ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่มาเป็นสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง

    ลำดับตอนที่ #16 : ปัญหาของเฟิงหู่(รีไรท์)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.75K
      249
      28 ส.ค. 64

              ผู้นำตระกูลจางได้รับเลื่อนขั้นหลังจากบุตรสาวตนเองถูกฆ่าตายในวังหลัง

              ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ดีหรือร้ายกันนะที่ได้เลื่อนตำแหน่งแต่บุตรสาวของตนเองต้องถูกฆ่าโดยเจ้าโจรชั่ว

              ฮ่องเต้ก็ทรงบัญชาให้เพิ่มความเข้มงวดการเข้าออกพระราชวัง ยิ่งวังหลังเห็นว่าใช้สัตว์อสูรสายโจมตีเฝ้ายามแล้วล่ะ

              ข่าวลือเรื่องนางสนมสกุลจางถูกฆ่าตายในวังหลังแพร่สะพัดมาถึงย่านชานเมือง เหม่ยเหมยยืนดูเครื่องประดับในร้านรอเชาเหมาชวนนายตนเองถามมากมายเพื่อไม่ให้สนใจกับข่าวลือที่เป็นความจริง

              เพราะคนในข่าวลือที่ต้องตายกำลังเดินซื้อของอย่างสบายใจ เชาเหมาผู้ยังทำใจให้ชินไม่ได้กับการตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในโลงศพโชคยังดีที่หลิ่งเฟยมาช่วยเปิดฝาโลงแล้วอธิบายว่ายาที่ให้ดื่มเมื่อตอนนั้นคือยาพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายมีสภาวะเหมือนตายชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งวัน ใครจะไปนึกว่าแผนการของหลิ่งเฟยคือการให้แกล้งตายเพื่อที่พระสนมเหม่ยเหมยจะได้ไม่มีข้อครหาหรือทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจางต้องแปดเปื้อน

              "เชาเหมา เดียวข้าไปดูร้านตำรานะ"

              "เดียวสิเจ้าคะ คุณหนู"เชาเหมารีบจ่ายเงินวิ่งตามคุณหนูที่ไม่ได้เป็นคุณหนูของตระกูลจางหรือเป็นพระสนมอีกต่อไปแล้ว เป็นครั้งแรกของเหม่ยเหมยที่ได้เห็นการจับจ่ายซื้อของในตลาดโดยปกติแล้วตนเองแทบไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมานอกจวนเลย

              หลิ่งเฟยนั่งมองภาพสองนายบ่าวซื้อของ หูฟังเรื่องเล่าลือให้เพลินหูเล่นจนเหม่ยเหมยกลับมาถึงห้องพร้อมกับข้าวของมากมายให้มือเชาเหมา เงินทองหลิ่งเฟยมอบให้จำนวนหนึ่งเพื่อให้ทั้งสองได้ซื้อเสื้อผ้าหรือของที่ต้องการจากแคว้นหานก่อนที่ไม่มีเวลากลับมายังแคว้นบ้านเกิดอีก ช่วงแรกก็หนักใจว่าทั้งสองคนนี้จะมีอาการอาลัยอาวรณ์คิดถึงบ้านหรือญาติพี่น้องรึเปล่าแต่ทั้งสองคนกลับดูมีความสุขอย่างชัดเจนราวกับว่าชีวิตที่ผ่านมามันคือชีวิตที่ไม่มีความสุข

              มันคงแปลกน่าดูที่พวกเจ้าต้องมาได้ยินว่ามีการจัดงานศพให้กับพวกเจ้าเอง

              "ข้าก็ไม่นึกว่าเจ้าจะคาดการณ์ว่ามันจะเป็นแบบนี้ นึกว่าแค่ข้าตายไปเพราะถูกฆ่าตายตระกูลข้าก็จะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียง"

              "....นั้นสินะ แล้วยาประจำตัวนั้นนะทิ้งไปแล้วใช่มั้ย"หลิ่งเฟยลุกขึ้นไปเปิดห่อผ้าว่าของที่เหม่ยเหมยกับเชาเหมาซื้อมามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ ของสวยงามทั้งสิ้นนับว่าแปลกเล็กน้อยคิดว่าบุตรสาวขุนนางจะมีกินมีใช้และมีของสวยงามพวกนี้จนไม่อยากได้อีก

              "ทิ้งไปแล้วล่ะดีเหมือนกันข้าเองก็ไม่ชอบยานั้นหรอก ขมจะตาย"

              "แต่นายท่านบอกว่าร่างกายของคุณหนูไม่ค่อยแข็งแรงนะเจ้าค่ะ ท่านหลิ่งเฟยดีแล้วหรือเจ้าคะที่ให้ทิ้งยาคุณหนูไป"

