คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ไม่น่ามาเลย(รีไรท์)
เมื่อได้ปิ่นปักผมดอกวานเจียหลั่งมาอันหนึ่ง
หลังจากที่พูดคุยเรื่องการนัดพบไปหาหมอหญิงฮวากับพ่อค้าฮงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จึงเดินหาโรงเตี๊ยมเพื่อใช้หลับนอนชั่วคราวหนึ่งคืน
จิ้งจอกเก้าหางในคราบของมนุษย์เลือกโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ดูดี
แต่ไม่หรูหรามากนัก สิ่งที่น่าลำบากใจในตอนนี้คือการที่ตัวเองหน้าตาดีเกินไปนี่ไม่ใช่การหลงตัวเอง
เพราะก่อนหน้านี้หลังจากที่ได้พูดคุยเล็กน้อยกับพ่อค้าฮง
ก็นัดเวลาไว้เป็นพรุ่งนี่ยามสายจะพบกันที่เดิมหรือก็คือที่แผงขายเครื่องประดับ
เพื่อให้พ่อค้าฮงพาไปพบกับท่านหมอหญิงฮวา หลังจากนั้นเมื่อข้าเดินหาโรงเตี๊ยมที่จะใช้พักผ่อนก็ได้เจอทั้งคุณชาย
ทั้งชายฉกรรจ์ เข้ามาพูดคุย ไถ่ถามชื่อแซ่
ไปจนถึงการเชิญชวนไปที่จวนอย่างสุภาพและจะใช้กำลัง
โชคร้ายสำหรับพวกเขาที่ข้าไม่ใช่คนหัวอ่อนหรืออ่อนแอ
อีกอย่างได้เกิดใหม่ก็ขอไร้คู่ครองจะดีกว่าถ้าเป็นไปได้ จึงทั้งเอ่ยปากปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
ขู่ด้วยสายตากดดัน และสู้กลับอย่างเบามือนิดหน่อย
จนตอนนี่ในเมืองตาหลั้งก็ได้มีข่าวลือใหม่คือ มีจอมยุทธหญิงที่มีฝีมือเก่งกาจและ
งดงามราวกับดอกเหมยกุ้ย มาอยู่ในเมืองเวลานี้
และสามารถกำราบเหล่าอันธพาลได้อย่างสบาย
เมื่อตามเสี่ยวเอ้อมาถึงห้องพัก
ขนาดห้องไม่ได้กว้างมากนักแต่มีห้องอาบน้ำส่วนตัวตามที่ขอไว้เมื่อพาแขกมาถึงห้องพักแล้วเสี่ยวเอ้อจึงขอตัว
ข้าสลายวิชาลวงตากลายเป็นสตรีที่มีผมสีเงินเดินเข้าไปห้องอาบน้ำอย่างรู้ทาง
ห้องอาบน้ำมีอ่างอาบน้ำเป็นสระขนาดเล็กสามารถลงไปได้ 2-3 คน มือถอดชุดเสื้อผ้าและลงไปแช่ในน้ำทันที
ระหว่างแช่น้ำสมองก็คิดไปพลางๆว่าพรุ่งนี่คงจะต้องไปซื้อหมวกและชุดที่ผู้ชายมาใส่เสียแล้ว
อย่างน้อยๆก็ขอลดจำนวนพวกน่ารำคาญที่จะเข้ามาหาก็ยังดี
ไหนจะของฝากที่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะซื้ออะไรไปฝากชุนอีก
เมื่อยามเหม่ามาถึง
ร่างกายพยุงตัวเองให้ตื่นขึ้นมาเพราะแปลกสถานที่
แต่เวลาที่นัดไว้คือยามช่วงสายจึงยังพอมีเวลาอีกมากที่จะธุระส่วนตัวอย่างไม่เร่งรีบ
จ่ายค่าห้องพักเสร็จเรียบร้อยก็สอบถามหาร้านขายเสื้อผ้าสำหรับบุรุษจากเสี่ยวเอ้อ
เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจึงจ่ายเงินตอบแทนค่าข้อมูลให้อีกจำนวนหนึ่ง และเดินออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อไปหาร้านตามที่เสี่ยวเอ้อบอกมา
