คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ❤ CONCERT
เรื่องนี้เคยอัพเมื่อนานมาแล้ว ในเวอชั่นวอนคยู แต่เราก็ลบบทความไปแล้ว
เป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะกลับมาแต่งฟิค เลยได้หยิบเรื่องนี้มาอัพใหม่ หวังว่าคงชอบกันนะ
วันนี้เป็นวันที่ ELF ทั้งประเทศรอคอยในรอบหนึ่งปี นั่นก็คือวันคอนเสิร์ตของศิลปินดังอย่าง Super Junior ฮยอกแจเองก็เป็นหนึ่งในคนหมื่นๆคนที่รอคอยวันนี้เช่นกัน และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คนน่ารักต้องมานั่งกอดเข่าเฝ้าหน้างานอยู่แบบนี้
ฮยอกแจ หรืออี ฮยอกแจ เป็นนักเรียนม.ปลายปีสามโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ชื่นชอบและติดตามผลงานของ Super Junior มาตั้งแต่สมัยประถม แรกๆก็แค่ติดตาม ฟังเพลง ซื้ออัลบั้มไว้บ้างถ้ามีตัง แต่พอโตขึ้นพ่อแม่เริ่มปล่อยฮยอกแจก็เริ่มมีโอกาสไปมีทติ้ง คอนเสิร์ต หรืองานต่างๆมากขึ้น
แต่ถึงเป็น ELF มานาน และตามงานมากอยู่พอตัว แต่ถ้าพูดถึงเพื่อนที่เป็นเอลฟ์ด้วยกัน ฮยอกแจมีน้อยจนแทบหาไม่ได้เลยหละ อาจจะเพราะความขี้อายไม่ค่อยกล้าเข้าหาใคร และยิ่งขึ้นม.ปลายปีสุดท้าย ต้องเตรียมเข้ามหาลัย แทบไม่ได้ตามข่าวอะไรเลย เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้วก็ดูจะยิ่งน้อยลงไปอีก ถ้านับๆดูแล้ว ตอนนี้เพื่อนสนิทที่เป็นเอลฟ์ของเค้ามีแค่คนเดียวเท่านั้น
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
ยูอี
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ฮยอกแจหลุดจากภวังค์ แต่พอก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ ชื่อที่โชว์ขึ้นก็ทำให้เค้าถึงกับยิ้มกว้าง พอคิดถึงก็โทรมาเลย
“ฮัลโหลยูอี”
‘ฮยอกเรามาถึงแล้ว ฮยอกอยู่ไหนอ่า เดี๋ยวเราเดินไปหา’
“ไม่ต้องๆ ยูอีรออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวเราออกไปรับ ว่าแต่ตอนนี้ยูอีอยู่ไหน”
‘เอางั้นหรอ โอเค เราอยู่........’พอยูอีพูดจบฮยอกแจก็ลุกขึ้น หันไปบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆว่าฝากที่หน่อย ซึ่งเพื่อนก็ใจดีรับปาก ก่อนจะเดินไปยังที่ที่คนปลายสายอยู่
ยูอี คือชื่อเพื่อนสนิทของฮยอกแจ รู้จักกันในทวิตเตอร์เพราะเป็นเอลฟ์เหมือนกัน เคยเจอกันครั้งแรกที่งานคอนสองปีที่แล้ว ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่เจอกัน ยูอีกับฮยอกแจถึงจะรู้จักกันในเน็ตแต่ก็คอยช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีมาตลอด อย่างตอนจองบัตรตนไม่ว่างก็ได้เพื่อนคนนี้ที่ช่วยเป็นธุระให้ ส่วนวันนี้ฮยอกแจสะดวก ก็มาจองที่ให้ก่อนแล้วยูอีค่อยตามมา
“ไหนบอกอยู่ตรงนี้ไง”ร่างเล็กพึมพำกับตัวเอง เมื่อเดินมาถึงที่ๆเพื่อนบอก แต่กลับไม่เจอคนที่ตนนัดไว้ ฮยอกแจหันซ้ายหันขวา ก่อนจะขมวดคิ้วงุ่น หรือเค้าจะฟังผิดนะ
“จ๊ะเอ๋!!”
