ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #33 : CHAPTER 32 คนของกู (ภาคปลาย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.35K
      26
      30 พ.ย. 54

    CHAPTER 32

     

    คนของกู (ภาคปลาย)

     

     

     

     

     

     

                    ฟังนะ  กลับมาจากอเมริกา  ดูท่าทางแบบนั้นน่ะ  ต้องซึมซับวัฒนธรรมตะวันตกมาแน่นอน..

                    กะอีแค่กอดนิดกอดหน่อย ควงแขน เอนซบ โอบอิง  หรือจูบหวานๆทักทายบอกลาน่ะเป็นเรื่องปกติมากๆๆๆๆ 

                    เพราะงั้นอย่าไปคิดมากน่าไอ้เดียร์..

     

                    อย่าไปคิดมาก…

     

     

     

                ป๊อก!!

     

                    ผมหลุบตามองดินสอกดในมืออย่างไม่สบอารมณ์  ไส้ถ่านแกรไฟต์ยาวประมาณ2มม.นอนแอ้งแม้งอยู่กลางสมุดแลคเชอร์เล่มใหม่  โชว์เขม่าสีดำสนิทเป็นร่องรอยชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวอักษรตัวนั้น

                    ผมยกมือขึ้นมาระดับสายตาเพื่อกดให้ไส้ไหล  แต่ที่ออกมาคือไส้สั้นจุ๊ดชนิดที่เขียนต่อไปไม่ได้

                    สัสบูม  มีไส้ดินสอมะ?”

                    ผมหันควับไปถามไอ้บูมที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ฝั่งตรงข้าม  มันสวมหมวกปอร์ริ่งสีชมพูหวานพลางหมุ่นคิ้ว  ควานๆหยิบกล่องดินสอสปอร์งบ็อบแล้วยื่นไส้ดินสอให้ผมหยิบเอง

                    มึงเครียด?”

                    เสียงมันถาม  ผมรีบสวน

                    ไม่ได้เครียด”

                    “..อืม ไม่ได้เครียดเล้ยยย  ลี้ภัยมาอยู่ห้องกูเนี่ย”

                    ผมปิดปากเงียบ  ไม่ตอบ  เห็นดังนั้นไอ้บูมก็ถอนหายใจ  แล้วอ่านหนังสือการ์ตูนต่อไม่อยากคาดคั้น

     

                    ผมจะสรุปความง่ายๆนะครับ

                    ก็หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่สุวรรณภูมิ  ผมก็มองหน้าสีครามอยู่พักใหญ่ๆ  แต่เห็นว่าหมอนั่นไม่ได้มีท่าทีแก้ตัวเหี้ยห่าเหวอะไร  เลยตัดสินใจคว้าแขนไอ้บูม  โบกแท๊กซี่  แล้วกลับมานอนหอเนี่ยแหละ

                    ทว่าเรื่องราวมันหนักกว่านั้น  เพราะผมเสือกลืมกุญแจห้องตัวเองไว้ที่บ้านสีคราม  ก็เลยระเห็ดระเหินมานอนกับไอ้บูมไอ้เท่าฟ้า(เมทไอ้บูม)อย่างเสียมิได้

     

                    อ้าวเวร  จะตีหนึ่งละ  พวกมึงยังไม่นอนกันอีก”

     

                    เท่าฟ้าเดินเข้ามาจากระเบียงพร้อมหมุ่นคิ้ว  แก้มใสข้างหนึ่งของมันปาดสีแดงเถือก  ชุดผ้ากันเปื้อนเก่าๆทับเสื้อกล้ามตัวโครกออกแนวติสต์แตก  บอกได้เลยว่ามันออกไปละเลงผ้าใบเมื่อกี้

                    ข้างนอกยุงเยอะ  มึงเอาเข้ามาทำข้างในก็ได้นะว้อย”

                    บูมว่าอย่างใจกว้าง  ก็รู้น่ะครับว่ามันไม่ได้แสร้งทำหรอก  ถามเพราะเป็นห่วงจริงๆมากกว่า

                    เหอออออ  เดี๋ยวมันเหม็นกลิ่นน้ำมัน  กูก็รอให้แห้งก่อน…เอาไรป่ะ  กูจะต้มมาม่า”

                    เออ ขอสอง”

                    “…-_-  คราวหลังมึงหัดซื้อหมูสับมาด้วยนะ  จะหมดแล้ว..เอาผักมั้ย?”