              "ตอนนี้เหม่ยเหมยแข็งแรงอยู่แล้ว ให้กินตลอดไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรหรอก คืนนี้เราจะออกเดินทางกลับไปที่แคว้นหยางนะ" หลิ่งเฟยเก็บของทุกคนใส่แหวนมิติ เหม่ยเหมยอดดีใจไม่ได้ที่จะได้ออกไปจากแคว้นหานเสียที

              เมื่อยามราตรีมาถึงหลิ่งเฟยจ่ายเงินค่าห้องพาทั้งคู่เข้าไปในป่าห่างไกลจากผู้คน สัตว์อสูรพากันวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึกเหม่ยเหมยมองภาพสัตว์อสูรหวาดกลัวบางสิ่งวิ่งเข้าไปในป่าอย่างเหนื่อยใจแต่ในใจพยายามปลอบตนเองว่าเพียงแค่ออกนอกแคว้นไปแล้วจะเป็นโลกใบใหม่สำหรับตนเอง ไม่มีการแบ่งแยกและจะไม่ผู้ใดใช้สายตาดูถูกดูแคลนเธออีก

              "ออ จริงสิลืมบอกพวกเจ้าไปเลยความจริงแล้วข้าไม่ใช่มนุษย์ละ"

              "..............."

              "...เจ้าคะ? "เชาเหมาแทบไม่อยากเชื่อหู หากไม่ใช่มนุษย์แล้วจะเป็นสิ่งอื่นใดอีกนอกจากสัตว์อสูรเช่นนั้นก็แปลว่าบ้างที บ้านที่อยู่แคว้นหยางอาจเป็นกลางป่าก็เป็นได้ จะให้คุณหนูไปอยู่ในที่เช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!

              ร่างจิ้งจอกขนาดใหญ่แต่ถูกควบคุมให้พลังและหางแปดหางไม่โผล่ออกมาจากป่าเชาเหมาที่กำลังพูดโน้มน้าวใจเหม่ยเหมยอ้าปากค้าง หันไปหาเหม่ยเหมยดูว่าเหม่ยเหมยจะทำเช่นไร นางทำเพียงแค่ยืนมองด้วยท่าทีที่สง่างามแต่ความจริงคือตกใจจนพูดไม่ออก ลักษณะเป็นจิ้งจอกสีขาวมีหางแปดหาง มักจะชอบแปลงกายเป็นมนุษย์ในตำราบางเล่มก็กล่าวว่าจิ้งจอกเก้าหางจะแปลงกายเป็นมนุษย์ที่มีเสน่ห์เพื่อล่อลวง พลังอำนาจรัศมีอันท้วมล้นนี่คือสัตว์อสูรจิ้งจอกเก้าหาง

              หัวใจในอกเต้นจนกลัวว่าตนเองจะหัวใจวายตายเสียก่อน เหม่ยเหมยไม่ได้เพียงแค่จะออกไปนอกแคว้นกับจอมยุทธ์หญิงแต่จะได้ไปกับสัตว์อสูรจิ้งจอกเช่นนั้นต่อให้ตนเองต้องถูกล่อลวงให้ไปตายก็ยอมจะไปสัตว์อสูรตนนี้ ในใจบอกว่าไปกับสัตว์เทพอสูรแล้วเจ้าจะเจอสิ่งที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย

              "เชาเหมา ไปกันได้แล้ว"หลิ่งเฟยรอดูว่าทั้งสองจะทำเช่นไรต่อ เมื่อเหม่ยเหมยตั้งสติแล้วยืนยันว่าไปกับหลิ่งเฟยต่อหางสีขาวล้อมตัวอุ้มเหม่ยเหมยขึ้นมาไว้บนหลัง เชาเหมาผู้ที่ไม่เคยเห็นสิ่งที่ทรงพลังอำนาจขนาดนี้ได้แต่เข่าอ่อน ร้องขอเหม่ยเหมยว่าอย่าทิ้งตัวเองไป หลิ่งเฟยอุ้มพาเชาเหมาขึ้นมาด้วยสาวใช้กลั้นหายใจกลัวทำให้เส้นขนสีเงินอันงดงามจะแปดเปื้อนเอา

