป”
“ได้เลย สำหรับมึงกูยอมเลี้ยงทั้งชีวิต”
คำพูดชวนให้คิดไกลทำเอาคนฟังแอบเขวไปนิดนึง ร่างสูงชอบที่จะพูดอะไรแบบนี้กับเขาเสมอถึงจะรู้ว่าต้องโดนเขาตอกกลับเข้าให้ตลอด แต่รู้มั้ย...ที่ด่ากลับไปเพราะกลบเกลื่อนตัวเองที่กำลังเขินอยู่ต่างหาก
“เก็บไว้เลี้ยงแม่มึงเหอะ เออๆ อยากเสียตังค์ก็มารับด้วยล่ะกัน”
“โอเค อีกสิบนาทีเจอกันหน้าบ้าน”
วางสายเสร็จร่างโปร่งก็รีบจัดการเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วลงมาขออนุญาติคุณแม่ออกไปเที่ยวนอกบ้าน
“จะออกไปข้างนอก การบ้านเสร็จแล้วหรอ?”
“เดี๋ยวเอาไปให้ไอ่แจซอบสอนไงแม่ มันเก่งจะตาย ผมไปก่อนนะ”
“ตอนเย็นให้แจซอบมากินข้าวที่บ้านก็ได้นะลูก”
.
“วันนี้จะพาไปไหน?”
หลังลงจากรถประจำทางมา ร่างสูงก็พาเดินไปเรื่อยๆยังไม่รู้แน่นอนว่าจะไปทางไหนกันแน่ จนคนเดินด้วยเริ่มจะเบื่อที่ต้องเดินไปเรื่อยๆแบบนี้
“ไม่รู้ดิ่ มึงอยากไปไหนกูก็ไปได้หมดอ่ะ”
“อืมมมม ถ้างั้นไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกัน ไม่ได้เล่นนานแล้ว”
ร่างโปร่งออกความคิดเห็นก่อนจะพากันเดินไปลานเสก็ตน้ำแข็งที่เปิดให้เข้าเล่นได้ทุกเพศทุกวัย ร่างสูงจัดการจ่ายค่าเช่าอุปกรณ์รองเท้าสเก็ตน้ำแข็งให้ตามที่บอกไว้ว่าจะเลี้ยงฟรีตลอดทริป หลังจากตรวจความเรียบร้อยของรองเท้าให้ดีแล้วทั้งคู่ก็เริ่มลงไปเล่นในลานน้ำแข็งกว้างกัน
“ไอ่แมวอ้วน แน่จริงอย่าจับราวไว้ดิ่ ฮ่าๆ”
ด้วยความที่ร่างสูงยังไม่ค่อยชำนาญในการเล่นสเก็ตน้ำแข็งเท่าคนตรงหน้า เลยต้องอาศัยจับราวเหล็กช่วยทรงตัวไว้ก่อนในตอนแรก
“ก็กูไม่ได้เซียนแบบมึงนี่หว่า ไม่ต้องมาพูดเลย”
“ส่งมือมานี่ จับมือกูไม่ต้องไปจับราวเหล็กแล้ว”
มือเรียวถูกส่งมาตรงหน้า ร่างสูงก็ไม่ปฎิเสธในน้ำใจของอีกคน มือหนากระชับกับมือเรียวตรงหน้าไว้แน่นก่อนจะถูกคนที่เล่นเก่งกว่านำพาไปเคลื่อนที่ข้างหน้า จากตอนแรกที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปร่างสูงก็เริ่มปรับตัวเข้ากับการเคลื่อนที่บนลานน้ำแข็งกว้างได้
“ทีนี้ก็ไปเร็วกว่าเดิม ไหวป่าว?”