                    ม่ายยยยยย”

                    เดียร์ละ?”

     

                    กูไม่กิน  ไม่หิว”

     

                    ผมพูดเรียบๆแล้วก้มหน้างุด  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้สองตัวนี้มันต้องหันไปสบตากันแน่  เสียงไอ้เท่าฟ้าทำอะไรกุกกักอยู่ครู่หนึ่ง  ไอ้บูมก็ลุกขึ้นไปช่วยด้วย

                    มันเอะอะมะเทิ่งกันอยู่พักใหญ่ๆ  ตรงหน้าผมก็มีมาม่าหมูสับสามชามตั้งตระหง่าน  ตะเกียบพร้อมช้อนพร้อม  ผมเงยหน้าขึ้นมองพวกมันแบบ ‘กูบอกว่าไม่กินไงไอ้สัส’ แต่บูมกับยิ้มร่า

                    กินเยอะๆจะได้หายเครียด  แล้วมาอารมณ์ดีไงมึง”

                    “…พูดบ้าๆ..”

                    เอาน่า  กินไป  กูใส่นารูโตะเพิ่มด้วยน๊าาา ไม่อยากกินหรออ??”

                    มันเปิดฝาเผยลูกชิ้นแผ่นที่มีสีชมพูเขียนเป็นวงๆวางแปะเกือบเต็มจาน  ของโปรดไอ้บูมมันละ..แต่ผมก็ยังไม่เห็นความอร่อยของมันเท่าไหร่นัก

     

                    สุดท้ายผมก็จำยอมต้องกินแหละครับ..

                    (อุตส่าห์ทำมาให้..มันเสียดายของน่ะ)

     

                    อิ่มแล้วจ้า”

                    บูมจัดแจงเก็บข้าวของเสร็จสรรพไปวางไว้ตรงซิ้งค์(…ซึ่งรอผมล้างให้พรุ่งนี้เช้าอยู่ดี)  เท่าฟ้าก็เริ่มจุดบุหรี่ดูด  ลังเลอยู่นานกว่าจะพูด

     

     

                “…สีครามมันมีมึงคนเดียวเท่านั้นแหละ”

     

                    ป๊อก!!

                    ไส้ดินสอหักไปอีกหน่อย  ผมรีบตีหน้าเหรอหรา  แต่มันเสือกไม่เนียน

     

                    โอยยย  เค้ารู้กันหมดแล้วแหละ มีมึงอะเสือกโง่ไม่รู้  ไม่สงสัยบ้างรึไงว่ารูปหน้าตาอย่างไอ้คราม..ทำไมแม่งไม่มีข่าวเรื่องผู้หญิงหรืออะไรเลย  เพราะฉะนั้นเรื่องผู้หญิงคนอื่นน่ะตัดทิ้งไปเหอะ  ไม่ต้องเก็บไปคิด”

                    กูไม่ได้เก็บไปคิด!” ผมเถียงสู้ “….แค่ถอยมาตั้งหลัก”

                    เท่านั้นแหละทั้งไอ้เท่าฟ้าไอ้บูมถึงกับปล่อยหัวเราะกร๊ากลงไปนอนกลิ้งกับพื้น  อะไร?  คำเถียงของผมดูไม่จริงจังรึไง?  ผมพูดผิดตรงไหน? ห๊ะ? ห๊ะ??

                    แล้วจะกลับไปสู้วันไหนดีละครับคุณเมียหลวง?”