“ผี!!”แต่แล้วคนที่กำลังตามหาก็ฟุ่งเข้ามาหยอกล้อทำเอาฮยอกแจอุทานออกมาอย่างตกใจ ที่อุทานว่าผีนี่ไม่ได้คิดว่ายูอีเป็นผี แต่เพราะกลัวผีจนขึ้นสมอง เวลาตกใจมากๆจึงชอบอุทานคำนี้ออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ฮยอกยังน่ารักเหมือนเดิมเลย ดูสิทำหน้าตกใจได้น่ารักชะมัด”ยูอีว่าแล้วเดินเข้ามาหยิกแก้มฮยอกแจอย่างหมั่นเขี้ยว ก็ภาพตรงหน้ามันผิดจากที่เค้าว่าซะที่ไหน ฮยอกแจตอนตกใจทำตาโต หน้าแดงๆ น่ารักที่สุดเลย
“ยูอีเลยแบบนี้ถ้าเราหัวใจวายตายไป เราจะมาหายูอีคนแรกเลย”คนน่ารักกอดอกว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“อะไรกัน เรานึกว่าฮยอกแจจะหายตัวเองแอบดูฮันคยองอปป้าอาบน้ำเป็นสิ่งแรกซะอีก”
“ยูอีพูดอะไรแบบนั้นหนะ”คนตัวเล็กรีบยกมือมาปิดปากเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวใครมาได้ยินก็คิดว่าเค้าเป็นโรคจิตพอดี
“ฮยอกแจอ่า ฉันแค่ล้อเล่น ยังใสซื่อไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“แฮ่ม”ระหว่างที่คนน่ารักทั้งสองกำลังหยอกล้อกัน ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา ฮยอกแจหันไปมองตามเสียงพบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่ยืนกอดอกมองเค้าทั้งสองอยู่ ไม่รู้คนๆนี้มาอยู่ตรงนี้นานรึยัง แต่ที่ดูคือฮยอกแจรู้สึกแปลกๆ
“อ่อ ลืมแนะนำไปเลย พี่ทงเฮนี่ฮยอกแจเพื่อนที่ยูอีเล่าให้ฟัง ฮยอกแจนี่พี่ทงเฮพี่ชายเรา พ่อส่งให้มาตามดูแลเรา ไร้สาระชะมัดฮยอกแจว่าปะ”ฮยอกแจโค้งให้คนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม ก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้แล้วรีบก้มลงไม่ได้สนใจคำพูดยูอีเลยซักนิด ทำไมนะ ถึงเห็นหน้าแต่เพียงชั่ววูบ ฮยอกแจก็สัมผัสได้ว่าพี่ชายเพื่อนของตน ช่างมีเสน่ห์เหลือล้น
“อย่าพูดมากน่ายูอี”
“อะไรเล่าพี่ทงเฮ ไปเถอะฮยอกแจ ป่านนี้โดนแซงแล้วมั้ง”พูดจบก็จัดการลากเพื่อนตัวเล็กไปยังที่นั่งที่คนตัวเล็กเพิ่งเดินจากมา ทงเฮที่เดินตามมาข้างหลังได้แต่อมยิ้มมุมปากอยู่คนเดียว
ทำไมถึงรู้สึกว่าเพื่อนน้องสาวคนนี้
น่ารักจัง
เสน่ห์ของการมาดูคอนเสิร์ตนอกจากจะได้ดูศิลปินที่ตนชอบ บรรยากาศน่างานก็เป็นสิ่งนึงที่น่าจดจำเช่นกัน การเห็นผู้คนมากมายหลายวัยมารวมตัวกัน บ้างก็มีการนัดทำกิจกรรมของแต่ละบ้าน ถ่ายรูป แจกของ อีกอย่างนึงที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เลยก็คือตลอดนัดหน้าคอน
“คนเยอะขนาดนี้แน่ใจหรอว่าจะเดินหนะยูอี”คนตัวเล็กถามเพื่อนด้วยเสียงแผ่วเบา ใช่ว่าตนจะเป็นคุณหนูถึงขนาดเดินที่แบบนี้ไม่ได้ แต่รอตอนคนน้อยแล้วค่อยมาเดินไม่ดีกว่าหรอ ตอนนี้คนมันเยอะมากเลยนะ
“อะไรกันฮยอก น่าสนุกดีออก ไปเร็ว นางยังไม่มีผ้าเชียร์เลยไม่ใช่หรอ จะลงหลุมทั้งที อุปกรณ์ต้องจัดเต็มสิ”
“ก็ได้”พอตกลงกันเสร็จ ร่างเล็กทั้งสองก็ลากกันเข้าไปในโซนที่จัดไว้สำหรับขายของ โดยดีร่างสูงของทงเฮเดินตามดูทั้งสองอย่างเงียบๆไม่ได้ขัดอะไร
ฮยอกแจกับยูอีเดินดูของโน่นนี่ไปเรื่อยๆ ถูกใจก็ซื้อ แต่ก่อนจะซื้อก็มีการเปรียบเทียบราคากันนิดนึง ถึงจะเก็บตังมานานเพื่องานนี้ แต่ยังไงก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มที่สุดละนะ
