ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่มาเป็นสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง

    ลำดับตอนที่ #47 : นรก(รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 694
      46
      7 พ.ค. 64

         เซี่ยจื้อชกเข้าไปที่ท้องเต่าดำ แขนทั้งสองข้างกลายเป็นกรงเล็บมังกรซุยฟ่งสร้างหอกลมปราณคุมหอกแทงทะลุอกเซี่ยจื้อ แต่หอกลมปราณถูกบางอย่างที่มองไม่เห็นกระแทกสลายหายไป

         "ข้าไม่คิดว่า พวกเราจะเอาชนะเซี่ยจื้อได้"เหม่ยเหมยกลายเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยปกป้องตนเองและหยางซือ

         "ข้ามีแผนขอรับ"หยางมือบอกแผนการแก่เหม่ยเหมย เมื่อได้ยินทั้งหมดเหม่ยเหมยแทบไม่อยากเชื่อและไม่อยากทำด้วยแต่มันไม่มีทางเลือกหากต้องการมีชีวิตรอด

         เฟิงหู่พุ่งเข้าไปกระชากหัวเซี่ยจื้อจนขาดออกจากลำตัว เต่าดำเล็งค้อนทุบขยี้หัวของเซี่ยจื้อโดยที่ยังอยู่ในมือเฟิงหู่ ซุยฟ่งรีบสร้างเสาผนึกร่างกายของเซี่ยจื้อพร้อมกับใช้เพลิงชำระล้างเผาร่างไปด้วย

         "ท่านซุยฟ่ง!"

         หนามสีดำพุ่งออกมาจากร่างเซี่ยจื้อหลิ่งเฟยรีบดึงซุยฟ่งให้พ้นจากหนามอันใหญ่ แต่มันสามารถออกมาจากร่างของเซี่ยจื้อได้รอบทิศ เต่าดำเข้าไปบังทั้งสองคนในขณะที่ไท่หลงใช้คุกวารีกักขังพลังของเซี่ยจื้อ

         "อึก"หนามสีดำทะลุร่างเต่าดำ เลือดสีแดงหยดใส่เสื้อคลุมซุยฟ่ง หยางซือส่งสายตาให้เหม่ยเหมยรีบออกไปจากที่นี่ทันทีเหม่ยเหมยรีบวิ่งออกไปจากที่นี่ก่อนจะมองตาเฟิงหู่พร้อมกับพูดบางอย่าง

         ไท่หลงเพิ่มความแข็งแกร่งของคุกวารีด้วยการสร้างเสาทั้งสี่ม่านพลังปกคลุมคุกวารีอีกทีหนึ่ง แต่ร่างกายของเซี่ยจื้อยังไม่ตายและยังพยายามออกมาจากคุกวารีด้วยการใช้ลมปราณผลักดันออกมาและหนามสีดำพุ่งออกมาโจมตีรอบทิศไม่เว้นแม้แต่ด้านบน

         "อย่าโดนมันนะมันมีพิษ!"เต่าดำตะโกนบอกไท่หลงแต่ช้าไป ไท่หลงที่กลับมาใช้ร่างมนุษย์ถูกหนามแทงทะลุขา เฟิงหู่คอยระเบิดลมปราณเป็นโล่กำบังให้กับตัวเองหยางซือเข้าไปประชิดตัวไท่หลงดึงหนามออกมาจากขา มือที่จับหนามถูกกัดกร่อนด้วยพิษที่เคลือบไว้แต่ก็แบกไท่หลงไปยังหาเต่าดำก่อนดึงหนามที่เสียบอยู่ออกมาจากท้องเต่าดำ

         "ฝากท่านไท่หลงไว้สักครู่นะขอรับ"

         ซุยฟ่งรับไท่หลงมาตรวจดูอาการ มีเหงื่อออกตามตัวปากซีดลมปราณในร่างกายแปรปรวนหลิ่งเฟยรีบใช้วิชารีดพิษกับเต่าดำก่อนเพราะมีอาการหนักกว่าไท่หลงจนตอนนี้ถึงขั้นไม่สามารถพูดได้

         ในระหว่างที่สองสัตว์เทพอสูรทำการรักษา หยางซือหยุดการกัดกร่อนของพิษที่มือตามองหลิ่งเฟยที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารักษาเต่าดำในใจรู้สึกเจ็บปวด แต่ทางเลือกในตอนนี้มีไม่มากนัก

