คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เพื่อนพี่ชาย 3 เรื่องที่น่าสนใจกว่าฟุตบอล (1)
3
เรื่องที่น่าสนใจกว่าฟุตบอล
วันเสาร์ต่อมา
ตัวเต็งเบอร์9 หรือพี่ ‘นภัทร’ ผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพรักของเหล่าเด็กช่าง ได้เป็นคิงคนล่าสุดของวิทยาลัยช่างอาชัญตามที่หลายคนคาดการณ์ไว้ ส่วนคนที่ฉันอวยไส้แตกแหกไส้ฉีกอย่างพี่ทิวก็ได้ตำแหน่งรองคิงที่หน้าตาดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งวิทยาลัยมา ไม่ผิดไปจากที่ฉันทำนายไว้สักเท่าไร แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าการตอบคำถามแบบขอไปทีที่ถูกมองว่าโคตรอินดี้กับซีนตกเก้าอี้จังหวะซิทคอมของเฮียต๋า…จะส่งเขามาไกลถึงตำแหน่งรองคิงหมายเลขสอง!!!
อันที่จริงตำแหน่งนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก แต่เพราะคะแนนโหวตของเฮียต๋าห่างจากพี่ทิวเพียงไม่กี่แต้ม ทั้งยอดวิวยอดแชร์คลิปสัมภาษณ์ของเขาก็พุ่งเอาๆ ไม่หยุดแม้ว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้นลงแล้ว ตำแหน่งพิเศษนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหยอกล้อกึ่งปลอบขวัญคนกลัวผีขึ้นสมองอย่างเขาโดยเฉพาะ แต่ความดังชั่วข้ามคืนของเฮียต๋าก็ไม่ได้กลบออร่าของรองคิงสุดหล่อตัวจริงอย่างพี่ทิวเสียทีเดียว ค่อนไปทางราศีส่งกันด้วยซ้ำ เมื่อเช้าไอ้แป๋วเปิดเพจวิทยาลัยให้ดู นอกจากรูปคิงหน้าโหดคนล่าสุดแล้วแอดมินยังเอารูปพวกเขาสองคนขึ้นปกด้วยนะ คนหนึ่งคมเข้มผิวสีแทนส่วนอีกคนขาวตี๋สไตล์โอปป้าเกาหลี พอตัดต่อรูปให้ยืนข้างกันแล้วสามารถเรียกยอดไลค์ได้อย่างถล่มทลาย พนันได้เลยว่าไม่ได้มีแค่ไลค์จากเด็กช่างอาชัญแน่ๆ อย่างน้อยก็มีฉันกับไอ้แป๋วสองคนล่ะที่เป็นเด็กสาธิตธารตะวัน แต่นาทีนี้คงไม่มีใครเห่อรองคิงทั้งสองเท่าชาวแก๊งกากเกลื้อนหรอก พวกนั้นดีใจอย่างกับได้ยึดอำนาจวิทยาลัยยังไงยังงั้น โม้ไม่หยุดมาตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้งเมื่อวานแล้ว
“รู้จักกันมาสองปีกว่า กูเพิ่งรู้จากคลิปนี้นะเนี่ยว่ามึงไม่ชอบดูบอล” พี่ธีมเปิดวิดีโอสัมภาษณ์เฮียต๋ารอบที่สามหมื่น
“เออ ผมก็เพิ่งรู้ หรือพี่แค่ตอบเอาฮาวะ” พี่มิณณ์ถามเจ้าตัวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เฟยที่ปากไวกว่าแย่งตอบ
“ฮาเฮออะไรล่ะ มึงเห็นมันเป็นตลกคาเฟ่รึไง มันไม่ชอบดูบอลจริงๆ เว้ย”
“อ้าว แล้วทำไมพี่ต๋ามาดูบอลบ้านพี่ทุกอาทิตย์เลยอ่ะ ใส่เสื้อหงส์มาตลอดเลยด้วย”