“เอ๊ะ นั่นฮยอนอานี่”ระหว่างที่กำลังเดินเลือกของกันอยู่ ยูอีก็พูดขึ้นพร้อมมองไปที่สาวสวยที่เดินอยู่อีกด้านของตลาด ฮยอกแจมองตามแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะไม่รู้จักหญิงสาวคนนั้น
“ใครหรอ”
“เพื่อนเราเอง รู้จักตอนไปมีทครั้งที่แล้ว เอางี้ ฮยอกแจรออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวเราไปหาเพื่อนก่อน”
“แต่”
“เอาน่า เราไปแป๊บเดียว พี่ทงเฮเดี๋ยวยูอีมา ฝากฮยอกแจแป๊บนะ”ยูอีจัดการดันฮยอกแจไปทางพี่ชายตนเอง ก่อนวิ่งดุ๊กดิ๊กหายเข้าในฝูงชน ยังไม่ทันจะฟังคำปฏิเสธของฮยอกแจด้วยซ้ำ
เค้ากับพี่ชายยูอีไม่ได้สนิทกันซะหน่อย ให้อยู่ด้วยกันมันรู้สึกแปลกๆอะ
“ยูอีก็ดื้อแบบนี้แหละ ไม่ค่อยฟังใคร พูดเองเออเอง ฮยอกแจไม่ว่าอะไรใช่มั๊ย”ร่างสูงเอ่ยถาม พล่างเดินเข้าใกล้ร่างบางขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางที่ดูเกร็งของฮยอกแจทำเค้าเอ็นดูมากเลยทีเดียว
“ไม่หรอกครับ ถึงยูอีจะพูดเองเออเอง แต่ยูอีก็เป็นเพื่อนที่ดี”คนตัวเล็กยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ยูอีคอยช่วยเหลือตนเอง โดยไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มสวยนั้นตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนเข้าแล้ว
“ครับ แล้วนี่ฮยอกแจอยากได้อะไรอีกรึเปล่า อีกไปเดินเล่นข้างนอกมั้ยคนจะได้ไม่เยอะ”ทงเฮถามขึ้น ไม่รู้ว่าหวังดีหรืออยากหาเรื่องอยู่กับคนตัวเล็กกันแน่
“แต่ยูอีบอกให้รอ”
“ไม่รู้รึไง เวลาสาวๆเค้าเจอกัน เรื่องเม้าจะเยอะมาก ถ้าให้เดาคงตามกันไปเม้าต่ออีกยาว ไปเดินเล่นตรงสวนแถวโน้นเถอะ”
“แต่ว่า”
“เชื่อพี่นะครับ”พี่จบคำ มือหนาก็คว้าเอามือบางของฮยอกแจจับไว้แล้วพาเดินออกจากพื้นที่คนชุกชุมเช่นนี้ โดนเจ้าของมือก็ไม่กว้าจะพูดขัดอะไร เพราะแค่คุมจังหวะหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นดังจนกลัวอีกคนจะได้ยินก็ทำได้ยากแล้ว
บริเวรด้านหน้าฮอลล์ที่ถูกจัดให้มีลักษณะเป็นสวน มีเหล่าผู้คนที่มารอเข้าชมคอนเสิร์ตนั่งอยู่ประปราย หนึ่งในนั่นเป็นร่างเล็กของฮยอกแจที่นั่งตัวเกร็ง โดยมีเจ้าของใบหน้าหล่อพี่ชายเพื่อนสนิทนั่งข้างๆ คอยแอบลอบมองใบหน้าน่ารักอย่างเอ็นดู
“ฮยอกแจรู้จักยูอีได้ยังไงหรอ”ทงเฮที่อยากได้ยินเสียงหวานๆของคนข้างๆเอ่ยถามขึ้น คนที่ดูน่ารักเป็นธรรมชาติแบบฮยอกแจ ดูไม่เหมาะกับอาการเกร็งๆแบบนี้เท่าไหร่ ทงเฮจึงพยายามพูดคุยให้น้องหายเกร็ง
“รู้จักในทวิตครับ ผมเมนพี่ฮันคยอง ยูอีเมนพี่ฮีชอล แล้วเราก็ชอบจิ้นคู่ฮันชอลเหมือนกันเลยคุยกันถูกคอ ยิ่งอายุเท่ากันด้วย จากนั้นก็มีนัดเจอกันตามงานต่างๆ ยูอีคุยเก่ง ชวนผมคุยเรื่อยๆเลยทำให้เราไม่ค่อยมีระยะห่างกันมากนัก จนตอนนี้ก็รู้จักกันมาเกือบสี่พี่แล้วครับ....เอ่อ พี่ทงเฮเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
ฮยอกแจถามเพื่อความแน่ใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบไป หรือว่าเค้าพูดมากไปเลยทำให้อีกคนรำคาญ
“เปล่าครับ พี่แค่อยากตั้งใจฟังเราพูด เราดูเป็นคนพูดน้อยนะ แต่เวลาพูดดู....”
