ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Attack on titan เฮฮาไททัน ป่วนหน่วยสำรวจ (เอลวิน x oc)

    ลำดับตอนที่ #10 : ระยะห่างที่มองไม่เห็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      161
      13 มี.ค. 62

         

         สามปีผ่านไปหลังจากที่เจสซิก้าได้แต่งงานกับเอลวินไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านเขตชิกันชิน่าเพราะเจสซิก้าบอกว่าจะได้มารับมาส่งเอลวินทุกครั้งที่ออกไปสำรวจได้ง่ายๆ และทุกครั้งที่เอลวินออกไปสำรวจเจสซิก้าจะมอบเครื่องรางหรือสร้อยคอผลึกโลหิตให้ เพราะมันจะได้ช่วยปกป้องเอลวินแบบทางอ้อม ไททันจะไม่เข้ามาใกล้เอลวินเท่าที่ควร และมันจะทำให้เจสซิก้ารู้ตำแหน่งของเอลวินที่นอกกำแพงด้วย เวลาที่เจสซิก้าออกไปล่าอาหารที่นอกกำแพงจะได้ไม่บังเอิญเจอเอลวินอีก และจะได้กลับมาก่อนที่เอลวินจะเข้ากำแพงอีกด้วย

         ส่วนเจ้าแบล็กถือว่ามีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก แบล็กจะทำหน้าเป็นเหมือนม้าที่จะขนส่งเสบียงให้ สามารถหลบหลีกไททันได้เป็นดี และบางครั้งมันก็ช่วยจัดการไททันให้ แผนการบางอย่างก็เป็นเพราะแบล็กจึงจะสำเร็จไปได้ด้วยดี ทำให้หน่วยสำรวจมีผลงานเรื่องการพบพันธ์ุพืชใหม่(พืชสวนครัวที่โตเร็ว) เศรษฐกิจในกำแพงจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจของเจสซิก้าทีเป็นร้านบาร์และร้านตัดเย็บเสื้อผ้าจึงเติบโตตามไปด้วย เรียกได้ว่าร่ำรวยจนหน่วยสำรวจเองก็พลอยได้ไปด้วย และจนถึงตอนนี่ทางหน่วยสำรวจก็ยังไม่รู้ผู้สนับสนุนหลักเคออสนั้นเป็นใคร
         
         เจคกลายเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย เป็นคนที่เริ่มมีหน้ามีตาในสังคมชนชั้นสูงแต่เจคจะไม่เปิดเผยตัวตนแต่จะใช้วิธีเดียวกับเจสซิก้าคือส่งตัวแทนไปแทนถ้าหากไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆ หน้าที่ของเจคและเจสซิก้าคือการตรวจกิจการว่ามีการทุจริตหรือไม่ และได้มาตรฐานตามที่ตนเองตั้งไว้รึเปล่าตอนนี่ไม่ว่าใครต่างก็อยากเข้ามาทำงานในร้านบาร์JJ กับร้านตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยเงินเดือนและสวัสดิการที่จะได้รับ ลูกน้องของเจคกับเจสซิก้าที่มาทำงานด้วยในตอนแรกก็ได้เลื่อนตำแหน่งที่ดีขึ้น


         "เอลวินตื่นได้แล้วนะ วันนี่นายต้องไปหารือเรื่องการสำรวจครั้งต่อไปไม่ใช่หรือไง"
         เจสซิก้าที่เตรียมอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยปลุกผู้บัญชาการที่หลับอย่างสบายใจ ไม่เหมือนกับเอลวินในตอนแรกที่เอาแต่เว้นระยะห่างอย่างชัดเจนแต่เจสซิก้าก็ไม่ได้เป็นคนดึงดันเอลวินอะไรมาก ก็แค่ทำอาหารเช้าให้กิน ดูแลเอลวินและคอยรับฟังปัญหาต่างๆนาๆที่เอลวินเผลอหลวมตัวเข้ามาในเขตของเจสซิก้าเองโดยที่ไม่ต้องทำอะไร

         "เอลวิน!"
         "ขอนอนต่ออีกนิดไม่เหรอเจสซิก้า"

         ช่างแตกต่างจากที่เจอกันในตอนแรก ถ้าให้คนอื่นมาเห็นคงไม่อยากเชื่อว่าคนๆนี่คือเอลวิน ผู้บัญชาการหน่วยสำรวจที่เอาแต่ตีหน้านิ่งหน้าแข็งหน้าตึ้ง จะมาทำตัวเหมือนผู้ชายอารมณ์ดี ไม่รู้ร้อนรู้หนาว 
         ช่วยกลับมาเป็นเอลวินคนเดิมในตอนแรกได้มั้ย เอลวินที่ตื่นมาก่อนในทุกๆเช้าอะ! ไม่เอาเอลวินตอนนี่! ขี้เกียจปลุกน้าย้าาาา