         ข้าน่าจะหาเวลาอยู่กับท่านให้มากกว่านี้

         ม่านพลังของไท่หลงระเบิดออกมาพร้อมกับคุกวารีหยางซือสร้างม่านพลังป้องกันหนามไม่ให้ขัดขวางการรักษาของหลิ่งเฟยและซุยฟ่ง มืออีกข้างถือกล่องหกเหลี่ยมไว้แน่นในใจอยากจะเข้าไปกอดหลิ่งเฟยเป็นครั้งสุดท้ายแต่ถ้าหากขยับไปจากจุดเดิมม่านพลังก็จะหายไป

         อยากกอด

         อยากอยู่ด้วยกันมากกว่านี้

         "ข้ารักเจ้ามากนะหลิ่งเฟย"

         หลิ่งเฟยที่กำลังตั้งใจรักษาเต่าดำเงยหน้ามองที่มาของประโยคคำพูด สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือรอยยิ้มและความมืดจากประตูนรกที่เข้ามาปกคลุม ด้วยสัญชาตญาณของคนที่เคยเป็นหมอชีวิตของคนไข้ต้องมาก่อน เมื่อเข้ามาอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักหลิ่งเฟยกอดเต่าดำเอาไว้ด้วยความกลัว ซุยฟ่งกอดไท่หลงเอาไว้แน่นแขนอีกข้างกอดหลิ่งเฟยตาพยายามเพ่งมองในความมืด ร่างกายไท่หลงเริ่มเย็นลงจนน่าเป็นห่วง 

         แสงสว่างที่เป็นทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียวเล็กลงเรื่อยๆ หลิ่งเฟยมองไปยังแสงสว่างรู้สึกหัวใจหนักอึ้ง ร่างกายของเต่าดำเย็นราวกับน้ำแข็งดั่งเข็มนับพันทิ่มเข้าไปในอก

         "อย่างพึ่งร้อง"

         เปลวเพลิงล้อมรอบปกคลุมความอบอุ่นลบล้างความหนาวเหน็บ ซุยฟ่งกระชับแขนกอดหลิ่งเฟยไท่หลงให้แน่นขึ้นไปอีกในฐานะสัตว์เทพอสูรที่อยู่มานานที่สุดพอเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของหลิ่งเฟยในเวลานี้ว่ายากที่จะตั้งสติว่าควรทำอะไรก่อน

          ลมหายใจแผ่วเบาของเต่าดำดึงสติหลิ่งเฟยให้กลับมาอย่างสมบูรณ์ เฟิงหู่หิ้วไป๋หู่เข้ามาก่อนที่แสงสว่างของประตูจะปิดลง มีเพียงแค่แสงสว่างจากเปลวเพลิงของซุยฟ่งและแสงสะท้อนเส้นผมของหลิ่งเฟย

         "เป็นอะไร"

         เฟิงหู่ปล่อยไป๋หู่ถามสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่กำลังทำหน้าตาเหมือนกับตอนที่เจอเหม่ยเหมยครั้งแรก หน้าตาที่กำลังสื่ออารมณ์ที่เฟิงหู่ไม่รู้จัก

         "ข้ารู้สึกเศร้า"

         แม้ว่าจะพูดออกมาว่ากำลังรู้สึกเช่นไร แต่ไป๋หู่กลับสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่ความเศร้า

         ความมืดค่อยๆหายไป ทิวทัศน์รอบตัวกลายเป็นพื้นที่กันดารแห้งแล้ง ลมที่ร้อนระอุจนรู้สึกอบอ้าว กลิ่นกำมะถันที่ชวนให้หายใจไม่สะดวกสัตว์อสูรนรกจ้องมองสิ่งแปลกใหม่อย่างหวาดระแวง

         "ข้าจะทำการรักษาที่นี่"

         หลิ่งเฟยฝากเต่าดำไว้กับซุยฟ่งช่วยชะลอพิษเฟิงหู่จับตามองหลิ่งเฟยว่าจะทำยังไงต่อในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรเลย

         หลิ่งเฟยถอดแหวนหยกมิติที่ข้างในมีของนับไม่ถ้วนรวมไปถึงยาสมุนไพรที่นำติดตัวมาตั้งแต่แคว้นหาน