ขอบคุณสำหรับคำถาม ฉันเองก็อยากรู้มากๆ เหมือนกันเพราะเข้าใจมาตลอดว่าเฮียต๋าเป็นแฟนพันธุ์แท้ลิเวอร์พูล ฉันแกล้งเดินไปเดินมาแถวๆ โต๊ะเบอร์1 แล้วเงี่ยหูรอฟัง น่าเสียดายที่คุณชายเขาเอาแต่ปิดปากเงียบตามสไตล์ ส่วนเฟยที่ดูเหมือนจะรู้ไปเสียทุกเรื่องก็ให้คำตอบที่ชวนงงยิ่งกว่าเดิม
“คงเป็นแผนล่ะมั้ง”
“ฮะ? แผนอะไร” พี่มิณณ์ถามตรงกับสิ่งที่ฉันคิดเป๊ะ
“เหอะ จะแผนอาร้าย ก็แผนดึงดูใจเพศตรงข้ามไง สาวๆ กรี๊ดผู้ชายดูกีฬาจะตายโดยเฉพาะฟุตบอล” พี่ธีมหันไปยักคิ้วกับผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม “จริงไหมจ๊ะบี๋”
“มันขึ้นกับหนังหน้านะธีม อย่างนายอ่ะใช้ทฤษฎีนี้ไม่ได้”
“จ้า แม่นางงามจักรวาล แม่คนสวยเลือกได้ แล้วอย่ามาหลงรักความหล่อจากภายในของฉันทีหลังก็แล้วกัน ฮึ!” พี่ธีมทำท่าสะบัดบ๊อบใส่พี่บี๋ แล้วประเด็นฟุตบอลก็ตกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมว่าทางทีดีเราอย่าลงเอยที่การกินกันเองดีกว่า ไม่อร่อยหรอก” พี่มิณณ์ว่า
“นายรู้ได้ไง ฉันว่าก็อร่อยดีนะ”
พี่มิณณ์หรี่ตามองพี่บี๋ “แล้วพี่รู้ได้ไงว่าอร่อย ไปแอบกินใครมาฮะ”
รุ่นพี่สาวสวยยกยิ้มอย่างมีเลศนัย รุ่นน้องขี้สงสัยจึงนั่งไล่รายชื่อสมาชิกแก๊งทีละคนๆ
“โอ๊ย มึงโดนต้มแล้วไอ้ง่าว เธอก็เลิกอำเด็กมันได้แล้วบี๋” พี่ธีมชูแก้วแป๊บซี่ในมือขึ้นอย่างแรงจนมันหกกระฉอกเต็มโต๊ะ“มา! มาฉลองให้กับความรุ่งเรืองของแก๊งเรากันดีกว่า มีรองคิงตั้งสองคน ต่อไปนี้ไม่ต้องเกรงใจใครแล้วว้อย เอ้า โชน!”
“เดี๋ยวดิ ผมว่าฉลองรองคิงแต่รองคิงอีกคนไม่มามันแปลกๆ นะ โทรตามพี่ทิวหน่อยไหม”
“กูโทรไปละ มันบอกว่ามาไม่ได้แล้ว เจนน้อยใจที่มันจะเทนัดมาหาพวกเราเลยต้องอยู่ง้อยาวๆ” เฟยพูดเสียงเนือยๆ
“อีกแล้วเหรอ เพิ่งคบกันสองอาทิตย์เอง ทะเลาะกันกี่รอบแล้วเนี่ย”
“มีแฟนเป็นคุณหนูเอาแต่ใจก็ลำบากงี้แหละ แต่เวลาคนสวยๆ งอนก็น่ารักดีนะมึง” พี่ธีมทำตาเชื่อม
“น่ารำคาญสิไม่ว่า”
ฉันแอบพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่บี๋ ตั้งแต่คบกับผู้หญิงที่ชื่อเจนอะไรนั่น พี่ทิวก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับชาวแก๊งเพราะต้องเอาเวลาไปทุ่มให้แฟนหมด ทำให้ฉันได้เจอเขาน้อยลงไปด้วย และด้วยความที่นางเป็นเด็กม.6 สายสามัญ (โรงเรียนเดียวกับฉันนี่แหละ) ที่ลงเรียนพิเศษแน่นเอี้ยด เขาจึงต้องคอยเทียวรับเทียวส่งตามศูนย์กวดวิชาต่างๆ ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ วันไหนไปรับช้าหรือไปไม่ได้ก็โดนงอนใส่อย่างที่เห็น วันเสาร์อาทิตย์ไอ้แป๋วก็ลงเรียนย่านเดียวกับนาง ไม่เห็นมันจะงอมืองอเท้าให้ใครไปรับไปส่งเลย อยู่ตั้งม.6 แล้วทำไมยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีก เป็นอะไรมากป้ะถามจริง! (เป็นแฟนทิวไง- เจน)