         "ไม่ได้"
         เจสซิก้าดึงมือของเอลวินที่กอดเอวอยู่ออกไป ก่อนจะยืนขึ้นไปหยิบเสื้อเชิ้ต กับอ่างน้ำมาให้เอลวินล้างหน้า แต่ก็ต้องหยุดมือเมื่อเอลวินเข้ามากอดจากด้านหลัง เอาจมูกมาซุกซอกคอดมกลิ่นหอมมินต์กลิ่นประจำตัวของเจสซิก้า
         "เธอยังไม่เลิกสูบบุหรี่อีกเหรอ เจสซิก้ารู้มั้ยว่ามันไม่ดีต่อร่างกาย"
         เอลวินนายกลายเป็นคนหื่นตั้งแต่เมื่อไหร มือนายนะมือมันล้วงเข้ามาแล้วนะ เดียวก็เจองูฉกหรอก

         "นายอยากให้ฉันเลิกไหมละ ถ้าอยากฉันจะไม่ได้ไม่สูบอีกต่อไป"
            
         ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ในใจของเอลวินรู้สึกรัก หลงใหลเจสซิก้ารู้ตัวอีกทีระยะห่างที่เอลวินมีให้เจสซิก้านั้นก็อยู่ประชิดใกล้ตัวเจสซิก้ามากขึ้น แต่ระยะห่างที่เจสซิก้ามีให้เอลวินนั้นยังมีอยู่เท่าเดิม เอลวินเป็นเพียงแค่สามีหลังแต่งงานไม่มีอะไรมากเกินไปนั้น แม้ใจตัวเองจะรู้ดีว่ารู้สึกยังไงแต่มันก็ถึงปิดผนึกอย่างแน่นหนา

         "ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ"
         ว้าว ตอนนี่เอลวินวิวัตนาการแล้วล่ะ สามารถพูดภาษาดอกไม้เป็นด้วย
         "งั้นเหรอ ลุกขึ้นมาแล้วก็รีบๆแต่งตัวซะ วันนี่ฉันต้องไปช่วยเจคที่ร้านบาร์นายเข้าไปนอนก่อนก็ได้นะ กว่าฉันจะกลับคงเป็นตอนเช้า"
         "พนักงานที่ร้านไม่พอเหรอเจสซิก้า"
         "เป็นร้านเปิดใหม่นะ เห็นว่าเจคอยากจะพูดถึงเรื่องการสร้างห้องพักไว้สำหรับคนเมาด้วย"

         เจสซิก้าเติมน้ำเปล่าให้เอลวินเมื่อเห็นว่าเอลวินดิ่มน้ำจนหมด ทำหน้าที่ของคนเป็นภรรยาที่ดีถึงจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่หลังๆมานี่เอลวินมักจะชอบลวมลามอยู่บ่อยๆทำให้เจสซิก้าอยากจะชกจมูกที่โด่งๆนั้นให้หักไปสักครั้ง
         "ช่วงนี่เห็นว่าเธอกำลังวาดรูปอะไรสักอย่าง"
         คงได้กลิ่นสีไม่ก็เห็นรอยเปื้อนที่เสื้อสินะ 

         "ความลับฉันไม่ให้ดูหรอก"
         "บอกไม่ได้เหรอว่ารูปอะไร"
         รูปมหาสมุทร กับยอดภูเขาที่มองเห็นทะเลนะ

         เจสซิก้าบอกในใจแต่ปากก็บอกปฎิเสธออกไปตามเคย เอลวินยิ้มอย่างอ่อนใจหากเรื่องไหนที่เจสซิก้าบอกปฏิเสธนั้นก็คือเธอจะไม่มีวันบอกเป็นเด็ดขาด ต่อให้ถามทุกวัน หรือใช้ทุกวิธีการที่จะทำได้ก็จะไม่ได้ผลอยู่ตลอด เอลวินได้เรียนรู้จากเจสซิก้าอย่างหนึ่งคือเธอยังเป็นคนที่ลึกลับเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย

         "ฉันไปก่อนนะเจสซิก้า"
         เอลวินที่ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย จูบหน้าผากเจสซิก้าที่ตัวเล็กกว่าก่อนจะเดินออกไปเจสซิก้าเอามือไปถูหน้าผากที่ถูกจูบไปเมื่อกี้ ก่อนจะไปเปิดพรมตรงหน้าห้องนอนของทั้งสองคน ใต้พื้นพรมมีร่องให้จับอยู่นิดหน่อยแต่ถูกอุดด้วยดินเหนียวเพื่อป้องกันไม่ให้เอลวินเอะใจว่าทำไมใต้พรมผืนนี่มีประตูที่จะไปยังห้องใต้ดินได้
         
         เจสซิก้าจัดการเปิดประตูที่หนักเกินกว่าที่คนธรรมดาจะเปิดได้ออกมา มีบันไดลิงให้ไต่ลงไป เจสซิก้าเปิดสวิตช์ไฟเพื่อให้แสงสว่าง รูปภาพมากมายปรากฏสู่สายตาของเจสซิก้าทั้งภาพวาดทิวทัศน์ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ หรือแม้กระทั้งภาพของบุคคลที่ตายไปแล้ว และหนึ่งในนั้นก็มีรูปภาพของคริสที่ตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว ถึงเอลวินจะมีแผนการที่ดีแค่ไหร มีตัวช่วยที่ดีมากแค่ไหนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความสูญเสียไปได้
         ภาพของทุ่งหญ้าทีกว้างใหญ่จากมุมมองบนกำแพง 50 เมตร ถ้าเอลวินมาเห็นเข้าคงต้องมีคำถามอย่างแน่นอนว่าขึ้นไปข้างบนกำแพงได้อย่างไร

         ถัดมาเป็นอุปกรณ์สามมิติที่เจสซิก้าไปซื้อมาจากเมืองใต้ดิน คนที่ช่วยจัดหาซื้อมาให้ก็เป็นเคนนี่นั้นแหละ เพราะยังติดค้างเรื่องปืนพกที่เคนนี่ไปขโมยมาจากห้องประดิษฐ์อยู่ เลยใช้ให้เคนนี่ไปซื้ออุปกรณ์สามมิติมาสำหรับสองคน

         ตอนแรกที่ได้มาเจคกับเจสซิก้าได้ทดลองใช้อุปกรณ์สามมิติดูถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทั้งสองคนสามารถใช้งานอุปกรณสามมิติได้เป็นอย่างดี ชนิดว่าออกไปนอกกำแพงไม่ตายชัวเพิ่มเติมคือถ้าหน่วยสำรวจรู้เข้าคงได้มีอาชีพใหม่กันเลยทีเดียว

         และมันยังมีเส้นทางที่จะออกไปนอกกำแพง เจสซิก้าใช้พลังธาตุดินสร้างอุโมงทางเดินเชื่อมต่อไปยังนอกกำแพงมีจุดหมายอยู่สองที่คือโพรงในต้นในในป่าต้นไม้ยักษ์ กับในบ้านพักตรงชายหาดมีเส้นทางเชื่อมต่อกับที่ร้านบาร์ คนธรรมดาอาจจะเหนื่อยนิดหน่อยถ้าเดินเท้าไปเอง 2-3 วันคงจะถึงที่หมาย
         แต่วันนี่เธอมีนัดกับเจคจริงๆ เจสซิก้าจึงแค่เข้ามาเก็บงานภาพนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำที่เอลวินชอบบ่นว่าทำไมถึงชอบอาบน้ำบ่อยและนาน แน่นอนว่าในของเจสซิก้าก็จะด่ากลับไปทุกครั้งว่า ยุ่ง

         "สวัสดีเจสซิก้า วันนี่จะไปร้านบาร์หรือ"
         "สวัสดีฮันเนส เมาตั้งแต่เช้าเลยนะ"
         เสซิก้าทักทายทหารขี้เมาที่ตั้งวงเหล้าดื่มกลางตลาด กลิ่นเหล้าที่โชยออกมาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายดื่มเยอะแค่ไหน

         "เอาคืนมานะ!"
         เสียงที่เจสซิก้าคิดว่ารู้จักดังขึ้นมาจากในซอกตึก เจสซิก้าจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นหนึ่งฉากย้อนความหลังของมิคาสะและอาร์มินที่อาร์มินถูกพวกเด็กเกเรแย่งขนมปังไป อาร์มินก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารนะเผลอๆอาจจะน่าสงสารที่สุดในเรื่องด้วย ไปช่วยหน่อยดีกว่า

