คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หมีอืด บทที่ 2
Paper’s Secret
T w o
ถึงมันจะผ่านมาตั้งสามปีแล้ว แต่บยอนแบคฮยอนก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้หอยทากกลายเป็นเสือชีตาร์..
มันอาจจะฟังดูพิลึกพิลั่นอยู่สักหน่อยกับการคาดหวังอะไรแบบนั้น แต่ตลอดระยะเวลาที่ดูแลโดคยองซูมาสามปี ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะไม่นึกภาวนาให้คุณนักเขียนตัวเล็กคนนั้นเลิกทำตัวอืดอาดแล้วหันมาขยันขันแข็งกับการปั่นต้นฉบับอย่างคนอื่นเขาบ้าง
เขาดูแลโดคยองซูแค่คนเดียว เรื่องดูเหมือนจะง่าย แต่เปล่าเลย คยองซูเป็นคนที่แต่งนิยายได้ช้ามากถึงช้ามากที่สุด แถมคุณภาพของการเขียนก็ไม่เคยคงที่ วันไหนฟีลลิ่งมา คนตัวเล็กก็จะแต่งออกมาจนเขาหาที่ติไม่ได้ แต่ถ้าวันไหนไม่มีอารมณ์ ตัวอักษรพวกนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากขยะ
นักเขียนของเขาน่ะทำงานตามอารมณ์ (ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่างานเขียนมันเป็นอารมณ์ของศิลปิลที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นเยี่ยม) ถ้าหากแต่งไม่ออก ก็จะนอนอืดเคี้ยวขนมหยับๆ อยู่อย่างนั้นทั้งวัน ต่อให้เขาบ่นจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่คิดจะสนใจ นอกซะจากว่าเขาจะพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ ออกมา อีกฝ่ายถึงจะหือจะอือขึ้นมาบ้าง
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาต้องคอยไปทุบประตูจนมือแดง กดออดยิกๆ ในเกือบทุกเช้าเพื่อทวงถามความคืบหน้าของต้นฉบับ ถ้าหากคุณหมีตัวเล็กนั่นแต่งไม่ออก เขาก็ต้องคอยทำอาหาร ซื้อขนม ชงกาแฟ หาสารพัดอย่างมาทำให้โดคยองซูมีอารมณ์ที่จะลุกไปปั่นนิยาย
หรือถ้าถึงขีดสุดมากๆ เขาก็แค่นั่งเฉยๆ แล้วขยับริมฝีปากไซโคคุณนักเขียนตัวเล็กเพื่อให้อีกฝ่ายมีแรงฮึด แต่ก็นั่นแหละ โดคยองซูเป็นพวกทำงานตามอารมณ์ บางทีมุกที่เคยใช้ได้วันนี้ ก็เอามาใช้พรุ่งนี้ไม่ได้ เขาก็ต้องคอยคิดหาวิธีใหม่ๆ มาจัดการ
กว่าจะบุกเข้ารังหมีได้ก็เสียเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แล้วก็ยังต้องคอยไปรับมือหมีอืดๆ นั่นอีก.. ดูสิว่าเขาทำงานคุ้มกับโบนัสก้อนโตปลายปีมากแค่ไหน (ถ้าไม่ดีจริงคุณหัวหน้าผู้แสนจะหน้าเลือดคงไม่ให้โบนัสเขามากขนาดนั้นหรอกนะ)
แถมพอเขาว่าแรงๆ คุณหมีอืดนั่นก็ทำหน้าเศร้าๆ ตาโตๆ ก็ช้อนมองเหมือนเขาเป็นปีศาจร้ายที่จ้องจะงับหัว ไม่เคยคิดบ้างเลยว่าพอเขายอมอ่อนให้หน่อย พอกลับสำนักพิมพ์เขาก็โดนหัวหน้าด่าจนแทบลืมทางกลับบ้าน
-_-
เขาเข้าใจคยองซูนะ ในฐานะของคนที่เคยแต่งนิยายมาก่อนเหมือนกัน เขาเข้าใจว่าการเอาตัวอักษรมาเรียงให้เป็นประโยคจนออกมาเป็นเรื่องยาวๆ นั้นมันยากมากแค่ไหน เขาเข้าใจว่านักเขียนต้องการฟีลลิ่ง ต้องการแรงบันดาลใจที่จะมาสร้างสรรค์ผลงาน
แต่งานของเขาไม่ได้มีหน้าที่เข้าอกเข้าใจแล้วก็ปล่อยให้หอยทากกลายเป็นหอยทากต่อไป ขืนทำแบบนั้นเขาก็โดนไล่ออกกันพอดีน่ะสิ! (รวมถึงชวดโบนัสก้อนโตที่คุณหัวหน้าเอามาหลอกล่ออีกด้วย)
และเพราะเขาไม่ได้มีหน้าที่เข้าอกเข้าใจ เขาถึงได้กลายเป็นปีศาจของโดคยองซูตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้.. และก็คงจะเป็นต่อๆ ไป จนกว่าหอยทากจะกลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่หอยทากนั่นแหละ!
ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่ยากน่าดู.. (สู้ต่อไปนะคุณบยอน!!)
“อ้าว ว่าไงพี่แบคฮยอน ไปคุยกับหมีของพี่มาเป็นยังไงบ้าง?”
ทันที่ก้าวเท้าเข้าไปในแผนก รุ่นน้องอย่างปาร์คชานยอลที่เพิ่งจะบรรจุเข้าทำงานยังไม่ถึงปีดีนักก็ส่งเสียงทักขึ้นมาทันที ชายหนุ่มจบใหม่ไฟแรงสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มโบกมือทักทายรุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าอย่างร่าเริง
ร่างโปร่งกลอกตามองฟ้าอย่างเบื่อหน่ายจะตอบคำถาม มือเรียวดึงกรวยกระดาษสีขาวออกมากดน้ำแล้วยกขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะ หันไปมองชานยอลที่ยังยิ้มแป้นรอคำตอบอยู่
“อืดเหมือนเดิม” แบคฮยอนตอบสั้นๆ ใบหน้าดูหน้าเหนื่อยหน่ายขณะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
แรกๆ เขาก็บ่นเสียยืดยาวเวลาโดนถามเกี่ยวกับคุณนักเขียนตัวเล็กของเขา แต่หลังๆ ก็เบื่อที่จะบ่นแล้ว บ่นให้ตายหมีก็ไม่เลิกอืด เขาก็เลยไม่รู้จะบ่นไปทำไม รู้สึกเสียพลังงานชีวิตไปเฉยๆ สู้เอาเวลามานั่งนึกหาวิธีจัดการหมียังเข้าท่ากว่าเยอะ!
“เป็นหมีก็ต้องอืดสิวะ ไม่งั้นจะเรียกว่าหมีเหรอ โดยเฉพาะหมีของบยอนแบคฮยอน” คิมจงแดเพื่อนสนิทของแบคฮยอนเอ่ยพลางหัวเราะร่วน โดยมีชานยอลหัวเราะคิกคักพร้อมกับหลิ่วตามองแบคฮยอนอย่างมีความหมายที่รู้ๆ กันอยู่ทั้งแผนก
“งั้นเอาหมีตัวนี้ไปเลี้ยงแทนฉันไหมละ?” แบคฮยอนย้อนเสียงขุ่นอย่างหงุดหงิด มือเรียวกดเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองอย่างเชื่องช้าขณะที่ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นวอลเปเปอร์ที่เซ็ทเอาไว้
ก็รูปหมีนั่นแหละ ตั้งเอาไว้เตือนใจให้ขยันทำงานเฉยๆ หรอกน่า
“ให้คุณบยอนเลี้ยงน่ะดีแล้วครับ เพราะผมมีนักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่านต้องดูแล คงไม่มีเวลาไปเลี้ยงดูปูเสื่อหมีอย่างคนแถวๆ นี้” จงแดเอ่ยพลางหลิ่วตามองแบคฮยอนก่อนจะวิ่งไปรับโทรศัพท์ที่แผดร้องอย่างหนักของตัวเอง ปล่อยให้แบคฮยอนที่คลายเนคไทด์อยู่มองตามหลังอย่างหน่ายๆ
เขามันก็เป็นแค่คนเลี้ยงหมีสินะ เหอะ
“แล้วนี่ว่างเหรอ? ถึงได้มานั่งมองคนอื่นแบบนี้” แบคฮยอนหันไปเหวี่ยงใส่ชานยอลที่นั่งเท้าคางมองตัวเองอยู่อย่างหงุดหงิด นัยน์ตาเรียวจิกตามองหน้าหล่อๆ ของรุ่นน้องตัวแสบ ก่อนจะเหวี่ยงกลับมามองหน้าจอมอนิเตอร์
“หงุดหงิดอะไรมาเหรอพี่?” ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ มองเมินสายตาหงุดหงิดของแบคฮยอนไป
“หัวหน้าโทรมาหาฉัน บอกว่าอยากให้คยองซูแต่งหนังสืออีกเล่ม จะได้ทันมหกรรมหนังสือตอนกลางปี” แบคฮยอนพูดพลางแค่นหัวเราะในลำคอ “นายคิดดูสิ ธรรมดาแค่ปีละสองเล่มฉันก็หืดขึ้นคอแล้ว นี่จะให้แต่งปีละสามเล่ม”
เขาจะเอาอะไรไปทำให้หมีขยันขนาดนั้นวะ?
