ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - Paper's Secret - BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #2 : หมีอืด บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 57


     

    Papers Secret

    O n e

     

     

     

     

     
     

     

     

    โดคยองซูไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้เขาควรจะทำยังไงดี ระหว่างแกล้งตายกับปีนระเบียงหนีมหันตภัยร้ายที่กำลังแผดเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่หน้าห้องในตอนนี้...

     

    สำหรับข้อแรก..ดูเหมือนว่าคนที่กำลังทุบประตูอยู่หน้าห้องจะไม่ใช่หมี เพราะงั้นการแกล้งตายคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ส่วนข้อที่สอง..เขาเองก็ไม่ใช่สไปเดอร์แมนที่จะปีนจากชั้นยี่สิบสองลงไปถึงชั้นหนึ่งได้โดยสวัสดิภาพ

     

    ดังนั้นมันเลยดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ทั้งสองข้อ!

     

    อยากจะถอนหายใจดังๆ แล้วมุดผ้าห่มหนีจริงๆ เลย

     

    คยองซูเบ้ปากใส่ประตูห้องตัวเองแล้วกำมือแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมตามไรผม หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งตามจังหวะการทุบประตู เขานึกอยากให้อีกฝ่ายทุบด้วยจังหวะที่นุ่มนวลกว่านี้หน่อย ทุบแรงอย่างนั้นเดี๋ยวมือสวยๆ นั่นก็แดงพอดีสิ!

     

    เอ๊ะ นี่เขาไม่ได้เป็นห่วงคนไร้มารยาทที่ทุบประตูอยู่นะ ที่พูดนี่เพราะมันทำให้เขาประสาทเสียต่างหากเล่า!

     

    “งื้อออออออ..”

     

    พูดกันตรงๆ นะ เขาสามารถเมินเฉยเสียงออดกับเสียงทุบประตูนั่นได้ เพราะบยอนแบคฮยอนผู้ซึ่งเป็นบรรณาธิการส่วนตัวได้สอนให้เขาเรียนรู้ที่จะเมินมันมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว

     

    ไอเดียนี้คงจะเวิร์คมากถ้าหากว่าเจ้าคนที่กดออดอยู่นั่นจะไร้ความอดทนสักหน่อย แต่คุณบรรณาธิการส่วนตัวของเขาเป็นคนที่จัดว่ามีความอดทนเกินกว่าที่มนุษย์ปกติควรจะมีน่ะสิ!

     

    แล้วนี่เขาควรจะทำยังไงดีเนี่ย?

     

    ปล่อยให้ทุบจนมือสวยๆ นั่นแดงช้ำไปเลยมั้ย? เอ๊ะ แต่ถ้าทุบไปทุบมาแล้วเขาไม่ยอมเปิด เดี๋ยวแบคฮยอนก็คงไปหากุญแจสำรองมาเปิดเองอยู่ดี งื้อออออ...

     

    จะทำยังไงดี ทำยังไงดี...

     

    “คนบ้า! เมื่อไหร่จะเลิกทุบสักที” ริมฝีปากรูปหัวใจหันไปบ่นพึมพำเสียงเบาใส่ประตู ก่อนจะเบ้ปากแล้วกำมือเล็กๆ ของตัวเองแน่น

     

    เขาไม่อยากฟังอีกฝ่ายบ่นนี่ คุณบรรณาธิการคนดีของเขาน่ะปากคอเราะร้ายสุดๆ จิกกัดเก่งเป็นที่หนึ่ง หลอกล่อเก่งเป็นที่สอง นักเขียนตัวเล็กๆ อย่างเขาจะเอาอะไรไปต่อกรกับปีศาจอย่างนั้นได้เล่า

     

    แบคฮยอนน่ะเป็นปีศาจดีๆ แบบที่สุดเลย -3-

     

    ไม่ใช่ปีศาจนิสัยดีๆ หรอกนะ แต่ปีศาจดีๆ ที่เขาพูดถึงน่ะ หมายถึงปีศาจที่ทำตัวร้ายกาจได้สมกับเป็นปีศาจอย่างมาก คุณเข้าใจใช่ไหม?