ร้านที่ขายเสื้อผ้า
เป็นร้านที่มีไว้สำหรับบุรุษจริงๆ
มีแม้กระทั่งชุดเกราะมาตั้งโชว์หน้าร้านให้รู้ทันที
พอเดินเข้าไปในร้านพ่อค้าออกมาต้อนรับเนื่องจากเสียงฝีเท้าของลูกค้าเดินเข้ามา
ก่อนจะจับจ้องผู้ที่เข้ามาในร้านอย่างแปลกใจ
คนผู้นี่เป็นสตรีมิใช่หรือแถมยังงดงามมากเสียอีก
คำๆนี่แปะอยู่ที่หน้าผากคนขายอย่างเห็นได้ชัด
ข้าไม่อยากจะเสียเวลากับการเป็นอาหารให้กับผู้อื่น
จึงเอ่ยจุดประสงค์ออกไปแต่คนขายยังมองใบหน้าสตรีด้วยความหลงใหล
จนต้องทำตัวเป็นสตรีที่ดุร้าย เอาแต่ใจสั่งสิ่งที่ตนเองต้องการด้วยน้ำเสียงที่ก้าวร้าวเมื่อคนขายเห็นลูกค้าที่มีใบหน้าอันงดงามแต่กิริยาก้าวร้าวสั่งของที่ต้องการอย่างเสียงดัง
จึงรีบจัดหามาให้ทันที เพราะเกรงว่านางอาจจะนำเรื่องลำบากใจมาให้ทีหลัง
เด็กหนุ่มหน้าตาน่าหลงใหลให้จ้องมองเดินออกมาจากห้องสำหรับเปลี่ยนชุดด้วยร่างกายที่ยังโตไม่เต็มที่หากไม่สังเกตผู้อื่นก็คงจะหลงนึกว่าเป็นเทพเซียนที่ไหนมาเดินเล่น
คนขายมองด้วยความแปลกใจคิดว่าตอนแรกใส่แล้วจะเหมือนผู้หญิงวัยคุณหนูมาใส่เสื้อผู้ชาย แต่กลับกันกลายเป็นว่านางใส่แล้วดูดีอย่างประหลาด
เหมือนเทพเซียนวัยกำลังโตที่มีใบหน้างดงามดึงดูดให้ต้องหันมามอง
มือหยิบหมวกฟางที่เป็นของตั้งโชว์ในร้านมาสวมใส่ปิดบังใบหน้า
และสั่งซื้อเสื้อผ้าอีกสองสามชุดเผื่อยามมาที่เที่ยวที่เมืองมนุษย์อีกในภายหน้า
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วข้าจึงเดินมาที่จุดนัดพบตามเวลานัด
แม่ค้าคนเมื่อวานเหมือนจะจำได้รีบถามทันทีว่าทำไมแต่งตัวเป็นบุรุษเช่นนี่ข้าก็ตอบเหตุผลไปตามตรง
แม่ค้าอารมณ์ดีหัวเราะชอบใจก่อนจะพูดถึงตนเองเมื่อก่อนที่ตัวเองก็สวยมากจนมีผู้ชายเข้าหาเหมือนกัน
แม่ค้าปากเรียกลูกค้าบ้างหันมาเล่าเรื่องต่างๆนานา จนกระทั่งพ่อค้าฮงมาถึง
แม่ค้าถึงจะหยุดสนทนาก่อนจะแซวพ่อค้าฮงว่าตนเองมีภรรยาแล้ว
ยังมาล่อลวงคุณหนูผู้นี้ จนพ่อค้าฮงพาข้าเดินหนีออกมาจากตรงนั้นทันที
"ทำไมวันนี้แม่นาง...คุณหนูถึงแต่งตัวเช่นนี้เล่าหรือว่าเป็นความชอบส่วนตัวของท่าน"
พ่อค้าฮงที่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเอ่ยถาม
"ข้ารำคาญผู้ชายทั้งหลายที่เข้ามาทักทายข้าไม่หยุด
เมื่อวานกว่าจะเจอโรงเตี๊ยมที่ถูกใจก็เสียเวลาไปมากข้าจึงต้องแต่งตัวเช่นนี้"
"ฮ่าฮ่าฮ่า แสดงว่าจอมยุทธ์หญิงในข่าวลือเมื่อวานก็คือท่านเองสิน่ะ
แม้ท่านจะเป็นจอมยุทธ์มีวิชาก็ควรเผื่อใจกับเรื่องแบบนี้นะ"
ข้าคิดว่านี้คือวิธีการแสดงความเป็นห่วงของท่านน่ะพ่อค้าฮง เฮ้อ