แค่ปีละสองเล่มก็แทบกระอักเลือดตายแล้ว นี่ปีนี้จะเอาสามเล่ม! ให้ตายเหอะ ถ้าไม่ใช่เพราะโบนัสที่มากกว่าปีที่แล้วเกือบเท่าตัวนะ อย่างหวังเลยว่าเขาจะเออออห่อหมกตามหัวหน้าแบบนี้
ฉายาหมีอืดของคยองซูไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะ นั่นมันพรสวรรค์ของนักเขียนคนเก่งของเขาชัดๆ (ประชดหมีอีกนะ..)
“ก็พี่คยองซูเขาแต่งสนุกนี่ ผมยังชอบเลย หนังสือของพี่เขานี่ผมตามเก็บทุกเล่ม” ชานยอลว่าพลางยกกาแฟขึ้นจิบ “ก็ไม่แปลกที่หัวหน้าจะอยากให้แต่งเพิ่ม หนังสือพี่เขาติดเบสท์เซลเลอร์มันซะทุกเล่มขนาดนั้น แถมยังขายลิขสิทธิ์ได้อีกไม่รู้กี่ประเทศ”
“สนุกก็จริง แต่สปีดการแต่งน่ะช้าพอๆ กับหอยทาก!” แบคฮยอนบ่นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดออกมาอีกครั้ง
ไม่อยากจะอวยตัวเองหรอกนะ แต่ถ้าไม่มีเขาสักคน หนังสือของคยองซูจะขายดีขนาดนั้นไหม? จะแต่งออกมาได้เยอะขนาดนั้นหรือเปล่า? เพราะได้เขาตามจิก ตามทวง ตามเร่งน่ะสิ คยองซูถึงทำได้ขนาดนั้น
ทั้งๆ ที่เขาลงแรงไปขนาดนั้น นอกจากคยองซูจะไม่ซาบซึ้งในบุญคุณแล้ว หมีตัวเล็กนั่นยังตราหน้าว่าเขาเป็นปีศาจอีก มีอะไรดีงามกว่านี้อีกไหม?
-_-
“พี่ก็ลองคุยกับเขาดีๆ อ้อนเขาหน่อยเผื่อเขาจะเห็นใจ” ชานยอลว่าพลางหัวเราะหึๆ อย่างมีเลศนัย “โบนัสปลายปีไม่ใช่น้อยๆ เลยนะพี่ ถ้าทำได้น่ะ”
แบคฮยอนเบ้ปาก จริงอยู่ว่าการที่เขาดูแลนักเขียนแค่คนเดียวน่ะสบายกว่าคนอื่นเห็นๆ แถมยังได้โบนัสเยอะกว่าคนอื่นๆ อย่างจงแดนั่นดูแลนักเขียนอยู่ถึงห้าคน แถมห้าคนที่ดูแลอยู่ก็เป็นประเภทพวกนักเขียนชื่อดังอีโก้สูงจนแตะต้องผลงานไม่ได้
คือขอให้เปลี่ยนนี่นิด แก้นั่นหน่อยก็ไม่ยอม นอกจากจะคุยยาก แล้วยังอีโก้สูงลิบลิ่ว เวลาต้นฉบับมีปัญหานี่คิมจงแดแทบจะต้องไปนั่งร้องไห้อ้อนวอนอยู่ที่หน้าประตูบ้านให้นักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิยอมแก้งาน
จงแดมีชะตากรรมที่น่าสงสารกว่าเขาเยอะ (ลองนึกภาพชายหนุ่มวัยยี่สิบกลางๆ ต้องไปนั่งร้องไห้หน้าบ้านนักเขียนห้าหลังดูสิ คิดดูว่ามันน่าอนาถแค่ไหน)
ถึงเขาจะสบายกว่าจงแดตรงที่ไม่ต้องไปคอยนั่งร้องไห้หน้าบ้านคยองซู แต่อันที่จริงมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายนักหรอก เพราะจงแดต้องวิ่งวุ่นแค่ตอนปิดต้นฉบับ ไม่ต้องคอยวิ่งวุ่นมันทุกวันแบบเขา
ดูสิว่าเขาเหนื่อยน้อยกว่าคนอื่นที่มีนักเขียนที่ต้องดูแลหลายคนแค่ไหน!
