คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : CHAPTER 44 คนหน้าตาดีไม่สำบายยย
CHAPTER 44
คนหน้าตาดีไม่สำบายยย
พี่ปีใหม่กลับไปแล้ว..
พี่โตเข้าชั้นเรียนเรียบร้อยแล้ว..
ส่วนไอ้กลอน…..มานอนอยู่ข้างหลังห้องผมนี่แหละ…….
“กลนวิทย์ไปทำไรมา?”
อาจารย์กระซิบถามพวกเราราวกับจะไม่ให้ไอ้กลอนมันได้ยิน
ผมกับไอ้ไวน์มองหน้ากัน
“ไม่สบายครับ”
“แล้วไม่บอกเพื่อนให้ไปนอนห้องพยาบาล”
“..เตียงเต็มแล้วครับ”
“…แล้วนายเอกราช..เข้ามาทำไมน่ะ?”
“….รักอาจารย์ครับ อยากเรียนวิชานี้”
“ปั๊ด! เดี๋ยวปั๊ด! พวกเธอสองคนพอกันเลย ห้องเรียนมีไม่เข้าเรียน เฮ้อ” ‘จารย์แกก็ถามไปงั้นแหละ เดินกลับไปสอนที่หน้าห้องต่อ
ผมหันไปมองไอ้เอ็กซ์ ยังดีที่มันไม่ตอบไปตามตรง… ‘มาเฝ้าเมียครับ’ …ได้ฮือฮาในหมู่อาจารย์แน่ (แค่นี้ก็ดังจะตายห่านอยู่แล้ว..คู่นี้..) มันนั่งอยู่ข้างไอ้ไวน์อีกที ลากเก้าอี้คนอื่นมานั่งน่ะ โต๊ะเรียนเรากว้างกว่าโต๊ะเรียนโรงเรียนปกติเลยนั่งได้สบายหน่อย
ผมหันกลับมาเรียนเหมือนเดิม และคิดทบทวนอะไรบางอย่างในชีวิตไปด้วย ผมหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กที่ใช้จดเรื่องเล็กๆน้อยๆกันลืมออกมากาง แล้วลองทดเลขคร่าวๆเพื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเอง
สำหรับผม..วันนึงร้อยนึงอยู่ได้สบายๆ(ถึงแม้จะไม่ได้ข้าวเช้าข้าวกลางวันบ้านสีครามก็เหอะ)
รวมค่าหอค่าอะไรด้วย ตกเดือนละราวๆ8000…
ปีนึง..96,000….(เยอะว่ะ ผมเห็นตัวเลขแล้วเริ่มหน้าซีดลงอย่างเสียมิได้) ปกติผมจะทำงานพิเศษไปด้วยมันจะช่วยหักลบค่าใช้จ่าย แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วง2เดือนอันตราย..เลยห้ามทำ(เด็ดขาด..จากพี่ปีใหม่กับพี่สายสิญจน์)
อืม..เรื่องนั้นช่างมันก่อน…
เงิน3,300,000…..
ผมสามารถอยู่ได้ราวๆ33ปี…
……………เรียกว่าจนแก่เลยเอ้า!!
“มองใหม่”
ไอ้ไวน์เห็นผมเขียนแบบนั้นก็รื้อความคิด มันจิ้มๆดินสอกดลงกระดาษผม โยงไอ้ตัวเลขเหล่านั้นแล้วชี้ออกมาเขียนว่า ‘กานดา กาลโพธิ์’
แล้วมันก็พลิกอีกหน้า เขียนประกาศไว้ก่อนว่า ‘สีคราม โกสินทร์วิตรม’
จากนั้นก็ขีดย้ำๆๆๆๆๆๆหนักๆจนไส้หักตรงนามสกุลมัน แล้วเขียนเลข8แบบแนวนอนไว้ข้างล่างชื่อ วงกลมทั้งสองสัญลักษณ์ไว้ในกลุ่มเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ..มันขีดลากลูกศรออกมาเขียนว่า ‘3.3M’ แล้ววาดรูปขาคน..มีขนดกเยอะๆ….คือถ้าเล่นอักษรไขว้จะบอกได้ว่า….ขนหน้าแข้งดก….เท่ากับไม่ร่วงนั่นเอง…
ผมทำหน้าเหยเกใส่ไอ้ไวน์ แล้วตบกบาลมันไปที
“ไงมันก็เงิน..!”