         ผลึกสัตว์อสูรธาตุน้ำขนาดเท่าฝ่ามือถูกฝังลงไปในดินหลิ่งเฟยสร้างเขตอาคมใส่เงื่อนไขให้ทุกอย่างที่อยู่ในเขตอาคมสะอาดที่สุดเพื่อเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดและทำการรักษา

         ผลึกสัตว์อสูรมีรอยร้าวเล็กน้อยทันทีเมื่อถูกใช้เป็นแกนกลางในการสร้างอาคม ไม่ได้ร้าวเพราะรับพลังของสัตว์เทพอสูรไม่ได้แต่ร้าวเพราะเขตอาคมกำลังฝืนต้านสภาพอากาศอันแสนเลวร้ายของนรก

         "ท่านคิดว่ามันจะอยู่ได้นานเท่าไร"

         "หากมีลมปราณคอยถ่ายทอดพลังคงอยู่ถึงครึ่งชั่วยาม"

         ไป๋หู่หันไปมองเฟิงหู่พร้อมกับหลิ่งเฟย เฟิงหู่รู้สึกไม่ชอบใจกับสายตาที่มองมา

         "ท่านเฟิงหู่ท่านต้องคอยรักษาเขตอาคมจนกว่าข้าจะทำการรักษาเสร็จ"

         "แค่นั้นสินะ"

         เฟิงหู่กอดอกแอบโล่งอกที่ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยาก จนกระทั่งประโยคถัดมา

         "และเอาสุราทั้งหมดที่ท่านมีในแหวนหยกมิติมาให้ข้าด้วย"

         ไป๋หู่ยืมมองสองสัตว์เทพอสูรโต้เถียงพักหนึ่งจนซุยฟ่งบอกทั้งคู่ว่าบาดแผลของเต่าดำกำลังเน่าและเริ่มลุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว

         "...ให้ข้าสู้กับเซี่ยจื้อ ต่อให้ตายก็อย่าให้ใครมายุ่ง"

         หลิ่งเฟยมองเฟิงหู่ในใจไม่อยากตอบตกลง แต่เวลาไม่รอใครเสียงเข็มนาทีชีวิตของเต่าดำกับไท่หลงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ

         "ตกลง"

         เฟิงหู่ยื่นแหวนหยกมิติอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะลงไปนั่งที่ฝังผลึกสัตว์อสูรเพื่อถ่ายทอดลมปราณ

         "ข้าจะรักษาท่านกุยก่อน เพราะเนื้อร้ายลามไปถึงหัวใจแล้ว"

         หลิ่งเฟยถอดเสื้อคลุมออกมาปูพื้นซุยฟ่งวางเต่าดำก่อนจะปูเสื้อคลุมของตัวเองให้ไท่หลงนอน

         ขาที่โดนหนามทิ่มกลายเป็นเนื้อเน่าเปื่อยลอกออกมาอย่างน่าขนลุก แต่ไท่หลงยังคงมีสติอยู่จึงยับยั้งพิษไม่ให้กัดกร่อนเร็วไปมากกว่านี้

         "ท่านไท่หลงขาของท่านข้าจำเป็นต้องตัดแยกออกมาก่อนรักษาท่านกุย และแช่แข็งมันไว้ท่านพอจะสร้างสิ่งที่ไว้ขังเซี่ยจื้อเมื่อตอนนั้นได้หรือไม่"

         "ได้"ไท่หลงตอบเสียงแหบแห้ง

         "เดี๋ยวนะ"ซุยฟ่งที่ยังคงไม่เข้าใจขั้นตอนการรักษาของหลิ่งเฟยหันไปมาอย่างสับสนตั้งแต่มีชีวิตอยู่มาตนเองยังไม่สร้างบาดแผลให้ไท่หลงแม้แต่รอยขีดข่วนแต่ตอนนี้หลิ่งเฟยกลับบอกว่าจะตัดขาไท่หลงและแช่แข็งมันไว้

         "ท่านซุยฟ่งเอาเชือกมัดเก็บแขนเสื้อท่าน ท่านจะต้องช่วยข้าในการเลาะเนื้อร้ายให้เร็วที่สุด"

         "เลาะ..เนื้อ.."