โดยส่วนตัวแล้วเขาชอบคนที่ทำงานเร็ว คุยกันรู้เรื่อง ไม่มีอีโก้ให้ต้องคอยลำบากใจ มีความเป็นมืออาชีพสูง ซึ่งทั้งหมดที่เขาต้องการน่ะไม่มีอยู่ในตัวนักเขียนคนเก่งของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว..
โดคยองซูก็เป็นแค่หมีอืดๆ และเขามันก็คนเลี้ยงหมีดีๆ นี่เอง
“พรุ่งนี้ฉันจะต้องไปรับศึกแบบไหนกันวะ” แบคฮยอนบ่นออกมาอย่างไม่ต้องการคำตอบจากใคร ก่อนจะส่ายหัวแล้วเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นตรวจต้นฉบับนิยายของคยองซูอีกครั้ง พลางนึกถึงหมีตัวเล็กที่ไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนมาต่อรองกับเขาอีก
คิดในแง่ดี.. คยองซูก็ไม่เลวร้ายนักหรอก..
...
..
.
คยองซูนอนมองนาฬิกาที่แปะไว้ที่ผนังห้อง ก่อนจะมุดเข้าไปอยู่ในกองผ้านวมอุ่นๆ แล้วโผล่จมูกออกมารับออกซิเจน เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าทุกๆ เช้าในเดือนนี้เพราะปั่นต้นฉบับไปได้ไกลกว่าที่คิดเอาไว้มาก
อยู่ๆ คำว่า “คิมฮีชอล” ก็ตามหลอกหลอนจนทำให้เขาพาตัวเองนั่งหลังขดหลังแข็งปั่นงานอยู่เกือบค่อนคืน แล้วมันออกมาเป็นที่น่าพอใจมากๆ สำนวนไม่ได้แย่เท่าที่เคยแต่งได้ นิสัยตัวละครก็ไม่ได้หลุดจากกรอบที่วางเอาไว้ อารมณ์ก็ไม่ได้โดดออกมาจนอ่านแล้วรู้สึกขัดหูขัดตา การบรรยายก็ไม่ได้พร่ำเพ้อวกวนอย่างที่คุณบรรณาธิการเคยคอมเม้นต์เอาไว้
กว่าแบคฮยอนจะเอางานของเขาไปอ่าน แล้วก็ตีกลับมาให้แก้ เขาก็มีเวลาในการนอนอืดอีกหลายวัน! คึคึคึ
มาเลยบยอนแบคฮยอน ฉันพร้อมจะเจอหน้านายแล้ว!
ย๊า.. วันนี้เขาจะทำอะไรดีนะ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา แล้วอุ่นนมกินตอนสายๆ กับครัวซองร้อนๆ พร้อมกับดูการ์ตูนเทนนิสเรื่องโปรดของเขาดีไหม แล้วค่อยไปนอนแช่น้ำสักชั่วโมง จากนั้นก็นอนกินเยลลี่ โคอาล่ามาร์ช พุดดิ้ง บราวน์นี่ ดูหนังที่หน้าโซฟา เย็นๆ ถ้าขยันก็ออกไปปั่นจักรยานเล่นสักหน่อย รู้สึกช่วงนี้เขาเริ่มมีพุงแล้ว
โอ๊ย ทำไมมันเป็นวันที่แสนสุขแบบนี้นะ!