“เพราะมึงเอาแต่คิดแบบนี้ไงเลยเครียด เอาเป็น..อนาคตค่อยใช้คืนมันล่ะกัน ถือว่าติดหนี้ ไม่ก็ยกยอดเป็นสินสอดไปป่ะ”
“ไอ้คืนน่ะกูคืนแน่ๆ…เพียงแค่กูต้องมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คืนได้ครบต่างหาก..หาไม่ได้ง่ายๆนะว้อย!”
“..งั้นมึงเปลี่ยนไปนอนอ้าขาให้สีครามมัน คิดครั้งละแสน..ป้าบๆๆ แปปเดียว..ครบ…”
โป๊ก!!!
“’จารย์ครับ เอกราชชวนเพื่อนคุย! ไล่มันออกไปเลย”
ผมมะเหงกมันทีนึงแล้วรีบยกมือบอกอาจารย์ มันแสร้งทำหน้าหงอยๆจนอาจารย์ต้องส่ายหน้า แต่ก็ยังไม่ยอมว่าอะไรมันสักแอะ ผมงี้อารมณ์เสีย..หงุดหงิด..โกรธจนหน้าแดงไปหมดแล้ว อาจารย์ยังไม่เข้าข้างมันอีก
ผมสะบัดตัวนิดหน่อยหมั่นไส้ไอ้คู่สามีภรรยาข้างๆ เลยหันไปสนทนาวิชาการกับลาล่าแทน ก็เหมือนปกติ..มียกมือถามอาจารย์บ้าง ปรึกษากันเองบ้าง ช่างเป็นวันเวลาปกติที่ผมไม่อยากสูญเสียไปจริงๆ
…….ไม่อยากสูญเสียเวลาเหล่านี้ไปจริงๆ……..
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
“เอาสมุดบัญชีมึงออกมา!!”
อย่าหาว่าผมใจร้งใจร้ายอะไรเลยครับ..หมอนั่นเพิ่งฟื้นไข้ก็จริง แต่ตอนนี้กำลังนอนกระดิกนิ้วเท้าสบายใจต่างกับเมื่อเช้าลิบลับอยู่บนเตียง แถมเมื่อกี้ยังทำท่าจะโผเข้ามาตะครุบผมซะอีก! ไม่เจียมสังขาร! ช่างน่าหมั่นไส้จริงๆให้ดิ้นตาย..!!
มันเงยหน้าขึ้นมามองผมแบบงงๆ หนำซ้ำไม่ยอมเดินไปหาให้ผมอีก
“..เอาออกมา” ผมแขวนเนคไทไว้ที่ราว โยนกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ แล้วย่างสามขุมเข้ามา ร่างสูงไหวตัวนิดๆก่อนจะลอบยิ้มบาง
“ทำไมอ่ะ?”
..โหว ดูสายตามัน..หื่นเต็มที่…เอิ่ม..คือกูเดินมาเพื่อจะเผ่นกบาลมึง ไม่ใช่ปล้ำมึงว้อยยย!!!
“ก็ไม่มีอะไร จะดูว่ามีเงินเท่าไหร่”
“..หืม?” มันยิ้มกว้างขึ้น “ยังไม่ทันแต่ง..จะขอคุมการเงินแล้วหรอจ๊ะ?”
ผัวะ!
“ปากนะปาก”
ผมตบแก้มมันเบาๆ(แต่เสียงเนี่ยไม่เบาเลย..) แล้วชี้หน้าขู่ พยายามทำให้เหมือนประมาณว่า ‘ถ้าไม่เอาออกมา..เจอหนักกว่านี้แน่..’ ไม่ใช่ความหมายที่ว่า ‘ถ้าไม่เอาออกมา..กูไม่ยอมนอนด้วยแน่..’
“ยังไม่เอาสมุดบัญชีไปอัพเดทน่ะ เป็นปีแล้ว..”
มันเสด้วยการดึงผมลงไปกอดแล้วหอมฟอดใหญ่ และหัวเราะตอนที่ผมดิ้นขลุกขลักเพราะทรงตัวไม่ได้ในอ้อมแขนนั้น เลยจัดการดีดมะกอกที่ลูกกระเดือกแม่งไปหนึ่งที เป็นไง เจ็บล่ะสิ ฮ่าๆๆ
เดี๋ยว..อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องไปตามมันสิ..