     

                    โอ้ย..สายตาคาดคั้นนี่มันอะไร

                    แล้วผมก็ไม่ใช่ ‘เมียหลวง’ สักหน่อย

     

                    ผมกรอกตาไปมา  แล้วพึมพำ

     

     

     

     

                    พรุ่งนี้”

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    โอเค  อันที่จริงแล้ว..การกลับมาตั้งหลักแค่คืนเดียวมันคงไม่พอมั้ง..

     

     

                    คุณหนูอยู่บนห้องค่ะ”

                    นมบอกผมหลังจากที่ผมทักทายแกได้ไม่นาน  ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วสาวเท้าฉับๆขึ้นไปชั้นบน  ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็จริง  แต่ทุกคนก็รู้จักผมดีอยู่แล้วละครับ

                    พอเห็นป้ายDon’t Disturbหน้าห้องที่ยังไม่ได้เอาออกแล้วผมอดที่จะอมยิ้มให้ไม่ได้

                    เมื่อก่อนเราทำเรื่องกุ๊กกิ๊กขนาดนี้ได้แท้ๆ..

     

                    ก๊อกๆๆ

     

                    สีคราม  กูเอง..เข้าไปนะ”

                    ไม่ต้องรอคำขาน  แต่ก็ไม่ถึงกับเปิดผัวะเข้าไปหรอก  ผมแค่แง้มๆดูช้าๆเท่านั้นแหละ  อย่างน้อยก็อยากเห็นร่างสูงนอนอืดอยุ่บนเตียงในตอนเช้าของวันเสาร์แบบนี้บ้างล่ะ

                    ผ้าห่มที่ห่มอยู่ขยับไหวนิดๆ  ผมปิดประตูให้เบาที่สุด ยืนตัวตรง  เตรียมพร้อมร้องทักทายอรุณสวัสดิ์

     

                    -…….”

     

                    แต่แล้วเสียงผมก็กลืนหายไปในลำคอเมื่อพบว่าคนที่นอนอยู่บนเตียง..ไม่ใช่ ‘เขา’

     

                    เรือนร่างบอบบางลุกขึ้นมาด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง  กลีบปากสีแดงบวมเจ่อจนเซ็กซี่เผยอขึ้นนิดๆ  ดวงตาคู่หวานสวยขนตางอนปรือกระชั้น  เนื่องจากผ้าห่มปิดอยู่จนถึงอก  จึงเผยเพียงไหล่มนสีน้ำผึ้งและเรียวแขนข้างหนึ่งที่ยกขึ้นเสยผมหยิกเป็นลอนที่ปรกหน้าขึ้นไป

                    หืมมม เช้าแล้วหรอ…?”

                    น้ำเสียงหวานๆติดกระสันนิดๆเอ่ยถามผมเหมือนยังไม่ได้สติ

     

                    ผมรู้สึกว่าตัวเองถอยหลังไปเกือบชนประตูพร้อมถลึงตากว้าง  แต่บานประตูใหญ่นั่นก็เปิดออกก่อนพอดี

     

                    พี่รุ้ง  ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ…อะ……….อ้าว  กานดา~!”

                    ใบหน้าคมพลันระรื่นพรืดเมื่อเห็นหน้าผม  หมอนั่นโผเข้ามาทำท่าว่าจะกอด  แต่ก็ชะงักแล้วเกาศีรษะแก้เก้อ

                    มาได้ไงเนี่ย~”

                    มันยังถามเสียงใสๆพร้อมรอยยิ้มหวานละไม

                    ก็..มา….ขอโทษ….ที่เมื่อวานไม่ได้กลับมาด้วย…แต่คง…..”