ขณะที่ฉันกำลังเช็ดโต๊ะเบอร์2 พลางสาปแช่งยัยพี่เจนด้วยความอิจฉาอยู่ในใจ ก็รู้สึกถึงรังสีกดดันแปลกๆ ลอยมาจากโต๊ะเบอร์1 จึงค่อยๆ หันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นเฮียต๋าเจ้าเก่าที่กำลังนั่งกอดอกจ้องหน้าฉันอยู่ ฉันกลอกตาแล้วจิ้มแก้มขวาที่มีรอยช้ำสีม่วงจางๆ ให้เขาดู
“หายแล้วจ้า”
นี่ฉันไม่ได้ถามเองตอบเองนะ เพราะตั้งแต่เฮียต๋ากลับมากินข้าวที่ร้านเขาก็มักจะส่งคำถามมาทางกระแสสายตาแบบนี้เสมอ พอฉันอัปเดตอาการให้เขาฟังแบบเมื่อกี้เขาก็จะเลิกมองทันที ด้วยความที่ฉันต้องรายงานตัวแบบนี้ทุกวันนี่แหละ ทุกคนเลยได้รับรู้กันถ้วนหน้าว่าผีจูออนที่บังอาจทำเฮียต๋าตกเก้าอี้คือใคร ไม่เว้นแม้แต่ป๋า เนื่องจากสมัยเด็กๆ ฉันมีเรื่องกับเพื่อนผู้ชายในห้องที่เชียร์บอลคนละทีมกับตัวเองบ่อยๆ ประกอบกับวีรกรรมเหลือร้ายที่ฉันขยันทำไว้กับผู้สมัครแม่ใหม่ ฉันเลยกลายเป็นเด็กก้าวร้าวประจำบ้านในสายตาคุณพ่อและคุณพี่ชาย จึงไม่แปลกที่รอบนี้ฉันจะโดนด่าไปตามระเบียบในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้มีพระคุณ แต่ผิดยังไงคนที่เจ็บตัวมากกว่าก็คือฉันไหมล่ะ เอาแต่เป็นห่วงคนนอกอยู่ได้ มันน่าโมโหจริงๆ!
“อ้าวๆ อู้งานกันอยู่นั่น ออกไปเก็บตังค์โต๊ะเจ็ดซักคนสิวะ เอาปิ่นโตไปส่งบ้านคุณนายติ๊กด้วย”
ป๋าล็อกปิ่นโตเถาใหญ่ก่อนจะเขียนสรุปราคาไว้ข้างกันบนเคาน์เตอร์ทีวี โดยเอากุญแจรถที่ซ่อนเฟยไว้อย่างดีมาวางทับไว้ ฉันได้ยินชื่อลูกค้าแล้วก็รีบวิ่งจู๊ดไปเก็บตังค์โต๊ะเบอร์7 ทันที หน้าที่ส่งข้าวบ้านสาวแก่วัยทองที่อยู่โคตรไกลแถมยังเลี้ยงพิทบูลไว้เป็นฝูงจะได้ตกเป็นของเฟย แต่ปรากฏว่าเฮียมันมาเหนือ
“เครป๋า เก็บตังค์มาเลยชะ งั้นเฟยเอารถไปยาวๆ เลยนะ”
ป๋าถอยหลังออกมาจากครัวด้วยใบหน้าถมึงทึง “ยาวๆ ของแกคืออะไรฮะ”
“ก็ไปส่งข้าวบ้านป้าติ๊กแล้วเลยไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนแถวนั้นเลยไง”
“แล้วที่นั่งหัวโด่อยู่นั่นไม่ใช่เพื่อนแกเรอะ พอเลยๆ แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อยู่เฝ้าร้านกับฉันนี่แหละ ไอ้ฟาน…” นั่นไง! เฮียฟ่งคนซื่อตกหลุมพรางลูกชายอีกแล้ว “แกเอาข้าวไปส่งบ้านคุณนายติ๊กแล้วเก็บตังค์ของเดือนนี้มาด้วย เก็บมาให้ครบนะเว้ย ห้ามให้หมาตัวไหนมันไถไปอีก!”
“โธ่ป๋า อย่าไปฟังเฟยมันสิ มันก็แค่ขี้เกียจ…”
“บอกให้ไปก็ไป!”
“ว้า~ แย่จัง อดช่วยธุรกิจครอบครัวเลยอ่ะ” เฟยแกล้งทำหน้าเศร้าหงอย พอป๋ากลับเข้าครัวไปแล้วก็หันมายักคิ้วประกาศชัยชนะใส่ฉัน
ไอ้เฮียเจ้าเล่ห์สันหลังยาว!!!