     

     

    คนตัวเล็กทำหน้ามึนพลางเดินวนไปวนมาเป็นวงกลมสลับกับการเหลือบสายตาไปมองที่หน้าประตู หัวใจของคยองซูเต้นตุบๆ เหมือนกับว่าหน้าห้องมีคนถือปืนไรเฟิลที่พร้อมจะยิงหัวเขาให้กระจุย

     

    มันเป็นนาทีระทึกใจเหมือนยืนอยู่บนปากเหว คนตาโตรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ เมื่อเท้าค่อยๆ เดินไปที่หน้าประตู คยองซูหลับตาปี๋พร้อมกับยื่นมือสั่นๆ ไปที่ลูกบิด

     

    แอดด

     

     

    “สวัสดี โดคยองซู”

     

    แมลงสาบตัวโตยืนยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปสี่เหลี่ยมให้อย่างเคย นัยน์ตาเรียวที่กรีดอายไลน์เนอร์มาซะหนานั้นกดตามองคยองซูที่เตี้ยกว่าไม่กี่เซ็นด้วยแววตาอ่านยาก

     

    “เอ่อ.. ไง สวัสดี” คยองซูกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงทักทายแล้วเอียงตัวให้บยอนแบคฮยอนเข้าห้อง เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างๆ นั่นเดินผ่านตัวเองเข้าไปในห้องแล้วก็อดนึกขึ้นมาไม่ได้ว่าเขาควรจะวิ่งหนีออกจากห้องดีไหม? หรือจะหาอะไรสักอย่างมาตีหัวแบคฮยอนให้สลบดี?

     

    งือ ที่คิดทั้งหมดนั่นดูเหมือนจะไร้สาระสิ้นดี และไม่น่าเป็นไปได้แบบสุดๆ เจ้าตัวก็เลยปิดประตูแล้วเดินตามแบคฮยอนไปนั่งที่โซฟากว้างหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ต้อยๆ อย่างว่าง่ายและเจี๋ยมเจี้ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    เผื่อปีศาจจะพอใจบ้างน่ะนะ..

     

    “นายรู้ใช่ไหมว่าฉันมาที่นี่ทำไม?”

     

    คยองซูกลอกตามองเพดานห้องสีขาวแล้วก็ได้แต่แอบทำหน้าเหม็นเบื่อ นี่บยอนแบคฮยอนไม่คิดจะอารัมภบทก่อนเข้าเรื่องบ้างหรือไงนะ! ชิ

     

    เขาอยากจะตอบมากว่าเขาไม่รู้ ไม่รู้เลยยยว่าอีกฝ่ายมาหาทำไม คุณบรรณาธิการคนเก่งของเขาคงแค่แวะมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาคนรู้จักกันมาสามปีเศษ และอากาศช่วงนี้ก็หนาวมาก กลัวเขาจะเป็นหวัดเลยแวะมาบอกให้ดูแลตัวเองดีๆ ห่มผ้าหนาๆ นอนเร็วๆ นะ!

     

    >_______<

     

    เชอะ ปีศาจอย่างบยอนแบคฮยอนมีธุระกับเขาแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ ตลอดสามปีที่ผ่านมา ย้ำว่าสามปีเลยนะ เคยมีเรื่องอื่นในหัวของเจ้าบ้านั่นซะที่ไหนกันละ!

     

    หายใจเข้าเป็นต้นฉบับ หายใจออกเป็นต้นฉบับ วันๆ ก็สนแต่เรื่องต้นฉบับ มาหาก็เพราะต้นฉบับ โทรหาก็เพราะต้นฉบับ ส่งคาทกมาหาก็เพราะต้นฉบับ อะไรๆ ก็ต้นฉบับๆๆๆๆ

     

    อีกนิดนี่เขาจะไล่ให้ไปแต่งงานกับต้นฉบับแล้วละ อยู่กินกันให้สุขสบายไปเลย จะได้เลิกมายุ่งกับเขาสักที -3-

     

     

    “คือว่าต้นฉบับ..” คยองซูเกริ่นหลังจากที่บ่นขมุบขมิบ พลางขยับตัวยุกยิกอย่างอึดอัดกับสายตาเรียวที่จ้องมองมาเขม็ง นัยน์ตากลมโตหลุบลงมองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนหน้าตัก เขารู้ว่าแบคฮยอนรู้ว่าเขาจะตอบอีกฝ่ายว่ายังไง

     

    แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ จะให้เขาจะบอกออกไปได้ยังไงว่ามัน.....

