ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER 24 พะบู๊ (ภาคปลาย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.37K
      24
      29 พ.ย. 54

    CHAPTER 24

     

    พะบู๊ (ภาคปลาย)

     

     

     

     

     

     

                    กูรู้ว่าพวกมึงดีใจกันนะ..แต่…”

     

                    เสียงไอ้กลอนขัดขึ้นเล่นเอาผมคลายอ้อมกอดแทบไม่ทัน  แต่หมอนั่นยังโอบเอวผมไว้เบาๆ  ที่แน่ๆคือไอ้เพื่อนที่เหลือเนี่ยมองตาเป็นมัน (บางทีผมก็นึกสงสัย..ทำไมผมชอบลืมตัวตอนอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากนักนะ!?!?!)

                    เดี๋ยวถ้าพวกแม่งกลับมาหาที่นี่จะลำบาก  รีบหาทางออกกันดีกว่า”

                    ไวน์ว่าแล้วลุกขึ้นยืน  ผมแอบดีใจที่อย่างน้อยก็เห็นมันมาด้วยละวะ

                    เอ็กซ์ละ?”

                    “…มันมาไม่ได้  ถ้าโดนตำรวจจับหรือผิดพลาดอะไร..อนาคตนักบอลอย่างมันจะดับ”

     

                    แต่กว่าจะกล่อมให้ไม่มาได้เนี่ยก็นานอยู่นะครับ  คุณเอกราชโดนคุณวายุเขกกบาลไปหลายทีเลย”

                    อีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทำเอาผมตกใจ  ต่อมน้ำตาที่แห้งไปแล้วพลันจะไหลออกมาอีกรอบ  ใบหน้ากลมๆใส่แว่นนั่นยิ้มให้ผม  แล้วผมก็โผกอดมันแบบลืมตัวสุดๆ

                    ไม่คิดว่ามึงจะมาว่ะ..ลาล่า..

                    ยืนไหวมั้ย?”

                    สีครามถามผมขณะที่ตัวมันเองลุกขึ้นยืน  ผมพยักหน้าแบบไม่มั่นใจนัก  อย่างน้อยแค่ยืนกูก็น่าจะทำได้เองละวะ..

                    บูมกำลังทำแผลแบบลวกๆให้คุณลูกหนู  หล่อนปฏิเสธอ้างว่าไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง  แต่ไอ้บูมก็ดื้อด้านทำจนได้

                    แล้วพวกมึงมากันได้ไง..”

                    แล้วมึงจะรู้..ว่า ‘รักร้าย’ ไม่ได้มีดีแต่หน้าตานะว้อย” กลอนหัวเราะ  มันปีนขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วกระทุ้งช่องแอร์ด้านบนยกใหญ่  น็อตเก่าๆก็หลุดออกมาง่ายๆไม่ต้องออกแรงมาก

                    ผมยังไม่ทันถามต่อ  สีครามก็พูดแทรก  “เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้นะ  ขึ้นไปไหวใช่มั้ย?”

                    ..อือ..”

     

                    คนที่ขึ้นไปรายแรกคือลาล่า  สิ่งที่มันมีในหัวคือแผนที่เส้นทางช่องแอร์ทั้งหมดและแผนการหนี  สมแล้วที่ไอคิวสูงอันดับหนึ่งของชั้นปี..ตามด้วยไอ้กลอน  ไวน์ คุณลูกหนู  บูม  ผม  แล้วก็สีคราม

     

                    การคลานในช่องแคบๆนั้นลำบากกว่าที่คิด  ยิ่งต้องลากขาที่เจ็บไปด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่  ไหนจะกังวลว่าเสียงปืนแม่งจะดังเปรี้ยงปร้างจากข้างล่างอีก..พวกเราที่ยังหนีออกจากที่นี่ไม่ได้  กับพวกมันที่กำลังตามหาพวกเราให้ควั่ก..

                    ผมว่ายังไงๆเราก็เสียเปรียบ..