              สัตว์เทพอสูรจิ้งจอกทะยานตัวบินขึ้นท้องฟ้า เชาเหมาเลือกจะกอดเหม่ยเหมยแทนที่จะจับขนเอาไว้เหม่ยเหมยไม่สนใจการกระทำของสาวใช้คนสนิท ตามองท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย ยามอยู่ในจวนตอนวัยเด็กเคยมีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้ใช้ลมปราณจนสามารถบินขึ้นท้องฟ้าและสัมผัสกับดวงดาวที่ส่องสว่าง พูดคุยกับพระอาทิตย์อันร้อนแรงแต่ตอนนี้เหม่ยเหมยรู้แล้วยิ่งขึ้นมาสูงเท่าไรก็ยิ่งหนาวและไม่ได้ใกล้กับดวงดาวบนท้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย

              "คุณหนูนั้นสัตว์อสูรม้านภานี่เจ้าค่ะ"เชาเหมาชี้นิ้วไปที่ม้านภาเป็นม้ามีปีก ในแคว้นหานถือว่าหาได้ไม่ยากนักแต่การจะเห็นม้านภาบินอยู่บนฟ้าโดยไม่ได้ถูกควบคุมหรือจับมาไม่เคยที่ไหนมาก่อน พวกมันดูมีความสุขและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

              "พวกเขาดูมีความสุขมากเลยนะเชาเหมา"

              "นั้นสิเจ้าคะ คุณหนูดูนั้นสิเจ้าคะบ่าวไม่เคยเห็นสัตว์อสูรตัวนั้นเลยมาก่อนเลย"เชาเหมาชี้นิ้วให้เห็นสัตว์อสูรมากมายที่กำลังบินกันเป็นฝูงบนท้องฟ้า บางตัวก็รักความสันโดษหากแต่สัตว์อสูรทุกตัวเป็นมิตรไม่มีตัวใดเข้ามาทำร้าย จวบจนวันที่สองก็มาถึงเรือนมายาโดยไม่มีการหยุดพักระหว่างทางเหม่ยเหมยพักไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงจนได้กลิ่นของป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ เชาเหมาล้มไปนอนที่พื้นเพราะเหน็บกินจนขยับขาไม่ไหว

              "นั่งพักก่อนก็แล้วกันนะเดียวข้าขอเข้าไปคุยกับคนข้างในก่อน" เหม่ยเหมยดูอาการของเชาเหมาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรเพราะไม่เคยเป็น ได้แต่นั่งเป็นเพื่อนคนใช้ตัวเองมองบ้านหลังใหญ่เป็นตึกสามชั้น มีสวนพืชยืนต้นมากมายรอบตัวจนเหมือนตึกแพทย์หรือตึกทางการยังไงอย่างนั้น

              กรร

              เสียงของสัตว์ร้ายเรียกความสนใจของเหม่ยเหมยให้หันไปมองเป็นเสือสีขาวลายดำยืนส่งเสียงอยู่ข้างหลังเชาเหมาเร่งมือบีบนวดขาตัวเองจนหายเป็นเหน็บไปกอดเหม่ยเหมยนึกภาวนาขอให้เจ้าเสือตัวนี้รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นของสัตว์เทพอสูรรู้ว่าที่แห่งนี้มีอาณาเขตของมันเหมือนที่สัตว์อสูรในป่ามีการแบ่งอาณาเขตด้วยกลิ่นไม่ก็ร่องรอยตามต้นไม้

              "ไม่ต้องกลัวนะเชาเหมา ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนไม่กลัวข้าหรอกนะ"เหม่ยเหมยที่ถูกสัตว์อสูรแสดงท่าทีหวาดกลัวมาตั้งแต่เด็กและนั้นจึงกลายเป็นปมด้อยสำหรับตนเองกอดปลอบใจเชาเหมา เจ้าเสือขาวร้องขู่กระโจนเข้าใส่เหม่ยเหมยหลับตาแน่นหวังว่าสิ่งที่สัตว์อสูรพวกนั้นกลัวตนเองจะช่วยให้เจ้าเสือขาวตัวนี้ไม่ทำร้ายทั้งตัวเองและเชาเหมา

              "หยุดแกล้งทำเป็นเสือแล้วมาช่วยขนของซะท่านเฟิงหู่"หลิ่งเฟยสั่งสัตว์เทพอสูรพยัคฆ์ขาวเฟิงหู่ซึ่งทันทีที่เชาเหมาได้ยินชื่อนี้ก็สลบไปในทันที เฟิงหู่กลับมาใช้ร่างมนุษย์ให้สะดวกต่อการสนทนากับมนุษย์หน้าใหม่ที่เหมือนว่าจะเข้ามาอยู่ในเรือนมายาใต้หลังคาเดียว เฟิงหู่ปรายตามองสตรีกำลังปกป้องคนรับใช้สายตาทิ่มแทงจนเหม่ยเหมยยังรู้สึกขนลุก