“……น่ารักมาก”
ฉ่า
คนตัวเล็กที่เคยโดนชมตรงๆถึงกับไปไม่เป็น รู้สึกร้อนวูบกับถ้อยคำนั้นอย่างไม่เคยเป็น ดวงตาเรียวรีกระพริบถี่ๆ ริมฝีปากเม้มแน่น ส่วนใบหน้าขาวสุดใสตอนนี้มันแดงรามไปหมด เป็นอาการเขินที่น่ารักมากในสายตาทงเฮ
“เฮ่ พี่ทงเฮ ฮยอกแจ ตามหาตั้งนานมานั่งกันอยู่นี่เอง”เหมือนพระเจ้าจะรู้ว่าฮยอกแจกำลังทำตัวไปถูกจึงได้ส่งยูอีมาช่วยไว้ทันเวลา
“ก็ข้างในมันร้อนนี่ ดูเพื่อนเราตัวเล็กนิดเดียวในไปยืนเบียดกับคนอื่นอยู่ได้”ทงเฮตอบทันที พลางส่งสายตาห่วงใยอยากเห็นได้ชัดไปให้อีกคน ฮยอกแจเองได้แต่ก้มหน้าซ่อนอาการเขินอายของตนเอง
“จริงด้วยแฮะ โอ๊ะดูสิ หน้าฮยอกแจแดงมากเลย ร้อนหรอ ย๊า ยูอีขอโทษนะ ปะๆไปนั่งพักข้างในร่มเถอะ เที่ยงแล้วด้วยจะได้ไปกินข้าวกันด้วย”
“อื้อ เอางั้นก็ได้”
บริเวรหน้าประตูทางเข้าที่ถูกเปลี่ยนเป็นห้องนอนในบรรดาเอลฟ์ทั้งหลาย ถูกเนรมิตอีกครั้ง ให้กลายเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ ยูอี ฮยอกแจ และทงเฮเองก็เช่นกัน ตอนนี้ทั้งสามนั่งตั้งวงกินข้าวอยู่ที่พื้นไม่ต่างจากคนอื่นๆ
“ว๊าว ข้าวฮยอกแจน่ากินจัง”ทันทีที่เปิดกล่องอาหารที่นัดกันไว้ว่าจะเตรียมมาขึ้น ยูอีก็ร้องทักขึ้นตาแบบฉบับตน ฮยอกแจได้แต่ส่งยิ้มเห่ยๆให้ ก็ยูอีพูดแต่ละทีคนมองแทบทั้งบริเวรเลย
“กินด้วยกันสิ เราทำมาเผื่อยูอีด้วย”ฮยอกแจพูด ที่พูดไปไม่ได้กะเอาหน้า แต่ตนทำมาเผื่อเพื่อนสาวพูดเก่งคนนี้จริงๆนั้นแหละ
“ฮยอกแจอ่า น่ารักที่สุดเลย”
“ใครเตรียมอาหารให้หรอฮยอกแจ”อีกคนที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้น ให้ตรงๆคือเค้าอยากคุยกับคนตัวเล็กบ้าง
“ทำเองครับ ตื่นมาทำก่อนมาที่นี่”
