สิ่งสุดท้าย - สิ่งสุดท้าย นิยาย สิ่งสุดท้าย : Dek-D.com - Writer

    สิ่งสุดท้าย

    หากยังมีลมหายใจอยู่ คนเราก็ควรที่จะต่อสู้ต่อไป...

    ผู้เข้าชมรวม

    104

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    104

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ค. 56 / 20:54 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

       

      สวนสาธารณะอันแสนสงบแห่งนี้ มีน้ำพุขนาดใหญ่อยู่บริเวณชายกลาง ด้านข้างหนึ่งติดกับถนน ส่วนอีกข้างนั้นติดกับทะเลสาบที่มีรั้วกั้นอยู่ ผมทอดสายตามองออกไปที่ทะเลสาบอย่างเหม่อลอย ทำไมกันนะชีวิตของผมจึงต้องเป็นเช่นนี้ ผมมีภรรยา กับลูกสาวหนึ่งคน ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าเคยมี เมื่อหลายปีก่อนที่บ้านของผม เคยมีความสุข ผมมีภรรยาที่รักกับลูกสาวคนเก่ง เราเคยร่วมรับประทานอาหาร ไปเที่ยวด้วยกัน ร่วมหัวเราะมีความสุขด้วยกัน มีความทรงจำดีๆต่อกัน แต่แล้วในวันหนึ่งเธอก็เดินมาบอกกับผมว่า เธอเจอใครคนใหม่ที่ดีและร่ำรวยกว่าผม เธอบอกว่า เธอจะเอาลูกไปอยู่ด้วย จะได้ไม่ต้องจมปลักอยู่กับคนที่ไม่มีอนาคตอย่างผม และก็จริงอย่างที่เธอพูด ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็ถูกไล่ออกจากบริษัท และก็คงจะอีกไม่นาน ผมก็คงจะถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะไม่มีเงินเสียค่าเช่าเขา ใครบอกกันว่า เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง สำหรับทุกวันนี้เงินเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตคนเราไปเสียแล้ว บางคนยอมสูญเสียศักดิ์ศรีไป เสียความเป็นตัวของตัวเอง เพียงเพื่อคำว่า เงิน ผมคิดไปต่างๆนาๆ นึกโทษโชคชะตาที่กลั่นแกล้งชีวิตของผม โทษฟ้าดิน โทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตผมเป็นเช่นนี้ และสุดท้ายก็โทษตัวเองที่ไม่พยายามสร้างอนาคตให้กับตัวเอง และครอบครัว ผมคิดโน้นคิดนี่ไปเรื่อยๆ จนสักพักก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งใกล้กับผม ร่างชรานั้น มีสีผมที่ขาวโพลน ผิวหนังเหี่ยวย่น นัยน์ตาสีน้ำข้าวนั้นฟ่าฟาง เนื่องจากโรคต้อชนิดหนึ่ง หลังโก่งงอ ในมือของชายชรานั้น ถือกีตาร์ไว้ในมือ เขาหันมายิ้มกับผม ก่อนจะถามผมว่า

                “พ่อหนุ่มเป็นอะไรรึ หน้าตาหม่นหมองเชียว

              ไม่มีอะไรหรอกครับผมตอบพลางก้มหน้าลง ขนาดชายชรายังมองออกเลยหรือว่า ผมกำลังทุกข์ใจอยู่

              ถ้ามีปัญหาอะไรก็เล่าให้ลุงฟังเถอะ ลุงยินดีที่จะช่วยเหลือ เพราะลุงเองก็เคยมีปัญหาเหมือนกันลุงพูดพลางวางกีตาร์ไว้ข้างตัว ผมนึกสงสัยในคำของลุง จึงถามขึ้น

              ปัญหาอะไรหรือครับลุง

                “เมื่อก่อนอะนะ ครอบครัวของลุงร่ำรวยมาก จนถึงวันหนึ่งที่บ้านของลุงถูกฟ้องล้มละลาย ตอนนั้นชีวิตของลุงแย่มากเลยพ่อหนุ่มรู้ไหมลุงหยุดเล่าแล้วหันมามองผม ซึ่งตั้งใจฟังแต่โดยดี แล้วจึงเริ่มเล่าต่อ

              ภรรยาของลุงเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ตอนนั้นหัวใจของลุงแทบสลายเลย ลูกชายของลุงก็เอาแต่เที่ยวเตร่

              แล้วลุงทำอย่างไรครับผมรีบขัดการเล่าของลุง ซึ่งทำให้ลุงหัวเราะออกมา

              ตอนนั้นลุงคิด...ลุงคิดว่าลุงจะฆ่าตัวตาย ลุงจะหนีปัญหาหนี้สิน หนีปัญหาเรื่องลูก หนีทุกสิ่งทุกอย่าง โดยการจบชีวิตตัวเองไปซะ แต่ก็นั่นแหละวันที่ลุงจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายตรงนี้แหละตรงที่เรากำลังนั่งอยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาลุง เขาถามกับลุงว่า ทำไมต้องฆ่าตัวตายลุงพูดพลางชี้นิ้วไปที่ทะเลสาบที่มีรั้วกั้นอยู่ตรงหน้า

