คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3
CHAPTER 3
จะรอ..นะ..
'ฮะ..เฮ้ย..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!’
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากคนทั้งห้อง ก่อนบุคคลปริศนาจะวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาอีกคน ปรากฏว่าเป็นหนุ่มกลอน..แห่งห้องเด็กความสามารถพิเศษ นักร้องนำของวงดนตรีโรงเรียน
ร่างโปร่งกระชากสีครามขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วหันมาบอก
‘เฮ้ย!! กูรักมึงนะเดียร์ รักม๊ากกกกกมากกกกกกกกกกกกกกก’
‘เออ!! กูก็รักมึง!! ร๊ากกกกรัก!!!’
ไม่ว่าเปล่าไอ้ไวน์ดึงตัวไปขโมยหอมแก้มอย่างเสียมิได้ บูม(ผู้ซึ่งกลมกลืนไปกับทุกสถานการณ์) จึงโผล่มาหอมแก้มอีกข้าง
‘กูก็รักมึงนะ รักที่สุดเลย!!’
‘ผมก็ชอบคุณกานดานะครับ!’
ลาล่า..นี่เอ็งเอากับเค้าด้วยเรอะ…
‘…เอ่อ…กูก็รักมึงนะเดียร์’
‘เค้ารักกันทุกคนแหละ เนอะเดียร์เนอะ’
'รักกานดาที่สุดเลย!!’
สรุป…มันเป็นมหกรรมบอกรักแป๊ะอะไรฟะเนี่ย…!!!!
“….เดียร์….เดียร์……น้องเดียร์…!!!”
“จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
ผมสะดุ้งโหยงปล่อยตะกร้าส้มโอในมือร่วงกราว แล้วโบกไม้โบกมือขอโทษเจ๊ไก่ (หรือว่าเจ๊จะบอกรักผมอีกคน!?) พลางก้มโค้งเก็บผลไม้ก่อนจะเสียค่าปรับ
ร่างสูงใหญ่กอดอกเลิกคิ้วมอง
“น้องเดียร์ไม่สบายรึเปล่าจ๊ะ เมื่อเย็นก็หน้าซีด...ถ้าไม่สบายก็น่าจะลาหยุดนะ..”
“อะ..ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ผมว่า รีบจัดส้มโอลงชั้นวางแล้วเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนลายทางสีแดงขาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำร้าน แล้วหันไปปักป้ายลดราคาอีกที่หนึ่ง “เจ๊มีไรป่ะคับ?”
“อ่อ..คือว่านะ..”
หล่อนว่าพลางเขยิบเข้ามากระซิบ ป้องปากสีแดงด้วยลิปสติกเหมือนพวกแม่บ้านซุบซิบนินทา
“เห็นคนหล่อๆที่ยืนอยู่ตรงมุมหนังสือนั่นมั้ย? เค้ายืนมาเป็นชาติแล้ว น้องเดียร์ไปถามเค้าหน่อยสิจ๊ะว่าต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่า?”
ผมเหลือบมอง แล้วตอบแบบไม่ใส่ใจนัก “เจ๊ก็ถามเองสิครับ”
“แหม! เป็นสาวเป็นนางต้องสงวนกิริยาบ้างสิจ๊ะ!!” หล่อนตบป๊าบบนไหล่ผมราวกับเขินอายนักหนา “โกหกน่ะ..เจ๊ไปถามมาแล้ว เค้าเลยบอกว่าเค้ารอน้องเดียร์อยู่..เค้าเป็นใคร? ชื่ออะไร? เรียนที่โรงเรียนเดียวกันหรอจ๊ะ? เจ๊ว่าแล้วว่าเกษรวิทยามีแต่… ‘ชายหนุ่มรูปงาม’ ”
เจ๊แกคงจะกำลังเพ้อถึงทั้งไอ้เอ็กซ์และไวน์ที่มาเยี่ยมชมผมบ่อยๆกระมัง อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขา..เอ้ย! หล่อน..ให้ผมทำงานที่นี่ก็เป็นได้
“…มันชื่อสีคราม…..ไม่ใช่เพื่อน….แต่เป็นนักเรียนที่โรงเรียน….ปีเดียวกัน…”
“อะไรกัน ไม่ใช่เพื่อน? แล้วมายืนรออะไรล่ะจ๊ะ?”