“อ่อ”ทงเฮพยักหน้าเข้าใจ ไม่แปลกใจที่ได้ยินคำตอบเช่นนี้ กริยาเรียบร้อยน่ารักแบบฮยอกแจกับการทำอาหารดูน่าเข้ากันชะมัด ถึงฮยอกแจจะไม่ใช่ผู้ชายก็เถอะ
“พี่ทงเฮไม่รู้อะไร เห็นเป็นผู้ชายฮยอกแจทำอาหารเก่งมากเลยนะ ทำงานฝีมือก็เก่ง เรียนก็เก่ง ยูอีอะเคยไปส่องเฟซฮยอกอยู่บ่อยๆเห็นรูปที่ไปแข่งโน่นนี่เยอะแยะเต็มไปหมด”
“ส่วนเรื่องนิสัยนี่ก็ดีแสนดี เรียบร้อยน่ารัก ดูบอบบางน่าปกป้อง ส่วนหน้าตานี่ก็ อย่าให้พูดเลยเถอะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนน่ารักเท่านี้เลย ถ้าใครได้ฮยอกแจเป็นแฟนนะ ต้องโชคดีที่สุดในโลกแน่ๆ”
ยูอีพูดแล้วทำหน้าเพ้อฝัน ส่วนฮยอกแจก็ได้แต่เอามือปิดปากเพื่อนไว้ เค้าไม่ได้ดีขนาดนั้นซะหน่อย พูดแบบนั้นเดี๋ยวพี่ทงเฮก็หาว่าเค้าหลงตัวเองพอดี
“ยูอีอย่าเอาอิมเมจเคะที่ชอบอ่านมาเพ้อใส่เราน่า เราไม่ได้น่ารักขนาดนั้นซะหน่อย”
“พี่ว่ายูอีพูดถูกทุกอย่างเลยนะ”ร่างสูงพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นคนน่ารักเริ่มแสดงท่าทางไม่มั่นใจ ฮยอกแจดูเป็นคนขี้อาย ผิดกับน้องสาวเค้าโดนสิ้นเชิง
“เห็นมะ เราบอกแล้ว เออนี่ลืมเลย พี่ทงเฮฮยอกแจเค้าอยากเรียนแพทย์แหนะ ถ้าฮยอกแจมีไรปรึกษาพี่ทงเฮก็ได้นะ”ยูอีบอกเมื่อนึกถึงเหตุผลที่ช่วงนี้ไม่เห็นฮยอกแจมาทวิตอะไรเลย เพราะมัวแต่เตรียมตัวในการสอบเข้ามหาลัยมาเกือบๆปีแล้ว
“ฮยอกแจก็อยากเรียนหมอหรอ”
“อ่าใช่ครับ นี่พี่ทงเฮ…”
“ครับ ผมนศพ.ชเวทงเฮ”
“อ่า”ฮยอกแจเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ผู้ชายตรงหน้าเค้าไม่ได้มีดีแค่หล่อจริงๆ พอคิดว่าพี่ทงเฮเรียนหมอ สมองก็พาจินตนาการไปถึงตอนที่ร่างสูงใส่เสื้อกราวแล้วคนที่หลงใหลในอาชีพนี้ยิ่งปลื้มไปกันใหญ่
ว่าแต่ ถ้าคุณหมอมีแฟนเป็นคุณหมอเหมือนกัน จะดูแปลกๆมั๊ยนะ
“ฮยอกแจ!!”