                    เราคลานตามกันมาเรื่อยๆโดยที่ผมก็มองไม่เห็นทางข้างหน้า  แต่แสงสว่างบางอย่างก็เล็ดลอดออกมาจากสะโพกไอ้ไวน์  ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเรากำลังออกมาข้างนอก(ที่ไหนสักแห่งเนี่ยแหละ)

                    ใจผมชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อคิดได้อย่างนั้น  แต่ปรากฏว่า….

                    มันออกมาจากช่องลมเพื่อเจอกับโกดังใหญ่อีกแห่งครับ  แถมพวกมันก็คลานอย่างเงียบเชียบที่สุดอยู่บนขื่อเหล็กเหนือจากพื้นขึ้นมาประมาณ6เมตร!!(ราวๆตึกสองชั้น)  ยังดีที่ผมไม่ได้เป็นโรคกลัวความสูงนะเนี่ย

                    ประเด็นมันอยู่ที่ว่าขาผมน่ะสิ..ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันหนัก..หนักอึ้งมาก..จนแทบจะลากต่อไปไม่ไหว

                    โธ่ว้อย  แรงกู..หายไปไหนหมดวะ….!!

                    ผมหยุดคลาน  แล้วซบหน้าลงกับแขนพลางหอบหายใจ   ตอนนี้หัวใจผมเต้นเร็วมาก  แถมกลายเป็นว่ามันยิ่งรู้สึกเจ็บตรงแผลอีกด้วย  ให้ตาย..!!  ทำไมต้องเป็นตอนนี้ฟะ!!!

     

                    กานดา  เป็นอะไร”

     

                    หมอนั่นคลานเข้ามาแทรกเพื่อประคองผมไว้  บูมสะกิดเรียกให้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหว

                    ผมจับเสื้อเขาไว้แน่น  เอนตัวซบกับอกกว้างแบบไม่เกรงใจ  เขาก้มลงมองต้นขาของผมที่เริ่มมีสีแดงซึมออกมาช้าๆ  แล้วหันไปบอกควับ

                    แผลเปิด..บูม”

                    เอาขามันมาทางนี้” เสียงไอ้บูมสั่ง  ส่วนผมน่ะหลับตาปี๋เลย  รู้สึกเจ็บมาก..เสียงครั่กๆก็ดังก้องอยู่ในหัว  เสียงที่เหมือนเขื่อนพังน้ำป่าไหลหลากนั่นแหละ  ต่างกันแค่มันเป็นเสียงเลือดผมกำลังไหลจากรูแผลต่างหาก

                    ผมกอดร่างสูงแน่น  แน่นมาก..ตอนที่บูมออกแรงกดปากแผลให้ผม  ผมพบว่ามันเจ็บกว่าตอนที่มันปฐมพยาบาลให้ในรถตู้..แบบเทียบกันไม่ได้เลย!!

                    กูว่าไอ้เดียร์ไปต่อไม่ไหวว่ะ  ถ้าคลานอยู่บนนี้แม่งตายห่าก่อนออกไปได้แน่ๆ”

                    บูมมันประเมินสถานการณ์ไม่สู้ดี

                    แต่เราลงไปเดินเล่นข้างล่างไม่ได้นะครับ!  ถ้าโดนจับเข้าจะทำยังไง”

     

                    ได้สิ..”

     

                    ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา  เค้าหน้าด้านข้างเขาดูจริงจังหนักแน่นซะเหลือเกิน  ตอนที่เขาพูดประโยคต่อไปว่า

     

                กูจะล่อพวกมันไปทางอื่นเอง”

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

                    กูจะเดินนำไปก่อน..ถ้าเจอพวกแม่ง  จะได้ล่อไปทางอื่น  พวกมึงก็วิ่งไปเลยนะ”

     

                    เขาวางแผนหยาบๆให้พวกผมฟังหลังจากที่พากันมาถึงพื้นแล้ว  โกดังหลังนี้เก็บข้าวสารอาหารแห้ง  ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

                    ถึงแม้จะมีแต่คนพยายามห้ามความคิดนั้น..แต่เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว  จึงไม่อาจปฏิเสธได้  สิ่งที่ผมทำคือมองเขา..เขาที่ยังคงส่งยิ้มให้ผมทั้งๆที่สถานการณ์มันน่าหวาดหวั่นขนาดนี้

     

                    เขา..ที่ทำเพื่อผมได้ขนาดนี้..