ผมสั่นศีรษะ จะไปรู้หาป้ามึงเรอะ!?! “ไม่ทราบครับ”
"งั้นเจ๊ไปบอกเค้าให้ไปรอหลังร้านนะ ยืนรอตรงนี้เมื่อยตายเลย”
เดี๋ยวเจ๊!! ไอ้ห่านั่นไม่เกี่ยวกับผม ไม่ต้องไปยุ่งเชรี้ยไรมันหรอกกกก!!!
“ครับ..แล้วแต่เจ๊”
สงสัยเจ๊ไก่จะโดนหน้าหล่อๆของแม่งดูดเข้าไปจริงๆสินะ..
ผมกลับไปนั่งที่เคานเตอร์ ดึงป้าย ‘กรุณาใช้เครื่องถัดไป’ ออก แล้วเรียกหญิงวัยกลางคนหนึ่งมาคิดเงิน
“นี่ น้องๆ”
หล่อนสะกิดถามผมเสียงแผ่ว เหลือบตามองมุมหนังสือ แล้วหันกลับมา
“นั่นไม่ใช่ลูกค้าประจำนี่จ๊ะ? พนักงานใหม่รึเปล่า?”
สงสัยจะเพราะใส่ชุดนักเรียนอยู่เต็มยศแล้วเสือกมายืนแกร่วอยู่ได้นานสองนานกระมัง..คนเป็นลูกค้าประจำจึงได้ถามแบบนั้น ผมไม่สบตากับนัยน์ตาพราวระยับนั่นสักนิด ใจหนึ่งก็ทึ่ง ใจหนึ่งก็รำคาญ ผมจึงได้แต่สั่นศีรษะไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นเจ๊ไก่ที่เดินลัลล้าเข้าไปคุย หมอนั่นจึงหันมาหาผมนิดหน่อย แล้วส่งยิ้มหวานทักทายเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่
ผมชะงัก แล้วหลบตาวูบ
…บ้าจริง…รู้สึกหน้าร้อนๆ….
"เฮ้ยน้องเดียร์ เป็นไรมากป่ะเนี่ย เมื่อกี้ยังหน้าซีดๆอยู่เลย ตอนนี้แดงละ”
พี่วินหันมาทักหลังเคลียร์เครื่องเสร็จ ผมกระพริบตาปริบๆ รีบลูบหน้าลูบคอไล่เลือดกลับสู่หัวใจ ปอด และส่วนต่างๆของร่างกาย(พูดซะชีวะ…) ทันที
“น้องเดียร์”
พี่วินเอนตัวมากระซิบ แล้วพยักเพยิดไปทางไอ้คนที่หายเข้าไปหลังร้าน
“….ครับ?”
“…………………แฟนหรอ?”
ผัวะ!!!!!!!!!!!!!!!!
แฟ้มรายการสินค้าขนาดA4ฟาดผัวะเข้าไปแบบไม่ยั้งคิด จนใบหน้ากร้านแดดของพี่วินเกือบกระแทกโต๊ะเคาน์เตอร์.. และทันทีที่ลงมือ ผมก็ได้สติจากภวังค์
“พี่วิน!! เดียร์ขอโต๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“มือมันไปอ่า ไม่ได้ตั้งใจนะ….พี่วินเป็นไรมากรึเปล่า”
ผมใช้มือถูๆที่ท้ายทอยพี่แก ตั้งใจว่าจะนวดให้ พี่วินก็ปล่อยให้ผมนวด ทั้งๆที่กำลังหัวเราะร่วน
“โอ้ย พี่พูดเล่น!! จริงจังไปไหนเนี่ยน้องเดียร์ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
ผมพ่นลมทางจมูกฟืดฟาด พอดีกับที่ลูกค้ารายหนึ่งเดินยกตะกร้าเข้ามา ผมเลยดันหลังให้พี่วินไปพักก่อน แล้วหันมาคิดเงินแทน
“ก็พี่เห็นเค้ามองน้องเดียร์อยู่นานละ แต่น้องเดียร์ไม่ยอมมองตอบเค้าสักที…โกรธกันอยู่หรอ?”