     

    “ยังไม่เสร็จ..?” แบคฮยอนเอ่ยตอบต่อจากคยองซูหน้าตายพร้อมกับมองคนที่ก้มหน้าลงมองพื้น นัยน์ตาเรียวทอประกายเอ็นดูครู่หนึ่งก่อนจะทำหน้าเฉยๆ ตามเดิม

     

    “แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จครับคุณนักเขียน?”

     

    “คือว่าฉัน..” คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมองบรรณาธิการของตัวเองน้อยๆ ราวกับกำลังอ้อนให้อีกฝ่ายเห็นใจ แต่ยังไม่ได้เอ่ยคำต่อไปคนฟังก็เอ่ยตัดหน้าทันที

     

    “ยังไม่รู้เลย..?” แบคฮยอนกระตุกยิ้มมุมปากขณะที่เอ่ยต่อจากประโยคของคยองซูอีกครั้ง เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนที่คยองซูจะทำหน้าหงอยๆ ใส่เป็นการเรียกคะแนนความสงสาร (ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่)

     

    ตัวเล็กๆ ย้ายมานั่งข้างๆ คนตัวสูงกว่าพลางเอียงคอมองใบหน้าหล่อๆ อย่างน่ารัก เปลือกตากระพริบปริบๆ สองสามที ก่อนที่ปลายนิ้วชี้จะเขี่ยต้นขาของแบคฮยอนเบาๆ แล้วริมฝีปากอิ่มก็ค่อยๆ ขยับ

     

    “งือ.. นายก็รู้นี่ว่านิยายของฉันมันยากนะ แล้วการแต่งนิยายที่ดีมันต้องมีฟีลลิ่ง! ถ้าฉันไม่มีฟีลลิ่งละก็.. ฉันทำมันไม่ได้หรอก การเขียนมันเป็นศิลปะนะแบคฮยอน ไม่ใช่อะไรที่จะนึกจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ นายต้องเข้าใจฉันบ้างสิ!” คนตัวเล็กร่ายยาวโดยไม่หยุดหายใจก่อนจะก้มหน้าลงเขี่ยมือตัวเองเล่น กลอกตาตัวเองไปมา

     

    นี่เขาเคยเล่นบทดราม่าไปหรือยังนะ?

     

    รู้สึกว่าคราวก่อนเขาจะแกล้งป่วย ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ปีศาจอย่างแบคฮยอนสนใจเลยแม้แต่นิด (ก็เขาดูออกว่านายแกล้งทำนี่นา..) ส่วนคราวก่อนโน้นก็แกล้งไม่อยู่ห้อง ซึ่งคุณบรรณาธิการคนเก่งก็ไปหากุญแจสำรองไขเข้ามาจนได้

     

    ทำไมบยอนแบคฮยอนรับบทการเป็นแมลงสาบได้ดีขนาดนี้นะ.. ฮือ ทำงานได้สมค่าจ้างเกินไปไหม? ปล่อยปละละเลยเขาบ้างสักวันคงไม่ตายหรอกมั้ง..

     

     

    “ฉันเข้าใจ คยองซู” ปีศาจแมลงสาบพันปีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจที่ฟังยังไงก็ดูออกว่ากำลังเสแสร้งไปอย่างนั้นเอง

     

    คนฟังแอบเบ้ปากนิดๆ ก่อนจะช้อนสายตาลูกหมีออดอ้อนขึ้นมองแบคฮยอนอย่างรอฟังประโยคที่อีกฝ่ายจะพ่นออกมาใส่หน้า ถึงแม้มันจะเป็นประโยคที่บาดหัวใจหรือตับไตไส้พุงมากแค่ไหนก็ตาม..

     

    เอาเลย ลงทัณฑ์เขาเลยสิ โดคยองซูมันแย่.. -3-

     

    “แต่นายก็ต้องเข้าใจเหมือนกันว่าสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่เนี่ยเป็นธุรกิจไม่ใช่การแต่งนิยายลงเว็บที่นายคิดจะแต่งเมื่อไหร่ก็แต่ง นายเป็นนักเขียนชื่อดังนะคยองซู ลองนึกถึงคนอ่านของนายสิ? กี่พัน กี่หมื่น กี่แสนคนที่กำลังรอคอยนิยายของนายอยู่ นั่นไม่ได้ทำให้นายรู้สึกอยากจะลุกมาเขียนอะไรๆ บ้างหรือไง?”