ในเมื่อไม่ยอมบอก กูยิงลูกตรงก็ได้วะ!
“เห็นบอกว่าสามล้านสาม”
ทันทีที่ได้ฟังคำนั้น เจ้าตัวก็สะอึก ยอมคลายอ้อมกอดหน่อยนึง
“บูมบอกหรอ?”
“มันไม่สำคัญที่ใครบอกไม่บอก มันสำคัญที่ว่า..มึงเอาเงินขนาดนั้นมาใช้แบบนี้…”
“…มันจำเป็น”
..ครับ ผมรู้ว่ามันจำเป็น..เพราะถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้จบๆกันไป ไม่เพียงชีวิตผมเท่านั้นที่อันตราย..แต่ชีวิตเพื่อนด้วย…
“..กูรู้”
ผมตอบมันไปแบบเรียบๆ แล้วดึงมือเขาออกเพื่อลุกไปถอดถุงเท้า เขาปิดหนังสือที่อ่านอยู่ดัง ‘ฉับ’ แล้วเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ซุกหน้าลงกับบ่าตอนที่ผมพาดเข็มขัดไว้บนโต๊ะพอดี
“เกะกะน่า..”
“….อืม…”
เสียงลมหายใจมันดังฟึดๆ ผมเลยเอ็ดต่อ
“ยังไม่ได้อาบน้ำ เหม็นเหงื่อ”
“อาบด้วยกันนะ”
เชื่อมั้ยครับ..ตั้งแต่ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาเขาพูดคำนี้เป็นแค่ครั้งที่สอง(ครั้งแรกแหย่ผมเล่นในตอนก่อนๆ)..แค่ครั้งที่สอง!! ครั้งที่สองเท่านั้น!! รู้สึกเหมือนมีนักดนตรีมาเป่าแตรดีดพิณเต็มห้องนอนไปหมด.. ออกอารมณ์หวานชื่นมากกว่าอีโรติกซะอีก..นั่นแหละที่ทำให้ผมใจสั่น
ผมดันแขนเขาออกเบาๆพอเป็นพิธี หมอนั่นก็ยอมทำตามง่ายๆ
..แขนยังรุมๆอยู่เลยยังมีหน้ามาปากดี..
“มึงอาบน้ำได้แล้วรึไง? เดี๋ยวกูออกมาเช็ดตัวให้”
เขาดูจะเปรมกับข้อเสนอใหม่ แต่ก็แอบเห็นแววผิดหวังในดวงตาคู่นั้นลึกๆ
เลยจำยอมต้องพูดเสริมต่อ
“…รอให้มึงหายหวัดแน่ๆก่อนแล้วค่อยมาพูดคำนั้นใหม่ล่ะกัน”
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงโครมครามอะไรบางอย่างในห้องน้ำ เหลือบมองเวลาประมาณเกือบๆตีสามได้ และคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่อยู่..นั่นบอกให้รู้เลยว่าคนข้างๆผมนั่นเองที่เข้าไปทำธุระ..
แต่เสียงที่ดังออกมานี่ออกจะ..เกินไปนะ..
“สีคราม เป็นอะไรรึเปล่า?”
ผมลุกจากเตียงเพื่อเดินไปหน้าห้องน้ำ แต่ก็ตะโกนถามเขาออกไปก่อน
“แค่ก..!! แค่ก!!!!”
“สีคราม!”
พอเห็นร่างสูงนั่งทรุดอยู่กับชักโครกผมก็พอเข้าใจได้ในทันที ผมตรงเข้าไปเพื่อลูบหน้าลูบหลังให้เค้า สิ่งของที่ออกมาจากลำคอมีเพียงน้ำเปล่าๆ ดูท่าของเมื่อเย็นจะลงไปกองกันที่คอห่านเรียบร้อย
เขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นห้องน้ำแบบหมดเรี่ยวแรงสุดฤทธิ์ ผมก็ลงไปนั่งตามเขา รู้สึกเหมือนสมองเบลอๆ ลืมไปหมดเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง
“ไหวมั้ย? เดี๋ยวกูตามพี่ส้ม…”
“ไม่..อย่า….”
เสียงที่เขาบอกผมออกมามันแหบ..พร่า..จนน่ากลัว
“…ปลุกเค้าตอนนี้..มัน…แค่ก!!!”