“ไหวดิ่ ไปเลยก็ได้”
เมื่อตกลงกันตามนี้ ร่างโปร่งก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้นโดยมีอีกคนที่ยังคงจับมือกันไว้ไม่ปล่อยเร่งตามไปติดๆ ลมอ่อนๆที่เกิดการการเคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วระดับหนึ่งพัดผ่านใบหน้า ทำรู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย ตาคมเหลือบมองคนข้างๆอยู่ตลอดเวลา เขาชอบมองดูใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มแห่งความสุขของร่างโปร่งข้างๆนี้เสมอ แค่ได้มองก็มีความสุขแบบที่ไม่ต้องการอะไรแล้ว และยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่าตัวเมื่อรอยยิ้มที่เฝ้ามองตลอดมาได้แบ่งปันมาถึงเขา แค่ร่างโปร่งส่งยิ้มให้ก็หมือนกับมีใครมาตีกลองแรงๆอยู่ข้างในตัว หัวใจที่มันเต้นแรงจนกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้จะได้ยินเสียงของมันเข้า...
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ร่างโปร่งจึงยอมเลิกเล่นแล้วเดินออกมาหาเขาที่นั่งรออยู่ด้านนอกลานน้ำแข็งเพราะตัวเขาขอยอมแพ้แล้วออกมานั่งรอก่อน
“กลับบ้านกันเหอะมึง กูหิวแล้ว”
“เอ้า ไม่หาอะไรกินข้างนอกเลยหรอ?”
“แม่ให้มึงไปกินข้าวที่บ้าน จะไปป่ะล่ะ?”
“เอาดิ่ คิดถึงกับข้าวฝีมือคุณนายลีจะแย่แล้ว”
.
“กินเยอะๆเลยนะจ้ะแจซอบ เสร็จแล้วก็ไปสอนการบ้านกีซอบมันด้วยล่ะ ทำก็ไม่เสร็จแล้วยังออกไปข้างนอกอีก”
หลังจากตักข้าวให้กับลูกชายและเพื่อนเรียบร้อยแล้ว แม่ของกีซอบก็ขอตัวออกไปข้างนอกก่อนและปล่อยให้ลูกชายนั่งกินข้าวกับเพื่อนกันแค่สองคน แจซอบยิ้มรับและโค้งขอบคุณในความใจดีของคุณแม่
“ไหนบอกว่าว่าง มึงยังทำการบ้านไม่เสร็จหรอ?”
“ก็กูทำไม่ได้นี่”
“แล้วจะออกไปเที่ยวกับกูทำไมเล่า ให้มาสอนการบ้านก่อนก็ได้นี่”
ร่างสูงขมวดคิ้วทันทีเมื่อรู้ว่าอีกคนยังทำการบ้านไม่เสร็จ แต่กลับบอกเขาว่าว่างและยอมออกไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าหากคุณแม่ไม่บอกเขาก็คงจะไม่รู้เลยว่าพาอีกคนออกไปเที่ยวเล่นจนเสียเวลาทำการบ้าน
“กินๆไปเหอะหน่า แล้วเดี๋ยวขึ้นไปทำการบ้านข้างบนกัน”
ร่างโปร่งบอกปัดก่อนจะเร่งให้อีกคนรีบกินข้าวซะ จนเมื่อกินกันเสร็จเรียบร้อยและจัดการล้างจานชามเสร็จทั้งคู่ก็ขึ้นไปทำการบ้านที่ยังค้างอยู่ข้างบนห้องของกีซอบ
“ไหนๆ ทำวิชาไหนไม่ได้?”