     

     

                    กูไปด้วย”

     

                    เสียงใครบางคนขัดขึ้นมา  ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นไอ้บูม

                    นาย..!!”

                    เสียงลูกหนูร้องท้วง  แต่ไอ้คนถูกเรียกงี้หันกลับไปยิ้มแฉ่ง

                    แต่เดิมแล้วมันมีสองคนอ่ะ  ถ้าสีครามไปคนเดียวมันจะไม่เนียน  พวกมึงรีบๆออกไปแล้วรีบๆเอาตำรวจมาช่วยพวกกูดีกว่า..แล้วก็..คุณลูกหนู……”

                    มันหันมาขยี้เรือนผมสีขนกาของเด็กสาวเชิงเอ็นดู

                    ถ้าหากใครจับได้อีก..มันไม่ดีต่อเตี่ยนะ เข้าใจใช่มั้ย?”

     

                    ตึกๆๆๆ

     

                    พวกผมได้ยินเสียงฝีเท้าจากอีกฝากหนึ่งของโกดัง  เสียงที่ทำให้หัวใจพวกเราเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

                    รีบไปเหอะ  เร็ว!”

                    สีครามสั่ง  โบกสัญญาณให้พวกผมหลบไปก่อน

     

                    สีคราม!!”

     

                    ผมเรียกเขา  เรียกได้ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยเรียกมา  หัวใจที่กำลังเต้นแรงนี้เพราะเหตุผลสามประการ  ประการแรกเป็นเรื่องของอาการบาดเจ็บที่ทำให้ผมรู้สึกล้ามาก  ประการที่สองเพราะผมกลัวว่าพวกเขาจะจับได้เมื่อไหร่ 

     

                    ส่วนประการสุดท้าย..ด้วยเหตุผลเดียวกัน….

     

     

                ผม ‘กลัว’ ..

     

     

     

                    อย่าไปนะ…”

     

                    เสียงผมเครือสินะ  แล้วทำไมตาผมถึงได้พร่าขนาดนี้

     

                    อย่าไปเลย..ไปด้วยกันเถอะ….”

     

                    มือผมคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้ได้  ผมเงยหน้ามองเขา  ดวงตาคู่สวยคู่นั้นทอประกายไหววูบมองผม

     

                    “..ไปกับกูนะ..ถ้า…ถ้า…”

     

                    ลำคอของผมแห้งผาก…น้ำลายก็เหนียวหนืดจนเสียงที่เปล่งออกมาแสนจะติดขัด

     

                    “…ถ้าถูกจับ..ถ้าถูกฆ่า…ถ้า….อุ”

     

                    เสียงผมกลืนหายไปในลำคอวินาทีที่เขาแนบกลีบปากลงมา  ผมเบิกตากว้างกับสัมผัสนั้นแล้วค่อยปรือลง  มือใหญ่ประคองแก้มผมไว้ทั้งสองข้างเพื่อให้ผมรับจูบอ่อนโยนนั้นได้ถนัดถนี่

                    เขายิ้มให้ผม..ผมที่มีคราบน้ำตาไหลอาบแก้ม..  แต่รอยยิ้มนั้นกลับยังส่องสว่างเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน  เหมือนครั้งแรกที่ผมตกอยู่ในอานุภาพของรอยยิ้มนั้น  เหมือนทุกๆครั้ง..ที่ผมเห็นว่ารอยยิ้มนั้นสวยที่สุดในโลก

     

                    นิ้วเรียวเกลี่ยเบาๆที่ขอบตาให้ผม  แล้วกระซิบแผ่ว

     

                    ถ้อยคำที่เป็นประหนึ่งคำมั่นสัญญา..

     

     

     

                    ไม่ตายหรอก  ที่รัก”

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

                    ปังๆๆๆ!!!!

     

                    เสียงปืนดังไกลออกไป….