              ท่านเฟิงหู่เจ้าคะหลิ่งเฟยดัดเสียงเรียกชื่ออีกรอบ

              "เออ เออ ไหนล่ะของที่ว่าเจ้าก็ใช้ข้าตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเลยนะ"

              "ท่านเองก็แกล้งคนตั้งแต่เห็นหน้าเลยนะ ท่านเฟิงหู่"หลิ่งเฟยเอาของเหม่ยเหมยที่เก็บเอาไว้ในแหวนมิติออกมา เหม่ยเหมยมองสิ่งที่น่าเหลือเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงสองสัตว์เทพอสูรกำลังคุยกันตรงหน้าตนเอง เฟิงหู่จับสาวใช้พาดขึ้นบ่าส่วนของเหม่ยเหมยเอาใส่ในแหวนมิติตัวเองไปแล้ว

              "หลิ่งเฟยบอกว่าพาให้เจ้าไปเลือกห้อง ตามข้ามาซะ"

              คำพูดเหมือนจะออกเชิงสั่งมากกว่าเหม่ยเหมยยอมตามไปแต่โดยดีประตูห้องหลายห้องเรียงตรงเข้าไปข้างในกลิ่นของไม้ชวนให้ผ่อนคลายจนเกือบลืมไปเลยว่าผู้ชายที่เดินนำทางตนเองอยู่คือสัตว์เทพอสูรพยัคฆ์ขาว

              สองห้องนี้มีคนอยู่แล้วเจ้าก็เลือกกันเองละกันข้าจะวางของไว้ที่นี่

              ข้าเลือกห้องนี้

              ยังไม่ทันที่เฟิงหู่จะวางของลงกับพื้น เหม่ยเหมยก็ชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ข้างกับห้องของถังอี๋ เฟิงหู่มองคนสั่งด้วยสายตาที่เรียบเฉยต่างกับตอนที่คุยกับหลิ่งเฟยโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยอมนำของไปวางให้ในห้องพร้อมกับวางเชาเหมาที่ยังคงสลบไว้ที่พื้นปล่อยให้เหม่ยเหมยจัดการเอง

              "ข้าเหม่ยเหมยมาจากแคว้นหาน ต้องขออภัยแทนคนของข้าที่ทำให้ท่านมาลำบากแบกนางจนมาถึงที่ห้องด้วยนะ...เจ้าค่ะ"คำสุดท้ายพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง นัยน์ตาสัตว์ร้ายจ้องมองสตรีที่กำลังยืนก้มหน้าไม่กล้ามองตนเอง บรรยากาศในห้องเย็นลงเหม่ยเหมยเริ่มหายไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นระส่ำหาที่มาของมันไม่ได้

              "น่าเบื่อ"ราวกับมีกรงเล็บมาลูบใบหน้าเหม่ยเหมยกุมมือตัวเองแน่นขึ้นไปอีก เฟิงหหู่เดินเมินผ่านตัวเหม่ยเหมยก่อนจะหยุดเดินอยู่ข้างหลัง

              ข้าคือพยัคฆ์ขาวเท่านี่เจ้าคงพอใจแล้ว แต่หากเจ้ายังพูดมากไปกว่านี่ละก็ข้าจะกระชากลิ้นของเจ้าออกมาซะ

              เหม่ยเหมยรู้ได้ทันทีว่าที่นี่ก็มีคนหนึ่งที่ไม่ชอบเธอแล้ว เธอรู้ว่าพยัคฆ์ขาวชอบคนแข็งแกร่งและการต่อสู้ คงจะเกลียดเธอมากน่าดูที่เป็นทั้งสตรีที่อ่อนแอมาก้มหน้าอย่างขี้ขลาด

              ขออภัยที่ข้าสร้างความน่ารำคาญให้แก่ท่าน

              ตอนนี่ฐานะของเหม่ยเหมยเป็นเพียงแค่ผู้อาศัยจะมาทำตัวเหมือนกับตอนที่อยู่กับหลิ่งเฟยก็คงไม่ได้ จึงคำนับขออภัย สายตาเหลือบมองซีกหน้าหล่อคมชวนดึงดูดให้ใจละลาย หากแต่มันไม่ใช่กับเหม่ยเหมยที่กำลังรู้สึกผิดจนต้องเอ่ยขอโทษมาถึงสองครั้ง จนเหม่ยเหมยแน่ใจแล้วว่าเฟิงหู่เดินออกไปจากห้องและจะไม่กลับมาอีกรอบ เหม่ยเหมยทิ้งความรู้สึกเมื่อกี้ เดินสำรวจห้องใหม่ที่เธอต้องมาอยู่อาศัยพาเชาเหมาสาวรับใช้ที่ตอนนี้เป็นทั้งเพื่อนสนิทเป็นเหมือนน้องสาวไปพักที่เตียงนอนอันหนานุ่ม