มันหันหัวเข้าหาชักโครกอีกครั้ง ผมลูบหลังเขาเบาๆ ปล่อยให้อาเจียนออกมาจนหายอยาก พอเสร็จก็เดินไปรินน้ำมาให้เค้าบ้วนปาก
..ก็จริงของมันที่ลำบากคนอื่น…แต่…คนเรามันก็ต้องมีพึ่งกันบ้างไม่ใช่เรอะไง..
ผมพยุงร่างของเขาเดินโซซัดโซเซออกจากห้องน้ำ เสื้อนอนหมอนี่เปียกหน่อยๆ..แล้วก็ตัวร้อนมาก ก็เลยหยิบเสื้อมาเปลี่ยนให้ มันยากกว่าตอนเช้าหรือตอนเย็นเพราะสีครามไม่มีแรงเหลือเลยสักนิด แล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาซับเหงื่อให้เขาเพื่อลดไข้ หลังจากแปะเจลลดความร้อนที่หน้าผากเรียบร้อยก็ต้องหายากิน ซึ่งก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หัวเตียงนั่นแหละ
“กินยานะสีคราม”
“..อือ..แค่ก!!”
เสียงไอของเขาไม่ใช่แค่ ‘แค่ก’ แต่มันดังออกมาเป็น ‘โครก’ หรือ ‘โฮก’ เหมือนเสียงคำราม ทุกครั้งที่เขาไอจะหอบโยนจนเตียงสะเทือน และดังเหมือนจะกระชากตั้งแต่ลิ้นไก่ หลอดอาหาร ยันลำไส้เล็กออกมาด้วยอย่างไงอย่างงั้น
ฟังเสียงของเขาแล้วผมรู้สึกเหมือนตับตัวเองถูกบีบไปด้วย..
“ไหวมั้ย ทานยานะ ไหวใช่มั้ย?”
พอผมถามเขารัวๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม แล้วพยักหน้า
การหาจังหวะในการกินยาช่วงที่ไอหนักๆแบบนี้มันยากนัก บางครั้งน้ำก็พุ่งออกมาจนผมต้องหยิบผ้ามาซับให้ แล้วประคองตัวเขาให้กินยาดีๆ นี่เป็นข้อดีของการที่ผมเป็นผู้ชาย..เวลาแบบนี้ดูแลเขาได้เต็มไม้เต็มมือดี เพราะไม่อ่อนแอเหมือนผู้หญิง
“นอนนะ..”
“กานดา..”
“…ไม่เอาไม่พูดแล้ว เดี๋ยวไออีก…”
เขาไม่พูดตามที่ผมสั่ง แต่เอื้อมมือซีดเผือดมาดึงชายเสื้อผมไว้
“อืม กูอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนหรอก”
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆเขา จับมือเขามาบีบไว้แน่น เขามองผม..แต่เพราะอุณหภูมิใบหน้าที่ร้อยผ่าวทำให้หยาดน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในอก..
พูดตามตรงแล้วผมไม่ค่อยได้มีโอกาสดูแลใครตอนไม่สบายนักหรอก เพื่อนผมมันบ้าๆ เค้าว่ากันว่าคนบ้ามักไม่ติดหวัด แต่ก็พอมีความรู้พื้นฐานบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียเวลานอนเพื่อดูแลใครคนหนึ่งอย่างใกล้ชิดขนาดนี้..
ติดจะทำไปตามอารมณ์..ตามความรู้สึก…
เพียงแค่อยากให้เขาหายดี..และกลับมายิ้มหวานๆให้ผมสดชื่นเหมือนเดิม…
“จับมือไว้แบบนี้…”
ยกมือข้างนั้นขึ้นไปแนบแก้ม มันร้อนผ่าว..จนผมอยากร้องไห้..
“..ตอนที่มึงตื่นขึ้นมา..ก็จะได้เห็นหน้ากูเป็นคนแรกไง..”
เขายิ้มหวานก่อนจะปิดเปลือกตาลง..
ผมถอนหายใจ นี่ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางติดหวัดใครง่ายๆคงไม่กล้าพูดแบบนั้นออกไปหรอก เพราะงั้น..ถ้าไม่ติดหวัดใครง่ายๆ…แค่ก้มลงไปหอมแก้มเบาๆก็คงไม่ติดหวัดหรอก….
แค่หอมแก้มเองง่ะ…….
ก็…….ตอนมันนอน…..มันเสือกหล่อเองทำไมล่ะ……………
ความคิดเห็น