                    ผมพูดตะกุกตะกัก  มองเขาสลับกับมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไปๆมาๆ  หมอนั่นเลิกคิ้วแล้วมองตาม  ก่อนจะสาวเท้าฉับๆไปที่ตู้เสื้อผ้า

                    พี่รุ้ง!  ตอนนอนก็ใส่เสื้อด้วยสิครับ”

                    เขาโยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งไปให้  แต่พอเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงก็ถูกฉุดให้เข้าไปประกบปากแทบจะในทันที  พอสีครามขืนตัวออกมาได้ก็หัวเราะคิกคัก  แล้วล้มตัวลงนอนต่อ

                    หมอนั่นยกหลังมือเช็ดปากก็เป็นพิธี  ก้มลงไปดึงผ้าห่มขึ้นมาให้ถึงคอ  ก่อนจะละออกมาทางผม..ที่ยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก  แต่ก่อนจะรู้ตัว  ก็ถูกพามาห้องข้างๆที่เป็นห้องหนังสือประจำคฤหาสน์เสียแล้ว

                    เอ๊ะ? เดี๋ยว?

                    นิ่งไปมั้ยมึง??

                    เมื่อวานขอโทษนะครับคนดีที่ยุ่งๆ  พอดีจะวิ่งตามไปก็ขึ้นแท๊กซี่ไปแล้วอ่ะ  แล้วมันก็ดึกแล้ว..คิดว่ากานดาคงอยากพักผ่อน  ก็เลยกะว่าจะไปหาวันนี้พอดี…ทานข้าวมารึยังครับ?  เดี๋ยวให้คนเอาขึ้นมาให้นะ..”

                    เขาเดินไปที่เครื่องโทรศัพท์  ยกหูคุยอยู่2-3คำก็วาง  แล้วหันมาฉีกยิ้มแฉ่ง

     

     

                    ดีใจจังที่เป็นฝ่ายมาหาก่อน”

     

     

                    ..เอ่อ..นี่มึงลืมอะไรไปรึเปล่า?

     

                    คือ..โอเค  ก็มีผู้หญิงเปลือยกายนอนอยู่บนเตียงมึง  แถมดึงไปจูบอรุณสวัสดิ์ตอนเช้าแบบแฮปปี้ๆสุดๆ  ต่อหน้าต่อตาคนที่มึง..เอ่อ..เคยขอเค้าเป็นแฟน  แต่ยังมีหน้ามายิ้มระรื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไม่แก้ตัว  ไม่เหี้ยอะไรเลยเนี่ยนะ?

                    สมองชาญฉลาดของผมเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าว

                    จำได้ว่าสีครามเป็นลูกคนเดียวของบ้านโกสินทร์วิตรม  ตัดเรื่องที่เป็นพี่สาวทิ้งไปได้เลย..

     

                    สรุป..หล่อนเป็นใครวะ?

     

                    ธรรมดาแล้วสีคราม(น่าจะ)เป็นประเภทที่พอเห็นผมกังวลต้องปรี่มาอธิบายสามหน้ากระดาษA4นี่นา..  แต่พอครั้งนี้เขาไม่ชี้แจงเลยสักกะพีกทำเอาผมเองก็ไม่กล้าถาม  ยอมลงนั่งกับเก้าอี้ให้เขาป้อนน้ำป้อนข้าวซะงั้น

     

                    หยุด..!  ไม่ใช่สิ!!

     

                    หืม?  ร้อนหรอ??”

                    เขาถามเมื่อเห็นผมคว้าช้อนกลางไปถือเอง

                    มึงกินรึยัง?”

                    ยังครับผม”

                    “…งั้นเดี๋ยวกินด้วยกัน..”

                    ผมพูดเรียบๆแล้วเป่าข้าวต้มกุ้งในมือให้หายร้อน  แล้วจ่อปากเขาบ้าง  สีครามดูอึ้งๆ  แต่ก็อ้าปากแต่โดยดี

                    มึงยังป่วยอยู่  ไม่ต้องกระแดะมาดูแลกู”

                    ค้าบบ~”

                    ทำไมออร่ามีความสุขมันแผ่ออกมาเยอะจั๋งซี้!?