         กระบี่เล่มงามเนื้อชั้นดีสะท้อนแสงจนน่าหวาดหวั่นใจไป๋หู่ไปนั่งกับเฟิงหู่พอเข้าใจความรู้สึกของซุยฟ่งไม่น้อยว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเช่นไร

         เสียงลมทรายปนกับเสียงลมปลุกให้สัตว์เทพอสูรเต่าดำลืมตาตื่น ขยับกายเพียงแค่นิดเดียวก็รู้สึกปวดไปทั่วกลางตัวเหมือนมีใครกำลังกระชากเนื้อออก

         "อย่าขยับสิ ตอนนี้เนื้อส่วนหน้าท้องยังไม่สมานดีแต่ท่านควรกินอะไรเพื่อเร่งการฟื้นฟู"

         เต่าดำชะเง้อมองท้องตนเองมีเสื้อคลุมสีสันสดใสปิดทับไว้อยู่และมีเพลิงสีชาดของซุยฟ่งปกคลุมไว้ทั่วท้อง

         "ข้าคิดไปเองรึเปล่าว่าข้ารู้สึกได้ถึงสิ่งที่อยู่ในท้อง"

         ไท่หลงหันมามองเต่าดำที่แม้แต่จะลุกมาเปิดผ้ายังทำไม่ได้ในขณะที่ตนเองกำลังขยับขาที่ถูกตัดออกไปหลังนำมาเย็บติดใหม่เพื่อทำการรีดพิษและฟื้นฟูขาเรียบร้อยแล้ว

         ตั้งแต่มีชีวิตจนมาถึงทุกวันนี้ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นวิธีการรักษาที่น่าทรมานยิ่งอะไรเสียอีก

         ด้วยสีหน้าของไท่หลงกับซุยฟ่งทำให้เต่าดำสงสัยจนใช้ปลายนิ้วหยิบผ้าออก 

         หน้าท้องที่ควรเนื้อหนังมังสา ตอนนี้กลับเห็นลำไส้สีชมพูเด่นกำลังฟูฟื้นไปพร้อมๆกับเนื้อด้วยพลังของซุยฟ่งที่ตอนนี้กำลังหันหน้าหนี

         "......ทำไมท้องข้าเป็นแบบนี้"

        "เนื้อและอวัยวะภายในส่วนหน้าท้องตายสนิทข้ากับท่านซุยฟ่งพยายามเลาะเนื้อร้ายออกให้น้อยที่สุดแล้ว"

         คนรักษาอธิบายเดาความรู้สึกของเต่าดำไม่ออกเพราะเหมือนว่าเต่าดำจะตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่ชะเง้อหน้ามองหน้าท้องตนเองนิ่งสนิท

         เลาะเนื้ออะไรกันมันคือเฉือนเนื้อทิ้งต่างหาก

         เฟิงหู่ที่เผลอหันไปมองตอนที่หลิ่งเฟยกำลังทำการเลาะเนื้อออกครั้งหนึ่ง นั่งหันหลังให้กับสัตว์เทพอสูรทุกตนเวลานี้ทิวทัศน์ที่แห้งแล้งกับสัตว์อสูรนรกที่ผอมกรอดยังน่าดูกว่านี้

         "ในเมื่อตื่นกันหมดแล้วข้าขอเข้าประเด็นหลักเลยแล้วกัน"

         ไป๋หู่เดินมาอยู่ใจกลางวงสัตว์เทพอสูรมองเต่าดำที่เหมือนยังตกใจไม่หาย     

         "เลิกตกใจและตั้งสมาธิรักษาตัวเองสิ"ไป๋หู่เตือนสติเต่าดำ ความเป็นจริงตั้งแต่ที่เต่าดำฟื้นมาก็ควรรักษาบาดแผลให้หายให้เร็วที่สุด แต่กลับเอาแต่จ้องแผลตัวเอง

         "ข้าตั้งใจจะบอกสิ่งที่ข้ารู้มาฝึกฝนให้พวกเจ้าในถ้ำเพราะถ้ำมันสามารถรองรับพลังของสัตว์เทพอสูรได้ แต่ไม่นึกว่าเซี่ยจื้อจะมาเร็วขนาดนี้"

         ไม่มีใครพูออะไรออกมาไป๋หู่เงียบไปสักพักถอนหายใจที่มีแต่สิ่งน่าเบื่อไม่เหมือนตอนที่คู่สัญญาตนเองอยู่ด้วย