“ไม่ใช่!” ผมสวนควับ “มันไม่ใช่เพื่อน! ไม่ใช่แฟน! และ…ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!!!”
พี่วินผิวปากหวือ “…หวา~ ท่าจะหนักแหะ”
"เราเป็นแค่…คนรู้จัก…กัน มันเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที..”
ผมพยายามอธิบายอย่างตรงไปตรงมา แต่ดูเหมือนคนข้างๆจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ สังเกตได้จากรอยยิ้มและลักยิ้มข้างเดียวอันเป็นเสน่ห์ของคนทำมาค้าขาย พี่วินขยับปากทำนองว่า ‘ตามใจ’ แล้วลุกขึ้นมาทำงานต่อตามเดิม
ปกติผมจะทำงานแค่กะเดียว คือ6โมงถึง4ทุ่ม ส่วนพี่วินจะยาวถึงเช้า เพราะแกไม่ได้เรียนต่อมหา’ลัย เลยไม่ได้ทำเป็นพาร์ทไทม์ เราสองคนก็แอบสนิทกันนิดหน่อย เจอกันอาทิตย์ละสามครั้งมาเกือบ2ปีแล้ว บางครั้งผมยังเคยไปค้างบ้านพี่วินเพราะควบสองกะ และกลับหอตัวเองไม่ไหวอีกด้วย
และนั่น..เจ๊ไก่เดินบิดตูด..เอ้ย! เดินสะโอดสะองเข้ามาเท้าแขนบนเคาน์เตอร์ แล้วว่า
“น้องเดียร์ไปหลังร้านไป..ตรงนี้เดี๋ยวเจ๊ทำต่อให้”
ผมเลิกคิ้ว “ทำไมละเจ๊?”
“เหอะน่า~” เจ๊จิ๊ปาก แล้วดันหลังผมออก นี่อย่าบอกนะว่า ‘ไอ้คุณสีคราม’ เป่าหูอะไรเจ๊ให้เห็นอกเห็นใจตัวมันเองได้น่ะห๊ะ!!
ผมเกาศีรษะแกรกๆ แล้วเดินหน้ามุ่ยออกไป ถ้าไม่ติดว่าเจ๊แกจะเรียกไว้อีกครั้ง
“น้องเดียร์”
ผมไม่น่าหยุดยืนฟัง และไม่น่าหันกลับไปมองเล้ยยยยยยยยย
“..ถ้าไม่ไหวก็หยุดซะนะ เจ๊รู้ว่า ‘ครั้งแรก’ มันเจ็บ..ไม่ต้องฝืนหรอก”
มึงไปเล่าเชรี้ยๆอะไรให้เจ๊แกฟังเนี่ย...!!!!! ไอ้คุณสีครามมมมมมมมมมมม.......!!!!!
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
โครม!!!
ผม..ที่กำลังปิดประตูหลังร้านในตอนนี้….กำลังเดือดสุดๆ…
หมอนั่นเงยหน้าขึ้นจากการ์ตูนขายหัวเราะที่โต๊ะกลาง แล้วหันมายิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
“กานดา!”
..ยัง..ยังมีหน้ากระแดะมาปล่อยประกายวิ๊งๆเป็นออร่าเจิดจ้ารอบตัวอีกนะไอ้ห่า!!
“มาทำไม?”
ผมเดินตรงไปที่กาน้ำร้อน หยิบแก้วมาเตรียมจะชงกาแฟ แต่หมอนั่นฉวยไว้ก่อน ลากเก้าอี้มาให้ผมนั่งเสร็จสรรพ(แอบบังคับให้นั่งลงไปด้วย) แล้วจึงฉีกซองเติมน้ำร้อนให้เรียบร้อยโรงเรียนไทย
“มารอรับ เดี๋ยวจะไปส่งที่หอ”
“เสือก! ไม่ต้อง”
มันทำหน้าเหวอประมาณ ‘ได้ไงละ ถ้าลูกในท้องเราแท้งขึ้นมาจะทำยังไง’ “เราซื้อยามาด้วยนะ เอาไปทา จะได้หายเจ็บ”
ว่าพลางยื่นหลอดยาทาให้ผม…มันก็เป็นยาแก้ริดสีดวงธรรมดาเนี่ยแหละครับ
“คุณไก่เค้าแนะนำมา”
แล้วมึงก็เสือกไปเชื่อเค้าอีกนะ!!!