“ห้ะ อะไรนะ”ฮยอกแจสะดุ้งกับเสียงเรียบของยูอี ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังคุยกับเพื่อนอยู่ แต่กลับเพ้อไปเรื่องอื่นซะไกล แล้วไอ้ที่เค้าคิดเมื่อกี้อีก
บ้าจริงเลยฮยอกแจ
“เป็นอะไรรึเปล่า ดูเหม่อๆนะเรา”ทงเฮพูดด้วยความเป็นห่วง มือแกร่งเอื้อมไปอังหน้าฝากอีกคน เช็ดดูว่ามีไข้รึเปล่า ทำเอาคนที่ถูกสัมผัสสะดุ้งและรีบถอยหนีเพราะความไม่คุ้นชิน
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”
“อื้ม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ถ้ารู้สึกไม่โอเคบอกพี่นะ ตัวยิ่งเล็กๆอยู่”
“ครับ”
ฮยอกแจรับคำคนอายุมากกว่าแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ส่วนอีกคนก็ได้แต่อมยิ้มกับความน่ารักของเพื่อนน้องสาว โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าอีกคนที่เงียบไปกำลังจับผิดอะไรตัวเองอยู่
อ่า บางทีคนที่โชคดีที่สุดในโลก อาจจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเค้าก็ได้
ยูอีคิด
ว่ากันว่าตอนเรามีความสุข เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฮยอกแจเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่า คอนเสิร์ตที่รอคอนมาเป็นปีจบลงอย่างประทับใจ สร้างความสุข รอยยิ้ม น้ำตา และความทรงจำมากมาย
ฮยอกแจที่ตอนแรกกำลังโทรเรียกพ่อมารับ โดนขัดโดยทงเฮ โดยทงเฮยืนยันว่าจะไปส่ง ฮยอกแจเองก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะไหนๆแล้ว เค้าไม่สามารถยื้อเวลาจากกันระหว่างเค้ากับ SJ ได้ ก็ขอยื้อเวลาจากกันของเค้ากับพี่ทงเฮให้ได้หน่อยเถอะ
“เฮ้อ เวลาผ่านเร็วชะมัด รู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้”ยูอีพูดขึ้นมาลอยๆพร้อมมองออกไปที่หน้าต่าง
“นั่นสิ เดี๋ยวเราก็จากกันแล้ว”ฮยอกแจเอ่ยขึ้นบ้าง มักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เค้ากับยูอีเจอกันแล้วต้องจากกัน แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันมากมายกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะคนข้างหน้าที่นั่งประจำเบาะคนขับด้วยละมั้ง
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฮยอกแจพูดแบบนี้ถ้าเราร้องไห้ไปจำยังไง”
“ก็มันจริงนี่ ต้องคิดถึงมากแน่ๆเลย”คนน่ารักพูด ก่อนสายตาจะหันไปกระทบกับสายตาอีกคนที่จ้องตนอยู่ผ่านกระจกมองหลัง ฮยอกแจคิดไปเองรึเปล่าว่าสายตาทงเฮเองก็ดูเศร้าอยู่ไม่น้อย
ทั้งรถเงียบไม่มีใครพูดอะไรในขณะที่รถแล่นไปเรื่อยๆ ทงเฮกับฮยอกแจเองก็สบตากันไปเรื่อยๆจนถึงที่หมายเช่นกัน
เวลาสามทุ่มเศษๆ รถของทงเฮก็เลื่อนมาจอดหน้าบ้านฮยอกแจ พ่อแม่ของคนตัวเล็กออกมารับและกล่าวขอบคุณทงเฮที่มาส่ง ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะกอดลากันเป็นครั้งสุดท้าย ทงเฮเองอยากจะทำแบบนั้นบ้างแต่ก็ไม่ได้ เลยทำได้เพียงกอดคนน่ารักทางสายตาเท่านั้น
“ครั้งหน้าเจอกันใหม่นะฮยอกแจ”
“โอเค โชคดีนะยูอี ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่ทงเฮ เดินทางโดยสวัสดิภาพ”คนตัวเล็กพูดกับเพื่อนรักจบก็หันไปพูดกับพี่ชายเพื่อนต่อ พยายามทำเสียงให้ดูร่าเริงแต่สายตาดูไม่ทำตามเอาซะเลย
“ครับ แล้วหวังว่าเราจะพบกันอีก”
พอจบประโยค สองพี่น้องก็พากันขึ้นรถ เดินทางกลับบ้านซักที ฮยอกแจยืนมองรถคันงามวิ่งออกไปจนลับตาจึงหมุนตัวเข้าบ้าน อาบน้ำอาบท่าดั่งเช่นทุกวัน
การพบเจอครั้งนี้ ถึงจะสั้นแต่มันก็แสนจะประทับใจ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสพบกันอีกรึเปล่า แต่ฮยอกแจจะไม่ลืมวันนี้แน่ๆ.........