         "ขนมปังนั้นนะที่บ้านของอาร์มินสามารถกินไปถึงสามวันเลยนะ"
         "งั้นเหรอเดียวฉันคืนให้ แต่รอเดียวนะพอดีว่ามันลงท้องไปแล้วเดียวขออ้วกออกมาก่อนนะ"
         เด็กเกเรสามคนพากันหัวเราะอย่างสะใจ เอเลนที่กำลังโมโหเข้าไปกระชากคอเสื้อทันทีแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรก็มีมือๆหนึ่ง คว้าตัวเด็กสามคนไปไปก่อน

         "ถ้าหากนายหิวขนาดนั้นไม่เห็นต้องมาแย่งคนอื่นเลยนี่นา กินเข้าไปแล้วก็ไปซื้อมาใช้ซะหรือจะให้ฉันไปบอกที่บ้านของพวกนายว่า ลูกคุณนั้นเป็นเด็กเกเรแย่งของกินคนอื่น"
         เจสซิก้าจับคอเสื้อของทั้งสามคนด้วยมือเดียว เด็กที่เป็นหัวโจกดิ้นไปมาแถมยังด่าอีกฝ่ายอย่างไม่รู้สำนึกผิด
         "ยุ่งอะไรด้วย! นี่มันเรื่องของเด็กน่ะเว้ยผู้ใหญ่ไม่เกี่ยว"
         เมื่อเจสซิก้าเล็งเห็นว่าอีกฝ่ายคงเน่าลงไปถึงสันดาน จนแก้ได้ยากคงต้องมีแต่พาตัวไปที่บ้านของคนแต่ละคนแล้วให้ผู้ปกครองสั่งสอนแทนวันนี่เธอยังมีเวลาอีกเยอะ
         "เอาเงินนี่ไปซื้อขนมปังซะ ไม่ต้องคืนหรอกเพราะเดียวฉันจะไปเก็บเงินจากพ่อแม่ของเจ้าพวกนี่เอา"

         "โอย ปล่อยนะเว้ย ทำไมแรงเยอะอย่างนี่เนี่ย"
         เด็กเกเรยังไม่หยุดดิ้นไปมา ปากที่ว่างไว้อยู่ก็พูดเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านเริ่มเข้ามามุงดูว่าเกิดอะไร เจสซิก้ามองชาวบ้านที่ต่างมุมดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นด้วยความรำคาญแค่ที่รำคาญที่สุดก็ต้องเป็นไอหัวเหลืองหัวโจกนี่แหละ

         "เงียบ!! หรือนายอยากจะฉันให้ประกาศตรงนี่ละว่า นายมันเป็นเด็กนิสัยไม่ดีทำตัวเป็นที่อับอายของพ่อแม่ รังแกคนทืี่อ่อนแอกว่าไปทั่ว!"
         เด็กทั้งสามหุบปากหยุดดิ้นทันทีเมื่อเจอผู้ใหญ่ที่ไม่เคยรู้จักตะคอกใส่ ไม่ใช่การตะคอกใส่อย่างที่ผู้ใหญ่ทั่วไปทำแต่มันคือการขู่ทางอ้อมว่าถ้าพวกนายยังไม่หยุดแหกปาก  กลับบ้านไปพวกนายจะได้ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านอย่างแน่นอน

         "ฮันเนสนายเองก็หัดสั่งสอนพวกนี่ซะบ้าง อย่าเอาแต่ยุให้เด็กมันตีกันสิ"
         "อ้าวเอ้ย ไหนฉันโดนไปด้วยละเนี่ย ฮ่า ฮ่า"


         เมื่อเจสซิก้าจัดการพาเด็กไปส่งที่บ้านเรียงตัว พร้อมกับฟ้องถึงพฤติกรรมที่แสนจะน่าอับอายของเด็กๆให้ฟัง สีหน้าที่ยิ้มแย้มของคนเป็นแม่เป็นพ่อก็บูดตึ้งทันทีเมื่อลูกของตนเองทำเรื่องงามไส้ให้เข้าแล้ว แถมอีกฝ่ายก็ยังเป็นถึงภรรยาของผู้บังคัญชาการทีมสำรวจที่ตอนนี่ทีมสำรวจกำลังได้รับความนิยม และความดีความชอบจากประชาชนอีก
         เจสซิก้าปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เด็กๆทำนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการ เสียงไม้เสียงตีเสียงดุด่าลอยออกมาจากบ้านแต่ละคน เจสซิก้าได้แต่หวังว่าพวกเด็กๆจะรู้จักเรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี่

         "พี่สาวครับ"
         เสียงหวานตามวัยเด็กของอาร์มิน กับเสียงหือหอบบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายวิ่งตามเธอมา เอเลนกับมิคาสะก็ตามมาด้วยเช่นกันตามประสาของคนเป็นเพื่อน
         "ว่าไง ตอนนี่ฉันมีธุระมีอะไรจะพูดก็รีบพูดเถอะ"
         "ขะ ขอบคุณมากๆเลยนะครับ!"

         มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคนที่ขอบคุณนั้นมีเพียงแค่อาร์มิน แต่เอเลนก็กลับขอบคุณด้วยเช่นกันมิคาสะที่ไม่ค่อยพูดอยุู่แล้วก็ก้มหัวแทนคำขอบคุณ เจสซิก้าไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่า จึงโบกมือกลับเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร 

           แต่เด็กทั้งสามคนกลับขอติดตามด้วยโดยคนทีเป็นหัวโจกคือเอเลน เพราะเอเลนรู้มาว่าเจสซิก้าเป็นภรรยาของเอลวิน สายตาที่เอเลนมองเจสซิก้าตอนนี่อย่างกับหมาน้อยที่ได้พบกับเจ้าของ เจสซิก้าทั้งบอกปฏิเสธทั้งไล่ก็แล้ว แต่เด็กๆทั้งสามกลับจะขอตามไปด้วยอย่างเดียว


         หน้าจะด้านอะไรขนาดนี่เอเลน! พ่อนายยังไม่ด้านเท่านี่เลยนะ

         "จะตามมาก็ตามใจ อย่าไปรบกวนคนที่ทำงานแล้วกัน"
          "ครับ/ค่ะ"



         "ขอโทษที่มาช้านะเจค พอดีมีปัญหานิดหน่อย"
         "ปัญหาที่เธอพูดเนี่ยใช่พวกเด็กที่ตามหลังเธอใช่มั้ย"
         เจคชี้ไปที่ด้านหลังของเจสซิก้า เจสซิก้าตอบคำถามทางสีหน้าว่าใช่ ถึงจะผ่านมาหลายปีแต่เจคก็จำได้เป็นอย่างดีว่าเด็กพวกนี่ คือตัวละครหลักที่มีบทบาทสำคัญที่ดูไปแล้วอาจจะมีขัดใจบ้างในเนื้อเรื่องจริง

         "ให้พวกเด็กๆไปที่ห้องทำงานของเธอก่อนมั้ย ไหนๆก็มีความฝันแบบนั้นแล้วทั้งที่"
         "เอางั้นเลยเหรอเจค"
         ตอนนี่ที่ห้องทำงานของเจสซิก้าเป็นอาณาเขตหวงห้ามที่ห้ามเข้าไปโดยเด็ดขาด เพราะในห้องทำงานของเธอตอนนี่มีแต่รูปวาดต่างๆนาๆ ของโลกนอกกำแพงเต็มไปหมด แถมยังมีรูปวาดของพวกทหารฝั่งมาเลย์ที่เจสซิก้าได้ไปมาโดยการแอบลักลอบขึ้นเรือของทหารมาเลย์ตอนที่พวกเขาพานักโทษมาปล่อยที่เกาะแห่งนี่ ขาไปครั้งนั้นได้ประสบการณ์มาเต็มที่เลยล่ะชนิดที่ว่า ก่อนกลับเจสซิก้าระเบิดตึกวิจัยไททันเป็นของขวัญให้ก่อนจากลาด้วย

         "พวกเขาอยากรู้อยากเห็นนี่นา ให้พวกเขาได้เห็นเถอะนะว่าอย่างน้อยความฝันของพวกเขามันคุ้มที่จะเสี่ยง"
         เจคคงเห็นว่าเป็นเพราะเด็กพวกนี่มีความฝัน ไม่เหมือนตนเองที่ไม่มีความฝันความคิดอะไร เลยอยากจะส่งเสริมสินะ
         "พูดขนาดนี่ ก็ตามใจนายแล้วกัน อาร์มิน เอเลน มิคาสะมานี่หน่อยสิ เดียวฉันจะไปคุยงานกับเจคสักเดียวเพราะงั้นเดียวพวกเธอรออยู่ที่ห้องทำงานนะ หยิบอะไรออกมาแล้วเก็บเข้าที่เดิมด้วยละ"
         เจสซิก้าพาเด็กๆทั้งสามไปยังห้องทำงานที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากในตอนแรก พื้นพรมสีดำหรู ชั้นหนังสือที่เก็บรูปเก็บข้อมูลต่างๆของโลกกำแพงไว้มากมาย เพราะฉะนั้นถ้าเอลวินมาที่นี่อีกครั้งเจสซิก้าจะรีบล๊อคห้องจากด้านในไม่ให้เข้าไปโดยเด็ดขาด
         