                    “..แล้วตาเป็นไงมั่ง?”

                    ก็ยังมองเห็น ‘ที่รัก’ ชัดเจนอยู่นะ~”

                    โป๊ก!

                    ตอบมาดีๆ  เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว!!”

                    ฮ่าๆ  ก็มองเห็นชัดกว่าที่คิดไว้นะ  เนี่ยใส่คอนแทคอยู่..ช่วงแรกๆถ้าแสงเข้ามากจะอันตราย..” เขาชี้ไปที่ตาตัวเอง  ผมเลยเพิ่งสังเกตว่ามันใสปิ๊งกว่าปกติ

                    ผมยกมือปิดตาข้างที่ไม่ได้พังของมัน  ชูสองนิ้ว  แล้วถามว่า

                    นี่กี่นิ้ว?”

                    “…สองครับ  มองเห็นไม่ชัดไม่ได้ตาบอดจ้ะ”

                    ผมมุ่ยหน้า “แล้วนี่ล่ะ?”

                    สามครับ”

                    นี่ละ?”

                    สี่ครับ”

                    นี่ละ?”

                    ห้าครับ”

                    “…โอเค  ถือว่าผ่าน” ในที่สุดผมก็ปล่อยเขา  แล้วตักข้าวต้มอีกคำยัดปากมัน  เขาหัวเราะ  ไม่บ่นเลยสักนิดว่ามันร้อน  หรือไอ้ที่ทายเมื่อกี้มันเกินไป  ออกแนวจะดีใจด้วยซ้ำที่เห็นผมถาม  เห็นผมดูแล..

                    แล้วเมื่อคืนไปนอนที่หอใช่มั้ย?”

                    อืม  ห้องไอ้บูม”

     

                    “………เมื่อคืนโกรธอะไรรึเปล่า?”

     

                    อืม  นั่งแช่แป้งอยู่ตั้งนานรอให้ถามคำนี้คำเดียวเลยนะเนี่ย..ในที่สุดก็ถามสักที

     

                    ก็ไม่ได้โกรธ”

     

                    จะเล่นตัวทำไมเนี่ยกู..-_-

     

                    แล้วทำไมถึงกลับก่อนละครับ?”

                    “..ก็เปล่า..”

                    “..กานดา..”

                    อืม…หน้าเขาเข้ามาใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ..

                    ดวงตาคู่สวยนั่นสะท้อนใบหน้าของผมที่มีแต่ความสับสนลังเลใจ  มือข้างหนึ่งของเขากุมมือของผมไว้  ผมรู้สึกว่ามือเขาอบอุ่นมาก  จนผมต้องกุมตอบ

                    เราสบตากันอยู่นาน  โดยที่ผมเป็นฝ่ายหลุบตาหนีลงมาก่อน

     

                    ผู้หญิงคนนั้น…”

                    “..คนไหน?  พี่รุ้งหรอ?”

                    “…อือ..”

                    “..ลูกพี่ลูกน้อง  เจอกันตอนซัมเมอร์ตอนม.ต้น”

                    “…มีลูกพี่ลูกน้องด้วยหรอ..”

                    “..ลูกของน้องของแม่  พ่อเป็นลูกคนเดียว  แม่เป็นพี่สาวคนโต  มีน้องสาว2คน  พี่รุ้งเป็นลูกของน้าคนสุดท้อง  น้าคนกลางยังไม่ได้แต่งงาน  ตากับยายอยู่ที่อเมริกา  ส่วนปู่กับย่าเสียแล้ว  มีพี่รุ้งเป็นพี่น้องเพียงคนเดียว  อายุไล่เลี่ยกัน..”

                    เขาเริ่มสาธยายจนผมหลุดหัวเราะ  กูไม่ได้ให้มึงเล่าถึงขนาดน้านนน

                    รอยยิ้มหวานๆนั่นตีโต้กลับมา  ก่อนจมูกโด่งจะไล้ไปตามพวงแก้ม  สัมผัสร้อนๆแบบนั้นเรียกเลือดผมให้ขึ้นไปกองอยู่บนหน้า

                    “..อืม..อยากรู้อะไรอีกมั้ย..”

