ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #60 : CHAPTER 59 ตรงสู่บ้านเกิด (ภาคปลาย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.47K
      15
      28 ม.ค. 55



     

     

     

                    พระอาทิตย์ตกดินแล้วตอนที่เราเข้าภาคเหนือ(เป็นการเดินทางที่ช้านรก....-___-'')  หลงบ้าง  กลับรถบ้าง  บลาๆๆ  กว่าจะมาถูกทาง(..เพราะตามรถบัสกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มา....)

                    สีครามผิวปากสบายใจตอนขยับพวงมาลัยเลี้ยวตามโค้ง  แน่ละ..มีไกด์นำอยู่ด้านหน้าไม่ต้องกังวลอะไรนี่หว่า...  พอเห็นผมมองมันก็หันมายิ้มหวานๆให้ 

     

                    ผมเลยหยิกแก้มมันด้วยความหมั่นไส้ไปทึ "ยิ้มอารายยยยย"

                    "ฮ่าๆ  มีความสุขน่ะ..มากๆเลย"

                    หลังจากโดนรอยยิ้มบาดตานั่นกระแทกใส่อีกครั้งก็เลยยกหลังมือปาดข้างแก้มหลบสายตาจับผิดว่า..กูกำลังยิ้มอยู่..

                    ด้านหลังหลับกันหมดเรียบร้อย  เราเลยหรี่เพลงให้คลอเบาๆแทน

                    "เรียนคุณแม่ท่านไว้รึยังว่าจะพาเพื่อนไป?"

                    "..บอกไว้แล้ว..แม่ดีใจใหญ่..แต่บ้านกูเล็กอ่ะ  อาจจะนอนกันไม่พอ" ผมแอบบ่นเรื่องที่กังวลมาตลอดการเดินทาง

     

                    ถามว่าพื้นที่น่ะใหญ่มั้ย? ก็ใหญ่นะครับ..30กว่าไร่..แต่เป็นสวนซะส่วนใหญ่  โซนที่พักอาศัยมีอยู่เท่าตูดเป็ด......นอกจากกล้วยไม้แล้วจะปลูกผลิตภัณฑ์เกษตรไว้กินเองด้วยน่ะครับ(เพื่อลดรายจ่าย)

                    ..แต่เดิมแล้วปู่ผมก็เป็นคนใหญ่คนโตครับ  พื้นที่มีเป็นร้อยไร่..พอท่านเสียพ่อผมก็ขึ้นรับมรดก...แต่จู่ๆน้องชายของพ่อที่หายไปตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นก็กลับมา  พร้อมหนี้สินจำนวนมหาศาลดังกล่าว...เลยต้องขายที่ทอดตลาดบ้าง  เปิดเช่าบ้าง..เพราะงั้นก็ไม่ได้จนตั้งแต่แรกแล้วล่ะ..

     

                    ปริ้นๆ!!

     

                    เสียงบีบแตรรถคันด้านข้างดังขึ้นเรียกความสนใจของเราไปครับ  รถยนต์ที่ผมไม่ทราบรุ่นสีดำสนิทคันนึงวิ่งมาเทียบเรา  หน้าต่างรถเปิดออกเผยหน้าของผู้ชายคนหนึ่งที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง

                    "ใครอ่ะ?"

                    "ไม่รู้เหมือนกัน..."

                    สีครามตอบผมแล้วกดเปิดกระจกรถบ้างเพื่อรอฟัง

     

     

                    แต่สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้นครับ....

     

     

                    กระดาษแผ่นใหญ่เขียนคำว่า 'จอดรถ' ถูกชูขึ้นมาให้ทั้งผม(ที่ชะโงกไปดู)และคนข้างๆเห็นชัดๆ

                    พร้อมวัตถุสีดำมะเมื่อมที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตากับมันอย่างดีในมืออีกฝ่าย..

     

                    ..ปลายของมันยังอยู่ในตัวรถคันนั้น..แต่ปากกระบอกพุ่งตรงมาที่พวกผมแสดงเป้าหมายอย่างชัดเจน....

     

     

     

                    ….ชิบหายแล้ว.....