         "และพวกเจ้าก็สู้เซี่ยจื้อไม่ได้ โชคดีที่เยียน หยางซือวางแผนกับเฟิงหู่ส่งพวกเจ้ามาหลบอยู่ในนรก ส่วนข้าก็บอกวิธีสร้างเขตแดนผนึกเซี่ยจื้อให้เฟิงหู่สร้าง.....โดยให้เยียน หยางซือถ่วงเวลา"

         "ยังไง"สิ่งเดียวที่หลิ่งเฟยอยากได้ยินคือหยางซืออาจจะหนีไปได้

         "ให้เซี่ยจื้อกินหยางซือและสะกดวิญญาณของเซี่ยจื้อเอาไว้"

        "หากทำเช่นนั้นวิญญาณของหยางซื้อจะไม่สามารถไปสู่ภพใหม่ได้เพราะในท้ายที่สุดก็ต้องถูกเซี่ยจื้อกินอยู่ดีไม่ใช่หรือ" 

         ซุยฟ่งที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องดวงวิญญาณไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่ดวงวิญญาณนั่นจะแตกสลายหรือไม่สามารถไปสู่ภพใหม่ได้

         "เขตแดนสามารถขังเซี่ยจื้อได้หลายปีหากไม่มีคนนอกมาแทรกแซง"

         ไป๋หู่พูดถึงหวังเฉินตง มองหลิ่งเฟยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

         "ข้าเสียใจ"

         ไป๋หู่พูดออกจากใจจริง ในเวลานั้นตนเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องความรู้สึกคิดเพียงแค่ว่าต้องออกไปจากตรงนั้นให้ได้ และทันทีที่หยางซือบอกสิ่งที่ตนเองคิดออกมาไป๋หู่ก็ไม่รอช้าที่จะทำตามแผนจนได้เห็นสีหน้าของหลิ่งเฟย

         "ข้าไม่เป็นไรหรอก"

         หลิ่งเฟยตอบพร้อมกับรอยยิ้ม เฟิงหู่เขวี้ยงก้อนหินใส่พวกสัตว์อสูรนรกแก้เบื่อ

         "ถ้าเจ้าบอกแบบนั้นก็ดีแล้ว งั้นข้าจะพูดต่อไปเลย 100 ปีในนรกเท่ากับ 1 นาทีของแดนมนุษย์"

         "ทำไมการไหลเวียนของเวลาของนรกถึงไม่เท่ากับแดนมนุษย์ละ"ไท่หลงลองยืนขึ้นหลังมั่นใจแล้วว่าแผลหายสนิทแล้ว 

         "เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะ เพราะเวลาของนรกและสวรรค์นั้นเท่ากันมีแค่ของแดนมนุษย์นี่แหละที่ช้ากว่าจนน่าตกใจดังนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วต่อให้เสียเวลามาคิดแผนหรือหาทางออกสักสองร้อยปีสามร้อยปีมันก็ผ่านไปเพียงแค่3นาทีเท่านั้น"

         "ถ้าเช่นนั้นเราจะรู้เรื่องเวลาได้อย่างไร ในเมื่อที่นี่เหมือนจะไม่มีกลางวันกลางคืนคอยบอกเวลา"หลิ่งเฟยเคยเห็นนรกในความทรงจำของไป๋หู่ และตนเองไม่เคยเห็นพระอาทิตย์หรือพระจันทร์คอยบอกเวลาเลย

         "เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง"ไป๋หู่พูดไปมองฟ้าไป สัตว์เทพอสูรก็มองตามหากสังเกตดีๆจะเห็นก้อนกลมๆอยู่กลางอากาศแต่ก็เลือนรางจนแทบมองไม่เห็นหากไม่สังเกต

         "ตอนนี้ยังเป็นช่วงสงบ หากพวกเจ้าไม่อยากเจอพายุที่มาพร้อมกับสัตว์อสูรนรกก็เชื่อฟังข้าตราบเท่าที่พวกเจ้ายังอยู่ในนรก"

         เหมือนไป๋หู่พูดกับตัวเองไม่มีใครแสดงท่าทีอะไรนอกจากนิ่งเฉย  ยกเว้นเต่าดำที่เริ่มขยับตัวและฟื้นฟูตัวเอง

         "อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามคลื่นพายุลมร้อนก็จะมาแล้ว ในระหว่างที่คิดหาทางออกก็ลองป้องกันตัวเองจากอันตรายในนรกด้วยวิชาที่มีทั้งหมด"