ชาติที่แล้วก็เพราะมีหน้าที่การงานดีผู้ชายมากมายหลายประเภทก็ชอบเข้าหา
ผู้ชายที่อยากได้กลับไม่มีมาชาตินี้ก็มีแต่พวกเจ้าชู้ เสเพล อวดเก่ง
ข้าคงจะไม่มีดวงของเรื่องนี้จริงๆ
จากข้างทางมีแผงขายของก็เริ่มบางตาเป็นถนนทางเดินโล่งๆ
มีกระท่อมมีบ้านหรือร้านอาหารเล็กๆพอให้เห็นชาวบ้านทักพ่อค้าฮงอย่างเป็นกันเอง
วิถีชีวิตที่ราบเรียบไม่วุ่นวายก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งดูใหญ่กว่าบ้านตามข้างทางที่เห็นคนที่ไม่น่าใช่ญาติเดินเข้าออกพวกเขาคงเป็นคนไข้ของหมอฮวา
กลิ่นยาและสมุนไพรลอยมาแตะจมูกไม่ฉุดมากเป็นกลิ่นที่ถือว่าหอมพอดี
“ที่รัก
ข้าพาคุณหนูที่อยากเจอเจ้ามาแล้ว”
พ่อค้าฮงเดินนำเข้าคำเรียกภรรยาดูน่าเขินแทนแต่มันก็น่ารักในขณะเดียวกัน
สตรีในชุดพื้นๆไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นให้รู้ว่านางเป็นหมอนอกจากสองมือที่กำลังกุมมือหญิงชราสำหรับตรวจชีพจร
มือถอดหมวกออกเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่ปิดบังใบหน้าแต่ข้าคงคิดผิดท่านหมอฮวาตกตะลึงไปพักหนึ่ง
หญิงชราไม่ต้องเอ่ยถึงนางจ้องข้าด้วยใบหน้าขึ้นสีจากใบหน้าที่ซีดเซียวน่ายินดีซะจริงที่ข้าสามารถทำให้คนป่วยแสดงอาการเขินอายมาซะได้
แต่ภรรยาของพ่อค้าฮงก็ดูยังสาวเลยนางน่าจะอายุแค่ประมาณ 20
“สักครู่นะเจ้าค่ะ
ประเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว ”
จากนั้นท่านหมอฮวาก็หันไปตรวจอาการคนไข้ต่อ ข้ายืนมองนางรักษาหญิงชราด้วยมือเปล่าโดยการแผ่ลมปราณไปที่ข้อพับแขนและแถวท้ายทอยเมื่อกี้นี้ตอนที่ข้าคิดว่านางอายุ
20
ข้าขอถอนความคิดนั้นชัดเจนว่าท่านหมอผู้นี้เป็นผู้ใช้ลมปราณคนหนึ่งที่มีฝีมือนางเลยดูเด็กกว่าอายุจริงเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ข้าได้เจอการใช้ลมปราณรักษา
พ่อค้าฮงพาข้าไปนั่งรอที่ห้องเก็บสมุนไพร
ก่อนจะขอตัวออกไปเก็บสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้หลังบ้าน
ทำให้ต้องถามอย่างสงสัยว่าไม่ไปขายเครื่องประดับแล้วหรือคำตอบที่ได้มาคือ งานจริงๆของพ่อค้าคือปลูกสมุนไพรและนำไปขายแบ่งบางส่วนมาทำเป็นยารักษาคน
ส่วนที่เห็นตนเองตั้งแผงขายเมื่อวานนั้นก็แค่บางครั้งที่จะขายเวลาว่างๆ
"ที่บ้านข้าเองก็มีสมุนไพรเยอะอยู่
ท่านสนใจจะนำไปขายให้ข้าหรือไม่พ่อค้าไม่ต้องแบ่งเงินมาให้ข้ามากหรอก"
"หากท่านต้องการเช่นนั้นข้าก็ยินดีช่วย
คุณหนูไม่ว่ายังไงใครๆต่างก็ต้องการยารักษา"
"นั่นสิน่ะ
ข้าไม่กวนท่านแล้วล่ะเดียวข้านั่งรอท่านหมอในห้องนี้เอง"
เมื่อคุณหนูจอมยุทธ์ดูจะไม่เรื่องมากเกี่ยวกับสถานที่ที่ต้องมานั่งรอ