     

     

     

                    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด..........!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

                    เบรคที่ถูกเหยียบจนมิดทำเอาหัวผมโขกคอนโซลหน้ารถอย่างช่วยไม่ได้  ตามมาด้วยเสียงตุ๊บตั๊บจากข้างหลังเพราะข้าวของเอนเอียงหล่นกระจาย

     

                    ผมเงยหน้าขึ้นมาพบว่ารถคันดังกล่าวกำลังจะเบรคเหมือนกัน  แต่สีครามก็กดเปลี่ยนเกียร์แล้วพุ่งตรงไปด้านหน้าซิ่งหนีทันที...ยังดีที่ไม่ค่อยมีรถคันอื่นตามหลังมา

                    "เฮ้ยยยยยยย"

                    "ไรวะ! เกิดอะไรขึ้น!?!"

     

                    ผมเองก็ตอบคำถามของพวกมัน(ที่ตะโกนจากข้างหลัง)ไม่ได้เหมือนกัน...

     

                    "กานดา! โทรศัพท์!!"

                    เสียงหมอนั่นตะคอกสั่ง  ซึ่งผมก็ไม่มีเวลาน้อยใจกับเสียงดังๆนั่นหรอก

                    ผมคว้ามือถือด้วยมือที่สั่นระริก  รู้สึกว่าหัวตัวเองคงจะโนเพราะกระแทกเมื่อครู่แน่ๆ

                    "หาใคร? หาใคร?"

                    "..พี่ดาวเสาร์!"

                    ปิ๊บๆๆๆ

                    อยู่ดีๆเหงื่อก็ไหลออกมาจากที่ไหนไม่รู้ตั้งมากมาย

                    ผมกดโทรออกหาคนเดียวที่น่าจะช่วยพวกเราได้...

     

                    ตรู๊ดดดดดด..ตรู๊ดดดดดดดดดดดด.....

     

                    "ติดมั้ย?"

                    "ไม่..ไม่ติด...ไม่รับ...."

                    "ว้อย!"

                    มองผ่านทางกระจกข้าง  ไฟหน้ารถดังกล่าวยังตามมาแบบไกลๆ..

                    "เร็วกว่านี้ไม่ได้! เราไม่ชินทาง!!!"

                    "รู้แล้ว  รู้แล้ว" สีครามตอบผมเสียงต่ำ  มือใหญ่กำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดสีเขียวขึ้น "กานดา  คาดเข็มขัด"

                    ผมทำตามอย่างว่าง่าย  ทั้งๆที่รู้สึกว่าตัวสั่น..

     

                    ภายในรูกระบอกปืนมันมืด..ดำมืดกว่าผิวหนังด้านนอกมาก..

                    จนแทบไม่อาจจินตนาการออกได้เลยว่าอะไรที่จะออกมาจากปล้องนั้น..ถ้าหากว่าไม่เคยได้รับ 'ความเจ็บปวด' มาแล้วครั้งหนึ่ง...

     

     

                    ….ตัวสั่น.....

     

                    สีครามเหลือบมามองผม..แต่มือเขาไม่อาจละออกมาจากพวงมาลัยได้...

     

                    "…ไม่เป็นไร...กานดา…ไม่เป็นไร...."

                    "พวกมัน...พวกมันเป็นใคร?"

                    "……ไม่เป็นไรครับ...ใจเย็นๆนะ....โทรหาพี่ดาวเสาร์ก่อน..." เขาพร่ำบอกผม "...ไม่เป็นไร...ทุกคนอยู่ตรงนี้  ใจเย็นๆนะ.."

                    ผมพยักหน้าตามที่เขาบอก  พยายามกดเบอร์โทรออกซ้ำๆกันหลายๆรอบ

                    "…พวกมันหรอ?"

                    เสียงไอ้ไวน์ถามขึ้นจากด้านหลัง

                    "…..คงงั้น......พวกมึงคาดเข็มขัดกันซะ  ไอ้บูม...พี่สิญจน์...."

                    "กูกำลังโทรอยู่"

     

                    เข็มวัดความเร็วชี้อยู่ระหว่าง120-140...

                    สำหรับผม..ผมว่ามันมากเกิน...

     

                    …..แต่…ไฟของรถคันดังกล่าวกลับตามมาเรื่อยๆ...

     

     

                    "…เดี๋ยวนะ.........นี่เรากำลังโดนตามอยู่หรอ...!?!"