“คึคึ” คยองซูหัวเราะคิกคักแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเป็นเตียงกว้าง ก่อนจะยกศีรษะแล้วเบิกตาโตๆ อย่างตกใจเมื่อเสียงออดดังขึ้นรัวๆ
“บยอคแบคฮยอนนี่จะกดออดแค่ครั้งสองครั้งไม่เป็นหรือไงนะ” บ่นออกมาเสียงดังก่อนจะแงะซากตัวเองออกจากกองผ้าห่มแล้วเดินเอามือเล็กๆ ปิดหูไปทางประตูห้อง
ตัวทำลายความสุขยามเช้าเดินทางมาถึงห้องแล้วสินะ!
เชอะ อย่าคิดนะว่าวันนี้นายจะได้กินหัวฉันน่ะบยอนแบคฮยอน นอนฝันไปเถอะ!
คยองซูบึนปากใส่ประตูก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเปิดประตูออก ใบหน้าหล่อเหลาที่ติดจะยียวนกวนประสาทโผล่ให้เห็นทันที แถมยังดูแปลกใจเล็กๆ ที่เขามาเปิดประตูให้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีลูกไม้อะไรทั้งนั้น
คยองซูแอบอมยิ้มในใจ รู้สึกอกมันยืดๆ อย่างบอกไม่ถูก
ฉันก็ไม่ได้อืดเป็นอย่างเดียวนะคุณบรรณาธิการบยอนแบคฮยอน เห็นไหมละ!
“อ่ะ นี่งาน เอาไปแล้วก็ออกไปจากห้องฉันซะ ฉันจะนอนต่อ” คยองซูทำหน้ามึนใส่แล้วยัดแผ่นซีดีใส่มือแบคฮยอน แอบยิ้มมุมปากอย่างสะใจเมื่อเห็นหน้าของคุณบรรณาธิการส่วนตัวเหวอน้อยๆ อย่างไม่ปิดบัง
“แล้วถ้าจะให้แก้อะไรก็ส่งอีเมลมาให้ฉันนะ ไม่ต้องถ่อมาถึงคอนโดให้เมื่อยหรอก จบเรื่องเนอะ? โอเค บ้ายบาย กลับดีๆ นะแบคฮยอน!”
“เดี๋ยว..” แบคฮยอนรีบใช้ไหล่ดันประตูไว้ก่อนที่คยองซูจะปิดมัน แล้วเดินเบียดคยองซูเข้าไปในห้อง “ฉันไม่ได้มาที่นี่แค่เพราะเรื่องต้นฉบับ”
“ว่าไงนะ? มีอะไรอีกงั้นเหรอ?” คยองซูถามพลางเบิกตาโตๆ อย่างสงสัย แต่ไม่มีคำตอบอะไรจากบยอนแบคฮยอนที่เดินลิ่วเข้าห้องไปแล้ว
“นี่! แบคฮยอน!! ตอบคำถามฉันสิ”
คยองซูขมวดคิ้ว หมดอารมณ์จะถามต่อเลยได้แต่เบ้ปากเซ็งๆ ก่อนจะเดินมึนๆ ไปนั่งที่โซฟา มองแบคฮยอนที่เดินเข้าครัวอย่างสงสัย เห็นแว้บๆ ว่าหมอนั่นไปต้มกาแฟ
หืม.. อยู่ๆ มาชงกาแฟเอาใจแบบนี้.. รู้สึกเหมือนจะมีข่าวร้ายมาเยือนยังไงก็ไม่รู้แฮะ
ตัวเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนโซฟา ตาโตๆ มองตามคุณบรรณาธิการจอมโหด ก่อนจะคว้าเอาหมอนอิงใบโตมากอดแนบอก ดวงตาเริ่มปรือไปทุกขณะ ไม่ถึงสองนาทีก่อนที่คยองซูจะหลับไปอีกรอบ แบคฮยอนก็เดินถือถาดใส่กาแฟ คุ้กกี้ กับแซนวิชมาวางไว้ที่โต๊ะเตี้ยๆ หน้าโซฟา พลางเหลือบมองชุดนอนลายหมีของคยองซูด้วยแววตาอ่านยากจนคนกำลังง่วงหน้าร้อนวูบ
“ก็มันใส่สบายนี่ ห้ามแซวนะ!” คยองซูว่าพลางตีไหล่แบคฮยอนแรงๆ อย่างเคยชินโดยที่อีกฝ่ายก็ยอมให้ตีแต่โดยดี แล้วยกกาแฟหอมกรุ่นขึ้นมาดม ก่อนจะจิบเข้าไปหนึ่งอึก