พ่อค้าฮงจึงวางใจออกไปเก็บสมุนไพร
พอเจ้าบ้านออกไป ข้าลุกขึ้นสำรวจห้องเก็บสมุนไพรที่มีสมุนไพรมากมายหลากหลายถูกจัดเก็บไว้เป็นระเบียบบางอย่างก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ต่อให้ดูคุ้นตาก็ตามเพราะมันมีเยอะจริงๆ
ประตูถูกเปิดออกมา
เป็นท่านหมอหญิงฮวาที่ข้าต้องการอยากคุยด้วยยิ่งได้เห็นอะไรมากมายก็ยิ่งรู้ว่าหมอผู้นี้ไม่ได้เป็นแค่หมอพื้นบ้านทั่วไป
แต่ยังเป็นหมอที่มีความรู้มีวิชา นางเป็นบุคคลที่ข้าอยากจะได้รับความรู้
ข้าต้องคำนับเจ้าของวิชา
“ท่านอย่าได้คำนับเราเลยเจ้าค่ะ
คุณ..หนู?”
หมอฮวาคำนับกลับ
เอ่ยคำพูดเว้นช่วงประโยคที่จะใช้เรียกเพราะไม่รู้ว่าจะเรียกคนตรงหน้าว่าอย่างไรดี
ถึงใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์แต่ดูจากลมปราณที่ไหลเวียนและบรรยากาศรอบตัวที่ผู้ใช้ลมปราณไม่ได้ปกปิดย่อมรู้สึกได้ว่า
อีกฝ่ายไม่ใช่สตรีธรรมดาและไม่ใช่มนุษย์
“เรียกข้าว่าหลิ่งเฟยก็ได้เจ้าค่ะ"
ข้ายืนสนทนาต่อเพราะคนเป็นหมอยังไม่นั่งลงตนจึงยังไม่นั่งตาม
หมอฮวายิ้มแห้งที่ดูเหมือนแขกของฮงจะยังไม่นั่งหากตนเองไม่นั่งเสียก่อน
จึงลงไปนั่งบนเก้าอี้ไม้เพื่อให้แขกผู้นี้นั่ง
“ข้ามีนามว่า ชู
เหลียนฮวาเจ้าค่ะ ท่านช่างเป็นคนถ่อมน้อมถ่อมตนนัก
ทั้งๆที่ท่านสูงส่งกว่าข้ามากข้าขอเสียมารยาทเลยละกันท่านมิใช่มนุษย์ใช่หรือไม่”
ชู
เหลียนฮวามองหลิ่งเฟยด้วยสายตาที่เกรงกลัวเล็กน้อยแต่ยังคงตั้งถามกับหลิ่งเฟย
ใบหน้าสวยสง่า ลึกลับไม่แสดงความรู้สึกผ่านสีหน้านางเพียงแค่มองว่าตนเองจะพูดอะไรต่อ
"ข้าจะไม่ถามว่าท่านเป็นใคร
แต่ทำไมท่านถึงสนใจอยากรู้จักข้าเล่าท่านหลิ่งเฟย"
ครั้งนี้หมอหญิงสูดลมหายใจเข้าลึกกว่าเดิม
เป็นเรื่องแปลกเพราะตนเองเป็นเพียงแค่หมอมีความรู้ระดับลมปราณก็อยู่แค่ระดับจุติ
เหตุใดสัตว์อสูรอยู่ในระดับสวรรค์ไม่สิเหมือนจะมากกว่านั้นไปอีก
อยากจะมารู้จักกับตนเองสัตว์อสูรส่วนใหญ่ล้วนไม่ชอบมนุษย์
“ข้าสนใจเรื่องสมุนไพร
ที่เรือนของข้ามีสมุนไพรมากมาย
ข้าพอจะรู้จักสมุนไพรบางชนิดที่จะนำมาทำประโยชน์ได้บ้าง
แต่บางชนิดข้าเองก็ไม่รู้วิธีที่จะใช้มันได้อย่างถูกต้องจึงอยากจะมารบกวนท่านสักเล็กน้อย”
จริงอยู่ที่ตอนนี่ตนเองไม่ได้อยากเป็นหมอรักษาคนแล้ว
แต่ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วด้วย ก็ขอเรียนรู้ด้านนี่ให้ถึงที่สุดละกัน
ถือว่าหากมีคนเจ็บผ่านหน้าผ่านตาจะได้ช่วยรักษาให้เอาบุญ
เหลียนฮวามองหน้าข้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีอยากรู้เรื่องสมุนไพร
“ท่านช่างแปลกประหลาด