         "หมายความว่าเจ้าจะฝึกข้าด้วยหรือ"เฟิงหู่กอดอกถามไป๋หู่ ไม่พอใจเล็กน้อยที่ต้องมาทำตามคำพูดของจิ้งจอกตัวเล็กหลิ่งเฟยเหมือนน้ำท่วมปากไม่กล้าพูดเข้าข้างฝ่ายไหนเพราะต่างมีทิฐิที่สูงล้น โดยไม่มีใครรู้ว่าสภาพอากาศในนรกนั้นเลวร้ายได้อย่างไม่มีขีดกำจัดนอกจากตนเอง

         "เจ้าเป็นผู้ที่มีฝีมือนะ แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าศักดิ์ศรีและความยำเกรงที่ไว้ใช้กับมนุษย์มันใช้กับที่นี่ไม่ได้"ไป๋หู่กล่าวถึงสัตว์เทพอสูรทุกตนที่อยู่ที่นี่ ซุนฟ่งสะบัดหน้าเดินสำรวจบริเวณรอบๆไท่หลงยืนนิ่ง เต่าดำที่รักษาตัวเสร็จกลายเป็นเต่าตัวเล็กพร้อมนอนหลับพักผ่อน เฟิงหู่มองตาไป๋หู่กำหมัดพร้อมสู้ตลอดเวลาหลิ่งเฟยเอามือสะบัดตัวเองพัดอากาศให้เย็นขึ้น

         อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวมากขึ้นเรื่อยๆร้อนกว่าที่หลิ่งเฟยเคยรู้สึกในความทรงจำไม่เว้นแต่ไท่หลงที่ยังเริ่มปาดเหงื่อและสร้างโล่ไว้รอบตัว สัตว์เทพอสูรตนอื่นก็ทำเช่นเดียวกันยกเว้นเฟิงหู่ที่สร้างไม่เป็นกับหลิ่งเฟยที่สร้างเขตอาคมขนาดเล็กทำความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมกับนรกและลองใส่เงื่อนไขอื่นๆ

         "เลิกเสียเวลาแล้วมาหาทางออกไปจากนรกเถอะ เฟิงหู่เจ้าสามารถติดต่อคู่สัญญาได้หรือไม่"

         ไท่หลงเรียกประชุมถามเฟิงหู่พร้อมกับปาดเหงื่อไปด้วย ก่อนนึกแปลกใจว่าทำไมตนเองยังคงเหงื่อออกทั้งที่กางโล่ลมปราณไว้แล้วแท้ๆ

         "ติดต่อเหม่ยเหมยไม่ได้ เหมือนมีอะไรขวางกั้นอยู่"เฟิงหู่เองก็เริ่มทนกับอากาศร้อนไม่ไหวมัดผมขึ้นสูงเดินไปหาหลิ่งเฟยเพราะเขตอาคมของหลิ่งเฟยแผ่ไอเย็นออกมาให้พอคลายร้อนบ้าง

         "ให้ข้าเข้าไปอยู่ด้วยสิ"เฟิงหู่บอกหลิ่งเฟยอย่างไร้ศักดิ์ศรีในสายตาของไท่หลงและซุยฟ่ง แต่ในอีกมุมมองหนึ่งมันคือการพูดแบบเป็นกันเองเมื่อขอมาหลิ่งเฟยจึงอนุญาตให้เฟิงหู่เข้ามาในเขตอาคมของตนเองได้ก่อนที่เต่าดำจะคลานมาหาในร่างเต่าตัวเล็กด้วยความต้องการแบบเดียวกับเฟิงหู่

         ร้อน...