อ่า.. รสชาติกาแฟที่แบคฮยอนทำนี่อร่อยจริงๆ เลยให้ตาย คยองซูทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มก่อนจะหยิบแซนวิชเข้าปากพลางเคี้ยตุ้ยๆ สลับกับจิบกาแฟหอมๆ ลืมไปเสียสนิทใจว่าตัวเองกำลังสงสัยในตัวแบคฮยอนอยู่
ด้านของแบคฮยอนก็นั่งกอดอกมองคยองซูที่กำลังเคลิ้มกับกาแฟและแซนวิชโดยไม่ขัดจังหวะ เพราะหลักการเลี้ยงหมีที่ดีคือการปล่อยให้หมีตายใจ อิ่มหนำสำราญกับอาหารก่อน แล้วค่อยโยนข่าวร้ายไป
บอกไปตอนนี้รู้สึกเหมือนหมีจะต้องช็อคจนกาแฟจุกคอตายแน่ๆ
“นายมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า” คยองซูว่าพลางกลืนแซนวิชคำสุดท้ายลงคอแล้วใช้ตาโตๆ จ้องเขม็งไปที่ใบหน้าขาวๆ ของแบคฮยอนอย่างสงสัย
คยองซูขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตามองคนตัวสูงกว่านิ่งๆ ปีศาจมาทำนิสัยดีๆ ผิดวิสัยแบบนี้.. แสดงว่ากำลังจะมีหายนะมาเยือนเขาแน่ๆ
วิ่งหนีเข้าห้องนอนเลยดีไหม? รู้สึกไม่อยากรู้สิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาแล้วสิแฮะ
“คือ... หัวหน้าอยากให้นายแต่งหนังสืออีกเล่มให้ทันปิดเล่มตอนกลางปี” แบคฮยอนพูดเข้าเรื่องโดยไม่เสียเวลาอารัมภบทให้มากความ
คยองซูกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นห้ามแบคฮยอนที่กำลังจะพูดต่อ ตัวเล็กๆ นั้นผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวเร็วๆ ไปทางห้องนอนตัวเองทันทีโดยไม่สนใจคุณบรรณาธิการที่ทำหน้าเหวออยู่ข้างหลัง
ไม่ฟัง! ไม่ฟัง! ต้นฉบับของต้นปียังไม่เสร็จ มาพูดถึงอีกเล่มตอนกลางปีแบบนี้ได้ยังไง! นี่มันโหดร้ายมาก เขาไม่ใช่แรงงานทาสนะ! ฝันไปเถอะว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้นได้
“กลับสำนักพิมพ์ของนายไปซะ ฉันไม่อยากฟังแล้ว!!!”
“เดี๋ยวก่อนสิคยองซู!” แบคฮยอนรีบตามไปคว้าแขนของคุณนักเขียนตัวเล็กที่กำลังโมโหเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้หนีเข้าห้องนอน
ตาโตๆ จ้องแบคฮยอนเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วสะบัดหน้าหนีอย่างไม่สนใจ คยองซูสะบัดแขนตัวเองที่ถูกใครบางคนเกาะกุมเอาไว้ แต่บยอนแบคฮยอนก็มือเหนียวพอที่จะจับแขนเล็กๆ นั้นไว้มั่น
“ฉันไม่อยากพูดกับนายแล้ว กลับไปเลยนะแบคฮยอน กลับไปเลย!” คยองซูเบ้ปากแล้วตวัดสายตาขุ่นเคืองไปหาคนตัวสูงกว่าที่ยืนซ้อนหลังอยู่ ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น
พล็อตนิยายน่ะมีเป็นสิบ แต่เขาจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาปั่นกันเล่า! บ้าบอที่สุดเลย แบคฮยอนคนเห็นแก่เงิน(โบนัส) ไม่เคยนึกถึงจิตใจของเขาบ้างเลยใช่ไหม?!