                    เขาครางพลางส่งเสียงฟุดฟิด  สูดดมราวกับว่าแม่งหอมนักหนางั้นแหละ แถมเมื่อคืนผมก็ไม่ได้สระผมด้วยสิ..ชักหวั่นๆ

     

                    แล้ว…”

     

                    แย่ละ..ผมแอบเคลิ้มจนต้องปรือตานิดๆ..  ยกนิ้วชี้แตะบนกลีบปากหยักบางเป็นเชิงสงสัย  เลยถือโอกาสปิดมันเอาไว้ก่อนที่แม่จะจู่โจมผมอีก

                    เขายิ้ม  แล้วดึงมือผมออกเบาๆ

     

                    “………………..เคยคบกัน………………เรื่องนี้ไม่แปลก…”

     

                    ผมชะงักกึก  เหลือบตามองเขาแบบทึ่งๆ  แต่เขาก็ขัดไว้ก่อน

                    แค่อดีต  มีอะไรก็บอกหมดนะ”

                    “…แล้วยัง….กันอีกหรอ?”

                    เปล่า  มันเป็นวัฒนธรรมทางฝั่งโน้น..ชินแล้วก็เลย..เอ้อ  ลืมไป..กานดาคงไม่ชิน?”

                    ผมส่ายหน้า “..หมายถึงเมื่อกี้..”

                    หืม?”

                    “..พี่เค้ายังอยู่ในห้องนอน…”

                    เมื่อคืนพี่รุ้งไปดื่มกับเพื่อน  เมากลับมาบ้าน….ไม่ต้องห่วงกานดา  ผมไปใช้อีกห้องนึง  ไม่ได้นอนด้วยกัน”

     

                    จะว่าผมหลงตัวเองหรืออะไรก็ได้ครับ..

                    โชคดีชะมัดที่หมอนี่แสดงความจริงใจออกมาอย่างชัดเจนโจ่งแจ้ง

     

                    เรานั่งกันอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะอ่านหนังสือ  ตอนแรกก็นั่งกันอยู่สองตัวหรอก  ไปๆมาๆหมอนั่นก็ดึงผมขึ้นไปนั่งคร่อมตัก  วางคางบนไหล่  พึมพำซ้ำไปซ้ำมา

     

                    ไม่เจอกันตั้งนาน..คิดถึงจัง..”

     

                    อืม…

                    สัมผัสอุ่นๆแบบนี้ที่ห่างหายไปนาน..

     

                    ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาตัวเองจะไหลทั้งๆที่ไม่มีเหตุผล  เลยกอดตอบเขา..กระซิบติดชิดริมหู

     

     

     

                    “…ไม่รอให้กูเหงาตายก่อนแล้วค่อยกลับมาเลยละ ไอ้บ้า”

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

                    แอดด…

     

                    ผมพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุดด้วยกลัวว่าคนที่หลับอยู่ข้างในจะตื่นขึ้นมา  พวกผมถือวิสาสะมาใช้ห้องรับรอง ‘นอนกลางวัน’ กันนั่นเอง  ซึ่งเราต่างหลับไปด้วยความเมื่อยล้า  แต่เพราะผมต้องเด้งตัวขึ้นมาถ้าเห็นแสงอาทิตย์  ก็เลยตื่นก่อนเขาน่ะ

                    นาฬิกาบอกเวลาเกือบบ่ายสอง  ท่าทางต้องลงไปบอกป้าคนครัวให้ทำอาหารมื้อกลางวันให้สีครามซะแล้ว  ท่าจะเหนื่อยหนัก..หลับแบบไม่ตื่นกันเลยทีเดียว

     

                    “…เสียงดังลงไปถึงข้างล่างแน่ะ”

     

                    เฮือก!!!