     

    คยองซูก้มหน้าลงมองตักตัวเองอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มเบ้ออกอย่างจนด้วยคำพูดจะเอาไปสู้ จะให้เขาทำยังไงละ? นี่มันฤดูหนาวนะ! มันเป็นฤดูจำศีลของเขานี่นา การอยู่ในห้องนอนกลิ้งไปกลิ้งมา แล้วก็กินอาหารที่ซื้อไว้ ไม่ก็ที่แก้มกลมเอามาให้ แล้วก็ไปนั่งเคี้ยวขนมหยับๆ บนโซฟาที่หน้าทีวี เสร็จแล้วก็เดินตัวปลิวไปนอนน่ะมันดีจะตาย!

     

    เขาก็อยากจะแต่งนิยายอยู่นะ แต่มันไม่มีฟีลลิ่งนี่นา! งือออออ

     

    แบคฮยอนเป็นคนทวงไม่ใช่คนเขียนนี่ ก็พูดได้สิ มาสลับกันไหมละ? ให้แบคฮยอนมาเขียนบ้าง แล้วเขาจะเป็นคนไปตามทวง จะทวงเช้า ทวงเย็นเลย เอาให้กระอักตาย!

     

    ฮือ...

     

     

    “แบคฮยอนอ่า....” คยองซูบึนปาก ทำหน้าเศร้าๆ พลางช้อนตาโตๆ ขึ้นมองเสี้ยวหน้าหล่อๆ ของแบคฮยอนราวกับกำลังขอความเมตตาอันน้อยนิดที่อีกฝ่ายมี

     

    แต่แน่ละ.. ปีศาจย่อมไม่มีวันเป็นนักบุญ..

     

    มันเป็นสัจธรรมของโลก

     

     

    “เรียกชื่อฉันแล้วต้นฉบับจะเสร็จไหม? เดือนเมษานี้จะเป็นงานมหกรรมหนังสือครั้งใหญ่ของโซลแล้วนะคยองซู แล้วตอนนี้นายแต่งนิยายไปได้ถึงไหนนะ? ร้อยหน้า? หรือห้าสิบหน้ากันนะ? ทั้งหมดที่นายต้องแต่งมันกี่หน้านะ?” นัยน์ตาเรียวรีหรี่ตามองคยองซูก่อนจะแสยะยิ้มร้ายกาจออกมา

     

    “จะทำยังไงดีละ? ถ้านายแต่งนิยายไม่ทัน? เลื่อนเหรอ? ให้คนรออ่านนิยายของนายผิดหวัง? แล้วนายก็จะเป็นนักเขียนที่ดีแต่ปาก ไร้จรรยาบรรณ ไม่มีความเป็นมืออาชีพแบบนั้นเหรอคยองซู?”

     

    คยองซูเบ้ปากก่อนจะเบือนหน้าหนี ถ้าคำพูดของแบคฮยอนเป็นเข็มนะ หัวใจของเขาคงจะพรุนไปหมดแล้วแน่ๆ

     

    ก็ใช่ว่าเขาอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ซะเมื่อไหร่กันเล่า! แต่ถ้ามันไม่มีฟีลลิ่ง ไอ้ที่แต่งออกมามันก็เป็นแค่ประโยคแข็งๆ ที่อ่านแล้วไม่สนุกน่ะสิ

     

    แต่งไปเขาก็ลบทิ้งอยู่ดี แล้วจะแต่งทำไมละ? เสียเวลานอนอืดพอดี!

     

    “แล้วอีกอย่างนะ จำได้ไหมว่ามีบริษัทกำลังเจรจาต่อรองซื้อนิยายของนายไปทำหนัง จำได้ไหมว่านายจะได้เงินเท่าไหร่จากลิขสิทธิ์ทั้งหมดนั่น อาจจะเป็นเงินที่ทำให้นายได้นอนอืดอยู่ในห้องแบบที่ไม่จำเป็นต้องโดนฉันก่อกวนอีกระยะนึง” แบคฮยอนว่าพลางยิ้มมุมปาก

     

    “แล้วก็สามารถพานายไปนอนอืดอยู่ที่ไหนสักที่บนโลกได้สบายๆ เลยนะคยองซู นายอยากจะให้มันกลายเป็นฝุ่นไปแค่เพราะ ฉันไม่มีฟีลลิ่ง หรือไง?”