              ก๊อก ก๊อก

              เสียงเคาะประตูทำให้เหม่ยเหมยที่กำลังเดินสำรวจห้องไปเปิดประตูในใจขอให้หวังว่าเป็นหลิ่งเฟยเพราะเป็นคนเดียวที่ตนเองรู้จัก

              ข้านำชากับขนมมาให้ พวกท่านคงจะเหนื่อยจากการเดินทางหากต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถบอกข้าได้นะขอรับ

              ชายหนุ่มรูปงามและดูใจดีถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เหม่ยเหมยรู้ได้ทันทีว่าคนๆ นี่คือสัตว์อสูรนกกระเรียนสีทอง ชุน ที่หลิ่งเฟยเคยเล่าให้ฟังว่าชุนเป็นเหมือนพ่อบ้านคนหนึ่งที่ใจดีและใส่ใจในทุกเรื่องมีความละเอียดอ่อนมากกว่าหลิ่งเฟยที่เป็นสตรีเสียอีก

              ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะ ข้าคงต้องขอเวลาในปรับตัวที่จะอยู่ที่นี่เล็กน้อยเหม่ยเหมยรับถาดน้ำชา ของว่างมาชุนมองไปที่เชาเหมาที่กำลังหลับสบายบนเตียง

              ถ้าเช่นนั้นหากมีเรื่องที่ไม่เข้าใจตรงไหนสามารถบอกข้าไปนะขอรับ แล้วก็ชั้นสามมีเขตอาคมอยู่หากท่านไม่ได้อยู่ระดับลมจุติสวรรค์ก็ไม่ควรขึ้นไปนะ เคยเกิดกรณีมีคนขึ้นไปแล้วนอนสลบทันทีที่ขึ้นไป หวังว่าท่านจะบอกเรื่องนี้ให้สาวน้อยตรงนั้นด้วยนะขอรับ"

              ชุนส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เหม่ยเหมยขอบคุณในความหวังดีที่ได้รับมา ชุนอธิบายอีกหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องของเรือนมายาและความสัมพันธ์ของแต่ละคนทำให้เหม่ยเหมยได้รู้จักสองฝาแฝดที่ชื่อว่าถังอี๋และไอ๋อั๋นมากขึ้นไปอีกและหวังว่าจะได้พบกับสองพี่น้องฝาแฝดในเร็วๆ นี้

              ท่านดูไม่ชอบเหม่ยเหมยมากเลยนะ ตอบข้าได้มั้ยว่าเป็นเพราะอะไรหลิ่งเฟยที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบมื้อเย็นต้อนรับสมาชิกใหม่ถามเฟิงหู่ที่เพิ่งเดินลงมา เฟิงหู่มองท่าทางของหลิ่งเฟยด้วยสายตาที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยการค้นหาอะไรบางอย่าง

              เพราะพวกนางอ่อนแองั้นหรือ

              ใช่

              งั้นก็ทำให้นางแข็งแกร่งสิมือลงมีดหันเนื้อหนักมือขึ้นเรื่อยๆ

              ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย

              ปัง!

              เขียงไม้ขนาดใหญ่ถูกออกมาสองซีกหลิ่งเฟยยั่งมือตัวเองไม่ให้ลงแรงไปผ่าโต๊ะ ชุนที่พึ่งเดินลงมาสะดุ้งตัวจนไม่กล้าเดินออกไปเมื่อเห็นว่าบรรยากาศระหว่างสองสัตว์เทพอสูรกำลังเต็มไปด้วยความกดดัน ชุนผู้ที่รู้ว่าหลิ่งเฟยต้องสามารถควบคุมอารมณ์ได้เดินกลับขึ้นห้องตัวเองรอให้ทั้งสองคุยกันจนดีขึ้นแล้วค่อยลงมาทีหลัง

              เมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วหลิ่งเฟยไปหยิบเขียงไม้อันใหม่มาลงสับเนื้อต่อ

              ถ้าท่านไม่ชอบเพราะนางอ่อนแอ งั้นท่านก็สอนสิ่งที่จะทำให้นางแข็งแกร่งสิสาเหตุที่เหล่าสัตว์อสูรหวาดกลัวนางก็เพราะว่าท่านเป็นต้นเหตุไม่ใช่หรือไง ท่านเฟิงหู่


                  




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×