                    วุ่นมันร้องอย่างสรุปสถานการณ์ไม่ได้  ผมไม่รู้หรอกว่ามันคาดเข็มขัดรึเปล่า...เพียงแค่พยายามฟังเสียง ตรู๊ดดด ตรู๊ดดดดด เท่านั้น…

                    "…จังหวัดอะไรแล้ว??"

                    "…….ลำปาง……….."

                    "เชรี้ยเอ้ย!! อีกตั้ง2-3ชั่วโมง..!!!"

                    ..มีหลายคนเริ่มสติแตก..

     

                    "ใจเย็นๆ! ฟังนะ...อีก30กิโลจะมีด่านตรวจความเร็ว!" กลอนร้องบอก  มันคงจะมีมือถือรายงานหรืออะไรสักอย่างน่ะแหละ..

                    "พูดจริงใช่มั้ย?"

                    "จริงดิ! ตามทางหลักเนี่ยแหละ....เอาให้รอด....!!!"

     

                    "…..แต่กูว่าไม่แน่........."

                    สีครามพูดขึ้นพร้อมเกร็งมือที่จับพวงมาลัยแน่น..

                    "..พวกมันมีปืน.."

     

                    ..คำ..ที่ทำเอาบรรยากาศภายในรถอื้อลงทันควัน..

     

     

                    ผมกลืนน้ำลายกับคำพูดบอกเหตุการณ์นั้น  อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดหวั่นใจมากกว่า..แต่เพราะเรายังเป็นวัยรุ่น..แบกรับคนเดียวมันคงไม่ได้ช่วยอะไร..สีครามคงเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว..

     

                    "คุณพระช่วย" ไอ้จิ๊บพูดเสียงเบา "…นี่พวกมึงเจอเรื่องแบบนี้กันมาตลอดเลยหรอ...?"

     

                    ..ความคิดมันทำให้ผมอึ้งไปพอตัว..

                    แทนที่จะหวั่นใจว่ากำลังจะตายห่า  มันยังมีหนังหน้ามาขุดคุ้ยเรื่องอดีตเพื่อเป็นห่วงพวกผม..

     

                    "ถ้า..ถ้าอย่างนั้นมันคงไม่กล้าทำอะไร.." วุ่นเสนอขึ้นมาบ้าง  เสียงมันสั่นๆเหมือนกล้าๆกลัวๆ.. "ยังมีรถคันอื่นอยู่บ้าง...."

                    "..กลัวว่ามันจะสังหารหมู่แล้วพลีชีพตามน่ะสิ.."

                    "มึงอย่าพูดอะไรน่ากลัวๆแบบนั้นได้ป่ะ......"

     

     

                    '….สุดท้ายยยยยยยยยย......'

     

     

                    ปิ๊บ!!!

     

                    ทันทีที่ริงโทนโทรศัพท์ผมร้องออกมาผมก็กดรับด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ  แต่ปรากฏว่าคนที่โทรมาไม่ใช่พี่ดาวเสาร์ครับ..

     

                    "…แม่….."

                    ((เฮ้ย  นี่พ่อเอง  ตอนนี้อยู่ไหนแล้วเนี่ย?  หลงทางรึเปล่า?))

                    เสียงพ่อยังคงร่าเริงออกมาตามโทรศัพท์  ผมนึกภาพตอนที่เขาหัวเราะออกเลยล่ะครับ..

                    "..พ่อ..พ่อ……เดียร์…….." ผมเหลือบมองสีครามแว่บหนึ่ง "..เดียร์…ถูกไล่ตามอ่ะ......"

                    ((………..ไล่ตาม?.......นี่ลูกพูดถึงอะไร?))

     

                    "………มีรถขับตามมา...........เป็น 'พวกมัน'.........."

                    ผมไม่รู้ตัวว่าเสียงสั่นรึเปล่า..แต่สัมผัสได้ว่าน้ำตาไหลออกมาแล้ว...

                    "………ไม่รู้….ทำไมต้องเป็นพวกมันด้วยอ่ะ  เดียร์นึกว่าเรื่องจบไปแล้ว....เรื่องมันน่าจะจบไปแล้ว...พวกมันต้องการอะไร...ต้องการชีวิต..หรืออะไรกันแน่......"

     

                    ((เดียร์..ใจเย็นๆ  ฟังพ่อนะลูก))

                    "ฮะ..…"

                    ((ตอนนี้อยู่ไหน?))