     

    โดคยองซูมองฝุ่นบนพื้นห้องด้วยสายตาละห้อย จริงๆ เงินที่ได้จากการแต่งนิยายตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมามันก็เยอะนะ เป็นเงินที่ทำให้เขานอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่ห้องได้อีกนานเลยละ (ความดีความชอบนั่นเขายกให้เป็นของแบคฮยอนครึ่งนึงเลย เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ขยันทวงขนาดนี้ละก็.. ไอ้ที่แต่งเสร็จนั่นคงไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ)

     

    แต่ก็ใช่ว่านิยายของเขาจะขายได้ตลอดไปนี่นา ช่วงนี้เขากำลังมีชื่อเสียง นิยายถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลหลายประเทศ ล่าสุดก็มีบริษัทหนังเกรดเอของอเมริกามาต่อรองซื้อนิยายเรื่องหนึ่งของเขาไป ถ้าหากว่ามันออกมาดี คนชอบ.. มันอาจจะเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง..

     

    แล้วคนก็จะรู้จักเขามากขึ้น ทุกคนจะอยากอ่านนิยายของเขาถ้าได้ดูหนังนั่น แล้วพอเขาออกเล่มอื่นออกมา ทุกคนก็จะซื้อมัน.. นี่ไม่อยากจะนึกถึงเงินก้อนโตๆ เลยนะ..

     

    นี่ไม่ใช่ว่าเขาเห็นแก่เงินนะ! แต่ใครบ้างละจะไม่ชอบการนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องโดยไม่ต้องออกไปดิ้นรนทำงาน แล้วเขาก็ไม่อยากลำบากตอนแก่ด้วย ตอนนี้ก็เลยต้องขยันให้มากๆ ทำงานให้เยอะๆ จะได้มีเงินให้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนแก่..

     

    เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ใช่ไหมละ?!

     

    “งั้น...” คยองซูเอ่ยขึ้นมาก่อนจะช้อนตาขึ้นมองแบคฮยอน ในหัวมีเงินก้อนโตลอยละล่องอยู่ไปมาจนนัยน์ตากลมโตเยิ้มนิดๆ เหมือนคนเมา “ตอนต่อไปฉันควรจะแต่งอะไรดีละ?”

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

    ถึงจะบอกว่าบยอนแบคฮยอนเป็นปีศาจที่ใจร้ายมาก แต่จริงๆ แล้วคุณบรรณาธิการของเขาก็เป็นคนดีในระดับนึงนะ!

     

    พูดให้ถูกต้องก็คือคุณบรรณาธิการของเขาจะเป็นคนดีและอ่อนโยนเสมอ ถ้าหากได้จับๆ แตะๆ ต้นฉบับที่เขาปั่นออกมาน่ะนะ เพราะนิยายของเขา คือหน้าที่ของแบคฮยอนที่จะทำให้มันเกิดขึ้น และนั่น.. ก็เป็นทั้งเงินเดือนและโบนัสของแบคฮยอน..

     

    ถ้าไม่ใช่เพราะโบนัสก้อนโตนั่นละก็... อย่าได้หวังเลยว่าแบคฮยอนจะโผล่หน้าหล่อๆ มาให้เขาเห็น เชอะ คนหน้าเงิน

     

     

    คยองซูนั่งขัดสมาธิบนโซฟาพลางจิ้มหมอนใบโตที่วางอยู่บนตัก ขณะเหลือบตามองคนที่กำลังอ่านต้นฉบับอยู่อย่างแข็งขัน หัวใจมันหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก คือรู้นั่นแหละว่าสิ่งที่จะได้รับจากคุณบรรณาธิการมันคือคำติ ไม่ใช่คำชม..

     

    แต่เขาก็อดคาดหวังไม่ได้ว่าแบคฮยอนจะเลือกสรรประโยคดีๆ มาพูดกับเขา ปลอบอกปลอบใจเขาสักหน่อยว่างานที่เขียนออกมาน่ะมันไม่ได้แย่ แค่ต้องปรับปรุงอีกนิดหน่อย

     

    ฮือ..

     

    ทำไมคุณบรรณาธิการของเขาต้องเป็นคนปากคอเราะร้าย จิกกัดเก่งแบบนี้ด้วยนะ ไม่น่ารักเอาซะเลย!