         ไป๋หู่เกาะไหล่หลิ่งเฟยมองไท่หลงกับซุยฟ่งที่ยังไม่สามารถหาวิธีคลายร้อนได้จนซุยฟ่งต้องถอดเสื้อคลุมออกมาพร้อมกับเช็ดเหงื่อเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้า ลมเริ่มพัดแรงขึ้นแต่มันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแม้แต่น้อยซ้ำยังทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิมไท่หลงที่พยายามปรับโล่ลมปราณให้เย็นลงแต่ยังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบคิดว่านี้คงเป็นสภาพอากาศปกติของนรก แต่หากลมเริ่มพัดแรงมากขึ้นฝุ่นคลุ้งกระจายบดบังวิสัยทัศน์

         "นี้มันอะไรกัน!"ซุยฟ่งทนไม่ไหวถามไป๋หู่ที่ตนเองไม่อาจป้องกันลมร้อนหรือฝุ่นที่คละคลุ้งไปทั่วได้เลย ไป๋หู่แสยะยิ้มกับความเจ้าอารมณ์ของซุยฟ่ง

         "พายุในยามรุ่งอรุณยังไงเล่า พวกเจ้าคงคิดว่านรกภูมิคงเป็นสถานที่ที่มืดมิดไร้แสงสว่างและหนาวเย็นแต่นั้นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง"ไป๋หู่อธิบายให้ฟังราวกับเป็นอาจารย์ที่พามาทัศนศึกษาเรียนนอกสถานที่ หลิ่งเฟยที่คิดว่านรกคือสถานที่ที่ต้องร้อนระอุตลอดเวลานึกในใจว่านรกไม่ได้แบ่งเป็นระดับชั้นตามความบาปหรือ

         แต่ในบันทึกตามตำราก็แทบไม่มีการกล่าวถึงลักษณะภูมิศาสตร์ของนรกอย่างเจาะจง แม้กระทั่งแบบเป็นเรื่องเล่ายังไม่เคยได้ยินเลย

         "ถือว่านี้เป็นบทเรียนที่หนึ่งก็แล้วกัน ทำยังไงก็ได้รักษาเนื้อตัวให้สะอาดที่สุดเพราะหลังจากนี้ข้าขอรับประกันเลยว่าพวกเจ้าจะเละเทะจนแทบจำไม่ได้เลยทีเดียว"

         "ท่านไท่หลง ท่านซุยฟ่งรีบเข้ามาในนี้เร็วเข้า"หลิ่งเฟยเรียกสัตว์เทพอสูรผู้สูงส่งให้เข้ามาหลบภัยในเขตอาคม ไท่หลงคว้าตัวซุยฟ่งกลายร่างเป็นมังกรฟ้าเข้ามาหลบในเขตอาคมทันที เพราะสัญชาตญาณมันบอกว่าหากยังดื้อรั้นที่จะยืนเฉยอาจจะต้องเจ็บตัวจากความไม่รู้

         "ตัดสินใจได้ดี"

         บึ้ม!!

         แรงลมที่แรงขึ้นจนกลายเป็นพายุลมร้อนเกิดการระเบิดกลางอากาศอย่างไม่มีสาเหตุ และระเบิดติดต่อกันเป็นระยะซุยฟ่งมองไป๋หู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นอย่างโกรธเคือง 

         ด้วยความโมโหที่ถูกกวนประสาทไม่หยุดหย่อน ซุยฟ่งลุกง้างมือจะตบไป๋หู่หลิ่งเฟยได้กลิ่นไหม้มาจากซุยฟ่งและนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

         "ท่านซุยฟ่ง อย่า"

         บึ้ม!!!

         เขตอาคมไม่ได้ถูกสร้างเพื่อไว้ป้องกันการโจมตีจากภายในเพราะมันไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่หลิ่งเฟยวางไว้ สัตว์เทพอสูรกระจายกันไปคนละทิศคนละทางหลิ่งเฟยพยายามสร้างเขตอาคมแต่ต้องหลบระเบิดในพายุไปมาทำให้ไม่มีสมาธิในการสร้าง

         เต่าดำขยายร่างกายให้ใหญ่โต กางโล่ลมปราณกันลมพายุแต่ตามร่างกายกลับถูกระเบิดใส่ถี่ขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากแต่มันก็สร้างความรำคาญ หนอนสัตว์อสูรนรกที่ถูกพัดปลิวมาเกาะตามเสื้อผ้าเหล่าสัตว์เทพอสูร ซุยฟ่งที่กลัวสัตว์เลื้อยคลานเป็นทุนเดิมส่งเสียงกรี๊ดและระเบิดไม่หยุดไท่หลงคืนร่างเป็นมังกรฟ้าบินขึ้นไปด้านบน ไป๋หู่ที่มองอยู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และขบขันกับอ่อนประสบการณ์ของเหล่าสัตว์เทพอสูร

         ยิ่งขึ้นสูงลมยิ่งแรงและถูกดึงให้เข้าไปข้างในใจกลางของพายุไท่หลงพยายามบินออกมาให้ห่าง แต่ร่างกายกำลังถูกพายุดูดให้เข้าไปข้างใน

         "รำคาญเว้ย!!"