                    "…ลำ..ลำปาง…."

                    ((…ถือโทรศัพท์ไว้นะ....นั่งรถอะไรกันมา..?))

                    "รถตู้..สีขาวฮะ"

                    ((…มองไปรอบๆสิ..เห็นอะไรบ้าง?..))

                    ผมมองตาม.. "ป่าครับ..ป่า..เพื่อนบอกว่าอีกสัก30กิโลจะถึงด่านตรวจ..."

                    ((…โอเค….พ่อเห็นแล้ว))

                    "เอ๊ะ??"

                    ((บอกสีครามว่าให้ชะลอรถ))

                    "….ห๊ะ?"

                    ((บอกไปเหอะ...))

                    ผมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วหันไปบอกคนข้างๆ "พ่อบอกให้ชะลอรถ.."

                    หมอนั่นเลิกคิ้วเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ..แต่ก็ยอมปล่อยเท้าออกจากคันเร่งแล้วเปลี่ยนเกียร์รับหน้าที่

     

     

                    ฟึบ!!!

     

                    ทันใดนั้นรถกระบะสีแดงคุ้นหน้าคุ้นตาก็ขับสวนเลนข้างๆไป  ผมชะงักแล้วรีบหมุนตัวมอง...บ้าเอ้ย!!!  นั่นมัน...........

     

                    ทุกคนในรถมองตามที่ผมมอง  เพราะมันค่อยข้างมืดและมีไฟอยู่เพียงไม่กี่ดวง..แต่เพราะสีที่สดมากของรถคันนั้นทำให้เห็นได้ลางๆในความมืด

                    จู่ๆมันก็หันเลี้ยวขวางถนนไว้ด้านหลังผม  ก่อนจะเดินเกียร์ถอยหลังปรื้ดเดียวหลบเลนพ้น  ส่วนไอ้คันที่ตามมาก็หักหลบด้วยความเร็วจนพุ่งทะยานลงข้างทางชนตู๊มกับผาเขา..

     

                    ตู๊ม!!!!

     

                    เศษชิ้นส่วนของรถด้านหน้าบี้แบนจนผมต้องยกมือปิดปากอุทานออกมาแทบไม่เป็นภาษา  สีครามชะลอรถจนรถจอดที่ข้างทางแล้วเปิดหน้าต่างชะโงกหน้าออกไปดู..

     

                    รถกระบะสีแดงคันที่ช่วยชีวิตพวกเรา(..แต่คงคร่าชีวิตอีกฝ่าย..)เลี้ยวกลับมาประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แล้วจอดเทียบข้างกับรถของเรา..

     

                    "..ฮ่วย  เกือบไม่ทันแล้วนะเนี่ย"

     

                    ..ใช่  หน้าตาคุ้นๆแบบนั้น..มีเพียงคิ้วเรียวที่มักขมวดบ่อยๆไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขนั่นเท่านั้นที่เหมือนผม..เค้าโครงหน้าส่วนใหญ่จะคล้ายพี่มายด์มากกว่า..ตบด้วยรอยยิ้มกว้างๆกับหนวดเคราบางๆนั่นแหละ...

                    ..ผู้ชายคนนั้นเอ่ยทักทาย..ตอนที่ผมกดวางโทรศัพท์...

     

     

                    ครับ…

     

                    ผู้ชายคนนั้นก็คือ.....

     

     

     

                    ..พ่อของผมเอง..

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    "ทำไมไม่บอกแม่ล่ะว่าหลงทาง! ดูสิกลับมาป่านนี้..เอ้าๆ  เข้าบ้านๆ  เหนื่อยสินะ?  แล้วนี่ทานอะไรกันมารึยัง?"

     

                    แม่วิ่งออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขาสั้นแบบที่ท่านชอบใส่  ผมตรงยาวสีอ่อนรวบเป็นมวยไว้ด้านหลัง..และไอ้คำพูดเชิงเอ็ดเมื่อครู่ก็แค่แสดงความเอ็นดูแบบที่เห็นปกติ

     

                    "สวัสดีครับแม่"

                    ผมยกมือไหว้  นั่นทำเอาพวกที่เหลือร้อง 'หวัดดีคร้าบบบ' ออกมายาวเป็นกระพรวน...