ข้าไม่เคยเห็น เออ...สัตว์อสูรเช่นท่านจะมาสนใจเรียนรู้ด้านนี่”
เหลียนฮวายังคงเกรงใจที่จะใช้คำพูดให้ตรงกับสิ่งที่ตนเองจะสื่อออกมา
สัตว์อสูรแล้วไงข้าก็แค่อยากหาอะไรทำ
“ข้าแค่อยากได้ตำราทางด้านนี่มาศึกษาไม่มารบกวนท่านหมอไปมากกว่าหรอก”
เมื่อสัตว์อสูรในร่างมนุษย์พูดเช่นนั้น
ก็ไม่ใช่เรื่องที่หมอรักษาคนอย่างตนต้องมาตั้งคำถามแล้วว่า ‘อีกฝ่ายอยากจะเรียนรู้ไปทำไม’ในเมื่อมีคนอยากศึกษาตนเองก็ยินดีมอบความรู้ให้
วิชาที่สามารถช่วยเหลือชีวิตทำไมจะมอบให้ไม่ได้
“เช่นนั้นข้าจะมอบตำราที่ข้ามีมามอบให้ท่าน
และหากท่านสนใจจริงๆ ข้าสามารถสอนท่านได้นะเจ้าคะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดียิ่งนัก
ที่ท่านหมอยอมมอบวิชาความรู้ให้ข้านับว่าข้าเป็นบุญคุณท่าน”
“หามิได้เจ้าค่ะ
แต่ว่าเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในฐานะที่ท่านเป็นสัตว์อสูรที่พลังลมปราณเกินระดับจุติสวรรค์
ข้าอยากขอร้องให้ท่านช่วยปกป้องดูแลลูกชายของข้า”
ปกป้องดูแล?
กับข้าที่พึ่งได้พบเจอกันวันนี้เป็นครั้งแรก
ทำไมต้องเป็นข้าที่กำลังถูกเข้าใจว่าเป็นสัตว์อสูรมาปกป้องมนุษย์ด้วยไม่ใช่ว่า
มนุษย์มักจะไม่ไว้ใจสัตว์อสูรที่ไม่ใช่คู่สัญญาหรือไง
“ท่านขอให้ข้าที่เป็นสัตว์อสูรปกป้องบุตรไปทำไมกัน
ไม่ขอร้องกับคนอื่นๆที่ทำสัญญากับสัตว์อสูรจะดีกว่าหรือ”
ข้าถามกลับด้วยความสงสัย
คำขอร้องข้อนี้ไม่มีเหตุจำเป็นต้องตอบรับด้วยซ้ำการดูแลเด็กมนุษย์สองคนโดยที่บุพการียังมีชีวิตอยู่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
แปลกยิ่งกว่าคือมารดามาขอร้องเองกับตัว
“มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจที่น่าหวาดกลัวที่สุด
สำหรับข้าแล้วพวกเขาน่ากลัวซะยิ่งกว่าสัตว์เทพอสูรเสียอีก”
ดวงตามที่สะท้อนความรู้สึกผิดเหมือนกำลังรำลึกความทรงจำเก่าๆ
แสดงว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไป...สิ่งที่ท่านหมอหญิงผู้นี้กำลังรู้สึกคงจะเป็นความรู้สึกที่เป็นห่วงบุตรของตนตามประสาแม่ลูก
“ข้าเป็นสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่กลัวยิ่งกว่ามนุษย์ท่านยังจะกล้าให้ข้าดูแลบุตรของเจ้าอีกหรือ”
ไม่พูดปากเปล่าข้ายืนยันด้วยการคลายวิชาลวงตามาเป็นร่างสตรีผมสีเงินมีหางเจ็ดหางและหูขึ้นมา
หมอหญิงฮวาตกตะลึงแต่ไม่ได้แสดงอาการออกมาชัดเจนถึงขั้นร้องอุทานออกมา
นางทำเพียงมองตัวข้าก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างยินดี
ได้เจอสัตว์เทพอสูรถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีรึ?