     

    “มันก็ดีนะคยองซู..” แบคฮยอนเกริ่นพลางเหลือบสายตาขึ้นมอง มือเรียวยาวยกโน้ตบุ้คที่ส่งเสียงดังครืดๆ ไปวางไว้บนโต๊ะที่หน้าโซฟา ก่อนจะถอดแว่นตาวางไว้ข้างๆ กัน

     

    นัยน์ตาเรียวมองหน้าซีดๆ ของนักเขียนตัวเล็กก่อนจะเอนหลังพิงพนัก

     

    คยองซูแอบเบ้ปาก เงยหน้าขึ้นสบตากับแบคฮยอน รู้ได้ทันทีเลยว่าตัวเองกำลังจะเจออะไร ก็ลองคุณบรรณาธิการได้พูดคำว่า มันก็ดีนะ.. เมื่อไหร่ละก็.. มันเป็นแค่คำปลอบใจเท่านั้นแหละ เพราะสิ่งที่จะตามมาน่ะมัน...

     

    “แต่ฉันว่านายทำได้ดีกว่านี้นะ ประโยคทั้งแข็งทั้งห้วน คำซ้ำก็เยอะ แล้วยังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่เลย นายมีพล็อตตั้งแต่ต้นจนจบแล้วใช่ไหม? ทำไมมันเป็นแบบนี้” อีกฝ่ายเอ่ยเนิบๆ

     

    “ฉันรู้ว่านายเองก็รู้ว่ามันไม่สนุกเอาซะเลย ฉากตัดเร็วจนอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง นิสัยตัวละครที่เหมือนจะโดดจากตอนอื่นๆ บรรยายพร่ำเพรื่อแต่จับจุดอะไรไม่ได้สักอย่าง นายเคยทำมันได้สนุกและน่าติดตามนะคยองซู รู้ใช่ไหมว่ามันแย่มาก”

     

    นั่นไง ผิดจากที่คิดไว้ซะที่ไหนกันละ..

     

    “ก็ฉันบอกนายแล้วว่าฉันไม่มีอารมณ์นี่แบคฮยอน ฉันทำมันได้แค่นั้นละ! นายจะเอาอะไรจากฉันอีกเล่า!” ร้องออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาแล้วหันหลังให้แบคฮยอน “กลับไปเลยนะ ฉันขี้เกียจพูดกับนายแล้ว คนอะไรใจดำชะมัด! ไปไกลๆ เลย!

     

    คุณบรรณาธิการของเขาน่ะแย่ พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง หัวใจของเขาบอบช้ำไปหมดแล้วนะ ฮือ.. คนใจร้าย ใจดำ คนปากกรรไกร!

     

    “อย่ามาดราม่าใส่ฉันนะคยองซู” แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้คยองซู ใบหน้าหล่อชะโงกมองคนที่กำลังเอาหน้าซุกโซฟาขำๆ

     

    “ฉันเปล่าดราม่านะ! แต่ฉันทำไม่ได้นี่ นายก็เห็นที่ฉันเขียนอ้ะ มันออกมาแย่ แย่มากๆ เลยด้วย!!” คยองซูทำหน้ายุ่งแล้วหลับหูหลับตาโวยวายทั้งๆ ที่หน้ายังซุกอยู่กับโซฟา

     

    “แล้วมันเป็นความผิดฉันหรือไง? นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถ้าฉันไปบอกหัวหน้าว่าไม่ได้อะไรจากนายเลยฉันจะโดนอะไรบ้าง?” คุณบรรณาธิการแกล้งทำเสียงเศร้าๆ แล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับคยองซูที่เหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด

     

    นัยน์ตาเรียวมองนักเขียนของตัวเองด้วยสายตาพราวระยับ จะล่อให้หมีติดกับมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย เพราะดูเหมือนจะกี่ครั้งๆ หมีตัวน้อยก็ตามเกมส์เขาไม่ทันเสมอ

     

     

    คยองซูเม้มริมฝีปากแน่น นึกถึงใบหน้าสวยๆ แต่นิสัยโหดแถมยังปากจัดของหัวหน้าแบคฮยอนอย่างคิมฮีชอลแล้วก็ได้แต่สยองแทน แต่แล้วยังไงละ? มันใช่หน้าที่ที่เขาต้องสนเหรอ?

     

    ปีศาจอย่างบยอนแบคฮยอนน่ะ โดนสับหัวซะที(หรือหลายๆ ที)ก็ดี!