     

                    พ่อเอารถไปจอดข้างโอ่งน้ำ  สีครามก็เอารถตู้ไปต่อท้ายเหมือนกัน  แล้วจึงเดินกลับเข้ามา

                    บ้านผมเป็นบ้านผสมระหว่างบ้านไม้กับบ้านอิฐปูนครับ  เรือนไม้ใหญ่เป็นหลังเก่าแล้วมาต่อเติมอีกทีนึง  ก็ไม่ได้หรูเลิศสวยงามอะไรเว่อร์มากมายแต่ก็พออยู่ได้น่ะแหละ

                    "มึงบอกว่าแคบ..แต่กูว่ากว้างดีออก"

                    นั่นเป็นคำที่ไอ้กรังว่า

                    เราลากของกันมาตรงเก้าอี้ไม้ยาว  ช่วยแม่เอาของที่ฝากซื้อมาจากกรุงเทพฯเข้าไปเก็บในตู้  ทักทายคนงานที่ออกมารับผมนิดหน่อย

                    ป้าน้อยบอกว่าเด็กๆจะอยู่รอรับผมด้วย..แต่หลับกันไปหมดแล้ว (ก็มันห้าทุ่มแล้วน่ะ..)

                    "งั้นเดี๋ยวหนูสองคนไปนอนเรือนเล็กกับป้านะหนู"

                    "ค่า~" ไอ้จิ๊บไอ้วุ่นส่งเสียงจ้ะจ๋ารับแบบที่พวกผมไม่เคยเห็น  เลยทำท่าจะอาเจียนกันอยู่พักใหญ่น่ะแหละ

     

                    น้านงค์ยกน้ำมาให้ดื่มแก้กระหายตอนที่พวกเรากำลังทำตัวให้ชินกับบ้าน

     

                    "รู้งี้น่าให้พ่อขับไปรับเสียตั้งนานแล้ว" แม่ว่า "ขับกันมาเองแบบนี้น่ากลัวอันตรายตอนกลางคืนอยู่นะ"

                    "ก็เจอมาแล้วจ้ะแม่" พ่อตอบน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

                    "เจอ?"

                    "…พวกมันตามมา..."

                    คำพูดของพ่อทำให้แม่เงียบไปชั่วอึดใจ  แล้วกอดอกขมวดคิ้วมั่น

                    "หนอย! ไอ้พวกเวร!  เอาเถอะ..เข้าเขตเชียงใหม่ก็ไม่มีคนกล้าทำอะไรเราแล้วล่ะ!!  ล้มล้างให้หมดๆไปก็ไม่ได้..จองล้างจองผลาญกันอยู่นั่น..."

                    "..เคยมีคนบอกมั้ยว่ามึงเหมือนแม่?"

                    "…..บ่อยเลยล่ะ" ผมกระซิบตอบ

                    หลังจากสนทนากันได้ครู่หนึ่ง  ก็เห็นว่าสีครามง่วงแล้ว(..ไม่แสดงออกชัด..แต่ถ้ามันตาปรือๆน่ะใช่เลย)  พวกผมก็เลยจะขึ้นชั้นบนอาบน้ำนอนกัน  เลยแยกกับพวกสาวๆตรงนั้น..

     

                    ห้องของผมเป็นเตียงสองชั้นครับ  เพราะผมนอนกับพี่มายด์..แต่พอขึ้นม.ต้นก็ไปเรียนกรุงเทพฯแล้ว  เลยไม่ค่อยได้นอนห้องเดียวกันอีก....ในห้องก็เต็มไปด้วยชั้นหนังสือมากมายทั้งของผมและของพี่ปนๆกันไป  มากจนไอ้ตั๊มสบถออกมาอย่างไม่พอใจเชียวละ

                    เนื่องจากผมเป็นเจ้าบ้าน  ผมเลยนอนเตียงชั้นบน.......

                    แต่ก่อนที่มันจะได้เลือกอะไรกันต่อผมก็คว้าแขนไอ้ไวน์หมับ! แล้วบอกว่าผมจะนอนกับมันล่ะ...ไวน์มันก็เลยคว้าแขนผมตอบแล้วแทบจะกระโจนเข้าที่นอนพร้อมกัน

     

                    "เฮ้ยไอ้สัส!  ผัวเมียก็นอนด้วยกันดิวะ!!"