“ ไม่นึกเลยว่าข้าได้มีโอกาสในชีวิตนี้เจอกับสัตว์เทพอสูรในตำนาน
อา..เมื่อครู่ข้าเสียมารยาทคิดว่าท่านเป็นสัตว์อสูรข้าต้องขออภัย”
"ไม่ต้อง!
ข้าแค่ต้องการจะบอกท่านว่าคิดดีแล้วหรือที่ฝากลูกตัวเองไว้กับสัตว์เทพอสูรอย่างข้า
ข้าเป็นถึงจิ้งจอกเก้าหางที่สามารถฆ่าคนได้อย่างง่ายดายเลยนะ"
ตั้งแต่จำความได้ยังไม่เคยรับฝากของจากใครมาตอนนี้มีคนคิดจะฝากลูกเลี้ยง
หมอหญิงฮวาเงยหน้าก่อนจะยิ้มอ่อนด้วยแววตาที่อ่อนโยนข้าพยุงให้นางลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้
ไม่ชินกับการมีคนมาก้มหัวลงถึงพื้นเลย
ถ้าแค่ก้มหัวเฉยๆก็ว่าไปอย่างแต่ทำไงได้ที่นี่เป็นเหมือนยุคจีนโบราณเราต้องปรับตัวให้เร็วที่สุด
"ถึงแม้ว่าท่านจะสามารถฆ่าคนได้อย่าง่ายดายแต่ความเป็นจริงท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง
ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่แสดงอาการวิตกกังวลออกมาชัดเจนขนาดนี้"
ก็ข้าไม่เคยเจอใครมาคุกเข่าก้มหัวถึงพื้นเลยนี่นา
จะไม่ให้กังวลได้ไง!
“...แล้วพ่อค้าฮงรู้เรื่องที่ท่านบอกข้ารึเปล่า”
หมอฮวาส่ายหน้า
ข้าถอนหายใจทันทีที่แม้กระทั่งคนเป็นสามีก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ต้องซับซ้อนมากแค่ไหนกันเนี่ย
“งั้นหากท่านอยากให้ข้าช่วยดูแลบุตร
ท่านต้องบอกสามีก่อนข้าไม่อยากโดนเข้าใจว่าแย่งลูกคนอื่นมาเลี้ยง”
อีกฝ่ายดูจะมีเรื่องที่น่าหนักใจขนาดนั้นในฐานะที่หมอหญิงฮวากำลังมอบวิชาความรู้ให้
ข้าก็ควรตอบแทนความต้องการของนางแค่รับฝากเลี้ยงเด็กประมาณสองสามเดือนก็พอได้ล่ะมั้ง
"เช่นนั้นแล้วท่านจะรับบุตรของเราไปใช่หรือไม่เจ้าค่ะ"
"ใช่
หลังจากที่ท่านบอกความจริงกับพ่อค้าฮงท่านอยากจะให้ข้าดูแลบุตรของท่านตอนไหนล่ะ"
“ตอนที่ข้าได้ตายจากไปเจ้าค่ะ"
ราวกับมีคมมีดเฉือดเข้าไปในใจ
หมอหญิงฮวาพูดอย่างนิ่งสงบไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตาย? ทำไมถึงพูดออกมาเช่นนั้นที่มาที่ไปของปัญหามันใหญ่โตไปถึงความเป็นความตายเลยหรือ
ไม่สิ
คิดดีๆแล้วถ้าท่านหมอตายแล้วใครจะคอยเลี้ยงดูบุตร
พ่อค้าฮงก็คงต้องออกไปทำงานไม่มีเวลามาดูแลอย่าบอกว่านะข้าต้องเลี้ยงดูลูกของหมอหญิงคนนี้ไปจนกว่าพวกเขาจะโต
ท่านเอาอะไรมาประกันว่าข้าจะเลี้ยงเด็กให้เป็นผู้เป็นคนได้!!