         เฟิงหู่ที่รำคาญทั้งเสียงกรี๊ดของซุยฟ่ง ทั้งระเบิด และหนอนนรกคืนร่างเป็นพยัคฆ์ขาวระเบิดจากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิตทำให้เกิดการระเบิดเป็นวงกว้างจนสัตว์อสูรนรกชนิดอื่นที่อยู่ห่างไกลถูกแรงลมจากระเบิดพัดใส่จนเกิดความสับสนมึนงงไปชั่วขณะ

         พายุนรกเคลื่อนตัวไปยังที่อื่นสัตว์อสูรนรกที่ต่างคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมและรู้ช่วงเวลาของมันหลบหลีกไปยังที่หลบซ่อนของตัวเอง

         ไป๋หู่ผุดตัวขึ้นมาดินทรายหากร่างกายไม่ได้ทำมาจากลมปราณของหลื่งเฟยคงมีแผลพุพองไปทั่วทั้งตัว

         แค่ก แค่ก

         หลิ่งเฟยไอจนเอาเศษฝุ่นออกมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นไม่เหลือเค้าของความสง่าของสัตว์เทพอสูรผมเผ้ายุ่งเหยิงหลิ่งเฟยจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยจนกระทั่งไป๋หู่มาอยู่ตรงหน้า

         "คนอื่นละท่านไป๋หู่"

         "ยังไม่ตายหรอก แบ่งลมปราณมาให้ข้าข้าจำเป็นต้องใช้ลมปราณเจ้าเพื่อบอกบางอย่าง"

         หลิ่งเฟยแตะตัวไป๋หู่แบ่งลมปราณให้ ไป๋หู่หลับตาติดต่อสัตว์เทพอสูรผ่านจิต

         (ยังอยู่ครบสามสิบสองดีนะ....พวกกระจอก)

         ท่านไป๋หู่....

         หลิ่งเฟยนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เจอไป๋หู่ครั้งแรก ไป๋หู่เมื่อตอนนั้นดูสง่างามและน่าเคารพนับถือ อีกทั้งไป๋หู่ในความทรงจำและเท่าที่รู้จักมาก่อนหน้านี้เป็นสัตว์เทพอสูรที่หยิ่งทะนงในตัวเองสูงและยิ่งใหญ่จนกลายเป็นตำนาน

         แต่ในเวลานี้แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกมันไม่สำคัญเท่าสิ่งที่อยู่ข้างใน แต่ไม่ว่าจะดูยังไงสิ่งที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้คือจิ้งจอกที่อวดดีและปากดีไม่แพ้เต่าดำเลย

         สัตว์เทพอสูรที่บาดเจ็บกัดฟันเจ็บใจแต่สิ่งที่ไป๋หู่พูดก็ไม่ผิด แต่รับมือกับพายุในยามเช้ายังทำไม่ได้มิแปลกใจแล้วว่าทำไมเซี่ยจื้อถึงได้แข็งแกร่งจนสามารถสังหารสัตว์เทพอสูรได้

         (ต่อไป ทำยังไงก็ได้ให้มาถึงจุดที่ข้าทำสัญลักษณ์เอาไว้ก่อนยามอู่)

         ไป๋หู่ตัดการติดต่อทันทีก่อนจะวาดสัญลักษณ์บางอย่างบนพื้นกลายเป็นแท่งเสาสูงเรืองแสง เฟิงหู่ที่บาดเจ็บหนักที่สุดพยายามลุกขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างกับความน่าตื่นเต้นที่มันกำลังปลุกสัญชาตญาณดิบของนักล่า

         ซุยฟ่งพยายามใจเย็นไม่โมโหอารมณ์ร้อน ถึงจะไม่อยากทำตามที่ไปหู่กล่าวมาแต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งไหนที่ตนเองสามารถทำได้นอกจากไปยังจุดนัดพบ ไท่หลงนั่งทำสมาธิเร่งการฟื้นฟูร่างกาย สัตว์เทพอสูรเต่าดำใช้ร่างจริงในการเดินไปยังแท่งเสาเรืองแสง




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×