                    ผมยกมือปิดหูหลับตาแน่น  เสียงลั่นราวกับแผ่นดินจะแตกออกช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก  นอกเหนือจากนั้นมันยังดังมาจากทิศตรงข้ามกับที่พวกเราวิ่งกันอยู่  เสียงฝีเท้าคนจำนวนมากวิ่งไปอีกทาง  เสียงเอะตะโรโวยวายหรือน้ำคำสบถหยาบคายดังระงมไปทั่ว

                    ไม่ตายหรอก..ที่รัก…

                    มึงสัญญาไว้แล้ว…

                    บอกกับกูไว้อย่างนั้นแล้ว…

     

                    คุณกลนวิทย์ครับ!  ตรงนี้มีรถเข็นด้วย”

                    เยี่ยมไปเลย!”

                    กลอนหมุนตัวให้ผมนั่งลงบนรถเข็นขนสินค้าแล้วพากันวิ่งเข็นรถไปยังทางออก  เนื่องจากรถเข็นมันไม่มีราวจับเหี้ยไรเลย  ผมจะหลุดตกลงไปง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย  เลยจิกพื้นไว้แน่น  ทำตัวเองให้มีแรงเสียดทานมากที่สุด

                    ทางไหน?”

                    ขวาครับ  จะถึงทางออกแล้ว..!”

     

                    เราหลุดออกมาจากโกดังได้สำเร็จ  ในที่สุดผมก็ได้ยลแสงอาทิตย์กับเค้าสักที  จากสีส้มแดงของท้องฟ้าสันนิษฐานได้ว่าอีกไม่นานพระอาทิตย์จะตกดิน  ซึ่งพวกเราควรจะหนีให้ได้ก่อนจะถึงเวลานั้น

     

                    พี่สิญจน์!!” ไอ้กลอนตะโกนเรียก  ร่างสูงลุกออกมาจากรถเพื่อรอรับพวกเรา

                    แต่อนิจจา..รั้วเหล็กนี่ช่างโหดร้ายนัก..ขวางทางพวกเราเอาไว้ได้..

                    เดียร์  ปีนไหวป่าววะ”

                    ผมไม่ลังเลเลยที่จะกระตุกยิ้มแหย  แล้วพยักหน้าออกไปแบบลังเลสุดๆ

                    โอเค  คุณลูกหนู  ไวน์มึงขึ้นไปก่อน  ช่วยดึงเดียร์  เดี๋ยวกูกะล่าจะดันข้างล่างเอง”

                    กลอนสรุปสั้นๆชัดถ้อยชัดคำ  ไอ้ไวน์ก็ปีนขึ้นไปตามคำสั่ง  พอมันถึงยอด  ก็ตวัดขามานั่งคร่อมแล้วรอให้ผมปีน  

     

                    ผมน่ะหรอ..ก็เคยปีนต้นม่งต้นไม้ที่สวนอยู่บ้างน่ะครับ  แต่ก็ไม่ได้คลั่งไคล้อะไรมากมาย  หนำซ้ำปกติก็นั่งจ๋องอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ  ปีนรั้วแบบนี้ครั้งสุดท้ายก็ตอนเข้าค่ายลูกเสือ…อื้ม…แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัด    วินาทีนี้เสือกขาเดี้ยงไปข้าง อีกข้างก็เคล็ดบวมยังไม่หาย  ฝืนวิ่งมาได้เมื่อครู่ก็จะตายห่าแล้ว..

     

                    มือผมเกาะรั้วเหล็กมั่น  สอดขาเข้าไปในรูร่องอย่างระมัดระวัง  โดยมีไอ้กลอนคอยช่วยอยู่ข้างล่าง  ค่อยๆไต่ขึ้นไปอย่างยากลำบาก  แล้วไอ้รั่วห่านี่เสือกสูงเกือบ5เมตร…แสรดดด จะสูงไปไหน  จะแข่งกับตึกใบหยกรึไงฟะ!!(เว่อร์ไป)

     

                    เร็วหน่อย  มีพวกมันจำนวนนึงวิ่งมาทางนี้”

                    เสียงใครบางคนที่ผมไม่คุ้นหูดังออกมาจากในรถ  ผมจับมือไอ้ไวน์  แล้วช่วยกันทั้งดึงทั้งผลักผมขึ้นไปนั่งบนขอบจนสำเร็จ