              แล้วลุงตอบว่าอย่างไรล่ะครับผมหันหน้าเข้าหาลุงคนนั้นอย่างเต็มตัว

              ลุงบอกว่า ชีวิตลุงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เขาถามใหม่ว่า แล้วครอบครัวล่ะ ลุงก็ตอบอย่างที่บอกพ่อหนุ่ม ภรรยาเป็นมะเร็ง ลูกเกเร ลุงไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วลุงนิ่งไปสักพัก แล้วจึงเริ่มเล่าต่อ ตอนนี้ผมสังเกตเห็นว่า ที่ตาและจมูกของลุงแกเริ่มแดงขึ้น และอีกไม่นานก็คงจะร้องไห้ออกมา

              เขาบอกกับลุงว่า แล้วถ้าลุงฆ่าตัวตายไป ใครจะดูแลลูกเมียล่ะฐานะเงินทอง เรายังสามารถหาใหม่ได้ แต่ลูกเมียที่เรารัก เราจะไม่สามารถหาใหม่มาจากไหนที่จะเหมือนเก่าได้อีก บางทีหากลุงกลับบ้านไป อาจจะเจอกับลูกเมียรออยู่ก็ได้ เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อหนุ่มรู้ไหมว่าลุงทำอย่างไรลุงหันมาถามผมอีกครั้ง และเป็นจริงดังที่คิด ชายชราตรงหน้าผมร้องไห้ออกมา แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้านั้น

              ลุงวิ่งกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว และก็จริงอย่างที่ชายคนนั้นพูด ภรรยากับลูกของลุงนั่งรอลุงอยู่ เมื่อเห็นลุงก็เข้ามาถามอย่างเป็นห่วง ลุงวิ่งเข้าไปกอดทั้งคู่ไว้และสัญญาว่าจะดูแลทั้งคู่ให้ดีที่สุดลุงหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วยกกีตาร์ข้างตัวขึ้นมา ผมคิดตามที่ลุงพูด และก็คิดขึ้นได้ว่า ในโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ผมเท่านั้นที่มีปัญหาชีวิต ยังมีคนอีกมากมายที่มีปัญหาและบางทีอาจจะหนักหนากว่าผมก็ได้ แต่เขาก็ยังคงสู้ต่อไปได้ แล้วทำไมผมถึงไม่ยอมต่อสู้ เพื่ออนาคตของผมล่ะ ผมเอาเวลาที่มานั่งคิดท้อแท้กับชีวิตอยู่นี้ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ๆ ทำงานใหม่ๆ คิดได้ดังนั้นผมบอกขอบคุณชายชราข้างๆที่ทำให้ผมคิดได้ แล้วลุกขึ้นวิ่งออกไป พร้อมกับที่เสียงร้องและเสียงกีตาร์ของลุงบรรเลงขึ้น เป็นทำนองช้าๆ

              น้ำตาเธอหลั่งริน สูญสิ้นหมดทุกสิ้น

      จะพ่ายแพ้ความจริง เหมือนคนไร้ค่า

      พายุพัดพาชีวิต แหลกสลายลงในพริบตา

      จะพร้อมที่จะลาหลับใหลชั่วนิรันดร์

              เหมือนว่าเธอไม่เหลือที่พึ่งใดๆ

      ทั้งที่เธอยังเหลือสิ่งที่ยิ่งใหญ่

      สิ่งที่มีความหมายมากมายกับเธอ

              อย่างน้อยก็เหลือหัวใจ ที่มันยังคงเต้นอยู่

      บอกให้รู้และเตือนว่าเธอยังไม่ตาย

      หกล้มก็ลุกขึ้นยืน เจ็บปวดก็ทนเอาไว้

      แม้ว่าเธอไม่เหลืออะไร เหลือเพียงหัวใจดวงนี้

      ก็เพียงพอแล้ว...

              เราไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมจำนน

      คนทุกคนยังเหลือสิ่งที่ยิ่งใหญ่

      วันนี้มันจะเป็นยังไง ต้องไม่ยอมแพ้

      วันนี้เราจะเดินไป ไม่ท้อไม่ยอมแพ้...

              แล้วคุณที่กำลังท้ออยู่ล่ะ พร้อมหรือยังที่จะลุกขึ้นยืนสู้ใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ขอแค่วันนี้เราทำให้ดีที่สุดแล้ว เราก็จะไม่มีวันเสียใจทีหลัง ถึงแม้จะล้มลงกี่ครั้ง เราก็จะสามารถลุกขึ้นสู้มันได้ เพราะไม่ว่าเราจะสูญเสียอะไรไปแค่ไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่จะอยู่กับเราไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ก็คือ หัวใจที่แข็งแกร่งดวงนี้ ที่พร้อมจะลุกขึ้นเผชิญกับปัญหาทุกๆอย่าง

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×