     

                    ผมหันควับตามเสียงทัก  ผู้หญิงคนนั้นยืนมองผมอยู่  เจ้าหล่อนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโตที่สีครามให้ยืมใส่เมื่อเช้า  นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก?

                    และผมที่เป็นผู้ชาย  ยิ่งมองใกล้ๆก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าหล่อน..มีเสน่ห์เย้ายวนในแบบของสตรีเพศทั่วไป..

                    ..ถ้าสีครามมีผู้หญิงแบบนี้คอยนัวเนียอยู่ข้างๆ..ก็แปลกแล้วล่ะถ้าจะไม่คิดจะเผลอใจ..

     

                    ผมหน้าแดงเมื่อนึกถึงคำทักเมื่อครู่  ไม่กล้าถามเธอว่า ‘ได้ยินด้วยหรอ?’ หรืออะไรสักนิด

                    หล่อนยกมือกอดอก  เอนตัวมองผม

                    แสดงความเป็นเจ้าของออกมาอย่างโจ่งแจ้งเลยนะ..”

                    “…ครับ?”

                    “…ผิวขาว…อือหึ…” ดวงตากลมโตขนตายาวนั่นปราดมองผมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “…ตากลม  จมูกเชิด  ปากน่าจูบ…อืม…ไม่ยักกะรู้ว่าเสป็คสีครามเป็นแบบนี้แหะ..”

                    ผมรู้สึกหน้าชาวาบ  เท้าก็ถัดถอยหลังแบบไม่รู้ตัว

                    “…ไหนลองบอกสิว่าชอบสีครามตรงไหน?..”

                    เสียงของหล่อนพูดเบามาก  แต่ก็ทำให้ขนลุกชัน  ยิ่งดวงตาคู่นั้นทอดมองลงมาแบบมีชัยเหนือกว่าแบบนั้นด้วย

                    อะ..ผม..”

                    เหี้ยเอ้ย แล้วเสียงจะสั่นทำแป๊ะอะไรเนี่ย

                    “..ตรงที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หล่อ?  นิสัยดี? คอยตามใจ?..”

                    ผมกระพริบตา  ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ

     

                    หล่อนเม้มปากแน่น  กว่าจะพูดขึ้นมาว่า

     

                    ฉันชอบทุกอย่าง..ทุกๆสิ่งที่เป็นของสีคราม..และจะไม่ยกให้ใครง่ายๆแน่”

     

                    เอ๊ะ?”

     

                    “..ฉันไม่สนหรอกนะว่าจะเป็นพี่น้องกันหรือญาติสนิท..เธอเองก็ไม่ต่างกัน  เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่แท้ๆ..ยังคิดจะรักกันอีก..”

                    เสียงเดาะลิ้นเยาะทำเอาหัวผมหมุนติ้ว  สิ่งที่หล่อนพูดนั่นหมายถึง..

     

                    ฉันไม่ยอมแพ้ผู้ชายอย่างนายหรอก..!”

     

     

                    ห๊ะ!!

                    นั่นหมายความว่าไง?  หาเรื่องผมงั้นหรอ???

     

     

                    ผมไม่ได้ชอบทุกอย่างของสีครามก็จริง”

     

                    ผมรู้สึกหน้ามืด  ขอบตาร้อนผะผ่าวด้วยความโกรธ  เสียงที่พูดออกมาก็เริ่มจะดังกว่าปกติ

     

                    ถ้านั่นถือเป็นการเป่าแตรเริ่มสงคราม..

                    ก็ได้..แล้วจะสนองให้..!!

     

     

                    “…แต่สีครามน่ะ ‘รัก’ ทุกอย่างของผม”

     

     

     

     

                    ถ้าคิดว่าจะแย่งไอ้บ้าที่หลงผมจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนั้นไปได้ละก็..

     

     

                    ก็มาลองดูสิ!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×