“ฟังฉันก่อนน่า..” แบคฮยอนเอ่ยเสียงอ่อนพลางรั้งคยองซูมาชิดกับตัวเองแล้วโอบรอบเอวเล็กๆ ของคุณนักเขียนที่ทำหน้าบูดบึ้งเอาไว้
“ไม่ฟังๆๆๆๆๆ” คยองซูพูดเสียงดัง สะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย แต่แบคฮยอนก็กอดเอวไว้แน่น คางแหลมๆ เกยอยู่ที่ไหล่แคบของคยองซูเป็นการปิดทางหนีของคนตัวเล็กโดยสมบูรณ์แบบ
“คยองซูอย่าดิ้น..” คุณบรรณาธิการปีศาจของคยองซูเอ่ยเสียงหวาน จมูกโด่งปัดป่ายอยู่ที่แก้มขาวจนคยองซูเลิกดิ้นแล้วหันหน้าหนี รู้สึกพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายใช้ไม้นี้กับตัวเอง
“ฉันไม่ยอมนะแบคฮยอน หัวหน้าของนายจะมาสั่งให้ฉันเขียนหนังสือตามที่ตัวเองอยากไม่ได้นะ เขาไม่มีสิทธิ์!” คยองซูเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น
หมีแผลงฤทธิ์แล้วสิ..
“ฉันรู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์สั่งนาย แต่เขามีสิทธิ์สั่งฉัน” แบคฮยอนเอ่ยช้าๆ
“ฉันไม่สน!”
“เขาอาจจะไล่ฉันออก..”
“เขาไม่ทำหรอก! คนที่ดูแลฉันได้ขนาดนายน่ะหาได้ที่ไหนอีก ถ้าไม่มีนายฉันก็ปั่นงานได้แค่ปีละเล่มด้วยซ้ำ” คยองซูเอ่ยสวนทันที มือเล็กๆ พยายามจะแงะอ้อมแขนที่กอดรัดรอบเอวของตัวเองเอาไว้แน่นออก แต่เมื่องัดไม่ได้ก็ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดใส่เป็นการบอกให้ปีศาจมือปลาหมึกรู้ว่าตอนนี้โดคยองซูไม่พอใจมาก อารมณ์ไม่ดีมาก!
“ฉันรู้ว่าถ้านายจะทำ นายทำได้ นักเขียนของฉันเก่งจะตาย” แบคฮยอนลอบยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทีของคนตัวเล็ก จะยอมให้ตีหลายๆ ทีเลยถ้าอีกฝ่ายตกลงเรื่องหนังสือเล่มใหม่ที่เหมือนจะทำให้เวลาพักของคยองซูน้อยลงกว่าปีอื่นๆ
“ไม่เกี่ยวเลยแบคฮยอน นายก็รู้ว่าฉันอยากจะนอนอยู่เฉยๆ” ใบหน้าบูดบึ้งหันมามองแบคฮยอน แต่สบตาได้แค่แวบเดียว คยองซูก็สะบัดหน้าหนี
ก็ดูสิ! ใช้สายตาออดอ้อนขนาดนั้น เขาจะไปทนสบตาได้ยังไง คนบ้าเอ้ย อย่ามาอ้อนซะให้ยาก ทีเขาอ้อนนะ แบคฮยอนยังไม่เคยใจอ่อนเลย แล้วทำไมเขาต้องใจอ่อนตอนหมอนี่มาอ้อนเขาด้วยละ
แบคฮยอนถอนหายใจแผ่วเบาพลางกระชับอ้อมกอด ก่อนจะวางคางของตัวเองไว้ที่ไหล่แคบๆ ของคยองซูอีกครั้ง ปลายนิ้วเรียวแตะเบาๆ ที่มือเล็กของคยองซูแล้วเกี่ยวกระหวัดจนสอดประสานกันแน่น
“เราทำงานด้วยกันมาสามปีแล้วนะคยองซู จะใจร้ายไม่ฟังที่ฉันขอจริงๆ เหรอ?”
คยองซูเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของแบคฮยอนเป่ารดที่ข้างแก้ม อุ้งมือของอีกฝ่ายที่สอดประสานที่มือของตัวเองก็หนักแน่นจนไม่สามารถเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมาได้
“ว่าไงหื้ม? คยองซูอ่า..”