ผมเลือกที่จะเก็บหลอดยาเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยอารมณ์เสียดายของ แต่ดูเหมือนร่างสูงจะแฮปปี้กับการกระทำนั้นเสียเหลือเกิน จึงแกว่งช้อนกาแฟอย่างอารมณ์ดี
“ตีสองใช่มั้ยครับ? คุณไก่บอกมาแล้ว”
“…ตั้งตีสอง ไม่ต้องรอหรอก”
ผมรับแก้วกาแฟนั้นมา เป่าสักหน่อยจึงยกขึ้นดื่ม
“รอสิ!” มันทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนักหนา “แค่ตีสองเอง สบายๆ”
เหลือบตามองนาฬิกา บอกเวลาห้าทุ่มกว่าๆ มันรอผมมา5ชั่วโมงแล้ว…และยังต้องรอต่อไปอีก3ชั่วโมง…แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่สะทกสะท้านกับเวลาที่ผ่านไปแบบไม่มีค่าเช่นนั้นเลยสักนิด
“กลับไป”
ผมยื่นคำขาด
“รอกลับพร้อมกันสิ”
“กลับไป”
“จะรอ”
“กลับไป”
“จะรอ”
“กลับไป”
“..จะรอนะ…เอ้า เลอะหมดแล้ว”
เขาหยิบทิชชู่ บรรจงแตะลงบนเหนือปากผมแผ่วๆ ผมรีบถอยหนีเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเช็ดเสร็จพอดิบพอดี
มันเป็นความใกล้..ที่ทำให้ผมเห็นแก้มข้างซ้ายของเขาบวมนิดๆ ถึงจะน้อยกว่าเมื่อกลางวันก็เหอะ..
“วันนี้ไม่ได้เข้าเรียนทั้งวันเลยใช่มั้ย?”
นี่ผมถามอะไรออกไป..ทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้ว
เขาพยักหน้าหงึกหงักเหมือนไม่ใส่ใจ คว้าเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงหน้าผม
“กานดาล่ะ? ลอกแลคเชอร์ของเพื่อนทันใช่มั้ย?”
“..ไอ้สัสล่าก็อปไว้แล้วน่ะ”
“ฮะๆ..มีเพื่อนดีนะ~”
…น้ำเสียงทุ้มๆที่ดังกังวาล…แสดงความจริงใจออกไปแบบเปี่ยมล้น…
………. ‘เจ้าชาย’ ….งั้นหรือ?
เราปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ ผมเหลือบตาจากแก้วกาแฟ แล้วต้องรีบหลุบลง เมื่อพบว่าอีกฝ่ายมองผมอยู่..แถมไอ้รอยยิ้มสุดจะแสบตานั่นมันอะไร..เลิกมองกูได้แล้ว!! เผาจนหน้ากูร้อนไปหมดแล้วนะไอ้ห่า!! อ้าวๆ..อย่าเงียบสิ! ปล่อยให้เสียงหัวใจเต้นแรงออกมาอย่างนั้นได้ยังไง..
เสียงหัวใจ.....
...........ของผมเอง…?
“…ฉัน..ไปละ..”
ผมพูดเรียบๆขณะลุกขึ้นยืน หมอนั่นรีบลุกด้วย แล้วถลาไปเปิดประตูให้ผมเสร็จสรรพ
“กานดา”
เสียงแบบนั้นอีกแล้ว..เสียงที่ทำให้ผมหน้าร้อนวูบ
พอหันกลับไปก็เจอรอยยิ้มแผดแสงแรงกล้าเช่นเดิมๆ ดวงตาคู่สวยหวานเป็นประกายดึงดูดให้ผมไม่อาจหันกลับมาทันทีได้ พร้อมกับเนื้อความที่แสดงถึงความจริงใจเต็มเปี่ยม
“ผมจะรอนะ”
ความคิดเห็น