“เป็นพี่ชายประสาอะไรวะเฟย เอาเปรียบน้องตลอด ตัวมันก็กะเปี๊ยกเดียว เกิดโดนหมารุมฟัดขึ้นมาอีกจะทำไง”
พี่บี๋บ่นเสียงซีเรียส เธอเคยไปส่งข้าวกับเฟยเลยรู้ซึ้งว่าหมาบ้านป้าติ๊กมันเกรี้ยวกราดเพียงใด คาดว่าเฟยน่าจะเคยเล่าให้เธอฟังว่าตอนเด็กๆ ฉันเคยโดนหมาวัดรุมกัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ฉันจำเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้นไม่ได้เลยเพราะมันหายไปจากความทรงจำตามกลไกปกป้องตนเองของสมอง ป๋าบอกแค่ว่าฉันกลายเป็นโรคไม่ถูกกับหมานับตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งหมามันคงจับกลิ่นคนที่กลัวมันได้และสัญชาตญาณของบางพันธุ์ก็ชอบข่มฝ่ายที่อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว เห็นหน้าฉันทีไรพวกมันจึงชอบฮึ่มฮั่มใส่ไม่ก็ซอยเท้าถี่ๆ เตรียมพุ่งเข้ามาโจมตีกันเสมอ แต่ข่าวร้ายคือพี่ชายที่น่ารักของฉันมันไม่แคร์ว่ะ
“อย่าเว่อน่าบี๋ ส่งแค่ริมรั้วไหมล่ะ ไม่ได้เข้าไปข้างในสักหน่อย” เฟยเถียงโดยไม่ละสายตาจากมือถือ “เอ้อไอ้ฟาน ถ้าเฮียใหญ่ติดๆ ดับๆ ไม่ต้องตกใจนะเว้ย ลูบหัวซักสองสามทีก็หาย”
หมายเหตุ เฮียใหญ่คือรถมอเตอร์ไซค์คันเก๋าของบ้านเรา เรียกแบบนี้เพราะป๋ารักมันเหมือนลูกและมันก็อายุมากกว่าเฟยด้วย
“เอ๊า รู้ว่าเครื่องรวนแล้วทำไมไม่เอาไปซ่อมวะ” ฉันโวย แต่พอเราสองพี่น้องสบตากันสามวิก็เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าครอบครัวของเราตกอยู่ในวิกฤตทางการเงินอีกแล้ว
“พี่ว่างพอดี เปี๊ยกไปรถพี่ก็ได้…โอ๊ย!”
“มึงว่างเหรอเนี่ย ว่างเหรอ” เฟยตบหัวพี่มิณณ์อีกสองทีแล้วชี้ไปที่มือถือ ดูเหมือนทั้งคู่จะเล่นพับจีโหมดดูโอ้กันอยู่ล่ะ “มึงก็นั่งลงเลยไอ้ธีม บี๋ด้วย วางกุญแจรถลงแล้วมานั่งใกล้ๆ นี่เลยนะ ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าฉันจะดีขึ้นไง”
พี่ธีมหันมายิ้มแหยๆ ให้ฉันแล้วนั่งลงตามเดิม ส่วนพี่บี๋ก็ย้ายไปนั่งข้างเพื่อนชายจอมงอแงแล้วปล่อยให้มันคล้องแขนเอาไว้อย่างไม่ถือตัว ก่อนหน้านี้ชาวแก๊งกระซิบบอกฉันว่าคืนที่เฟยเมาแอ๋เหมียนหมาคือคืนที่แฟนคนล่าสุดขอเลิกกับมันทั้งที่เพิ่งคบกันไม่ถึงเดือน เพราะเธอจับได้ว่ามันให้ผู้หญิงคนอื่นซ้อนท้าย (ไอ้แป๋วยังไม่รู้เรื่องนี้) ไม่ว่าจะอธิบายเท่าไรทางนั้นก็ไม่ฟังแถมยังเปิดตัวแฟนใหม่ทันทีประหนึ่งว่าซุกไว้นานแล้ว เฟยเสียฟอร์มมากเพราะเป็นครั้งแรกที่เสือตัวพ่ออย่างมันโดนผู้หญิงสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ช่วงนี้อยู่ในระยะทำใจก็เลยติดเพื่อน ติดเกม ติดบ้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่จำเป็น แต่การช่วยงานในร้านมันจำเป็นป่าววะ! สรุปคือไม่ว่ามันจะอยู่หรือไม่อยู่ร้านฉันก็ยังต้องทำงานหนักเท่าเดิมนั่นแหละ!