         "สุดยอดไปเลย"
         "เอเลนอย่าไปหยิบอะไรตามใจชอสิ"
         อาร์มินพูดเตือนเอเลนที่ตอนนี่ไปหยิบกล่องกลปริศนาที่มีสีที่ต่างกันสี่ด้าน บนโต๊ะของเจสซิก้าเมื่อพบว่ามันสามารถเคลื่อนไปเปลี่ยนมุมได้ ทั้งสามคนเล็งความสนใจมาที่กล่องกลแปลกที่หมุนได้รอบทิศ
         อาร์มินสังเกตเห็นสมุดสีดำที่เล่มใหญ่กว่าหนังสือทั้งหมด อาร์มินที่พูดเตือนเอเลนใรตอนแรกเดินไปหยิบอย่างสงสัยเหมือนมีบางอย่างดึงดูดให้อาร์มินเดินไปหยิบ
         "เอเลน มิคาสะดูนี่สิ!"
         ภาพวาดสีน้ำ ภาพชายหาดที่เจสซิก้าได้วาดเอาไว้ดวงตาของอาร์มินเป็นประกายเมื่อได้สิ่งที่มันบรรยายอยู่ในหนังสือของคุณปู่ มหาสมุทรที่กว้างใหญ่พศาล สีน้ำเงินของมหาสมุทรในภาพวาดที่น่าหลงใหล 

         "มหาสมุทรละ"
         "แล้วนี่ละ"
         เอเลนพลิกถัดไป เป็นภาพภูเขาไฟที่มาจากความทรงจำของเจสซิก้า
         "ธารลาวา!"
         
         เสียงเจื้อแจ้วดังออกมาไม่ขาดสาย เจสซิก้าที่ยินอยู่หน้าห้องกับเจคหันมายิ้มอย่างมีความสุขกับความไร้เดียงสาของเหล่าเด็กน้อยสามคนนี่
         และอีกไม่นานความไร้เดียงสาก็จะถูกกลืนกินด้วยความกลัว


          เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเจสซิก้ากับเจคที่หารือเรื่องห้องพักเสร็จกับคนงานก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ที่เหลือก็แค่รอดูผลงานของพวกเขา

          เจสซิก้ากับเจคขี่ม้ากลับมาที่ร้านบาร์ มันอาจจะดูแปลกที่มีคนขี่ม้าสวนกันคนอื่น แต่พวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆต่างก็ไม่แปลกใจแล้ว เพราะทุกคนต่างรู้จักทั้งสองคนว่าเป็นเจ้าของร้านบาร์และเจ้าของโรงงานผลิตเหล้า มีแต่คนทักทายตามประสาคนรู้จัก


          "ปานนี่ห้องเละหมดแล้วมั้ง"

          "ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงค่อยใช้ให้พวกเขาเก็บห้องก็ได้"

           เจสซิก้าไม่ได้คาดหวังอะไรมากว่าทั้งสามคนจะไม่รือห้องทำงานของเธอ ถ้าได้เห็นรูปภาพวาดกับของเล่นต่างๆนาๆ มันก็ต้องมีรืนค้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นบางละ


            "ไง ดูพวกเธอสนุกกันจังนะ"

            ดูสนุกกันการรือห้องของฉันมากเลยนะ 

            อาร์มิน เอเลน มิคาสะ ที่เห็นว่าเจ้าของห้องกลับมาแล้ว ก็ได้แต่ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเพราะห้องทำงานของเจสซิก้าที่เรียบร้อยในตอนแรก ตอนนี่มันเละเทะไปหมด หนังสือทุกเล่มถูกเอาออกมาอ่าน ของเล่นต่างๆก็ถูกเอาออกมาเล่น

             

             "เจคไปชงโกโก้ให้เด็กๆพวกนี่หน่อยสิ"

             "ได้ครับ อย่าดุเด็กให้มากล่ะ เดียวมิคาสะกระโดดถีบนะขอเตือน"

              มิคาสะเป็นเด็กเรียบร้อยจะตาย เธอคงไม่กระโดดถีบเพราะฉันดุหรอก


             "เอาละทุกคนได้เวลาเก็บกวาดแล้วนะจ้ะ"