     

     

    “นายน่ะกำลังจะเป็นเบอร์หนึ่งนะ ลองคิดดูดีๆ สิ ถ้าฉันทำงานไร้ประสิทธิภาพจนหัวหน้าไม่พอใจเลยลงมาดูแลนายเอง แล้วโยกให้ฉันไปดูแลคุณปาร์คที่หัวหน้าดูแลอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นหืม?” แบคฮยอนโน้มใบหน้าไปชิดกับใบหูของคยองซู พลางกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นใบหน้าขาวๆ ของคุณนักเขียนเริ่มซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ

     

    “ฉันรู้ว่านายเบื่อหน้าฉันเต็มทน แต่การเห็นหน้าหล่อๆ ของฉัน กับหน้าสวยๆ ของหัวหน้า...แบบไหนมันจะดีกว่ากันนะโดคยองซูยา..” น้ำเสียงเศร้าๆ เอ่ยขึ้นก่อนที่แบคฮยอนจะถอยใบหน้ากลับมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม

     

    ก็แค่รอให้หมีโดดลงหลุมที่เขาขุดเอาไว้..

     

     

    คยองซูรู้สึกเหมือนตัวเองโดนมัดน็อคเสยเต็มๆ ที่ปลายคาง โลกของเขาหมุนวน มีดาวล้อมรอบศีรษะอยู่เป็นล้านๆ ดวง รู้สึกสยองจนขนลุกซู่ เมื่อจินตนาการว่าคนที่มาหาเขาในทุกเช้าของทุกวัน.. ไม่ใช่คุณบยอนคนนี้ แต่เป็นคุณคิม...

     

    คุณคิม.. คุณคิม.. คุณคิม..

     

    โอ๊ะ.. ไม่นะ..

     

    ไม่มีทาง เขาจะไม่ยอมให้ใครมาพรากคุณบรรณาธิการบยอนไปจากเขาแน่นอน!!

     

    “อย่าขู่ฉันแบบนี้สิแบคฮยอน” คยองซูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผุดลุกขึ้นมากอดแขนแบคฮยอนแน่น นัยน์ตาโตๆ ช้อนมองแบคฮยอนพลางแนบแก้มกับต้นแขนของอีกคนแล้วถูไปมาอย่างออดอ้อน

     

    “นายอย่าทิ้งฉันนะ เราอยู่กันมาตั้งสามปีเชียวนะ จะทิ้งกันไปง่ายๆ เลยเหรอ ฮือออ.. แบคฮยอนอ่า ไม่เอาคุณคิมนะ”

     

    แบคฮยอนกลั้นหัวเราะ ปลายจมูกโด่งถูกับกลุ่มผมนุ่มของคยองซูเบาๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพูดเสียงนุ่ม

     

    “งั้นนายควรจะเอาเวลางอแงนี่ไปแต่งนิยายต่อนะ คยองซูยา”

     

    คยองซูแกล้งทำเสียงสูดจมูกเสียงดังแล้วผลักแบคฮยอนออก ใบหน้างอง้ำมองหน้าหล่อๆ ของคุณบรรณาธิการส่วนตัวครู่หนึ่ง เมื่อสบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นก็สะบัดหน้าหนีอย่างแง่งอนเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าโดนอีกฝ่ายหลอกเข้าเต็มเปา มือเล็กยกโน้ตบุ๊คขึ้นแนบอกแล้วเดินปึงปังเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

     

     

     

     

     

    “กลับสำนักพิมพ์ของนายไปซะบยอนแบคฮยอน อย่ามาขัดขวางอารมณ์ศิลปินของฉัน!!

     

     

     

     

    ดูเหมือนว่าคุณบรรณาธิการปีศาจจะโดนคุณหมีตัวเล็กงอนซะแล้วสิ

     

     

     

     

     

     

     

    2 b con
    themy butter












     

    -------------------------------------------------------


    กราบสวัสดีทุกคนค่ะ -/\-
    กลับมาอีกครั้งกลับฟิคเรื่องยาวเรื่องที่สาม ซึ่งก่อนหน้านี้เราแต่งเทาฮุนมาแล้วสองเรื่อง
    นี่จึงเป็นฟิคแบคโด้เรื่องแรกของเรา ก็เป็นแนวมิ้งๆ ฟรุ้งฟริ้งๆ ค่ะ 555555555
    ฝากหมีอืดๆ กับคนเลี้ยงหมีไว้ในหัวใจของทุกคนด้วยน้าา >__________<
    แท็ก #ฟิคหมีอืด ค่ะ 5555555555555555555555

    หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ!
    เลิ้บบบบบบบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×