ตัวข้ายังนั่งกินนอนกินอยู่ที่เรือนมายาเลย!!
“......รู้หรือไม่ว่าข้าเองก็พึ่งรู้จักกับท่านได้ไม่ถึงวันเลยนะ”
“เจ้าค่ะ แต่เวลาข้ามีไม่มากแล้ว
ในเมื่อท่านได้มาอยู่ต่อหน้าข้าแล้ว
ข้าก็อยากให้ลูกๆของข้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ไม่ต้องมาเกี่ยวข้อง”
กำลังจะสื่อว่าถ้าหากวันข้างหน้ามีคนคุ้นหน้าบุตรของท่าน
ก็สามารถเอาชื่อเสียงของข้ามากลบปิดบังที่มาสินะ
ให้ตายสิเป็นหมอที่รู้จักพูดดีจังเลย เราไม่ได้เจออะไรแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ
มีเด็กมาวิ่งเล่นในบ้านก็คงดีเหมือนกัน
“ก็ได้
เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะรับบุตรของท่านมาดูแล"
"ขอบพระคุณจริงๆท่านหลิ่งเฟย
หนี้บุญคุณนี้ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรดี"
"ท่านก็แค่เอาตำราที่ข้าต้องการมาให้ข้าก็พอ
แล้วบุตรของท่านชื่ออะไรหรือ"
"ข้ามีบุตรสองคนเป็นฝาแฝด
ชื่อถังอี๋กับไอ๋อั๋นเจ้าค่ะ"
บุตรสองคนเป็นฝาแฝด...
แปลว่าข้าต้องรับเลี้ยงเด็กสองคนมาดูแลไม่ใช่คนเดียว ทำไมท่านไม่บอกตั้งแต่แรก!
ท่านหมอ!! ข้ามิใช่เนอสเซอรี่รับเลี้ยงเด็กนะ กลับคำพูดตอนนี้ยังทันอยู่มั้ยนะ
"ถังอี๋เป็นแฝดคนพี่ส่วนไอ๋อั๋นเป็นแฝดคนน้อง
ทั้งสองคนอายุได้ 5 ปีแล้ว"
อา....กลับคำพูดไม่ออกเลยคนเป็นแม่แนะนำลูกตัวเองซะดิบดีขนาดนี้คงมีแต่ต้องเลี้ยงดูเด็กสองคนตามที่รับปากไว้
เมื่อคนไข้คนต่อไปเรียกหาท่านหมอ
ข้าขอตัวกลับก่อนและจะกลับมาหาในอีกสามวันท่านหมอหญิงฮวาเอ่ยว่าจะเตรียมตำราที่ข้าต้องการให้ก่อนถึงเวลานั้น
คนไข้ครั้งนี้เป็นผู้ชายแต่เขาไม่ค่อยได้สนใจข้าเท่าไรเพราะจดจ้องกับการมาของท่านหมอมากกว่า
เป็นโชคดีไปที่ข้าสวมหมวกก่อนออกมา
"เจ้าอาจจะเป็นผู้ชายที่ข้าไม่ได้รัก..แต่ข้าก็มีความสุขยิ่งนักที่ได้อยู่กับเจ้า"
เสียงของคนเป็นแม่เหมือนอยากจะพูดกับใครบางคน
เดาได้ไม่ยากเลยว่านางกำลังต้องการพูดกับใคร ข้าดึงปีกหมวกลงให้ต่ำลงมาอีก
เรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องของใครของมันข้าขอไม่ยุ่งด้วยแล้ว
“อ้าวคุณหนูคนสวยนี่น่า
ท่านกำลังออกเดินทางแล้วหรือขอรับ”