                    เดียร์  โดดลงมาเลย  เดี๋ยวพี่รับเอง”

                    พี่สายสิญจน์พูดพลางถอดแว่นกัดแดดออกโยนเข้าไปในเบาะรถ  แล้วยื่นแขนตรงมาทางผมเต็มที่  ผมน่ะหรอถึงกับนิ่งไปชั่ววูบ  ไอ้กลอนที่ปีนตามขึ้นมาหมั่นไส้นักหนา  ผลักผมลงไปแทบจะในทันที

     

                    เหี้ยยยย!!!”

     

                    ตุ๊บ!

     

                    อย่ามัวโอ้เอ้สิวะสัส!”

     

                    และไอ้ไวน์กับไอ้กลอนก็กระโดดตุ๊บตามผมลงมา  มีลาล่านั่นแหละที่ไต่ลงมาช้าๆเรื่อยๆ  ไม่กล้าบู๊แบบพวกแม่ง  ส่วนผมน่ะหรอ..ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนที่สิญจน์เรียบร้อยโรงเรียนจีน  พี่แกก็วางผมลงบนเบาะหลัง  แล้วขึ้นไปนั่งที่คนขับ

                    กลอน  ไปขับรถสีครามไป”

                    ครับพี่” มันตอบรับแล้วลากไอ้ล่าไปที่รถBMWคันเดิมที่จอดอยู่ด้านหน้า  ถนนเส้นนี้ไม่ได้ลาดยางหรือเหี้ยอะไร..เอาเป็นว่ามันเรียกไม่ได้หรอกว่าถนน  มันเป็นแค่ช่องแคบระหว่างรั้วโรงงานกับผาติดทะเลแค่นั้นแหละ

                    ไอ้ครามมันพกวิทยุใช่มั้ย?”

                    เสียงเดิมนั้นพูดขึ้นอีกรอบ  ผมชะเง้อหน้าไปมอง  ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าคุ้นตาแต่ไม่คุ้นเคยนั่งอยู่ข้างคนขับ  บนตักมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ครุ่นแปลกๆที่ผมไม่เคยเห็น

     

                    ลองวอดูดิ” พี่สิญจน์โยนวิทยุสื่อสารของตนเองให้อีกฝ่าย

                    เขารับเอาไว้  ไม่แม้แต่จะเบือนหน้าหันมามองผมด้วยซ้ำ “ฮัลโหล  สีคราม  ได้ยินรึเปล่า  ฮัลโหล”

     

                    ((…..ซ่า…ซ่า….ครับ…ซ่า…..ยิน….))

     

                    สัญญาณไม่ดีว่ะ” เขาพูด  แล้วกดยึกๆบนแป้นคีย์บอร์ด  เปลี่ยนจากหน้าจอหลากสีเป็นหน้าจอดำสนิท  มีตัวอักษรอัลฟาเบทวิ่งพรืดเต็มหน้า “ตัดสัญญาณแม่ง..ฮัลโหล  ได้ยินรึเปล่า  ชัดมั้ย?”

     

                    ((..ครับ  ชัดเลย))

                    พี่รู้นะว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน  วิ่งตรงไปก่อน  นั่นแหละ  ไปเรื่อยๆ  เลี้ยวซ้าย  เปิดประตู..เป็นโกดังคลังแสง”

                    คลังแสงหรอ?” เสียงคุณลูกหนูที่อ้อมมานั่งข้างผมพูด  หล่อนชะโงกหน้ามองไปด้านหน้า “…นายหมายความว่าไง…”

                    เขาหันมามองลูกหนูด้วยใบหน้านิ่งสนิท  ดวงตาดำขลับคู่นั้นไม่ฉายแววอะไรเลย..สมกับที่ได้รับฉายาคุณชายชาเย็น  แห่งก๊วนรักร้าย.. 

     

                    ผมกับลูกหนูยังไม่ทันจะเก็ทอะไร  พี่แกก็ยกวิทยุจ่อปาก

     

     

                    “…ไอ้บูมมี ‘ปืน’ รึเปล่า”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×