              ทั้งสามคนต่างตั้งใจเก็บของไว้ที่เดิม เจสซิก้าเก็บหนังสือต่างๆนาๆ ไปไว้ที่ชั้นหนังสือ อาร์มินเดินเข้ามาหาอย่างกล้าๆกลัวๆ ในมือก็ถือสมุดวาดรูปของเจสซิก้าเอาไว้ ไม่ต้องเดาเลยว่าอาร์มินจะพูดอะไรออกมา


            "สมุดเล่มนี่ผมขอได้มั้ยครับ"

            ถ้าหากมันมีสายตาอ้อนวอนแค่สายตาเดียวเธอคงไม่คิดอะไรมากหรอก แต่สายตาอีกสองคู่ก็มองด้วยสายอ้อนวอนกับของมืออย่างละชิ้นอีกต่างหาก

            พวกเราพึ่งเจอกันวันนี่เองนะพวกเธอ......


           "ถ้าอยากได้ก็เอาไป"

           เอเลนเป็นมีดพับ มิคาสะเป็นหนังสือสอนเย็บปักของชาวตะวันตก(อันนี่ก็ไปขโมยเขามา)  อาร์มินก็สมุดวาดภาพ ของแต่ละชิ้นล้วนเป็นของที่ไม่สามารถเอาไปเปิดให้คนอื่นๆดูได้เลย

          เจสซิก้าจึงบอกให้เก็บของพวกนี่เป็นความลับยกเว้นคนในครอบครัว มีความลับกับครอบครัวมีแต่จะอึดอัด ให้รู้กันในครอบครัวแล้วพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีเรื่องราวให้คุยกันมากขึ้นยังจะดีกว่า


                "นี่พี่สาวพี่สาวชื่ออะไรเหรอ"

                "เรียกพี่สาวไปก็แล้วกัน ชื่อฉันมันเรียกยาก"

                เปล่าหรอกไม่อยากมีปัญหาในอนาคตข้างหน้าเฉยๆ

                "พี่สาวบ้านอยู่ในเขตชิกันชิน่าใช่มั้ยครับ"

                เอเลนเข้าถามบ้าง เจสซิก้าที่เดินมาส่งเด็กๆครุ่นคิดว่าควรตอบอย่างไรดี ตอบไปแล้วเด็กพวกนี้มันจะมาหาเธอถึงบ้านรึเปล่า เอเลนก็เป็นแฟนคลับหน่วยสำรวจอีกด้วย ถ้าให้พวกเอเลนไปเจอกับเอลวินมันจะมีผลกระทบอะไรกับเนื้อเรื่องรึเปล่า


                  บอกๆไปแล้วรอลุ้นผลลัพธ์แล้วกัน


                 "ใช่"

                 สีหน้ายิ้มแย้มอย่างดีใจปรากฏออกมาให้เห็น สงสัยในใจคงคิดจะหาทางไปเยี่ยมเจสซิก้าที่บ้านให้ได้สักวันละมั้ง

                 เจสซิก้ามาส่งพวกเอเลนตรงประตู ก่อนจะแยกย้ายกันไป ตอนนี้ก็ใกล้จะค่ำแล้วร้านบาร์สาขาใหม่ คงเต็มไปด้วยลูกค้าแน่นอน เจสซิก้ารีบมุ่งหน้าไปที่ร้านบาร์ด้วยกำลังขาของเธอ อย่างรวดเร็วเพื่อไปช่วยลดภาระน้องชายตนเอง


               วันต่อมาเจสซิก้ากลับไปที่บ้านที่เขตชิกันชิน่า ในช่วงเข้ามืดเพราะต้องไปเตรียมอาหารเช้าก่อนที่เอลวินจะตื่น เจสซิก้าไม่ชอบกินขนมปังที่ขายตามตลาด มันทั้งแข็งทั้งฝาด บางทีแป้งก็ไม่สุกอีก มีวันหนึ่งที่เอลวินคิดว่าเจสซิก้าจะกลับมาในตอนเที่ยง เอลวินจึงไปซื้อขนมปังจากตลาดมาเป็นอาหารเช้า

                 เจสซิก้าที่ได้ลองกินขนมปังของที่นี่เป็นครั้งแรกก็สัญญากับเอลวินทันทีว่าจะกลับมาทำอาหารเช้าที่อร่อยกว่าเจ้าขนมปังก้อนหินนี่ให้กินทุกวัน ไม่ว่าจะงานยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม


                ซุปผัก กับข้าวต้มร้อนๆ กาแฟนี่แหละถึงจะสมเป็นอาหารมื้อเช้า!!!