“มองไร รีบไปดิ ข้าวป้าติ๊กเย็นหมด”
“รู้แล้วน่า!”
ฉันทำหน้ามู่ทู่ใส่พี่ชายกากๆ ของตัวเอง นี่ถ้าชาวแก๊งที่ฉันซี้ด้วยจะกรุณาใช้มอเตอร์ไซค์ที่ขาฉันค้ำถึง ฉันคงเอ่ยปากยืมรถของใครสักคนไปส่งข้าวแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเฟยพูดจริงหรือพูดเล่นเรื่องสมรรถนะของเฮียใหญ่ แต่ก็แอบกังวลอยู่นิดๆ เพราะเป็นรถที่ถูกใช้งานมาอย่างสมบุกสมบัน อาจถึงเวลากลับบ้านเก่าในไม่ช้า แต่เมื่อเช้าป๋ายังขี่ไปจ่ายตลาดได้อยู่เลยนี่ แจ็กพ็อตคงไม่มาตกที่ลูกสาวแสนกตัญญูอย่างฉันหรอก คิดได้ดังนั้นฉันก็เดินหิ้วข้าวหิ้วหมวกกันน็อคออกไปยังโรงจอดรถส่วนตัวหลังร้าน แหม พูดซะหรู ก็แค่ลานคอนกรีตเล็กๆ ที่มีหลังคาเมทัลชีทไว้กันแดดกันฝนนั่นแหละ แต่ส่วนนี้ป๋าไม่ได้ออกตังค์ต่อเติมเองหรอกนะ เถ้าแก่ตงทำให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีก่อนนู่น เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งลูกชายแกถึงถือสิทธิ์มาจอดตรงนี้ด้วย
ฉันยืนมองรถสองคันที่จอดอยู่เคียงข้างกันด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเบาๆ ในขณะที่เราสามคนพ่อลูกต้องผลัดกันใช้เจ้ามอเตอร์ไซค์ผู้เฒ่าตกรุ่น เฮียต๋ากลับมีรถส่วนตัวยี่ห้อหรูใช้ตั้งแต่สอบใบขับขี่ผ่าน แถมดูทรงแล้วไม่น่าจะมีแค่คันเดียวด้วยนะ เพราะคันที่จอดอยู่นี้เป็นคนละคันกับที่ฉันนั่งเมื่อคืนก่อน ขนาดเล็กกว่าเกือบเท่าตัวแต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นรุ่นนำเข้าราคาแพง เฮ้อ เกิดเป็นลูกคนรวยนี่ดีจริงๆ รถมันจะนึกท้อแท้ในชะตาชีวิตแบบฉันบ้างไหมนะ
“อย่าดับกลางทางนะเฮียใหญ่ ฟานเข็นเฮียไปอู่ไม่ไหวนา”
ฉันลูบหัวเจ้ามอเตอร์ไซค์มอซอด้วยความรักใคร่ก่อนจะล้วงกุญแจออกมาเสียบ แต่ยังไม่ทันถีบเท้าสตาร์ทเครื่อง ใครบางคนก็ดึงกุญแจออกไปพร้อมกับปิ่นโตที่ฉันวางไว้ในตะกร้าหน้าเสียก่อน
“เฮ้ยๆ ทำไรวะเฮีย”
เฮียต๋าตีหน้ามึนคล้องปิ่นโตเข้ากับแฮนด์รถข้างหนึ่งของตัวเอง จากนั้นก็ขึ้นไปสตาร์ทมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่ฉันลงจากรถไปกางแขนดักทางได้ทันเวลาพอดี
“เดี๋ยวๆๆ จะเอาข้าวไปไหน”
“บ้านป้าตั๊ก”
“ป้าติ๊ก?”