พ่อค้าฮงที่ดูเหมือนจะเพิ่งเสร็จธุระจากการนำสมุนไพรขายเข้ามาทักข้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เพราะเขาทำบหน้าอย่างเป็นมิตรเหมือนคุณลุงผู้ใจดีที่หาได้ยากในชีวิตชาติก่อนของข้า
พอมานึกคิดดูแล้วหากคนที่ใจดีเช่นนี้ต้องสูญเสียภรรยาไปอย่างไม่ทันตั้งตัวโดยที่ข้ารู้อยู่เต็มอก
มันคงจะรู้สึกผิดมากแน่ๆ
ปกติเมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหากไม่เกี่ยวกับข้าโดยตรงข้าก็จะปล่อยผ่านไป
ทำตัวเป็นผู้ชมที่ดีเป็นหมอที่ดีคอยปลอบใจแต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถทำได้มากกว่าการปลอบใจ
ไอร้อนของชา
ทำให้กลิ่นหอมอ่อนชวนผ่อนคลายลดความรู้สึกอึดอัดของข้าลงไปได้มากมากกว่าการปลอบใจคือการพาพ่อค้าฮงมาเลี้ยงน้ำชาเนี่ยนะหลิ่งเฟย
มันยังมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะไม่ใช่หรือไงกัน!!
"ข้าอยากรู้เรื่องของท่านเป็นท่านหมอฮวาว่าอะไรทำให้พวกท่านรักกัน"
ข้าเอี่ยงใบหน้าให้ดูไร้เดียงสาทั้งที่เมื่อวานพึ่งบอกพ่อค้าคนนี้ว่าตัวเองเลยวันปักปิ่น
คิดแล้วมันช่างตลกสิ้นดีจริงๆถ้าหากพ่อค้าคนนี้จำเรื่องเมื่อวานได้
"อ่อ
เหลียนฮวาภรรยาของข้านางมาจากแคว้นโจวข้าบังเอิญไปพบนางพอดี
ตอนนั้นนางกำลังมีปัญหาข้าเลยช่วยนางออกมาแล้วพามาอยู่ที่นี้"
พ่อค้าฮงเล่าด้วยท่าทางร่าเริงก่อนจะดื่มชาหยิบขนมกินไป
แคว้นโจวแคว้นที่มีพื้นที่อยู่ติดกับมหาสมุทรมากที่สุดไม่นึกเลยว่าท่านหมอจะเป็นคนต่างถิ่น
"แล้วข้าก็ตกหลุมรักเหลียนฮวาทันทีตั้งแต่แรกเห็น
แต่นางก็ใจแข็งนะกว่าข้าจะขอให้นางเป็นภรรยาได้ก็หลายปีทำไมท่านถึงอยากรู้เรื่องนี้เหล่า
หรือว่า....ท่านกำลังมีความรัก"
"ท่านช่างคิดเองเออเองเก่งจริงนะ
ข้าแค่สนใจว่าเรื่องชีวิตคู่ที่เรียบง่ายของพวกท่านเฉยๆต่างหาก"
พ่อค้าฮงยังไม่คงไม่หยุดพูดหยอกล้อก่อนจะขอตัวกลับไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านข้านั่งดื่มชากินขนมต่อก่อนที่ขนมผิงจะหักคาปากเมื่อตาได้เห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยหูได้ยินคำรำพึงออกมาจากปากของพ่อค้าฮงขณะกำลังเดินออกมาจากโรงน้ำชา
ไม่ว่าเจ้าจะเลือกอะไรข้าอยู่ข้างเจ้าเสมอเหลียนฮวา...
ครอบครัวนี้มีลับในคมในจริงๆด้วยแฮะ
รู้อย่างนี้ข้าไม่น่ามาเลย
ความคิดเห็น