                    เอ็กซ์แม่งคว้าคอเสื้อไอ้ไวน์ไว้ได้ทันครับ  ไม่อยากจะหันไปถามจริงๆว่ามึงหมายถึงคู่ไหน....

                    "-เตียงมันแคบว้อยยยย กูนอนกับไวน์อ่ะถูกแล้ว!  แล้วก็ให้ไอ้ตั๊มกับไอ้กลอนนอนชั้นล่างไป..พวกตัวควายๆนอนฟูกล่างไปป่ะ..!!"

                    "……โหย  เซ็ง"

                    เอ็กซ์สบถหยาบๆออกมาอีกยาวเหยียดครับตอนที่ยอมนอนบนฟูก  มันอาบน้ำเหลืือเกงบอลตัวเดียวโปะแป้งเย็นจนหน้าท้องและแผ่นอกขาววอก -_-''  ส่วนคนอื่นๆก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกันมากนัก..

                    สำหรับอากาศแถวบ้านผมมันก็ออกจะเย็นๆนิดหน่อยครับ  แม่บอกว่าฝนเพิ่งหยุดตกไปเมื่อหัวค่ำ  อากาศเลยสบายดี..มีพัดลมเพดานหมุนอยู่บนหัวตัวเดียวเอาอยู่ทั้ง8ชีวิต.....

                    ………8?………….

                    ..ทำไมกูนับได้7วะ...?

     

                    ผมขมวดคิ้วตอนมองย้ำอีกรอบ "สีครามไปไหนวะ?"

                    "..มันอาบน้ำคนสุดท้ายน่ะ  น่าจะเสร็จได้แล้วมั้ง.." ไอ้กรังงัวเงียตอบกลับมา  คือตอนนี้มันใช้ขาไอ้เอ็กซ์เป็นหมอนข้างเรียบร้อยแล้วนะครับ..ท่านอนก็..อื้ม..พอตัว......

                    "นอนเหอะมึง  เดี๋ยวมันก็เข้ามาเอง" ไวน์ปลอบพลางผลักหัวผมลงนอน

     

                    ไอ้บูมเดินไปปิดไฟชึบ! ห้องมืดลงทั้งห้อง

                    ทุกคนทิ้งตัวเองลงในห้วงนิทราอย่างรวดเร็วเพราะเหนื่อยกันมาทั้งวัน...

     

                    แอด…

     

                    พอมีเสียงประตูเปิดอย่างแผ่วเบาที่สุดผมก็สะดุ้งเหลือบตาขึ้นมามอง

                    "สีคราม?"

                    "..ฮะ  โชคดีจังที่กานดายังไม่หลับ" เสียงทุ้มๆนั้นว่า  เขาขยับร่างปีนบันไดลิงขึ้นมายืนข้างเตียงชั้นสอง  แล้วเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

                    "หืม?"

                    "..ตรงไหนครับ..ที่เจ็บ?.." เขาถามเสียงแผ่ว "ทายาไว้ก่อน  เดี๋ยวจะโนนะ..ตะกี้ลงไปขอยากับคุณแม่ท่านมาน่ะ"

                    "ไม่เห็นต้อง..อะ!"

                    "ตรงนี้หรอ?  ขอโทษนะขอโทษ"

                    นิ้วอุ่นๆนั้นป้ายยามานวดเบาๆตรงที่ผมเจ็บ  เขาบอกว่ามันนูนๆขึ้นมานิดหน่อย

                    "..ตอนนั้นพวงมาลัยมันสั่น..เลยปล่อยมือมารับไม่ได้...ขอโทษนะครับ.."

                    "……….ไม่ใช่ความผิดของมึง...."

                    เขาไม่ได้เถียงอะไร "ปวดมากรึเปล่า?"

                    "….ไม่เท่าไหร่น่ะ.....ไปนอนได้แล้วไป......"

     

                    เขาหมุนฝาปิดหลอดยา  ก่อนจะโน้มหน้าลงมากดจูบลงบนหว่างคิ้วผมแน่นๆทีนึง

     

                    "..ราตรีสวัสดิ์นะครับ.."

     

     

     

     

                    เชื่อมั้ยว่าในที่สุดผมก็คิดได้.....

     

     

     

                    ....ผู้ชายคนนี้เป็น 'เจ้าชาย' จริงๆ…..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×