“บยอนแบคฮยอนนายมันบ้า บ้าที่สุดเลย!” ริมฝีปากรูปหัวใจเบ้ออกอย่างหมดหนทาง ใบหน้างอง้ำเหวี่ยงมองแบคฮยอนอย่างหงุดหงิด
ทำไมนะทำไม ทำไมเขาต้องแพ้แบคฮยอนตลอดเลย!
คนบ้าหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือแล้วพลิกตัวให้คยองซูหันหน้าเข้าหาตัวเอง กอดรัดอีกฝ่ายแน่นจนใบหน้าบูดบึ้งที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อนั้นซุกอยู่ที่แผงอก
“จะด่าก็ได้ จะตีก็ยอม ยอมทุกอย่างแล้วนะ”
คยองซูบิดเอวคุณบรรณาธิการจอมหลอกล่อแรงๆ อย่างหมั่นไส้ ทำมาเป็นพูดดี ทำมาเป็นออดอ้อนออเซาะ หัวหน้าเสนอโบนัสมาเยอะละสิถึงได้ลงทุนยอมเขาขนาดนี้!
“ฉันเหนื่อยนะแบคฮยอน” คยองซูทำเสียงงุ้งงิ้ง ถูใบหน้ากับอกของแบคฮยอนไปมา
“เดี๋ยวจะซื้อขนมมาให้กิน จะเลี้ยงข้าว จะพาไปดูหนัง พาไปเที่ยว” แบคฮยอนพูดเบาๆ พลางกดจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มของคยองซู “นะครับ..นะ..”
“งื้อ.. ปีหน้าไม่เอาแล้วนะ ยอมแค่ปีนี้นะ” คยองซูพูดเสียงเบา หน้าร้อนเห่อขณะที่กำชายเสื้อของแบคฮยอนแน่น “เข้าใจมั้ยๆๆ”
แบคฮยอนครางออกมาเบาๆ เมื่อมือเล็กๆ ทุบแผ่นหลังเขาแรงๆ เป็นพัลวัน แต่ถึงจะเจ็บใบหน้าหล่อเหลากลับมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ ยอมโดนมือเล็กๆ นั่นทุบเอาๆ โดยไม่บ่นสักคำ
“ครับ ครับ รู้แล้วครับคุณนักเขียน”
ยังไงๆ คุณหมีตัวเล็กก็แพ้ลูกอ้อนเขาตามเคยละน่า..
J
2 b con
themy butter
----------------------------------------------------------------------------
มาอัพแล้วค่ะ ค่อนข้างช้าไปนิดนึงเนอะ ต้องขอโทษด้วยน้าา
พอดีมันมีเรื่องวุ่นๆ ไม่งั้นเราคงได้อัพตั้งแต่วันที่25 แล้ว .___.
เราอาจจะไม่ได้มาอัพถี่มากนะคะ เพราะกำลังอยู่ในช่วงbroken heart แล้วฟีลเรื่องนี้ก็น่ารักมาด้วย...
แต่สัญญาว่าจะไม่หนีไม่หายแน่นอน (เราจะพยายามขุดอารมณ์น่ารักมากลบความเศร้าของตัวเอง T v T)
สำหรับลุคของคยองซูเรื่องนี้ คือมันค่อนข้างต่างจากตัวจริงของคยองอยู่
พอดีตัวเล็กๆ ตาโตๆ หน้าตาน่ารักๆ ของคยองมันน่าเอ็นดูดีค่ะ เราเลยจับมาใส่อิมเมจนี้ซะเลย 5555555
ซึ่งเราก็พยายามใส่ฉากที่เป็นเหมือนลายเซ็นของแบคโด้เข้าไปนิดหน่อย (อาทิฉากพี่แบคโดนคยองทุบเอาๆ แต่นางยังยิ้มประหนึ่งว่ามีความสุขมากอยู่ 555555555555)
หวังว่าทุกคนจะชอบน้าาา >___________<
ฝากคอมเม้นต์ให้ด้วยนะคะ ถ้าไม่สะดวกก็ติดแท็ก #ฟิคหมีอืด ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ
แค่คนอ่านของเราทุกคนอมยิ้มตอนอ่านฟิคเรื่องนี้เราก็มีความสุขมากแล้ว จริงๆ นะ!
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
รักคนอ่านทุกคนเลยยยยย
ความคิดเห็น