“อืม นั่นแหละ”
“ลงมาเลยๆ มันหน้าที่ฟานนะเว้ย เฮียจะมาแย่งทำไมหา”
“ช่วย”
คำเดียวคำนั้นดึงเอาภาพสารพัดยาที่เขาซื้อให้ลอยเข้ามาในหัวพร้อมกับคำว่า ‘คนดี’ ที่เฟยพร่ำบอกฉันในคืนนั้น เมื่อเอามารวมกับสิ่งที่เขาทำหลายวันที่ผ่านมา ก็ได้ข้อสรุปว่าบางทีเขาอาจจะยังรู้สึกผิดที่ทำร้ายร่างกายฉันอยู่ สงสัยจะลืมไปแล้วว่าฉันเองก็ทำเขาตกเก้าอี้เหมือนกัน
“ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอกเฮียต๋า ฟานไม่เป็นไรจริงๆ แว้นไปส่งเองได้สบายมาก แล้วเฮียก็ไม่รู้จักบ้านป้าติ๊กสักหน่อยนี่ จริงมะ” ชื่อยังเรียกผิดเลย
เขาชะงักไปเล็กน้อยแต่ยังไม่ยอมแพ้ “ส่งโลเคชั่นมา”
“ไม่มีไลน์จ้า”
“แอดไลน์มา”
“แน้ะ!” ฉันแกล้งหรี่ตามองอย่างจับผิด “เนียนขอไลน์ป้ะเนี่ย”
เขาปฏิเสธด้วยการล้วงไอโฟนของตัวเองออกมาเข้าแอพกูเกิลแมพ ยื่นให้ฉัน “พิมพ์ที่อยู่มา”
ฉันผลักมือเขา “ฟานรู้ทางแต่ไม่รู้ชื่อ”
“กลับเข้าไปถามลุงฟ่ง”
“โอ๊ย วุ่นวายเปล่าๆ ต่อให้ใช้แมพเฮียก็ไปไม่ถูกหรอก” ไม่ได้สบประมาทนะ แต่บ้านป้าติ๊กมันลึกลับซับซ้อนมากจริงๆ ยิ่งกว่าเมืองลับแล ครั้งแรกที่ฉันไปส่งต้องวนหาแทบตายกว่าจะเจอ ขนาดเฟยใช้กูเกิลแมพยังหลงเป็นชั่วโมง แล้วคุณชายที่มีรถไว้ขับไปกลับแค่บ้านกับวิทยาลัยอย่างเขาจะเหลือเรอะ “คืนฟานมาเหอะ ฟานชำนาญเส้นทางกว่านะ ไปมาหลายรอบแล้ว”
“งั้นก็ไปด้วยกัน”
“ตลกละ ไม่เอา”
“ตลกยังไง”
“มันไม่มีเหตุผลน่ะสิ ฟานก็ไปของฟานเองได้ ทำไมต้องรบกวนเฮียด้วยวะ” พอเขาชำเลืองไปทางเฮียใหญ่ ฉันก็รีบพูดต่อทันที “เมื่อเช้าป๋ายังแว้นไปจ่ายตลาดอยู่เลย มันคงไม่มาเกเรใส่ฟานตอนนี้หรอกน่า”
ดวงตายาวเรียวจ้องเป๋งมาที่ฉัน สะท้อนจุดยืนชัดเจนว่าเขาไม่โอเคกับการคาดคะเนนั่น เงียบไปนานมากเหมือนกำลังใช้ความคิดแต่ฉันขี้เกียจรอจึงตัดบทด้วยการฉวยปิ่นโตคืนมาอย่างรวดเร็ว แต่พอจะแย่งกุญแจรถคืนเขากลับหย่อนมันลงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตัวเองหน้าตาเฉย หึ ถ้าคิดว่าฉันไม่กล้าล้วงล่ะก็คิดผิดแล้วจ้า ฉันยัดมือตัวเองเข้าไปในกระเป๋านั่นแล้วเกี่ยวกุญแจรถได้ในทันที แต่มือใหญ่ก็ตะปบมือฉันไว้ได้ในเสี้ยววินาทีเดียวกันพร้อมออกแรงกดอย่างหนักจนฉันดึงไม่ออก โอ๊ย เหมือนฉันยืนจับนมผู้ชายอยู่เลยอ่ะ นุ่มนิ่ม…เอ้ย! บัดสีบัดเถลิงเป็นบ้า!
“ปล่อยเร็วเฮีย ทำแบบนี้มันเสียเวลานะเว้ย บ้านป้าติ๊ก…”
“เป็นห่วงนี่นับเป็นเหตุผลได้ไหม”
ใครอ่าน Ordinary Sky จบแล้วต้องคุ้นชื่อคิงของวิทยาลัยช่างอาชัญแน่นอน
ทั้งสองเรื่องนี้เกิดขึ้นในปีเดียวกันค่ะ ^ ^
ความคิดเห็น