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
คนตัวเล็กที่กำลังนอนเขียนไดอารี่เล่มเล็กดั่งเช่นที่ทำทุกวันสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์ จัดการวางปากกาแล้วคว้าโทรศัพท์ของตนขึ้นมา หน้าจอปรากฏเบอร์แปลกๆที่ตนไม่รู้จัก แต่มือเรียวก็กดรับทันที
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”ถึงเบอร์โทรจะเป็นเบอร์ส่วนตัว ที่มีเฉพาะคนคุ้นเคยเท่านั้นที่รู้จัก แต่ฮยอกแจก็เลือกที่จะพูดจาอย่างสุภาพกับคนปลายสาย เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หากเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วเผลอพูดจาไม่ดีคงจะไม่เหมาะ
‘สวัสดีครับ ฮยอกแจรึเปล่า’เสียงนุ่มทุ้มดูน่าฟังที่ตอบกลับมาในโทรศัพท์ทำเอาคนน่ารักเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงอย่างมีความหวัง ภาพของใครบางคนที่ตนเพิ่งเจอลอยเข้ามาในหัว แต่ก็ยังไม่กล้าทำตัวแตกตื่น เพราะบางทีอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด
เค้าอาจจะคิดถึง จนเพ้อไปเอง
“ชะใช่ครับ แล้วนั่น....”
‘พี่เอง พี่ทงเฮ’ไม่ปล่อยให้ลุ้นรอคำตอบนาน อีกฝ่ายก็เฉลยขึ้นมา นอกจากวันนี้ฮยอกแจจะได้รู้จักกันคำว่าประทับใจที่สุดแล้ว ยังไม่รู้จักกันคำว่าดีใจที่สุดอีกด้วย
“คะครับ พี่ทงเฮ”แค่นั้น ฮยอกแจพูดได้มากสุดแค่นั้นจริงๆ เพราะตอนนี้หัวใจดวงเล็กมันเต้นแรงซะจนแทบจะควบคุมไม่ได้ มือด้านนึงกำโทรศัพท์แน่น ส่วนอีกด้านก็กำหมอนที่ใกล้ๆแน่นเช่นกัน
คิดว่าจะไม่มีโอกาสเจอ โอกาสติดต่อกันแล้วซะอีก
‘คือพี่แค่จะโทรมาบอกว่าพี่ถึงบ้านแล้วนะครับ’
“อ่า พี่เพิ่งถึงแต่ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ขอโทษนะครับ เสียเวลาเพราะผมแท้ๆ”ฮยอกแจว่าอย่างรู้สึกผิดเมื่อหันไปมองที่นาฬิกา เกือบเที่ยงคืน เพราะเค้าแท้ๆพี่ทงเฮคงเหนื่อยแย่
‘ไม่นะครับพี่ถึงซักพัก ที่โทรมาได้ไม่ได้มาพูดให้รู้สึกผิดนะ อย่าคิดแบบนั้นสิ พี่แค่จะโทรมาบอกว่า....’ฮยอกแจหายใจเข้าลึกๆรอฟังคำตอบอย่าลุ้นๆ
‘นี่เบอร์พี่นะครับ มีอะไรก็ติดต่อมาได้ ทั้งเรื่องเรียน แล้วก็เรื่องยูอี แล้วนี่ เบอร์ที่ฮยอกแจใช้ปกติใช่มั๊ย’
“ชะใช่ครับ”
‘ดีเลย ถ้าพี่จะติดต่อ ใช้เบอร์นี้ได้เลยใช่มั๊ย’
“ชะใช่ครับ”
‘แล้วถ้าพี่อยากจะจีบฮยอกแจ พี่โทรมาเบอร์นี้ได้มั๊ย’
>//////////////////<
คนตัวเล็กกำโทรศัพท์แน่นกว่าเดิมเป็นสองเท่า แก้มแดงปรั่งยิ่งกว่าเดิม ใครจะคิดว่าพี่ทงเฮจะโทรมาพูดแบบนี้ โอ๊ย ใจมันเต้นแรงจนจะระเบิดแล้วนะ
‘ได้มั๊ยครับ ฮยอกแจ’ไม่รู้ว่าอยากจะย้ำชัดๆหรืออยากจะแกล้งคนกำลังเขินกันแน่ ถึงต้องทำเสียงอบอุ่นขนาดนั้น นาทีนี้สิ่งเดียวที่ฮยอกแจทำได้คือจิกหมอน ทบทวนประโยคนั้นในหัว ก่อนจะรวบรวมความกล้าตอบออกไป
“กะก็ ถ้าไม่เปลืองตังพี่”
“ก็ได้ครับ”
จบ 55555555555555555555555
อย่าด่าเรา จริงๆมันดูไม่ค่อยจบ แต่เราอยากจบละ งั้นจบเถอะ 555555555555
ใครอ่านจบ ขอให้เจอแบบนี้บ้าง
ความคิดเห็น