                "อรุณสวัสดิ์เจสซิก้า"

               เอลวินที่ตื่นขึ้นเพราะกลิ่นหอมของซุป เข้ามากอดเจสซิก้าเหมือนที่ทำในทุกๆวัน 

               "ไม่มีของเจสซิก้าเหรอ?"

               เอลวินที่สังเกตเห็นอาหารมีเพียงแค่ของเอลวินคนเดียวถามคนทำอย่างสงสัย


               กินมาแล้วจากนอกกำแพงนะ พอดีว่ากินแหลกไปหน่อย

               "กินมาจากที่ร้านแล้ว นายกินเถอะ"

               เจสซิก้าจัดการเติมนมลงไปในกาแฟให้ เพราะเอลวินไม่ชอบกินกาแฟดำ ต่างจากเธอเอลวินมองการเอาใจใส่จองเจสซิก้าด้วยแววตาที่อบอุ่น แต่อีกฝ่ายทำเป็นมองไม่เห็นไม่อยากรับรู้


               "ไปโดนพวกขุนนางพูดอะไรอีกละ นายดูหงุดหงิดนะเอลวิน"

               อันที่จริงช่วงหลังๆเอลวินมักจะมีท่าทีหงุดหงิด เหนื่อยล้าออกมาให้เห็น ถึงจะไม่แสดงออกแต่ดวงตาของเอลวินก็สื่อออกมาชัดเจน


               "ทำไมถึงรู้ละว่าอีกฝ่ายเป็นขุนนาง"

               "พวกที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ และมีอำนาจสั่งการตามใจชอบ มีไม่กี่คนหรอกนะอย่าลืมสิว่าฉันมาจากกำแพงชั้นใน"

                เอลวินไม่ตอบแต่ยิ้มออกมาบางๆ เจสซิก้าคิดว่าหากเอลวินเป็นอย่างนี่คงต้องปลอบใจ ไม่ก็ให้กำลังใจ

                คิดได้ดังนั้นเจสซิก้าก็ดันหัวเอลวินให้มากอดเพราะตอนนี่เธอยืนอยู่ ตำแหน่งหัวของเอลวินจึงตรงกับจุดลิ้นปี่หรือตรงอกพอดี ให้พอได้ยินเสียงหัวใจ


                ไม่ต้องให้พูดอะไรมากเอลวินกอดเจสซิก้าซุกหน้าลงไปราวกับเด็กน้อย เจสซิก้ารู้ดีว่าตอนนี่เอลวินกำลังเหนื่อยจากหน้าที่และแรงกดดันจากเบื้องบนที่เห็นแก่ตัว ตอนนี่หน่วยสำรวจที่ควรจะได้ค้นหาความจริงว่าไททันเกิดมาจากอะไร กลายเป็นหน่วยที่ต้องออกไปค้นหาพันธ์ุพืช สิ่งมีชีวิตใหม่ๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติ 

                  ความฝันของเอลวินคือได้รู้ความจริงของโลกใบนี่ ไม่ใช่ออกไปพจญภัยหาของมาให้คนอื่นมาใช้มากิน


                  "กำหนดวันออกสำรวจรึยัง"

                  "กำหนดการคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า และคิดว่าจะทดลองตั้งแคมป์ดูสังเกตการณ์พวกไททันด้วย"

                  เอลวินแต่งตัวสวมเสื้อคลุมของหน่วยสำรวจ สัญลักษณ์ปีกเสรีสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเจสซิก้าในความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในทุกวัน

                 เหมือนรางบอกเหตุบางอย่าง

                 "เอลวินถ้าหากว่าวันหนึ่งไททันได้บุกเข้ามาในกำแพง...แล้วฉันตายนายจะทำยังไง"

                 "ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด"

                 สายตาของเอลวินมองมาที่เจสซิก้าอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เอลวินในตอนนี่เหมือนคนกำลังหลงในรสชาติของความรักที่หอมหวาน โดยไม่มีการเตรียมใจเผื่อเหตุการณ์ที่ไททันจะบุกเข้ามาในกำแพง จะเรียกว่าขาดความรอบคอบก็ไม่ได้


                 ต้องบอกว่าติดกับตามหมากที่เจสซิก้าวางไว้ตามบทบาทที่เธอวางเอาไว้


                  เอลวินฉันจะไม่ขอให้นายยกโทษให้หรอกนะ









                


               

            


         
         
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×