“ภาษาอังกฤษ ที่ให้ตอบคำถามเนี่ย”
ร่างโปร่งชี้หนังสือหน้าแบบฝึกหัดที่อาจาย์สั่งการบ้านไว้ให้อีกคนดู ก่อนทั้งคู่จะเริ่มลงมือหาคำตอบในการบ้าน ในที่สุดก็เสร็จสิ้นจนหมด และก็ถึงเวลาที่ร่างสูงควรจะกลับบ้านได้แล้ว
“เออ งั้นกูยืมสมุดไปลอกหน่อยล่ะกัน พอดีก็ยังทำไม่เสร็จ”
“เอ้า ไหนมึงบอกว่าว่าง ขี้เกียจอยู่บ้านเฉยๆ”
“กูบอกตอนไหนว่าว่าง แค่บอกว่าขี้เกียจอยู่บ้าน”
ร่างสูงไหวไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดของตัวเอง ทำเอาร่างโปร่งต้องเหวี่ยงที่อีกคนมัวแต่พาเขาไปเที่ยวเล่นแล้วยังมาอยู่สอนการบ้านจนมืดค่ำโดยที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“ไอ่บ้า แล้วมึงจะมาพากูไปเที่ยวทำไม เสียเวลามึงมั้ยเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูก็แค่อยากอยู่กับมึง”
ร่างสูงบอกไปตามความจริง ตาคมมองคนตรงหน้าไม่วาง จ้องลึกเข้าไปในตากลมโตของและแอบเห็นแววตาของอีกวูบไหวไปกับคำพูดของเขา
“อยู่กับมึงแล้วกูมีความสุข เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนก็ได้”
“มึงพูดแบบนี้อีกแล้วนะ”
“กูจะพูดแบบนี้ จนกว่ามึงจะใจอ่อนนั่นแหล่ะ”
ร่างโปร่งเม้มปากแน่น หัวใจของเขามันเต้นแรงเสมอเวลาที่เจอกับคำพูดของคนๆนี้ หัวใจน่ะมันอ่อนยวบไปตั้งนานแล้วเหลือก็แต่ปากที่มันหนักอยู่แบบนี้
“ที่...กูโกหกมึง ก็เพราะกูอยากไปเที่ยวกับมึงเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
“ทำไมชอบทำตัวน่ารักจังว่ะ?”
ไม่ทันที่ร่างโปร่งจะได้พูดอะไร ปากบางของร่างสูงก็ประกบลงบนเรียวปากอิ่มของอีกคน กดจูบเน้นลงบนปากอิ่มแต่ไม่ได้รุกล้ำเข้าไป ประทับจูบค้างเอาไว้ให้ได้สัมผัสกันและกันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เปลือกตาสีไข่มุกปิดลงเพื่อตอบรับสัมผัสอ่อนหวานที่ชวนให้ตัวเบาหวิว
“อย่าไปน่ารักแบบนี้กับคนอื่นนะรู้มั้ย?”
หลังจากถอนจูบออกมา ร่างสูงก็พูดเหมือนเป็นคำสั่งไว้กับอีกคนก่อนจะจัดการหยิบสมุดการบ้านติดมือไป ร่างโปร่งที่ยังคงเขินอยู่ได้แต่เดินตามลงมาส่งที่หน้าบ้านเงียบๆ
“กลับบ้านดีๆนะไอ่แมวขี้เซา”
มือเรียวโบกมือลาอีกคนที่เขาลงมาส่งถึงหน้าประตู ขายาวเดินออกจากประตูรั้วก่อนจะดันปิดให้แต่ก็ยังไม่ยอมหันหลังเดินจากไป
“รีบๆเข้าบ้านไปแล้วก็...ฝันดีนะครับที่รัก”
“เมื่อกี้เรียกกูว่าอะไรนะ?”
ร่างโปร่งที่อึ้งกับคำลงท้ายของอีกคน ความจริงเขาก็ได้ยินชัดเจนแล้วล่ะแค่ขอย้ำอีกครั้งให้แน่ใจเท่านั้นว่าได้ยินไม่ผิดไป
“กูเรียกมึงว่า ‘ที่รัก’ ได้ยินชัดรึยัง”
ร่างสูงเน้นเสียงที่สองพยางค์หลักให้อีกคนได้ยินให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะพูดต่อไปอีก
“ไม่ว่ามึงจะเรียกกูว่าอะไร เรียกกูแบบไหน เรียกเป็นตัวอะไร แต่กูจะเรียกมึงว่าที่รักของกู”
Fin.
ความคิดเห็น